วันอังคาร , เช้าวันถัดมาคาบแรกคือการซ้อมกีฬาสี
ในวันงานจริง จะมีการแข่งขันเชียร์ระหว่างห้อง ซึ่งการเข้าร่วมเป็นแบบสมัครใจ
แน่นอนว่า ผมไม่ได้สมัครก็เลยนั่งพิงต้นไม้อยู่ริมสนาม มองดูเพื่อนๆ ซ้อมกันไปเรื่อยเปื่อย
สมาชิกที่อาสาเข้าร่วมการเชียร์ ก็มีอย่าง ยานามิซัง กับ ฮิเมมิยะซัง ส่วนพวกผู้ชายก็มีซากุไรคุง
ในวันงานจริง ผู้ชายจะใส่ชุดกักคุรัน ส่วนผู้หญิงใส่ชุดเชียร์ลีดเดอร์ แต่จะให้ฮิเมมิยะซังใส่แบบนั้นจะดีเหรอ ? น่าจะต้องกระโดดโลดเต้นเยอะซะด้วย
ระหว่างที่กำลังคิดถึงกฎความเฉื่อยอยู่ การซ้อมก็ได้จบลงแล้ว
เสียงเพลงที่เปิดอยู่หยุดลง เหล่าสมาชิกชมรมเชียร์เริ่มแยกย้ายกันไปคนละทาง
ผมเหลือบตามองไป เห็นซากุไรคุงกำลังคุยกับพวกผู้หญิงในห้องอย่างสนุกสนาน
ยังอยู่ในคาบแท้ๆ ยังไปมีเวลาคุยกับสาวๆได้อีก สมแล้วที่เป็นพวกชอบเข้าสังคม เหมือนจะยื่นผ้าขนหนูให้ด้วยนะน่ะ
[ ซากุไรคุงนี่ฮ๊อตจริงๆด้วยแหะ ]
[ ก็ใช่นะ แต่ว่า นุคุมิซึเองก็ไม่แพ้กันนะ ]
เสียงพูดแทรกขึ้นมา พร้อมกับร่างของ อายาโนะ มิทสึกิ เดินมาหาผม
เขามองตามสายตาผมไป แล้วเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
[ มีอะไรกับซากุไรเหรอ? ตั้งแต่เมื่อวานก็ดูแปลก ๆ นะ ]
[ ก็ไม่เชิงหรอก แค่มีเรื่องที่รู้สึกติดใจนิดหน่อยน่ะ ]
[ …งั้นเหรอ เข้าใจล่ะ ]
อายาโนะดันแว่นให้แสงสะท้อนวิบวับ — ดูยังไงก็รู้ว่าเขาไม่ได้เข้าใจเลยสักนิด
[ นุคุมิซึ… นายเนี่ย สุดท้ายก็มีคนที่ชอบขึ้นมาจนได้สินะ ]
[ เปล่าสักหน่อย ]
เห็นมั้ยล่ะว่าไม่ได้เข้าใจจริง ๆ
[ ไม่ใช่เหรอ? แต่เมื่อวานก็อยู่กับบาโซริซังตลอดเลยไม่ใช่หรือไง ]
[ ที่อยู่กับบาโซริซังมันก็แค่ตามสถานการณ์…จะเรียกว่าเป็นคู่ค้าทางธุรกิจก็ได้ มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก ]
ว่าแต่ ผมยังไม่ได้ของจิกะเปียวเลยนี่นา…
แค่เห็นเทียร่าซังใส่หูแมว มันยังไม่พอหรอกนะ…
[ ถ้าไม่ใช่บาโซริซังล่ะก็── ]
แว่นของอายาโนะสะท้อนแสงอีกครั้งเป็นครั้งที่สอง
[ เอ่อ…อะไรอีกล่ะ? ]
[ …นุคุมิซึ สู้เขานะ! ]
อายาโนะชูนิ้วโป้งขึ้นแบบจริงจัง ก่อนจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ
หมอนี่…อะไรกันเนี่ย ผมพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
…แต่ก็นะ อายาโนะเองก็มีมุมเพี้ยน ๆ อยู่เหมือนกัน
ขณะที่ผมกำลังพยักหน้าให้กับความคิดของตัวเองอย่างเงียบ ๆ
[ แอบอู้ไม่ได้นะ นุคุมิซึคุง ]
คราวนี้เป็นยานามิที่เดินเข้ามาหาผม ทำท่าทางยกมือทั้งสองข้างพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์
[ ว่าไง ? ชุดของฉันดูดีมั้ย? ]
[ เอ่อ…ตัวกินมดขู่ศัตรูเหรอ ?…]
[ ผิดจ้ะ! ฉันหมายถึงชุดเชียร์ลีดเดอร์ของฉันต่างหากล่ะ คิดว่าไงบ้าง? ]
[ แต่ยานามิซังใส่แค่ชุดพละนะ ]
เมื่อผมตอบอย่างตรงไปตรงมา ยานามิก็ถอนหายใจเบา ๆ แล้วไหวไหล่
[ ก็เป็นซะแบบนี้ไง นุคุมิซึคุง…พอได้ยินว่าฉันจะร่วมเชียร์กีฬาสี นายก็คงนึกภาพฉันในชุดเชียร์ลีดเดอร์แล้วล่ะสิ ? ]
[ ไม่หรอก ]
[ จะนึกก็ได้นะ? ]
…อ่า เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังต้องใช้สมองกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก
ว่าแต่…ภาพยานามิในชุดเชียร์ลีดเดอร์งั้นเหรอ ถือพู่สองมือ มัดผมหางม้าอยู่ด้านหลัง
กระโปรงคงจะสั้น แถมช่วงหน้าอกก็คับ ๆ หน่อย──
[ อ๊ะ…เธอพุงยื่นนิดหน่อยนะ ระวังหน่อยก็ดี ]
[ นี่นายจินตนาการอะไรอยู่เนี่ย?! ]
[ เอ่อ..เรื่องยานามิซัง…เปล่า ไม่มีอะไรครับ ]
ยานามิโบกมืออย่างเหนื่อยใจ
[ คือว่า นุคุมิซึคุงเอาแต่หงอยตั้งแต่เช้า ฉันก็เลยพยายามเอาใจอยู่นะ? ]
นั่นคือการเอาใจแล้วเหรอ…ใส่ใจให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ
[ เอ่อ… ยานามิซัง จะเป็นผู้สนับสนุนของซากุไรคุงใช่มั้ย? ]
[ หืม สนใจเรื่องนั้นด้วยเหรอ? ]
ยานามิซังตอบสวนมาทันที จนรู้สึกเหมือนเธออ่านทะลุทุกอย่าง เลยเบือนสายตาหนี
[ ก็ยานามิซังดูจะประหม่าเวลาขึ้นเวทีน่ะ เลยคิดว่าเวลาพูดปราศรัยจะโอเคมั้ย ]
[ ตอนนี้ฉันไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ แล้วอีกอย่าง ไม่ว่าจะฉันหรือนุคุมิซึคุงชนะ สุดท้ายชมรมวรรณกรรมก็จะมีรองประธานสภาเลยนะ คิดดูสิว่ามันจะเจ๋งแค่ไหน? ]
[ ยานามิซังตั้งใจจะเป็นรองประธานเหรอ? ]
ผมถามอย่างตกใจ แล้วยานามิก็พยักหน้าเหมือนเป็นเรื่องแน่นอน
[ ก็นะ รุ่นพี่สึคิโนะกิเคยอยู่ทั้งสภานักเรียนกับชมรมวรรณกรรมพร้อมกันเลยไม่ใช่เหรอ แบบนี้ฉันก็น่าจะไหวเหมือนกัน ]
[ ก็อาจจะไหวก็ได้นะ… ]
ยานามิมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง ก่อนจะกระซิบเสียงเบา
[ ──พูดง่ายๆ ก็คือ ฉันเล็งอำนาจนั่นแหละ ]
อำนาจ? ผมยืนงง ยานามิก็ทำหน้าภูมิใจแล้วอธิบายต่อ
[ อย่ามัวพูดถึงแค่ตู้เย็นเลย เอาครัวแบบบิวท์อินเข้าชมรมวรรณกรรมดีกว่า แบบที่มีเคาน์เตอร์ข้างหน้าด้วยนะ ]
[ เดี๋ยว… สภานักเรียนไม่มีอำนาจขนาดนั้นหรอกนะ? ]
ดูท่าทาง… ยานามิมีใจอยากเข้าสภานักเรียนจริงๆ แฮะ
พอผมยังเงียบอยู่ ยานามิก็สะกิดไหล่ผมเบาๆ
[ นี่ นายกับบาโซริซังมีอะไรกันเหรอ? ]
[ ไม่มีอะไรซักหน่อย ]
[ ก่อนหน้านี้ยังทำเหมือนไม่ค่อยสนใจอยู่เลย แต่เมื่อวานกลับดูสนิทกันจัง ]
[ ไม่ได้สนิทอะไรทั้งนั้น ]
ผมยืนยันเสียงแข็ง ยานามิก็มองขึ้นมาด้วยสายตาเย็นชาครึ่งหนึ่ง
[ ไปบ้านบาโซริซังมานี่? ]
[ ไม่ได้…ไป── ]
เดี๋ยวนะ ไปจริงนี่นา… แถมเทียร่าซังใส่ยังหูแมวด้วย ตอนที่ผมพูดติดขัด ยานามิก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
[ อะไรเนี่ย? จริงเหรอ? โดนกับดักอะไรเข้าแล้วล่ะสิ? ]
[ ไม่ใช่นะ แค่เป็นการแลกเปลี่ยนของสะสมอนิเมะเฉยๆ ]
[ ของสะสม…? ]
ตอนที่ยานามิกำลังประมวลผลในหัว ก็มีเงาเล็กๆ เดินเข้ามาใกล้
[ ยะ ยานามิ ได้เวลาซ้อมต่อแล้ว ]
เสียงที่ดังขึ้นคือของโคมาริ เธอแบกเครื่องเล่นซีดีเก่าๆ หนักๆมาด้วยท่าทางลำบาก
[ อ๊ะ โคมาริจัง ได้ถ่านมาแล้วสินะ ]
[ ห ห้องพละ…น่ากลัวมาก… ]
โคมาริพยักหน้าแรงๆ น้ำตาคลอเบ้า ว่าแต่… ถ้าโคมาริเป็นคนถือเครื่องเล่นนั่นละก็…
[ อย่าบอกนะว่า โคมาริก็ลงชื่อเข้าร่วมทีมเชียร์แล้ว? ]
[ ฉะ ฉันเป็นฝ่ายดูแลเรื่องดนตรีกับการถ่ายทำน่ะ ]
โคมาริตอบพร้อมทำหน้าภูมิใจอย่างกับชนะอะไรสักอย่าง
[ ถะ ถ้าเข้าร่วมทีมเชียร์ จะไม่ต้องลงแข่งในพวกการแข่งขันเดี่ยวอื่นๆ ด้วยล่ะ ]
งั้นเหรอ… อิจฉาแฮะ ผมเองยังต้องไปลงแข่งวิ่งวิบากทั้งที่ไม่อยากเลยแท้ๆ
[ งั้น ไปกันเถอะ โคมาริจัง ว่าแต่สนใจเป็นเชียร์ลีดเดอร์หน่อยมั้ย? ]
[ มะ ไม่อยากเป็น ]
ยานามิเอื้อมไปจับหูหิ้ววิทยุ แล้วช่วยกันถือกับโคมาริมุ่งหน้าไปที่สนาม
…น่าจะรอดแล้วมั้ง
แน่นอน ไม่ใช่ว่าผมมีเรื่องที่ต้องปิดบังอะไรหรอก
ไม่มีหรอก… แต่ถ้าบอกไปว่าผมไปดูทียร่าซังใส่หูแมวในห้องของเธอหรือบอกว่าผมยอมช่วยเพราะใจอ่อน มันก็มีแต่จะถูกเข้าใจผิดเปล่าๆ
ขณะที่กำลังเถียงกับตัวเองในหัว อยู่ๆ ยานามิกับโคมาริก็หยุดเดิน แล้วหันมามองผมผ่านไหล่
[ …มีอะไรเหรอ? ]
ผมถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทั้งสองคนก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงท้าทาย
[ มาแข่งกันอย่างยุติธรรมเถอะนะ นุคุมิซึคุง ]
[ อะ…ไอ้คนหลายใจ ]
…พูดซะเสียหายหมด
ผมแหงนมองท้องฟ้า เพื่อหลบสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนร่วมชั้นที่เดินผ่านไปมา
MANGA DISCUSSION