มีทฤษฎีหนึ่งกล่าวว่าพลังของเด็กวัยสี่ขวบนั้นไม่มีที่สิ้นสุด
แม้ความจริงของทฤษฎีนั้นจะยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ…พวกเขามีสวิตช์
เมื่อสวิตช์นั้นปิดลง เด็กสี่ขวบก็จะเข้าสู่ห้วงนิทราในทันที──
รถบัสสายที่มุ่งหน้าไปยังย่านโอโรชิดันจิ
บนเบาะยาวด้านหลังสุด มีพวกเราสี่คนนั่งอยู่
ฮินะจังหลับสนิทอยู่บนตักของผม ส่วนซูซุมุคุงที่นั่งอยู่อีกฝั่ง โดยมีโคมาริคั่นกลาง ก็หลับตา ปล่อยตัวตามแรงสั่นของรถบัส
[ หนะ หนักมั้ย? ]
[ ไม่หรอก ปกติก็ให้คาจูนั่งบนตักตลอด ฮินะจังเบากว่าเยอะ เหมือนขนนกเลย ]
[ คะ คืนฮินะให้ฉันเลย ]
ทำไมล่ะนั่น…
ขณะที่กำลังลูบหลังของฮินะจังอย่างเบามือ โคมาริก็พูดพึมพำขึ้นมา
[ วะ วันนี้…..ขอบคุณนะ ]
[ ไม่หรอก อยากเล่นแอร์ฮอกกี้อยู่แล้วด้วย ]
[ กะ ก็อยู่ด้วยกันทั้งวันเลย… ]
อา หมายถึงเรื่องนั้นสินะ ถึงจะคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ต้องขอบคุณก็ได้ แต่ก็ยินดีรับไว้แล้วกัน
ในรถบัสมีความเงียบแปลกๆ บรรยากาศสั่นไหวเบาๆ จนทำให้รู้สึกง่วงอย่างน่าประหลาด
โคมาริยื่นนิ้วไปจัดหน้าม้าของซูซุมุคุงที่หลับอยู่
[ ซะ ซูซุมุตามใจฮินะเกินไปแล้ว…ลำบากจริงๆ ]
ถึงจะพูดแบบนั้น แต่รอยยิ้มกลับอ่อนโยนเหลือเกิน
ผมเอ่ยปากพูดขึ้น ขณะรู้สึกถึงน้ำหนักของฮินะจังบนตัก
[ ซูซุมุคุงไม่เป็นไรแน่เหรอ? เมื่อกี้ยังบอกว่าจะเก็บเงินซื้อเกมอยู่เลย ของเล่นที่ซื้อให้ฮินะจังวันนี้ก็น่าจะแพงอยู่นะ ]
[ กะ ก็ทุกคนเอาแต่ตามใจฮินะนี่นา── ]
โคมาริหันมายิ้ม เหมือนจะบอกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก
[ ยะ อย่างน้อยก็อยากเป็นฝ่ายที่ตามใจซูซุมุบ้าง ]
แม้ในโรงเรียนโคมาริจะเป็นเหมือนมาสคอต แต่ที่นี่เธอคือพี่สาวคนโต
ขณะที่มองป้ายร้านขายปูผ่านกระจกหน้าต่าง ผมก็เอ่ยขึ้นอย่างเงียบๆ
[ …ว่าแต่ วันนี้บอกว่ามีอะไรจะคุยกับผมไม่ใช่เหรอ? ]
เมื่อวานช่วงเย็นโคมาริพูดแบบนั้นจริงๆ…ด้วยแววตาจริงจังเล็กน้อย
ตอนแรกก็มัวแต่กลัวว่าจะโดนว่า แต่สุดท้ายก็ต้องฟังเธอพูดให้ได้
โคมาริเหลือบมองใบหน้าของซูซุมุคุงที่หลับอยู่ ก่อนจะค่อยๆ เอ่ย
[ กะ ก็คิดจะเล่าอยู่แหละ…แต่ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ]
[ เรื่องเลือกตั้งสภานักเรียนสินะ ]
ผมเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นแทน เธอส่ายหัวเล็กน้อย
[ ถะ ถึงจะไม่ไว้ใจก็เถอะ…แต่ฉันก็เชื่ออยู่นะ ]
โคมาริยิ้มบางๆ ขณะลูบศีรษะของซูซุมุคุง พลางพึมพำว่า
[ พะ-เพราะนายบอกว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไง… ]
── ตึก
รถบัสสั่นเล็กน้อย ความเงียบปกคลุมเราอีกครั้ง
มีเสียงประกาศจากลำโพงในรถบัส แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครลง ป้ายจึงถูกผ่านเลยไป
[ นี่ผมไว้ใจไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ]
ผมพูดติดตลก โคมาริหันมาทำหน้ากวนประสาทตามสไตล์เดิม
[ กะ ก็…นายน่ะ เป็นพวกไหลตามง่ายๆด้วยนี่ ]
ที่ป้ายต่อไป มีผู้โดยสารลงไปหนึ่งคน เหลือแค่พวกเรากับคนขับในรถบัส
เมื่อรถเริ่มเคลื่อนอีกครั้ง ป้ายหน้าคือจุดที่เราจะลง
ทันใดนั้น โคมาริก็พูดขึ้น
[ นะ นาย…ไปบ้านบาโซริด้วยเหรอ? ]
หา? ทำไมถึง──อ๋อ วันก่อนบาโซริซังพูดออกมาในห้องเรียนสินะ
[ ก็แค่ไปรับของจิกะเปียวแค่นั้นแหละ…น้องชายเขาก็อยู่ด้วยนะ ]
ไม่ได้โกหกนะ…ถึงจะยังไม่ได้ของก็เถอะ
[ เธอไปบ้าน นะ-นุคุมิซึด้วยเหรอ ? ]
[ เอ๊ะ ? บาโซริซังไม่เคยมาบ้านผมเลยนะ ]
…อา มีจริงๆ ด้วยสิ แต่เป็นแขกของคาจูมากกว่า
ผมเบือนสายตาหนีจากดวงตากัดจิกของโคมาริ พลางพยายามหาคำอธิบาย
[ แต่ว่า คนที่ลงอ่างอาบน้ำก็มีแค่เธอเท่านั้นนะ ? ยากิชิโอะใช้แค่ฝักบัวเท่านั้นแหละ ]
[ ปะ-ไปตาซะ ]
เธอนี่นะ เจ้าตัวเล็กหลับอยู่แท้ๆ ก็ยังจะพูดอะไรไม่เกรงใจเลย
ทันใดนั้น ฮินะจังก็ขยับตัวลืมตาขึ้น
[ …นุคุมิซึ? พี่สาวล่ะ… ]
[ อยู่นี่ไง ]
[ อยากอยู่กับพี่สาว…]
ฮินะจังที่ยังงัวเงียเอื้อมมือไปหาโคมาริ
ระหว่างที่รถติดไฟแดง ผมรีบส่งฮินะจังให้โคมาริรับตัวไป เธอก็อุ้มอย่างทุลักทุเล
[ ไหวมั้ย? ]
[ มะ ไม่เป็นไร ซูซุมุ อีกเดี๋ยวก็ต้องลงแล้วนะ ตื่นได้แล้ว ]
ซูซุมุคุงขยี้ตาเบาๆ
[ …จริงๆ ก็ตื่นมากลางทางแล้วล่ะ ]
เมื่อรถจอดที่ป้าย ซูซุมุคุงก็ลุกขึ้นก่อนใคร
ถึงท่าทางจะห้วนๆ ไปบ้าง แต่ตลอดทั้งวัน ผมกับเขาก็สนิทกันขึ้นเยอะ
แม้อายุจะต่างกัน แต่ดูเหมือนว่าเราจะเข้าใจกันได้ในแบบผู้ชายเหมือนกัน
หลังลงจากรถ กำลังจะเริ่มเดิน…
เพี๊ยะ! ทันใดนั้น ซูซุมุคุงฟาดเข้าที่เอวของผม
[ ฮึ มีอะไรเหรอ ]
[ นุคุมิซึ บ้า ! ]
[ ?! ]
เขาตีผมอีกที แล้วรีบวิ่งหนีไปจากตรงนั้น
[ ฮะ เฮ้ย! ซูซุมุ! ]
โคมาริตะโกนดุไป แต่ซูซุมุคุงหันกลับมาแลบลิ้นให้ผม
[ นุคุมิซึ บ้า ! งี่เง่า ! ]
จากนั้นก็วิ่งกลับบ้านไป
เอ่อ…เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่นะ?
ขณะที่ยืนงงอยู่ โคมาริก็ทำหน้าลำบากใจ
[ ขะ ขอโทษนะ…เดี๋ยวกลับไปดุเขาให้ ]
[ ไม่ต้องดุก็ได้หรอก…แต่เมื่อกี้ซูซุมุคุงเป็นอะไรไปน่ะ? ]
ผมเอียงคอสงสัย โคมาริก็จ้องผมด้วยสายตาเจ็บแสบ
[ นะ นุคุมิซึก็ผิดเหมือนกันนะ ]
อะไรนะ…ผมผิดตรงไหน…
[ ห้ะ ? ผมทำอะไรผิดเหรอ ? ]
[ ละ ลองคิดดูเองสิ ]
พูดจบ โคมาริก็หันหลังให้ผมทันที
◇
ต้นสัปดาห์ เย็นวันจันทร์
ผมกำลังประชุมประจำกับเทียร่าซัง อยู่ที่โต๊ะหินตรงลานกลางโรงเรียน
วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ใช้เวลาครอบครัว , หมายถึงการออกไปเที่ยวกับตระกูลโคมารินั่นแหละ เป็นช่วงเวลาที่สงบสุขมากเลยล่ะ แต่ถึงอย่างนั้น ปฏิกิริยาของซูซุมุคุงตอนขากลับมันอะไรกันนะ
คำว่า”งี่เง่า”ที่ซูซุคุงพูดถึงคงหมายถึงคนไม่เอาไหน….หรือว่าในตระกูลโคมาริจะมีธรรมเนียมพูดจาหยาบคายตอนจากลากันนะ…?
ขณะที่กำลังจมอยู่กับความคิดนั้น เทียร่าซังก็กระแอมขึ้นมา
[ นุคุมิซึซัง ขอรบกวนเวลาสักครู่ค่ะ ]
[ อะ โทษที ว่าไงนะ ]
[ กำลังพูดถึงกำหนดการต่อไปค่ะ อีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าจะมีการแถลงนโยบายและติดโปสเตอร์เลือกตั้ง และสัปดาห์ถัดจากนั้น── ]
[ ก็ถึงวันเลือกตั้งสินะ ]
เทียร่าซังพยักหน้าเบา ๆ
[ ค่ะ จะมีทั้งสุนทรพจน์ของผู้สมัครและคำปราศรัยสนับสนุนจากผู้สนับสนุนแล้วก็เลือกตั้งทันทีหลังจากนั้นเลย การพูดดีหรือไม่ดีน่าจะส่งผลต่อผลโหวตโดยตรงแน่นอน ดังนั้นเราจำเป็นต้องปรับเนื้อหาสุนทรพจน์ให้สอดคล้องกันค่ะ ]
[ ผมก็แค่ช่วยเฉย ๆ ไม่ใช่ผู้สนับสนุนนะ ]
[ ทราบดีค่ะ ]
เทียร่าซังพยักหน้าอย่างจริงจัง
[ ได้ยินมาจากรุ่นพี่ชิกิยะว่า ถ้าดันนุคุมิซึซังไปเรื่อยๆก็อาจจะสำเร็จ เลยกะจะลองโน้มน้าวด้วยความรู้สึกดูค่ะ ]
…กะโน้มน้าวผมด้วยอารมณ์งั้นเหรอ…
[ ผมไม่ใช่คนที่จะยอมง่าย ๆ หรอกนะ? เอาเถอะ ก่อนอื่นเราต้องเตรียมเรื่องแถลงนโยบายก่อน ]
[ สำหรับเรื่องนั้น ฉันได้ร่างแบบร่างมาแล้วค่ะ ]
เทียร่าซังยื่นกระดาษหลายแผ่นมาให้ผม
กระดาษที่ได้รับมานั้นเต็มไปด้วยข้อเรียกร้องของนักเรียนที่ได้จากการสัมภาษณ์ พร้อมด้วยระเบียบของโรงเรียนและข้อบังคับของเมืองที่เกี่ยวข้อง… หนักใช้ได้เลยแฮะ
[ งานของสภานักเรียนมันถึงขนาดนี้เลยเหรอ ]
[ ถึงจะไม่มีอำนาจหรืองบประมาณขนาดนั้น แต่ก็สามารถยื่นข้อเสนอให้คุณครูได้ค่ะ การแบ่งปันความคิดเห็นของนักเรียนเป็นเรื่องสำคัญ ]
เทียร่าซังเปิดเอกสารในมือผมอย่างพลการ
[ ดูเหมือนว่าข้อความที่ฉันเขียนจะค่อนข้างแข็งและเข้าใจยาก ถ้ามีใครสักคนที่เก่งด้านการเขียนอยู่ใกล้ ๆ ก็คงดี แต่ฉันก็นึกไม่ออกเลยว่าจะให้ใครทำ ดี ]
เหรอ… แต่ข้าง ๆ เธอนี่คือสมาชิกชมรมวรรณกรรมเลยนะ
[ เอ่อ แล้วรุ่นพี่ในสภานักเรียนล่ะ? ]
เมื่อผมถามไปแบบพยายามตั้งหลักใหม่ สีหน้าของเทียร่าซังก็แข็งตึงขึ้น
[ ฉันไม่คิดจะขอความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ค่ะ เพราะนี่คือการต่อสู้ของฉัน ]
พอรู้สึกได้ถึงความแข็งกร้าวในน้ำเสียงของตัวเอง เทียร่าซังก็ไอเบา ๆ แล้วพูดแก้ใหม่
[ …เพราะว่าซากุไรคุงเองก็ลงสมัครเหมือนกัน ฉันไม่อยากทำให้ลำบากใจ ]
ทั้งประธานและรุ่นพี่ชิกิยะก็คงเอ็นดูเทียร่าซังกับซากุไรคุงไม่ต่างกัน
ถ้าจะต้องเลือกข้างหรือปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย คงลำบากใจน่าดู
[ เขาได้รับความไว้วางใจมากกว่าก็จริงค่ะ แต่นั่นแหละค่ะ ฉันถึงอยากตั้งคำถามกับทุกคนว่ารูปแบบของโรงเรียนหลังจากนี้ควรเป็นยังไง── ]
[ เดี๋ยวก่อนนะ ]
เมื่อผมขัดขึ้นมา เทียร่าซังก็ยืดหลังตัวตรงฉับพลัน
[ ค่ะ นุคุมิซึซัง เชิญค่ะ ]
[ คือ…ตรงนี้น่ะ มันมองเห็นได้จากห้องเรียนอื่นหรือห้องพักครูใช่มั้ย ถ้าเป็นไปได้ เราไปคุยกันในห้องดีกว่ามั้ย ]
พอได้ยินผมเสนอแบบนั้น เทียร่าซังก็กะพริบตาปริบ ๆ อย่างคาดไม่ถึง
[ ก็เคยพูดไปแล้วไงคะ ตรงนี้อยู่ห่างจากทางเดินเชื่อมกับตัวอาคารและห้องเรียน เลยไม่มีปัญหาเรื่องคนได้ยิน คิดว่ามันเหมาะที่สุดสำหรับการวางแผนเลือกตั้งแล้ว ]
พูดถึงเรื่องนั้น ตอนรับผ้าพันคอก็ถูกเรียกมาที่กลางสระนี่นะ
ถึงจะเข้าใจเหตุผลของเทียร่าซัง แต่ก็ยังรู้สึกไม่ชินกับสายตาของนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่ดี
[ งั้นขอพูดต่อนะคะ ก่อนอื่นต้องรวบรวมคนที่จะสนับสนุนผ่านการแถลงนโยบาย แล้วก็นำความคิดเห็นมาติดไว้บนบอร์ด── ]
[ เดี๋ยวแป๊บนึง เหมือนมีข้อความเข้ามาน่ะ ]
ผมรีบหยิบมือถือออกมาอย่างกับได้ฟังเสียงจากฟ้า แล้วการเคลื่อนไหวก็หยุดชะงักลงโดยไม่รู้ตัว
ข้อความที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือ ข้อความจากโคมาริ
< ── รีบมาที่ทางเดินหน้าห้องเรียนปีสองเดี๋ยวนี้ >
◇
มีฝูงคนสิบกว่าคนรวมตัวกันอยู่รอบบอร์ดหน้าทางเดิน
ปกติแล้วหลังเลิกเรียนแบบนี้รอบ ๆ ห้องเรียนแทบไม่มีคนเลย แต่นี่มันอะไรกัน
ขณะทียืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ เทียร่าซังก็ฝ่าฝูงชนเข้าไปอย่างแรงกล้า
[ ขอโทษค่ะ ขอทางหน่อยนะคะ ]
ผมชื่นชมในความดุดันของเทียร่าซัง แล้วเดินตามช่องทางที่เธอเปิดไว้ให้
เอาล่ะ บนบอร์ดมีอะไรแปะไว้นะ…
[ นุ-นุคุมิซึ! ]
[ อึ๊ก!? ]
ตุบ! มีบางอย่างพุ่งเข้าใส่ท้องผมจากมุมอับ
พอกลั้นความเจ็บแล้วก้มลงไปดูก็เห็นว่าเป็นโคมารินั่นเอง
[ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ]
[ ม-ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกล้อมไว้ อ-ออกมาไม่ได้แล้ว ]
โคมาริที่สั่นระริกคว้าเนกไทผมเอาไว้แน่น
ขณะที่ผมกำลังดึงเนกไทแข่งกับโคมาริ เทียร่าซังก็ดึงเสื้อผมแรง ๆ
[ นุคุมิซึซัง ดูนั่นสิคะ! ]
ปลายนิ้วของเทียร่าซังชี้ไปที่กระดาษขนาดเท่าหนังสือพิมพ์ที่แปะอยู่บนบอร์ด
[ หนังสือพิมพ์สึวะบุกิ ฉบับพิเศษเลือกตั้งสภานักเรียน…? ]
ถึงจะบอกให้ดู แต่ก็แค่บทความเลือกตั้งของสภานักเรียนนี่นา…
แต่พอส่งสายตาไปที่พาดหัวข่าว ก็ต้องเบิกตากว้างโดยไม่รู้ตัว
< การเลือกตั้งสภานักเรียน กลายเป็นศึกตัวแทนความรักงั้นเหรอ⁈ >
…นี่คือ ไม่สิ เอาจริงดิ นี่มันอะไรเนี่ย
เอ่อ… การเลือกตั้งครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งเรื่องชู้สาวที่เกี่ยวข้องกับสาวสวยปีสอง และหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องก็คือศัตรูของผู้หญิง ที่ปล่อยข่าวลือไปทั่วว่าเจ้าตัวมีสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน…?
อ๋อ หมายถึงซากุไรคุงสินะ หมอนั่นก็ฮ็อตดีนี่
งั้นคนที่ถูกพูดถึงว่าใช้ตำแหน่งรองประธานเป็นเหยื่อล่อผู้ชายก็คือ──
เทียร่าซังหน้าแดงก่ำถึงคอสั่นระริก
[ …ม-ไม่ใช่นะคะ! ไม่ได้เรียกนุคุซึซังมาเพราะมีเจตนาแบบนั้นเลยนะ!? ]
[ รู้สิ รู้แล้วล่ะ จริง ๆ นะ ]
[ ไม่ได้รู้อะไรเลยใช่มั้ยคะ!? ที่สำคัญ นายนั่นแหละที่ผิด! พูดอะไรทำให้นึกไปไกลตลอด แถมชอบปั่นหัวฉันอีก── ]
เอ๊ะ อยู่ดี ๆ ก็มาโจมตีผมเหรอ โคมาริก็ยังจับเนกไทผมอยู่แถมพยักหน้าแรงด้วย
[ ข-เข้าใจแล้ว! อยู่ต่อหน้าคนอื่นก็ลดเสียงลงหน่อยสิ? ]
สายตาคนรอบข้างนี่เจ็บแสบชะมัด…
ในขณะที่พยายามปลอบเทียร่าซัง ผมก็อ่านเนื้อหาหนังสือพิมพ์ต่อ
เอ่อ… และชายคนนั้น ก็แย่งนักเรียนหญิงAสาวสวยปีสองที่เป็นที่นิยมในโรงเรียน มาจากกัปตันทีมบาสเกตบอลรุ่นพี่ แล้วก็ทิ้งเธอไป
แถมยังคบซ้อนกับผู้หญิงในสภานักเรียน และในขณะเดียวกันก็พุ่งเป้าไปที่นักเรียนหญิงปีหนึ่งอีกคนด้วย
ซากุไรคุง โดนเขียนซะเสียเลยนะ…
ระหว่างที่กำลังอ่านต่อด้วยความสงสาร บทความก็ตัดจบอย่างกะทันหัน
แล้วด้านล่างก็มีตัวหนังสือสีแดงเขียนไว้ว่า──
อ่านต่อได้บนเว็บ ! สั่งซื้อได้ที่โฮมเพจของชมรมหนังสือพิมพ์ !
ผมมองตัวอักษรสีแดงแบบตัวหนา แล้วก็พูดความรู้สึกที่ซ้ำเป็นครั้งที่เท่าไรไม่รู้ในวันนี้ออกมาอีกครั้ง
[ นี่มัน…อะไรเนี่ย ]
MANGA DISCUSSION