สถานีไอจิไดกาคุมาเอะ เป็นสถานีที่ใกล้กับโรงเรียนมัธยมซึวะบุกิมากที่สุดผมกับเทียร่าซังแยกกันที่นั่น เมื่อผมลงจากชานชาลาพร้อมกับยากิชิโอะตอนนั้นก็เริ่มมืดแล้วพวกเรายืนรอสัญญาณไฟที่ทางม้าลาย ผมตรวจสอบนาฬิกาเวลาผ่านไปจนตอนนี้ 4 โมงเย็น ซึ่งเลยเวลานัดมาเป็นชั่วโมงแล้ว[ บอกแล้วว่าเพลงสุดท้ายมันไม่จำเป็น เราพลาดรถไฟเลยเห็นมั้ย? ][ นุกคุงเองก็ดูจะสนุกไม่ใช่เหรอ? นายก็เล่นมาราคัสได้เก่งไม่เบาเลยนะ ]เอ๊ะ จริงเหรอ? บางทีผมอาจจะตั้งใจฟังจังหวะและทำนองเพลงมากไปพอได้คำชมแล้วก็รู้สึกเขินอยู่ ยากิชิโอะเอาศอกสะกิดผม[ นี่ โคมาริจังส่งข้อความมาหานายบ้างมั้ย? โทรศัพท์ฉันแบตหมดแล้ว ][ อืม คิดว่าเธอน่าจะส่งมาแล้วล่ะ ]ผมพูดตะกุกตะกักพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ที่จริงแล้ว โคมาริส่งข้อความหาผมทาง Line, SMS, โทรศัพท์, อีเมล และ Twitter DM ผมไม่ได้ตอบอะไรเลยสักอย่างยากิชิโอะมองดูโทรศัพท์ผมข้าง ๆ แล้วทำหน้า “อุว้า”[ เธอส่งข้อความมาตลอดเลยนี่ นุกคุง นายมันแย่จริงๆ ]…อีกข้อความของ “ไปตายซะ” ส่งมาแล้วยากิชิโอะบังตาด้วยฝ่ามือ เธอเหยียดตัวตรงและมองข้ามถนนไปอีกฝั่งคาเฟ่บอร์ดเกมอยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี แต่ผมมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน[ ชิกิยะซังจากสภานักเรียนเป็นสาวสวยแต่ก็แอบน่ากลัวใช่มั้ย? โคมาริจังอยู่กับเธอคนเดียวจะโอเคเหรอ? ][ โคมาริเริ่มชินกับเธอแล้วล่ะ พวกเขาน่าจะคุยกันได้สักชั่วโมงก็ไม่มีปัญหา ]ข้างหน้าคือถนนที่มีสองเลนในแต่ละฝั่ง การจราจรค่อนข้างหนาแน่นสัญญาณไฟคงไม่เปลี่ยนในเร็ว ๆ นี้แน่ แล้วผมก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้าไปในคาเฟ่บอร์ดเกมผมของเธอมัดเป็นสองหางด้านหลัง ดูคุ้น ๆ ยากิชิโอะดึงเสื้อผม[ นุกคุง นั่นใช่รุ่นพี่สึกิโนะคิรึเปล่า? นายชวนเธอมาที่นี่เหรอ? ]ผมส่ายหัวรุ่นพี่สึกิโนะคิไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้เลย และผมก็ไม่ได้ขอให้ชิกิยะซังช่วยด้วยแล้วทำไมรุ่นพี่สึกิโนะคิถึงมาอยู่ที่นี่- ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ…ผมรู้สึกไม่สบายใจผมรอให้สัญญาณไฟเปลี่ยนด้วยความกังวลยากิชิโอะเริ่มวิ่งทันทีที่ไฟเขียวผมเดินตามอย่างรวดเร็วและวิ่งตามหลังยากิชิโอะไปต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้นแน่ ๆ ผมรู้สึกถึงกำแพงบางอย่างระหว่างพวกเธอแต่พวกเธอก็คุยกันปกติเมื่อเจอหน้ากัน ไม่เคยเห็นพวกเธอโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเลยอาจจะกังวลมากเกินไปยากิชิโอะวิ่งด้วยท่าทางกังวลแสงออร่าประหลาดแผ่ออกมาจากด้านหลังของรุ่นพี่สึกิโนะคิ…ผมตามยากิชิโอะเข้าไปและเปิดประตูคาเฟ่ พวกเขาจ้องหน้ากันข้ามโต๊ะไม่ใช่ รุ่นพี่สึกิโนะคิกำลังยืนอยู่หน้าตโต๊ะด้วยใบหน้าขึงขังชิกิยะซังยังคงไร้อารมณ์เหมือนเคย เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดวงตาสีขาวอันงดงามของเธอจ้องมองรุ่นพี่สึกิโนะคิยากิชิโอะยืนอยู่ที่ประตู ผมเลยถามเธอ[ ไม่รู้ มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่ฉันเข้ามาแล้ว ]โคมาริดูวุ่นวายอยู่ระหว่างทั้งสองคน พอเห็นผม เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหา[ ฉ-ฉันบอกกับรุ่นพี่สึกิโนะคิแล้วว่าฉันมาที่นี่กะ…กับคนนั้น ขอโทษนะ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ]น้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของโคมาริ เธอยื่นโมเดลไก่ไม้เล็ก ๆ มาให้ผมตอนนี้ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ไก่นี่มาจากไหน?[ ไม่เลวนี่ โคมาริ แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ][ พ-พวกเขาจ้องตากันไม่หยุดตั้งแต่รุ่นพี่มาถึง ]เข้าใจแล้ว ยังมีอะไรอีกรุ่นพี่สึกิโนะคิตบโต๊ะเสียงดัง[ ชิกิยะ เธอคิดจะทำอะไรกันแน่? ]รุ่นพี่สึกิโนะคิระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นคนแรกชิกิยะซังเอียงคอ เธอดูไม่หวั่นไหวกับความโกรธของรุ่นพี่เลย[ มี…..อะไรเหรอ? ][ ฉันรู้ว่าเธอคอยดูแลรุ่นน้องของฉัน แต่ช่วงนี้เธอจะทำเกินไปแล้ว ][ มันแย่เหรอ…ทุกคนใจดีกับฉันมาก… ]ชิกิยะซังลุกขึ้นยืนอย่างเซื่องซึม ผมยาวโค้งของเธอพริ้วไหวอย่างอ่อนโยนดวงตาสีขาวของชิกิยะซังมองเห็นผมรุ่นพี่สึกิโนะคิหันมองตามสายตา เธอเห็นผมแล้วสีหน้าของเธอกระตุก[ นุคุมิซึคุงสินะ คราวนี้เธอเลือกนุคุมิซึเหรอ ชิกิยะ? บางทีนี่อาจดูเหมือนเกมสำหรับเธอ แต่เธอเคยคิดถึงพวกเราบ้างมั้ย? ][ เกม….มันไม่ดีเหรอ?] [ ชิ! เธอ! ]เอ๊ะ ผมเหรอ? พวกเธอพูดถึงผมเหรอ? ผมรีบเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเธอสองคน[ เดี๋ยวก่อน! ผมขอให้ชิกิยะซังช่วยตอนที่นิยายของรุ่นพี่โดนยึดไป เธอไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ นะ ][ นุคุมิซึคุง เรื่องจริงเหรอ? สำหรับฉัน ชิกิยะกับ- ]รุ่นพี่สึกิโนะคิหยุดพูดกลางคัน[ อ่า ใช่ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น ][ รุ่นพี่… โคโตะซัง… ประธานขอให้ฉันช่วยน่ะ ]ชิกิยะซังยืนข้างผมอย่างเงียบ ๆ โดยที่ผมไม่ทันรู้ตัว[ นั่นแหละ เธอ- ][ ทุกคน…กำลังตามเก็บความยุ่งเหยิงของโคโตะซัง… ]ชิกิยะซังย่างเข้ามาใกล้รุ่นพี่สึกิโนะคิเล็กน้อยในท่าทางยั่วยุ[ เธอ…เข้าใจมั้ย ? ]รุ่นพี่สึกิโนะคิจ้องใบหน้าของชิกิยะซังอย่างเงียบ ๆเธอถอยหลังไปเล็กน้อยและหันหน้าหนี ก่อนที่สถานการณ์จะตึงเครียดมากขึ้น[ ขอโทษนะ นุคุมิซึคุง โคมาริจัง ยากิชิโอะจัง ฉันขอโทษที่ทำให้พวกเธอต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ด้วย ]รุ่นพี่สึกิโนะคิโค้งคำนับให้พวกเรา[ พวกเธอไม่ต้องมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีกแล้ว นี่เป็นความผิดของฉันเอง ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมดเอง ]รุ่นพี่สึกิโนะคิเงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มอันอ่อนแรง[ เพราะงั้น…อย่าเข้าใกล้ชิกิยะมากนักเลย ]พวกเราทุกคนเงียบไปทันทีเมื่อได้ยินคำนั้นทั้งร้านเงียบสนิท ผมค่อย ๆ เลือกคำพูดของตัวเองก่อนจะถามออกไป[ …นี่เป็นคำแนะนำของรุ่นพี่ใช่มั้ย? ][ ก็คงอย่างนั้น ถึงฉันจะไม่จำเป็นต้องพูดก็เถอะ ][ เข้าใจแล้ว แต่ว่ายังไง..รุ่นพี่ก็ออกจากชมรมวรรณกรรมไปแล้วนี่ ][ เฮ้ นุกคุง! ]ยากิชิโอะดึงไหล่ผมจากข้างหลังรุ่นพี่สึกิโนะคิกัดริมฝีปากแล้วก้มศีรษะลง[ …นายพูดถูก ฉันขอโทษ ฉันจะไม่ก่อปัญหาให้ทุกคนอีกแล้ว ][ เพราะอย่างนั้น รุ่นพี่ควรจะปล่อยเรื่องโดจินชิและเรื่องอื่น ๆ ให้สมาชิกปัจจุบันจัดการเถอะ ไม่ว่ารุ่นพี่จะออกไปแล้วหรือไม่ก็ตาม รุ่นพี่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของชมรมวรรณกรรมอยู่ดี ปล่อยให้รุ่นน้องอย่างพวกเราดูแลและเชื่อใจพวกเราเถอะ ]…ผมไม่รู้ว่านี่คือคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่แต่ที่แน่ ๆ คือ ผมเคยได้รับความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่น่าปวดหัวคนนี้อยู่เสมอแม้ผมจะต้องเจ็บปวดเพราะเธอหลายครั้ง แต่เธอก็ให้บางสิ่งบางอย่างกลับมามากกว่าเสมอเพราะอย่างนั้น ผมถึงไม่อยากเห็นรุ่นพี่ต้องเจ็บปวดเพื่อพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามผมไม่รู้ว่าเธอเข้าใจมั้ย รุ่นพี่สึกิโนะคิก้มหัวลงอีกครั้ง[ …ฉันต้องขอโทษจากใจจริง ทุกคน ขอโทษที่ทำให้เกิดปัญหากับคนในร้านด้วย ]หลังจากนั้น เธอสังเกตเห็นชิกิยะซังที่กำลังมองเธออยู่ เธอลังเลอยู่สักพักก่อนจะพูดขึ้นอย่างไรก็ตาม คำพูดที่พวกเราหวังเล็กน้อยว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างนั้นกลับไม่ปรากฏออกมา เพราะคำพูดมหัศจรรย์แบบนั้นมันไม่มีอยู่จริง[ ขอโทษที่รบกวนเธอนะ ชิกิยะซัง ]แล้วรุ่นพี่สึกิโนะคิก็ออกจากร้านไปอย่างเงียบ ๆผมยืนนิ่งอยู่ที่เดิม โคมาริเป็นคนแรกที่ขยับตัว[ ฉ-ฉันจะตามรุ่นพี่สึกิโนะคิไป ][ อืม ฝากด้วยนะ โคมาริ ]โคมาริพยักหน้า ก่อนจะรีบวิ่งออกจากร้านไปหลังจากนั้นไม่นาน ความวุ่นวายก็กลับมาสู่ร้านอีกครั้งชิกิยะซังยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง เธอหยิบธนบัตรจากกระเป๋าสตางค์แล้ววางลงบนโต๊ะ[ ขอโทษนะ…ฉันจะวางเงินค่าเครื่องดื่มไว้ตรงนี้ ]ชิกิยะซังเดินออกจากร้านด้วยท่าทางโซเซผมลังเลที่จะวิ่งตามเธอไป ยากิชิโอะดันหลังผมเบา ๆ[ ไปสิ นุกคุง ][ …ไปได้จริง ๆ เหรอ? ]ชิกิยะซังเพิ่งจะถูกเพื่อนสนิทปฏิเสธความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัว แต่คำตอบที่ชัดเจนกลับไม่มีให้เห็น[ ผมคิดว่าในเวลาแบบนี้เธอคงอยากอยู่คนเดียว ]ยากิชิโอะดันหลังผมอีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิมหน่อย[ อยากอยู่คนเดียวกับความรู้สึกเหงามันไม่เหมือนกันนะ ]ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของยากิชิโอะส่งความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาผมเดินออกจากร้านไป โดยไม่รู้ตัวว่าทำไม ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดขณะกดแก้มที่ร้อนผ่าวเพราะแสงแดดเมื่อครู่— ฝนเริ่มตกแล้ว◇ชิกิยะซังกำลังเดินอยู่บนทางเท้าตรงไปยังโรงเรียนซึวะบุกิฝนเย็นที่ตกเป็นช่วง ๆ กลบแสงอันริบหรี่ของฤดูหนาวอย่างรวดเร็วชิกิยะซังเดินในความมืด ไฟหน้ารถที่แล่นผ่านส่องสว่างร่างของเธอเป็นช่วง ๆผมรีบวิ่งไปหาเธอแล้วเดินเคียงข้าง[ เธอโอเคมั้ย? เอ่อ จะไปไหนเหรอ? ][ กลับ…บ้าน… ]ชิกิยะซังพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนเด็กไร้เดียงสาเช่นเคย[ บ้านเธออยู่ไหนล่ะ? ผมเดินไปส่งครึ่งทางได้นะ ]ซ่า… เสียงฝนบ่งบอกว่าฝนเริ่มตกหนักขึ้นผมเร่งให้ชิกิยะซังเดินต่อ เราไปหาที่หลบฝนใต้ชายคาอพาร์ตเมนต์ใกล้ ๆถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่ำ แต่ท้องฟ้ากลับมืดราวกับมีใครทาสีทึบลงไปผมถอนหายใจโล่งอกแล้วหันไปมองชิกิยะซังที่อยู่ข้าง ๆหยดน้ำไหลจากผมที่เปียกของเธอลงมาผ่านแก้มที่ขาวซีดผมค้นในกระเป๋า แต่ก็พบว่าผมลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ที่ไหนสักแห่งเรื่องพลาด ๆ แบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับผมเสมอ[ ฝนยังไม่หยุดเลย เดี๋ยวไปซื้อร่มตรงนั้นนะ รอแป๊บนึงได้มั้ย?] [ ไม่เป็นไร… ฉันเรียกแท็กซี่แล้ว… ]หน้าจอโทรศัพท์ของชิกิยะซังเปียกฝน เธอมองมันอย่างไร้อารมณ์แสงจากหน้าจอทำให้ใบหน้าของเธอดูซีดลงกว่าเดิม[ ไม่หนาวเหรอ? ][ …ไม่รู้สิ ]ชิกิยะซังตอบอย่างหมดแรงเธอป่วยถึงขนาดที่ไม่รู้สึกหนาวหรือเปล่านะ? น่าเป็นห่วงจริง ๆ[ ฉันไม่เข้าใจ…สิ่งที่โคโตะพูด ]เธอพึมพำอย่างหมดเรี่ยวแรงกว่าเดิม[ อืม… คนแบบนั้นบางทีก็พูดเอาแต่ใจตัวเองเกินไปน่ะ อย่าคิดมากเลย ]ชิกิยะซังหยิบเส้นผมที่เปียกติดหน้าผากขึ้นแล้วเอียงหัว[ ฉัน…ทำให้พวกเธอลำบากเหรอ…? ][ เอ๋? เปล่าหรอก ไม่จริงเลย พวกเราเป็นฝ่ายขอให้เธอช่วยต่างหาก ]ผมยื่นซองทิชชู่ที่เจอในกระเป๋าให้เธอ[ ขอบคุณนะ… ใจดีจัง ]ชิกิยะซังหยิบทิชชู่มาเช็ดหน้าผากที่เปียกของเธอ[ น้องสาวเป็นคนใส่มาให้เอง เธอเป็นคนใจดีจริงๆนั้นแหละ ]ตอนที่เธอพูดว่าผมใจดีมันให้ความรู้สึกเหมือนเลิฟคอมฯเลย เพียงเพราะผมแค่ให้ทิชชู่กับเธอเนี่ยขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องนั้น ปลายนิ้วของชิกิยะซังก็แตะกับปลายนิ้วของผม[ งั้น…แค่ตอนนี้…ได้โปรด…ใจดีกับฉันหน่อยนะ ]เอ๋? หมายถึงอะไร-มือของผมเริ่มแข็งทื่อ ปลายนิ้วของเธอแตะกับผมอีกครั้งนี่คือ…จับมือกันเหรอ?ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ถ้าผมคิดมากเกินไปแล้วจับเธอกลับล่ะ จะกลายเป็นการล่วงละเมิดทางเพศมั้ยเนี่ย?ว่ากันว่าหลายโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิดในช่วงที่การลูบหัวได้รับความนิยม[ เอ่อ… รุ่นพี่ชิกิยะ? ]ไม่มีคำตอบชิกิยะซังยืนใกล้ผมจนไหล่ของเราชนกัน เธอไม่ขยับไปไหนแท็กซี่ก็ยังไม่มาจากนั้น ปลายนิ้วของชิกิยะซังก็แตะกับนิ้วของผมอีกครั้งเบา ๆ ก่อนจะถอยออกไปเธอทำซ้ำอยู่สามครั้ง แล้วครั้งที่สี่เธอก็ไม่ปล่อยไปอีกหลังจากแตะปลายนิ้วของผม…ผมไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วอาจจะไม่นานนัก แต่สำหรับผมมันรู้สึกเหมือนยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์นั่นคือเหตุผลที่ผมตัดสินใจจับมือของชิกิยะซังไว้ตอนที่ปลายนิ้วของเธอกำลังจะผละออกไปอีกครั้งนิ้วของชิกิยะซังบอบบางและเย็นเฉียบเธอค่อย ๆ จับมือผมอย่างนุ่มนวล ราวกับว่ากำลังดูแลนกตัวเล็ก ๆมันเป็นเรื่องที่เรียบง่ายกว่าความรู้สึกโรแมนติกหรืออะไรแบบนั้นแค่อยากสัมผัสกับใครสักคน ความรู้สึกของเธอถูกถ่ายทอดมาให้ผมอย่างเจ็บปวดใบหน้าด้านข้างของชิกิยะซังยังคงไร้อารมณ์เช่นเคยนี่เป็นครั้งแรกที่ผมตระหนักได้— เด็กสาวคนนี้ไม่เคยหลั่งน้ำตาแม้แต่ตอนที่เธอร้องไห้
MANGA DISCUSSION