ช่วงพลบค่ำที่สนามหญ้าในโรงเรียน หลังจากหลุดพ้นจากการไปเจอกับโคนุกิเซ็นเซ ผมถอนหายใจลึกๆ …ผมเหนื่อยมาก อย่าถามรายละเอียดเลย ผมเหนื่อยสุดๆผมประทับใจในความอดทนของอามานัตสึเซ็นเซและพี่สาวของชิราทามะซังที่ยังเป็นเพื่อนกับเธอได้ขณะที่ผมยืนอยู่ที่นั่นและรับลม-จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ…ผมได้ยินเสียงนกจากที่ไหนสักแห่งมันไม่ใช่เสียงที่ไพเราะอะไรนัก แต่กลับมีความสงบในตัว ถึงจะมองไม่เห็น แต่นกน่าจะมาจากพุ่มไม้ในสนามหญ้าสักพักหนึ่ง ผมคิดจะไปตามหานก แต่ก็เลือกที่จะไม่ไปแค่ได้ยินเสียงมันก็ทำให้รู้สึกสงบดีแล้ว ระยะห่างก็พอดีสนามหญ้าเงียบๆ หลังเลิกเรียน ผมปิดตาลง ท่ามกลางเสียงนกและเสียงใบไม้พลิ้วไหว รู้สึกเหมือนหัวใจที่สกปรกจากเหตุการณ์ในห้องพยาบาลกำลังได้รับการชำระล้าง โอ๊ะ นั่นนกหัวขวานหรือเปล่า…?ขณะที่ผมฟังเสียงอย่างตั้งใจ รู้สึกเหมือนยืนอยู่ในทุ่งหญ้าฤดูใบไม้ร่วงผมเหมือนจะได้กลิ่นหญ้าคลุ้งไปกับลม และค่อยๆ เปิดตาขึ้นพอมองไปรอบๆ ก็เห็นชายในชุดสูทยืนเงียบๆ ประมาณสองเมตรจากผมเขาคือทานากะเซ็นเซ คู่หมั้นของพี่สาวชิราทามะซัง…เขากำลังมองผมอยู่เหรอ? ไม่ เขายืนอยู่ที่นั่น เหมือนคิดอะไรอยู่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเขานอกเวลาเรียนนับตั้งแต่ที่ห้างสรรพสินค้าวันสุดสัปดาห์ขณะที่ผมลังเลว่าจะเดินไปดีหรือไม่ ทานากะเซ็นเซก็ดูเหมือนจะสังเกตเห็นผม เขาดูตกใจเล็กน้อย[ โอ๊ะ นุคุมิซึคุง มาทำอะไรที่นี่เหรอ ? ][ แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยครับ แล้วเซ็นเซล่ะ? ][ พอดีได้ยินเสียงนกร้องเลยหยุดดู อาจจะเป็นนกไนติงเกลกลางพุ่มไม้ก็ได้ ]เดี๋ยวนะ นั่นคือนกไนติงเกลเหรอ?เมื่อเห็นผมสนใจ ทานากะเซ็นเซก็พูดเพิ่มขึ้นอีก[ ปกติแล้วช่วงนี้ของปี พวกมันจะอยู่ในภูเขานี่คงจะเป็นตัวที่ค่อนข้างจะขี้เกียจหน่อย ][ รู้สึกคุ้นดีนะครับ ][ การไม่แสดงตัวออกมาเลยก็ดูสง่างามดีใช่มั้ยล่ะ ? ] [ อ่า ครับ เข้าใจเลย ]เรายืนอยู่ตรงนั้น ฟังเสียงนกไปสักพัก ก่อนที่ทานากะเซ็นเซจะพูดขึ้น[ เกี่ยวกับวันนั้น… ][ อ๋อ ครับ ]ผมรู้สึกตึงเครียดและรอฟัง และทานากะเซ็นเซก็ดูเหมือนจะลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา[ .…..ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ ]มันเป็นคำพูดที่ธรรมดามากจนทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ[ ไม่เป็นไรครับ เอ่อ แล้วหลังจากนั้นพี่สาวคนนั้นเป็นยังไงบ้างครับ? ][ หมายถึงมิโนริซังใช่มั้ย? เธอก็ประหลาดใจเหมือนกัน ผมก็เหมือนกัน ]เขาพยายามหัวเราะแต่ว่ากลับไอออกมา[ ผมควรไปเอาน้ำมาให้มั้ยครับ? ][ ไม่ต้องหรอก ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว… ]เราทั้งสองคนยิ้มให้กันในบรรยากาศที่อึดอัด[ งานแต่งงานของเซ็นเซสัปดาห์หน้าคงยุ่งน่าดูเลยสินะครับ? ][ อ่า ก็เดินไปมาอยู่แบบนี้แหละ เพราะไม่รู้จะสงบใจยังไง ]เขามองปฏิกิริยาผมอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งด้วยท่าทางยอมแพ้[ นุคุมิซึคุง เธอได้ยินเรื่องริโกะจังบ้างมั้ย? ][ ได้ยินเรื่องการพักการเรียนของเธอกับเรื่องพี่สาวเธอครับ ]ทานากะเซ็นเซพยักหน้าและเดินเข้ามาใกล้ผม[ ..รู้สึกว่าริโกะจังดูห่างเหินมากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องที่ผมจะแต่งงานกับพี่สาวเธอ ]ผมไม่ตอบอะไร แต่ก็ฟังทานากะเซ็นเซพูดต่อเหมือนพูดกับตัวเอง[ เราทั้งสองคนเคยเหมือนพี่น้องกันมา ตอนนี้ผมจะไปแต่งงานกับคนที่เธอรักมาก มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะรู้สึกขัดแย้ง ][ …ก็ใช่ครับ มันก็คงจะซับซ้อนอยู่… โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่นของเธอ ]ผมพยายามทำให้การสนทนาเบาๆ แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่ทำให้มันติดอยู่ในหัว จนต้องพูดต่อไป[ …คิดว่าเธอแค่ต้องให้เวลาตัวเองสักพัก ]ผมพูดออกไป ขณะที่ความคิดของผมเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง[ เรายังเป็นนักเรียนมัธยมกันอยู่ พอมีการเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์กับพ่อแม่หรือพี่น้อง มันก็เหมือนกับโลกที่กำลังเปลี่ยนไป และรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ]— จริงๆ ผมไม่สามารถเข้าใจการกระทำของชิราทามะซังได้เลย ผมไม่เข้าใจเลย[ สำหรับริโกะจัง พี่สาวของเธอคือคนที่คอยมองเธออยู่เสมอ และเซ็นเซก็เหมือนพี่ชายใจดีจากย่านเดียวกันที่เป็นเหมือนครอบครัว ตอนนี้ความสัมพันธ์ทั้งสองนั้นกำลังเปลี่ยนไปพร้อมกัน มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะรู้สึกไม่มั่นคง ]— แต่ผมสัมผัสได้ว่าอะไรเป็นแรงผลักดันให้เธอเป็นแบบนั้นผมยิ้มให้ทานากะเซ็นเซด้วยรอยยิ้มที่คล้ายกับรอยยิ้มของชิราทามะซัง[ เพราะงั้นเซ็นเซในฐานะพี่ชายของเธอก็ควรยืดหยุ่นและนิ่งเข้าไว้ครับ ]ทานากะเซ็นพยักหน้า ขณะที่เขาฟังผม[ …อ่า ถ้าไม่สงบใจตัวเอง ริโกะจังก็จะยิ่งกังวลมากขึ้น ]เขาพยักหน้าอีกครั้ง มองมาที่ผมด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย[ ขอบคุณนะ เธอโตเกินอายุจริงๆ ][ เอ่อ ไม่หรอกครับ ผมแค่พูดอวดเก่งไปเรื่อยเอง ขอโทษครับ ][ ไม่เลยๆ โชคดีที่ริโกะจังมีคนอย่างเธอเป็นแฟน ]ทานากะเซ็นเซเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่าพูดกับผม เขาจ้องออกไปที่สนามหญ้าอย่าง เหม่อลอยฟังเสียงนกไป ผมก็นึกถึงรอยยิ้มของชิราทามะซังที่ปกปิดความรู้สึกจริงๆ ของเธอ…เธอไม่มีโอกาสตั้งแต่ต้นเลยแน่นอนว่าเธอไม่มีโอกาส เธออายุน้อยกว่าสิบห้าปี เป็นเด็กผู้หญิงที่เขารู้จักมาตั้งแต่เด็ก และเป็นน้องสาวของคู่หมั้นเขาไม่มีทางที่เขาจะมองเธอเป็นคนที่สามารถมีความสัมพันธ์ทางโรแมนติกด้วยมันไม่ใช่เรื่องของการชนะหรือแพ้ทานากะเซ็นเซเป็นคนซื่อสัตย์และใจดี เขาเป็นห่วงเป็นใยชิราทามะ ริโกะเหมือนกับเป็นน้องสาวจริงๆ— และถึงอย่างนั้น ผมก็รู้สึกโกรธอยู่บ้างผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย เขาแค่ไม่รู้สึกตัวเขายังไม่ได้สังเกตความรู้สึกที่มีมาตลอดแต่ในตอนนี้ ผมตัดสินใจที่จะอยู่ข้างชิราทามะซังไม่มีเหตุผลพิเศษอะไรหรอกแค่…ผมกำลังอยู่ในวัยรุ่นเหมือนกัน จะพูดแบบนั้นก็ได้◇วันแรกของโกลเด้นวีค วันหยุดยาว 5 วันเริ่มต้นด้วยท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆและอากาศที่สมบูรณ์แบบผมยืนอยู่หน้าสถานที่จัดงานแต่งงาน พลางปรับเนคไทด้วยความประหม่าผมมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมทัวร์ โดยใส่สูทที่ยืมมาจากตู้เสื้อผ้าของพ่อแม่…ผมจะทำได้จริง ๆ เหรอ?การสวมบทบาทเป็นผู้ใหญ่ที่กำลังจะแต่งงานครั้งแรก ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เจลจัดแต่งทรงผมที่ใช้ให้ความรู้สึกเย็นและไม่สบาย ทำให้ผมยิ่งกังวลมากขึ้นขณะที่ผมยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น มือสีขาวยื่นมารัดเนคไทของผมให้แน่นขึ้น[ …เนคไท…จัดให้เรียบร้อย…หน่อยสิ ]คนที่ช่วยคือชิกิยะซัง เธอรับบทเป็นคู่หมั้นของผมเธอสวมชุดเดรสสีดำที่ดูสง่างาม ผมยาวของเธอถูกรวบขึ้นโดยติดเครื่องประดับลายดอกไม้ที่ด้านหนึ่ง[ โทษที พอดีประหม่าไปหน่อย ]ผมแอบมองสถานที่จัดงานผ่านไหล่ของชิกิยะซังเป็นบ้านที่ล้อมรอบด้วยกำแพง มีผนังด้านนอกที่ปูด้วยกระเบื้องหรูหราทางเข้าซึ่งมีโทนสีขาวและน้ำตาล ถูกออกแบบให้ดูเรียบหรูและไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับภายในมากนักพอเหลือบมองไปรอบ ๆ ผมสังเกตเห็นสองเงาที่ขยับอยู่ในพงหญ้าสูงบริเวณลานจอดรถส่วนกลางเป็นอาซากุโมะซังที่ถือแล็ปท็อปและใส่หูฟัง และยานามิที่ถือเสาอากาศซึ่งดูเหมือนไม้เบสบอลลานจอดรถนี้มีหลายธุรกิจใช้ร่วมกัน ดังนั้นการมีคนอยู่แถวนั้นก็ไม่แปลก แต่พวกเธอดูเด่นเกินไป[ รุ่นพี่ชิกิยะพวกเขาจะโอเคมั้ย ? ][ …พวกเขา…ไม่เป็นอะไร…เชื่อใจ…พวกเขา… ][ อ่า เดี๋ยวสิ- ]ก่อนที่ผมจะทันได้ประท้วง ชิกิยะซังก็จับแขนผมและพาผมผ่านทางเข้าไปโถงทางเข้ากว้างขวางและมีเพดานสูง ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งกว่าที่ผมคาดไว้จากภายนอกตรงหน้าคือเคาน์เตอร์ที่มีพนักงานที่ดูเป็นมิตรกล่าวต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นผมสูดลมหายใจลึกและจงใจลดเสียงของตัวเองให้ต่ำลง[ …ขอโทษครับ ผมชิมบาชิ ที่จองไว้ครับ ]พนักงานที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มหันไปมองแท็บเล็ตในมือ[ ชิมบาชิ คาซึฮิโกะซัง กับ โยชิดะ ยูเมโกะซัง ใช่มั้ยคะ? เชิญขึ้นบันไดทางนั้นเลยค่ะ ]ใช่แล้ว วันนี้ผมคือชิมบาชิ คาซึฮิโกะผู้ใหญ่หน้าใหม่อายุ 18 ปีที่กำลังจะแต่งงานและคนที่ยืนอยู่ข้างๆผมอย่างอ่อนหวานคือโยชิดะ ยูเมโกะเธอทำงานที่ร้านดอกไม้และเป็นคู่หมั้นอายุ 20 ปีของผมยูเมโกะที่กำลังมองไปรอบ ๆ อย่างเลื่อนลอย อยู่ ๆ ก็พิงหัวลงมาที่ไหล่ของผม กลิ่นหอมจากเธอทำให้ผมคิดว่าอยากให้เวลาหยุดลงตรงนี้[ ให้เรา…ส่งของขวัญ…แต่งงาน…ที่ไหน? ][ ไม่ครับ วันนี้เราแค่มาทัวร์ ยังไม่มีพิธีอะไร ]…ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ฟังคำอธิบายของพวกเราเลยเราทิ้งเคาน์เตอร์ต้อนรับไว้ข้างหลังและมุ่งหน้าไปยังบันไดด้านหลัง ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมาอีก[ รุ่นพี่ ประธานบอกอะไรไปบ้างครับ ? ][ ห้ามพูด…สุภาพมาก….. ]อ่า ใช่ ถ้าใช้คำพูดสุภาพตอนเราหมั้นกันแล้วมันก็ดูแปลกๆ[ ยูเม…โกะ ได้ยินอะไรจากโฮโคบารุซังบ้าง? ][ เหมือนว่า…ฉันกำลังจะ…แต่งงาน ประมาณนั้น…ที่ฉันเข้าใจ… ]สิ่งที่เธอเข้าใจมันผิดมากนะขณะที่ผมครุ่นคิดถึงความยากลำบากในการสื่อสาร ชิกิยะซังก็มองมาที่หน้าของผมอย่างตั้งใจ[ มีอะไร…หรือเปล่า? ทำไมถึงจ้องหน้าผมล่ะ? ][ คุยกับนาย…แบบนี้…รู้สึก….แปลกใหม่ดี… ]ชิกิยะซังเริ่มเล่นกับผมของผมพลางทำหน้าสนุก[ เฮ้ หยุดนะ- หยุดเถอะ ][ …เขินเหรอ…? ]เอ๊ะ ชิกิยะซังเป็นแบบนี้ตลอดเหรอ?ขณะที่ผมคิดเรื่องนั้น เสียงที่ดูหงุดหงิดก็ดังขึ้นในหูของผม< ฮัลโหล!? พวกเราได้ยินทุกอย่างนะ!? >เสียงของยานามิแทรกมาผ่านทางหูฟัง พวกเธอควรจะเป็นคนแนะนำเรา แต่ดูเหมือนจะสร้างความลำบากมากกว่า[ ถ้าเธอไม่อยากฟังก็- เฮ้ ยูเมโกะ หยุดเล่นได้แล้ว ]< เฮ้ย !? พวกเธอทำอะไรกัน- >ผมปิดหูฟังและก้าวเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับการประชุมข้อมูล…อ้อ แล้วก็ ผมปล่อยให้ชิราทามะซังอยู่ข้างหลัง เพราะเธอมีประวัติอยู่แล้ว……..◇— ย้อนกลับไปสักหน่อย สองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ในห้องชมรมวรรณกรรมยานามิและอาซากุโมะซังมองผมในชุดสูท ก่อนจะสบตากันและพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ถ้ามีอะไรจะพูดก็ช่วยพูดออกมาเถอะชิราทามะซังมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะยิ้มพลางประสานมือไว้ข้างหน้า[ ประธานดูดีมากค่ะ ที่เค้าว่าผู้ชายจะดูดีขึ้น 30% เมื่อใส่สูท เป็นจริงสินะคะ ]ขอบคุณนะ แต่ผมรู้ว่าเธอโกหก ผมเริ่มเข้าใจชิราทามะซังมากขึ้นนิดหน่อยแล้วข้าง ๆ ผมชิกิยะซังในชุดเดรสที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่ มีกลิ่นน้ำหอมที่หอมละมุนอาซากุโมะซัง ซึ่งมีแผ่นแปะลดไข้แปะอยู่ที่หน้าผาก วางบางสิ่งลงบนโต๊ะเป็นหูฟังไร้สายอันหนึ่งที่วางอยู่ตรงหน้าผม[ ช่วยใส่หูฟังอันนี้ด้วยค่ะ นุคุมิซึซัง ฉันจะคอยให้คำแนะนำผ่านเจ้านี่ ][ เสียงของผมจะส่งไปถึงพวกเธอด้วยเหรอ? ][ ค่ะ หูฟังนี้มีไมโครโฟนในตัว เราจะได้ยินเสียงนุคุมิซึซังด้วยค่ะ ]ตรงหน้าของชิกิยะซังคือเครื่องประดับผมลายดอกไม้ชิ้นหนึ่งชิกิยะซังหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย[ นี่คือ….อะไรเหรอ ? ][ มันมีกล้องแบบรอบทิศฝังอยู่ค่ะ รุ่นพี่ช่วยใส่เครื่องประดับผมอันนี้ด้วยนะคะ ]เพราะงั้นผมจะเป็นหู ส่วนชิกิยะซังจะเป็นตาชิราทามะซังที่มองไปรอบ ๆ อย่างกระสับกระส่ายค่อย ๆ ยกมือขึ้น[ เอ่อ แล้วฉันล่ะคะ…? ][ ริโกะซัง คิดว่าถ้าเธอไม่ไปปรากฏตัวที่สถานที่จัดงานจนกว่าจะถึงวันพิธีน่าจะดีที่สุด ขอโทษด้วยนะคะ ช่วยรออยู่ที่นี่ก่อนค่ะ ]การประชุมข้อมูลจะเริ่มตอน 10 โมงเช้า หลังจากการอธิบายทั่วไปจะเป็นช่วงให้คำปรึกษาแบบรายบุคคล…และนี่คือจุดสำคัญ เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่นักเรียนมัธยมปลายจะปลอมตัวเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบการเตรียมการอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้อาซากุโมะซังเขียนแผนการลงบนไวท์บอร์ดเป็นหัวข้อย่อยเรื่องราวคือ ชิกิยะซังกับผมจำเป็นต้องจัดงานแต่งงานอย่างเร่งด่วนในฐานะผู้ใหญ่ที่ทำงานแล้ว เนื่องจากเหตุสุดวิสัยที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ สถานที่ทำงาน โปรไฟล์ของพ่อแม่ งบประมาณ แผนงานแต่ง…หลังจากอาซากุโมะซังเขียนเสร็จ เธอก็ไอเบา ๆ เพื่อเรียกความสนใจ[ ในวันธรรมดาเรามีเวลาไม่มาก ดังนั้นหยุดยาวนี้สำคัญมากค่ะ ][ เดี๋ยวนะ แต่เธอไม่มีแผนอะไรเลยเหรอ อาซากุโมะซัง? อย่างไปเดทกับอายาโนะ? ][ …เขาไปเข้าค่ายเรียนพิเศษช่วงหยุดยาวนี้ค่ะ ]แสงบนหน้าผากของอาซากุโมะซังดูเหมือนจะจางลง[ เขาตั้งใจจะไม่บอกอะไรเลย แล้วพยายามเอาชนะฉันในการสอบครั้งหน้า ฉันไม่ต้องการเซอร์ไพรส์แบบนั้นเลยค่ะ ไม่ต้องการจริง ๆ ]สมกับเป็นอายาโนะที่ยังซื่อบื้อเหมือนเคยเมื่อผมหันไปมองข้าง ๆ ก็เห็นชิกิยะซังกำลังจ้องเครื่องประดับผมอย่างตั้งใจ[ เอ่อ รุ่นพี่ชิกิยะ เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้แค่ไหนครับ ? ][ ฉัน…ได้ยินทุกอย่าง…จากโฮโคบารุแล้ว ] ผมไม่ไว้ใจเธอทั้งหมด แต่ถ้าเธอบอกว่าโอเค งั้นก็คงโอเคล่ะมั้งใช่แล้ว ถ้าผมยังมานั่งกังวลกับเรื่องแบบนี้ ผมคงไม่เหมาะที่จะเป็นประธานชมรมวรรณกรรมแน่ ๆ◇— การทัวร์วันนี้ที่เริ่มต้นแบบนั้น โดยรวมแล้วดำเนินไปได้อย่างราบรื่นเราผ่านช่วงการให้คำปรึกษารายบุคคลมาได้สำเร็จ ตอนนี้เรากำลังเดินไปตามทางเดินพร้อมกับ “แผนแนะนำ” ที่เตรียมไว้ให้เรา โดยเดินปะปนไปกับผู้เข้าร่วมคนอื่น ๆ[ อยากให้มีดอกไม้ไฟทั้งตอนเริ่มและตอนจบ แต่ไม่รู้ว่างบประมาณจะพอมั้ย ยูเมโกะ มีอะไรที่สนใจมั้ย? ][ ฉัน…อยากทุบ…ถังเหล้าสาเก…] [ ฟังดูดี เอาไว้คุยกันคราวหน้าละกัน ]พวกเราเริ่มสนุกไปกับมันจริง ๆ ต้องขอบคุณคำอธิบายอย่างละเอียดของผู้ประสานงาน มีเพียงปัญหาเดียวก็คือ ทั้งงานแต่งและคู่แต่งงานไม่ได้มีอยู่จริงในขณะที่ผมกำลังพูดคุยเรื่องรายละเอียดของงานแต่งกับชิกิยะซัง…< ทำไมฉันได้ยินแต่เรื่องไร้สาระ แล้วภารกิจล่ะ!? นายเป็นนกขมิ้นที่ลืมวิธีร้องเพลงหรือไง!? >…มีคนทำลายบรรยากาศจนได้ผมยกมือปิดปากเล็กน้อยและตอบคนที่ว่า[ เรากำลังจะเริ่มการทัวร์สถานที่จัดงาน ยานามิซัง อย่าลืมดูภาพและให้คำแนะนำอย่างเหมาะสมด้วยล่ะ ][ ขอโทษนะคะ นี่อาซากุโมะเอง ภาพมันสั่นมาก ช่วยปรับหน่อยได้มั้ยคะ? ]คราวนี้เป็นอาซากุโมะซัง เธอรู้มั้ยว่าเราก็ไม่ได้เป็นมืออาชีพนะ มันยากที่จะ—[ มี…ปัญหา…เหรอ? ]ชิกิยะซังเอียงคอถามด้วยความสงสัย…อ้อ ใช่ กล้องมันติดอยู่กับเครื่องประดับผมของชิกิยะซังนี่เอง[ ช่วยอดทนหน่อยนะ มันเป็นฟีเจอร์พิเศษ ]ผมจบการสนทนาและเดินตามไกด์ออกไปด้านนอกอาคารเราเดินเข้าสู่สถานที่จัดงานแต่งงานแบบสวนกลางแจ้ง พื้นปกคลุมด้วยหญ้าและมีชุดโซฟาตั้งอยู่รอบ ๆสวนล้อมรอบด้วยกำแพงสูงกว่าผม ทำให้ไม่สามารถมองเห็นภายนอกได้และที่นั่นคือโบสถ์ในวันพิธี ชิราทามะซังและทุกคนจะลอบเข้าไปถ่ายรูปกับทานากะเซ็นเซที่นั่นขณะที่ผมจ้องมองไปที่อาคาร ผู้ประสานงานที่สัมภาษณ์เราก่อนหน้านี้ก็เดินเข้ามา[ ต้องการดูรอบ ๆ มั้ยคะ? ][ เอ๋? ได้เหรอครับ? ][ แน่นอนค่ะ เชิญตามฉันมาเลย ]เราตามไกด์ไป โดยเดินข้ามสะพานที่ทอดผ่านลำคลองชิกิยะซังที่กำลังจ้องมองหญ้าอยู่ เดินตามผมมาทัน[ พวกเรา…เล่นบทเจ้าสาวเจ้าบ่าว….ที่นี่เหรอ? ]อะไรนะ? ฟังดูสนุกดี แต่ไม่ใช่ตอนนี้[ เราแค่จะดูโบสถ์น่ะ ยูเมโกะ เธอช่วย…ยืนตัวตรงหน่อยได้มั้ย? ][ งั้นฉันจะ…เกาะแขนนาย… ][ อ๊า! ]ชิกิยะซังเอื้อมมือมาเกี่ยวแขนผมไว้กลิ่นน้ำหอมที่หอมละมุนและความนุ่มนวลที่อธิบายไม่ถูกที่กดเข้ากับแขนของผม—< อะแฮ่ม ! อะแฮ่ม ! >เสียงไอหนัก ๆ ของยานามิดังผ่านหูฟังมา หยุดเดี๋ยวนี้เลย…เราตามไกด์เข้าไปในโบสถ์ภายในมีทางเดินตรงยาวไปด้านหลัง โดยมีม้านั่งเรียงอยู่ทั้งสองฝั่งที่ด้านหลังสุดของโบสถ์ นอกหน้าต่างบานใหญ่ มีน้ำตกเล็ก ๆ ไหลเหมือนม่านน้ำหน้าต่างบานใหญ่ด้านข้างก็ช่วยให้แสงนุ่มนวลส่องเข้ามา สร้างบรรยากาศที่เหมือนหลุดมาจากโลกแฟนตาซีเพดานที่มีแสงสลัวจากไฟทางอ้อม มีพัดลมเพดานหมุนช้า ๆ เพิ่มการเคลื่อนไหวที่อ่อนโยนในบรรยากาศที่สงบและเงียบสงบ เป็นสถานที่ที่สงบจริง ๆ ถ้าจะพูดก็ต้องพูดแบบนั้นผมเดินไปตามทางเดินในโบสถ์โดยมีชิกิยะซังคล้องแขน—เดี๋ยวนะ นี่ควรเป็นหน้าที่ของพ่อเจ้าสาวไม่ใช่เหรอ?ที่ปลายทางเดินคือเจ้าบ่าวที่จะเข้าพิธีวิวาห์กับยูเมโกะ โยชิดะ พนักงานร้านดอกไม้วัย 20 ปี ให้อภัยไม่ได้จริงๆขณะที่เราเดินมาถึงท้ายโบสถ์ด้วยความโกรธเคืองในใจ ผมก็ตระหนักถึงข้อเท็จจริงสำคัญข้อหนึ่ง— ไม่มีที่ซ่อนเลยม้านั่งสำหรับผู้ร่วมงานมีพนักเปิดโล่งให้ความรู้สึกเปิดกว้าง และผนังนั้นเรียบไม่มีส่วนยื่นออกมาให้บังสายตาได้แม้ว่าเราจะพาทานากะเซ็นเซมาที่นี่ แต่ชิราทามะซังจะเข้าหาเขาได้ยังไงกัน?< นุคุมิซึซัง มีเฟอร์นิเจอร์หรือที่ซ่อนอะไรมั้ย? >เสียงจริงจังของอาซากุโมะซังดังผ่านหูฟัง เหมือนเธอจะเข้าใจสถานการณ์[ ถึงจะถามแบบนั้นก็เถอะ… ]ในโบสถ์นี้ไม่มีเครื่องเสียงหรือชั้นวางของเลย อาจเป็นเพราะต้องการรักษาบรรยากาศให้ดูดี เครื่องจักรต่าง ๆ จึงถูกซ่อนไว้หมดในห้องนี้ไม่มีที่ซ่อนเลย—ไม่สิ ยังมีที่หนึ่งด้านหน้าของโบสถ์มีแท่นยืนเล็ก ๆ คล้ายโพเดียม อาจจะเรียกว่าแท่นเทศน์ก็ได้…ผมพากล้องเคลื่อนที่ หรือก็คือชิกิยะซัง เข้าไปใกล้แท่นนั้นมันเป็นแท่นไม้ธรรมดาที่มีด้านหลังกลวงแม้ว่าจะไม่ใหญ่ แต่ก็น่าจะพอซ่อนตัวจากมุมมองด้านหน้าได้ผมใช้ฝ่ามือวัดขนาดอย่างลับ ๆ แล้วก็ถอยออกมาจากแท่นเทศน์เพื่อไม่ให้ดูเป็นที่ผิดสังเกตจากนั้น ผมก็กะระยะขนาดพื้นที่โดยใช้การก้าวเดิน[ โอเค ยูเมโกะ ไปกันเถอะ ]ชิกิยะซังเอียงคอด้วยความสับสนกับคำพูดของผม[ พวกเรา…ไม่ได้จะเล่น…..บทเจ้าสาวกับเจ้าบ่าว…เหรอ? ][ ไม่หรอก เราอยู่ในที่สาธารณะ— ]เมื่อผมเหลือบมอง ก็เห็นผู้ประสานงานยืนอยู่ที่ทางเข้า พร้อมกับยิ้มเงียบ ๆ ก่อนจะเดินออกไปเดี๋ยวนะ ท่าทีแบบนี้มันหมายความว่าอะไร?ขณะที่ผมยืนงง ชิกิยะซังก็คว้ามือผมและหันหน้าเข้าหาผมตรงแท่นเทศน์[ เราควร…ทำอะไร…ต่อดี…? ][ เอ่อ นักบวชจะอยู่ตรงนี้ แล้วเราก็จะแลกแหวนและสาบานรักนิรันดร์ หรือไม่ก็… ][ แล้ว….หลังจากนั้น…ล่ะ? ]อะไรนะ? หลังจากนั้น? หลังจากแลกแหวนและกล่าวคำสาบานเสร็จ สิ่งต่อไปก็คือ…ผมกลืนน้ำลาย[ ถัดไปก็คงเป็นจูบแต่งงานหรืออะไรแบบนั้น— ]< พวกเธอสองคนกำลังทำอะไรอยู่!? ฉันได้ยินทุกอย่างนะ! >เสียงดังลั่นของยานามิดังขึ้นในหูฟัง ผทลืมผู้หญิงคนนี้ไปสนิทเลย[ ก็แค่อยากลองสัมผัสบรรยากาศจริงน่ะ การจำลองสถานการณ์มันสำคัญนะ ]< จูบไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนสักหน่อย! >ใช่ มันไม่ใช่ ผมรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ยานามิพูดแทรกขึ้นมาถึงแม้จะเป็นแค่การแกล้งเล่น แต่การเผชิญหน้ากับชิกิยะซังแบบนี้มันทำให้ประหม่าเกินไป ขณะที่ผมกำลังถอยห่างออกมา มือขาวซีดของชิกิยะซังก็ยื่นออกมาแล้วหยิบหูฟังของผมไป[ ถ้าฉันจูบแล้ว…..จะได้เป็นภรรยาเลยใช่มั้ย…? ][ ห๊ะ!? ]
ชิกิยะซังเก็บหูฟังของผมไว้ในอก แล้วโน้มตัวเข้ามาใกล้ภาพสะท้อนใบหน้าของผมในดวงตาสีขาวของเธอขยับเข้ามาเรื่อย ๆ[ ต้องแต่งงานกันก่อนถึงจะเป็นภรรยาได้นะ! ]เสียงของผมสั่นพร่าเมื่อพูดจบ และชิกิยะซังก็หยุดขยับเข้ามาใกล้[ ถ้าจะเป็นภรรยาการจดทะเบียนสมรสมันสำคัญกว่าการจูบไม่ใช่เหรอ? ][ ทะเบียน…สมรส… ]หลังจากหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชิกิยะซังก็พยักหน้าอย่างช้า ๆ[ เอาชนะ…รัฐบาลไม่ได้ ]ด้วยความเข้าใจที่แปลกประหลาด ชิกิยะซังเริ่มเดินโซเซไปทางประตูโบสถ์ผมรีบก้าวตามและเดินไปข้างเธอ ชิกิยะซังก็ส่งหูฟังกลับมาให้อ๊ะ ผมควรรักษาการติดต่อไว้ ไม่งั้นยานามิคงจะเอาเรื่องอีก ผมใส่หูฟังกลับเข้าไปในหูพอมาคิดดู นี่มันเพิ่งอยู่ในอกของชิกิยะซังเลยสินะ…รู้สึกใจเต้นแปลก ๆ กับความคิดนั้น ผมเปิดประตูโบสถ์หนัก ๆ และพบกับผู้ประสานงานที่ยืนรออยู่ด้วยรอยยิ้มกว้าง[ อ๊ะ ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ ][ ถ้าอย่างนั้น ขอเชิญไปที่ห้องจัดเลี้ยงค่ะ วันนี้คุณทั้งสองจะได้ลองชิมเมนูอาหารคอร์สกัน ]ผู้ประสานงานอธิบาย แต่เสียงของยานามิก็ดังแทรกเข้ามาในหูฟัง< ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยล่ะ!? >เพราะไม่ได้บอกเธอไง แล้วก็ช่วยเงียบหน่อยเถอะผมอดถอนหายใจไม่ได้ ขณะเพิกเฉยต่อคำบ่นของยานามิ และเดินตามผู้ประสานงานไปยังห้องจัดเลี้ยงนึกภาพไม่ออกเลยว่ายานามิจะรักษาความสงบได้ในสถานการณ์ที่มีอาหารหรูหราอยู่ตรงหน้าจริง ๆ แล้ว เธอก็ไม่เหมาะสมกับบทบาทคู่หมั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว—< นี่ พวกเธอน่ะ กำลังทำอะไรกันอยู่? >ทันใดนั้น เสียงของชายชราก็ดังขึ้นในหูฟัง…ดูเหมือนว่าพวกเธอจะโดนยามจับได้แล้วได้ยินเสียงของยานามิและอาซากุโมะซังพยายามอธิบายอย่างลุกลน ผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ในที่สุด[ …คาซึฮิโกะ……กิดอะไรขึ้น…หรือเปล่า? ][ ไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ยูเมโกะ ]ผมถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะถอดหูฟังออกแล้วเก็บมันใส่กระเป๋า
MANGA DISCUSSION