…เข้าใจล่ะ ผมวางต้นฉบับลงบนโต๊ะควรจะแสดงสีหน้าแบบไหนดี หลังจากที่น้องสาวตัวน้อยขอให้อ่านนิยายเรื่องนี้…ผมรู้สึกอึดอัดใจ คาจูมองมาที่ผมด้วยความกังวล[ เป็นยังไงบ้างคะ? คาจูยังรู้สึกว่าตัวเองเด็กไปหน่อยถ้าเทียบกับท่านพี่ ][ ไม่หรอก มันดีมากเลย จริงๆ มือใหม่ทำได้ขนาดนี้ก็น่าทึ่งมากแล้ว ][ จริงเหรอคะ!? ]ใบหน้าของคาจูสดใสขึ้นทันที[ แล้วจะไม่ใช้ชื่อปลอมเหรอ? เธอจะใช้ชื่อจริงเลยเหรอ? ][ ใช่ค่ะ! ]เธอจะตีพิมพ์ภายใต้ชื่อจริงสินะ เข้าใจแล้ว…โคมาริคลานออกมาจากไหนไม่รู้แล้วหยิบต้นฉบับไปอ่านโดยไม่ได้รับอนุญาตหลังจากอ่านจบ โคมาริมองมาที่ผมเหมือนมองขยะชิ้นนึง[ …ม-มอบตัวกับตำรวจเถอะ ][ นี่ไม่ใช่นิยายจากชีวิตจริงนะ! ไม่มีองค์ประกอบจากชีวิตจริงเลย! ]ผมดึงต้นฉบับกลับมาจากโคมาริ[ เอาล่ะ ต้องตีพิมพ์ออกมาก่อน อืมมมม… ]ร้านสะดวกซื้อที่ใกล้ที่สุดก็เดินไกลไปหน่อย ผมอยากจะใช้ห้องพิมพ์ แต่ชมรมก็ไม่มีงบเหลือแล้วผมพยายามหาทางออก ในขณะนั้น โคนุกิเซนเซจัดผมของเธอและลุกขึ้น[ เซนเซจะไปตีพิมพ์ที่ห้องพักครูให้เอง ส่งต้นฉบับมาเลย ][ เอ๊ะ แน่ใจเหรอครับ? ][ ฝากไว้กับฉันเถอะ ถึงจะดูเป็นแบบนี้ แต่เซ็นเซเป็นที่ปรึกษาของชมรมวรรณกรรมนะ จำได้มั้ย? ][ อ่า ได้นิดหน่อย ]เซนเซหันกลับมาทันทีหลังจากเตรียมตัวจะออกจากห้องชมรม เธอเหมือนนึกอะไรบางอย่างออก[ อย่าแอบหนีไปไหนตอนฉันไม่อยู่นะ ถ้ากลับมาแล้วไม่มีใครอยู่ะเซ็นเซจะเสียใจมากเลย ][ โคมาริจะอยู่ที่นี่แหละครับ ไม่ต้องห่วง ][ รู้แบบนี้ค่อยดีหน่อย ]เซนเซยิ้มหวานให้โคมาริก่อนจะจากไป[ เอาล่ะ เอกสารแนะนำตัวของทุกคน โคมาริหยุดเตะผมใต้โต๊ะเถอะนะ ]ผมปล่อยให้โคมาริเตะไปขณะที่ผมมองเอกสารของทั้งสามคนอืม…ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ากอนโดซังชอบละครย้อนยุค[ เธอก็ดูละครย้อนยุคด้วย? พอพูดถึงแล้ว รายการ <นักดาบผู้โกรธแค้น> ก็ดัดแปลงมาจากนิยายเหรอ? ][ ฉันเริ่มดูจากละครนั่นแหละ ฉันสะสมดีวีดีโอะระหว่างปี 1978 ถึง 1989 แต่ว่าพิ่งดูได้ครึ่งทางเอง ]กอนโดซังยืดอกอย่างภาคภูมิใจ เด็กคนนี้เป็นแฟนตัวยงจริงๆ[ อาซามิเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ”ท่านเคน”เลยแหละ ]ทาจิบานะคุงหัวเราะเบาๆ แล้วพูดขึ้นมาพอนึกดูแล้ว พระเอกจาก <นักดาบผู้โกรธแค้น> ก็เกิดที่โทโยฮาชินะเขาเป็นนักแสดงมากประสบการณ์ที่แสดงในผลงานดังมากมาย นอกจากนั้น เขายังแสดงในงานเทศกาลในเมืองเสมอ[ ซาโตชิก็เหมือนกันนะ ตอนนั้นมีการแสดงแซมบ้าสไตล์ท่านเคนในเทศกาลของเด็กๆ นายก็แสดงด้วยนะ จำได้มั้ยว่าฉันเป็นคนสอนให้นายตอนที่นายจำท่าไม่ได้? ][ โอเคๆ น่าอายจัง ]กอนโดซังพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ทาจิบานะคุงขยับแขนอย่างเขินอาย[ เอ๊ะ พวกเธอเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วเหรอ? ]ทั้งสองมองหน้ากันหลังจากได้ยินคำถามของผม[ ผมกับอาซามิอยู่ห้องเดียวกันตั้งแต่ประถมน่ะครับ ][ ท่านเคนก็จบจากโรงเรียนประถมของเราด้วยนะ? ]อ่า…นี่สองคนนี้เหมือนยากิชิโอะกับอายาโนะเลยหรือเปล่า?ผมสังเกตนักเรียนสองคนที่ดูสนิทสนมกันขณะที่หันไปมองคาจูคาจูดูเหมือนจะไม่ใส่ใจ เธอกำลังเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษด้วยดินสอ—อย่างน้อยก็เหมือนกำลังทำแบบนั้น…จากที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเคยบอก ทุกคนที่ไม่ใช่เพื่อนสมัยเด็กล้วนแล้วแต่เป็นแมวขโมยทั้งนั้นถึงอย่างนั้น ถ้าแค่เรียนประถมด้วยกัน มันก็คงยังไม่ใช่เพื่อนสมัยเด็กซะทีเดียว คิดว่าเร็วไปหน่อยที่จะมองว่ามีแมวขโมยอยู่ในบ้านเพียงเพราะเรื่องนั้นผมนึกถึงประสบการณ์ในความรัก (2D) ขณะที่ปล่อยความคิดล่องลอยไป ระหว่างนั้น คาจูก็ส่งกระดาษแนะนำตัวที่เขียนเสร็จแล้วให้ผม[ เอาล่ะ ท่านพี่ คาจูเขียนเสร็จแล้วค่ะ ]เอาล่ะ ช่วงนี้คาจูอ่านอะไรอยู่บ้างนะ?…อืม ไม่ใช่แค่ไลท์โนเวล แต่มีทั้งมังงะสาวน้อยและนิยายรักด้วย[ อ๊ะ คาจูเคยอ่านซีรีส์ <อาณาจักรลาพิสลาซูลี> ด้วยเหรอ? ไปยืมมาจากห้องสมุดโมโมโซโนะใช่มั้ย? ][ ใช่ค่ะ เพราะบรรณารักษ์แนะนำมาน่ะค่ะ ]พอดูใกล้ๆ ในตารางมีหนังสือหลายเล่มที่ผมเคยยืมสมัยมัธยมต้น…ไม่สิ มันไม่ใช่แค่ “หลายเล่ม” อย่าบอกนะว่าเป็นทุกเล่มที่ผมเคยยืมตอนมัธยมต้นเลยถ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แสดงว่าเธอตรวจสอบบัตรยืมหนังสือทั้งหมดในห้องสมุดโมโมโซโนะเหรอ?[ เอ่อ คาจู หนังสือพวกนี้ เธอ… ][ ใช่ค่ะ มีอะไรเหรอคะ ท่านพี่ ? ]คาจูเอียงคออย่างน่ารัก[ …เอ่อ รสนิยมไม่เลวเลยนะ ][ ใช่ค่ะ คาจูก็คิดแบบนั้น ]ก็ดี งั้นข้ามหัวข้อนี้กันเถอะหลังจากนั้น ทุกคนก็กรอกเอกสารแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยโคมาริวางต้นฉบับที่พิมพ์เสร็จแล้วลงบนโต๊ะอย่างเงียบๆ[ เรียงหน้าต้นฉบับให้เป็นลำดับแล้วเย็บด้วยแม็กซ์ เอกสารแนะนำตัวจะอยู่ที่หน้าปกด้านใน- ][ ล-แล้วคำฟ้องของน้องสาวนายล่ะ? ]โคมาริดันแขนผมเบาๆ ผมลืมไปเลย แล้วก็นั่นคือนิยายต่างหาก[ เอ่อ งั้นใส่นิยายของคาจูไว้ก่อนก็แล้วกันนะ ][ นี่คือนิยายของนุคุมิซึซังเหรอครับ? ] ทาจิบานะคุงชี้ไปที่ชื่อเรื่อง มันชื่อว่า < แฟนสาวของผมมีแฟนแล้ว แต่ผมไม่คิดเลยว่านั่นไม่ใช่ผม>ผมพยักหน้า นี่คือนิยายแนววานิลลาธรรมดาๆที่ผมทำมานานแล้ว แค่มันมีองค์ประกอบ NTR ค่อนข้างเยอะ[ งั้นแปะโพสต์อิทไว้ก่อน แล้วจะใส่นิยายของคาจูทีหลัง ]ตอนนี้แค่ต้องรอต้นฉบับของคาจู แล้วเราก็จะเริ่มเย็บรวมกันได้…? ทาจิบานะคุงดูร้อนรนตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเขามองนาฬิกาบนผนัง คิดว่าเขาคงอยากไปเข้าร่วมชั่วโมงเรียนสาธารณะของห้องเรา[ ทาจิบานะคุง นายยังต้องไปห้อง 1-C ใช่มั้ย? เรื่องนิตยสารชมรมเราค่อยทำทีหลัง ไปก่อนเถอะ ][ อ๊ะ ครับ! ขอบคุณสำหรับงานครับ! ]ทาจิบานะตกใจและยืนขึ้น ผมอยากจะเดินตามไป แต่โคมาริก็คว้าเสื้อผมไว้[ น-นายจะไม่ทิ้งฉันไว้คนเดียวใช่มั้ย…? ][ ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวโคนุกิเซนเซก็กลับมาแล้ว ][ ฉ-ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ]ผมก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ช่วยอดทนหน่อยเถอะผมพยายามเกลี้ยกล่อมเธอเพราะโคมาริไม่ยอมปล่อยผมไป[ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวยานามิซังก็จะมาแล้ว เธอบอกว่าอีกแป๊ปนึงจะมา ][ ก-โกหก ]รู้ได้ไง? ผมหันไปทางอื่นอย่างกระสับกระส่าย โคมาริจ้องเขม็งมาที่ผม[ ต-ตานายที่เหมือนปลาตายนั่นมันสว่างมากเวลานายโกหกนะ ]ถ้าโดนจับได้แล้วก็ช่วยไม่ได้ ผมตัดสินใจเปลี่ยนท่าที[ โคมาริ มานี่สิ ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำอะไรหรอก ][ อุเอะ!? น-นายทำอะไร…? ]ผมพาโคมาริไปที่มุมห้องชมรม[ ฟังนะ ผลของงานเปิดบ้านนี้ส่งผลต่อจำนวนสมาชิกใหม่ที่เราจะได้ในปีหน้า นั่นแหละทำไมการต้อนรับคาจูและเพื่อนๆของเธอถึงสำคัญ- ][ พ-พวกเธอยังอยู่แค่ปีสองเองนะ ปีหน้าถึงจะเข้าชมรมได้ ใช่มั้ย? ][ …ใช่ ][ ล-แล้วอีกอย่าง คนอื่นๆกำลังจะมาเยี่ยมชมหลังจากไปชมรมวัฒนธรรม เราเลยต้องใส่ใจในการต้อนรับพวกเขาด้วย แล้ว น-นายอยู่ใกล้ฉันเกินไปแล้ว ! ถอยไปหน่อย ]เข้าใจละ นั่นก็จริงอยู่ รองประธานเราก็พึ่งพาได้เหมือนกันนะเนี่ย[ แต่เราจะเมินคาจูและเพื่อนๆ ไม่ได้นะ แบ่งกลุ่มกันแล้ว- ][ ฉ-ฉันบอกแล้วไง ว-ว่านายอยู่ใกล้ไป! ]โคมาริผลักตัวผมออกอย่างแรง[ เดี๋ยวคาจูจะได้ยินเอานะ เงียบหน่อยสิ โคมาริ ][ ท-ทุกคนไปหมดแล้ว! ]…หือ? ผมหันกลับไปดู สามคนนั้นหายไปจากห้องชมรมแล้ว[ เดี๋ยว ทุกคนไปไหนกัน? ][ น้องสาวนายส่งข้อความมาบอกฉันว่าเธอจะไปแล้ว ]โคมาริยื่นหน้าจอโทรศัพท์ให้ผมดูแวบหนึ่ง ใช่สิ คาจูบอกว่าเธอก็อยากไปชั่วโมงเรียนสาธารณะเหมือนกันนั่นหมายความว่าผมเพิ่งบังคับโคมาริให้ไปที่มุมแล้วกระซิบกับเธอ นี่ไม่ทำให้ผมกลายเป็นอาชญากรหรอกเหรอ?อย่างน้อยโคนุกิเซ็นเซก็ไม่เห็น… เอ๊ะ?ผมรู้สึกคุ้นเคยกับอะไรบางอย่าง พอหันกลับไปดู โคนุกิเซ็นเซกำลังแอบมองเราอยู่หลังประตูที่แง้มออกเล็กน้อย[ ไม่เป็นไร เซ็นเซจะคอยดูอยู่และมั่นใจว่านายจะไม่ล้ำเส้น เพราะงั้นทำตามใจนายและท้าทายขีดจำกัดไปเถอะ ]ผมไม่อยากจะล้ำเส้นหรือท้าทายอะไรทั้งนั้น ผมจัดเสื้อให้เรียบร้อยหลังจากเดินออกมาจากโคมาริ[ เซ็นเซ ผมยังต้องเป็นไกด์นำอยู่ ขอโทษที่ต้องทิ้งที่เหลือให้จัดการ ส่วนโคมาริก็- ]โคมาริตีหลังผมด้วยโทรศัพท์ของเธออย่างแรง ก่อนที่ผมจะพูดจบ[ โอ๊ย เจ็บนะ เธอทำอะไรเนี่ย? ][ ฉ-ฉันไม่ชอบส่วนนี้ของนายเลย! ][ บอกแล้วว่าเจ็บ เซ็นเซ ช่วยผมหน่อยเถอะ ]เซนเซทำหน้าพอใจหลังจากที่ผมขอความช่วยเหลือ[ ดีจัง เซนเซจะสนับสนุนงานอดิเรกแบบนี้เองของพวกเธอเอง ]…ได้โปรดอย่า แล้วก็ช่วยผมด้วย✧นั่นแย่มากเลยถึงแม้ว่าผมจะผิดเองที่ทำให้โคมาริตกใจ แต่เธอก็ไม่ต้องโกรธขนาดนั้นก็ได้มั้ย…?ผมวิ่งออกจากตึกฝั่งตะวันตกอย่างรวดเร็ว จากนั้น ผมก็เห็นพวกเขาทั้งสามคนเดินไปทางตึกใหม่ผ่านทางเดิน[ ขอโทษทีทุกคน มาช้าไปหน่อย ][ ท่านพี่ จะทิ้งโคมาริซังไว้จริงๆ เหรอคะ ? ]คาจูพูดออกแนวแกล้งเล่นหน่อยๆ เธอเดินอย่างรวดเร็วไปก่อนที่ผมจะตอบ…คิดว่าคาจูเองก็คงจะโกรธเหมือนกันผมถอยห่างออกจากเธอนิดหน่อยด้วยความกลัว และมาข้างๆ ทาจิบานะคุง[ ขอโทษนะครับพี่ชาย ไปข้างหน้าก่อนได้เลยครับ ][ ผมต่างหากที่ควรขอโทษ เราแค่ทะเลาะกันนิดหน่อย- ]…เอ๊ะ? เมื่อกี้เขาเรียกผมว่า “พี่ชาย” เหรอ?เอ่อ อย่าบอกนะว่าฉากถัดไปจะเป็น “ฝากคาจูไว้กับฉันเถอะ”หัวใจผมเต้นรัว หลังจากนั้น ทาจิบานะคุงก็พูดขึ้นด้วยความจริงจัง[ ที่พาพวกเรามาเดินทัวร์วันนี้ ขอบคุณมากครับ ]ผมได้แต่ตอบเขาแบบงงๆ ว่า “อืม ” และ “เอ่อ” ไม่รู้จะพูดอะไรดี คาจูอยู่ข้างหน้า ผมเลยคอยสังเกตพวกเขาไปด้วยสองคนนั้นกำลังคุยกันขณะที่เดิน พวกเขาไม่สนใจผมเลย[ ทาจิบานะคุง นายคิด-]นายคิดยังไงกับคาจู? ผมตัดสินใจกลืนคำพูดนั้นลงไปก่อนจะถามออกไป[ มีอะไรเหรอครับ ? ][ เอ่อ นายอยากเข้าโรงเรียนซึวะบุกิ ใช่มั้ย? ]เขายิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน[ ถึงผมจะอยากเรียนที่โรงเรียนซึวะบุกิมากแค่ไหน แต่ผมไม่ได้เก่งด้านการเรียนเหมือนอาซามิหรือคาจูซัง ผลการเรียนของผมไม่ดีพอที่จะเข้าได้ ]เอ๊ะ เขาไม่ได้ตั้งใจจะสมัครเข้าโรงเรียนซึวะบุกิ ?[ แล้วทำไมวันนี้ถึงมาทัวร์โรงเรียนล่ะ? ]ทาจิบานะคุงก้มหน้าลงอย่างเขินอาย[ เอ่อ มีบางอย่างที่ผมอยากจะพูดกับใครบางคนไม่ว่ายังไงก็ตาม ]…! ผมกลืนน้ำลายลงไป ลองถามเขาดูละกัน[ สิ่งที่นายอยากพูด…เกี่ยวกับความรักหรือเปล่า? ]ทาจิบานะคุงหยุดชะงักด้วยความตกใจหลังจากได้ยินคำถามนั้น[ อ๊ะ ถามคาจูซังแล้วเหรอครับ? เฮ้อ ผมบอกให้เธอเก็บไว้เป็นความลับแล้วนะ ][ แต่ยังไงนายก็ต้องพูดวันนี้อยู่ดี ใช่มั้ย? ]ทาจิบานะคุงพยักหน้า[ ใช่ครับ วันนี้ผมอยากจะรวบรวมความกล้าและสารภาพความรู้สึกของตัวเองออกไป ]เขายังไม่ได้สารภาพสินะ โล่งใจไปได้หน่อย… แต่ก็ไม่มีเวลาจะทำแบบนั้น[ ใกล้จะเริ่มแล้วนะทั้งสองคน ]เสียงของคาจูขัดจังหวะความคิดของผมพวกเราอยู่หน้าห้องเรียน 1-C แล้ว คาจูกับกอนโดซังกำลังโบกมือให้เราทาจิบานะคุงพยักหน้าด้วยความประหม่า เขายกมือขึ้นทักทายคาจู…นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึงจริงๆ ใช่มั้ย ?ผมอ่านนิยายเลิฟคอเมดี้มาเยอะ ผมรู้อยู่แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่เรื่องราวของทั้งสองคนกำลังจะมาถึงจุดไคลแม็กซ์ สิ่งที่จะรอพวกเขาอยู่คือ…-การสารภาพรัก
MANGA DISCUSSION