บทที่ 127 ปราบมนุษย์เหล็ก
เห็นหนิวลี่เตรียมตัวพร้อมแล้ว หลี่ขุยก็ไม่รีรอ ยกหมัดพุ่งเข้าใส่
หมัดของหลี่ขุยไม่ธรรมดา เมื่อชกออกไปก็มีเสียงลมดังหวีดหวิว เสียงลมแหลมคมทำให้หลายคนหน้าเปลี่ยนสี
ไอ้หมอนี่พัฒนาขึ้นอีกแล้ว แรงขนาดนี้คงเทียบเท่ากับผู้แข็งแกร่งระดับหลังฟ้าขั้นปลายแล้วกระมัง แต่ตอนนี้เพิ่งจะอายุ 20 ต้น ๆ เท่านั้น นับเป็นหน่อกล้าที่มีอนาคตไกล!
เหล่าผู้มีอิทธิพลที่เคยไล่หลี่ขุยออกไปต่างรู้สึกเสียใจ ทำไมตอนนั้นถึงไล่ยอดฝีมือแบบนี้ไปนะ ถึงจะชอบสู้ไปหน่อย แต่เวลาคับขันก็น่าจะช่วยข่มขวัญฝ่ายตรงข้ามได้
“หรือว่ารอให้มันจัดการเจ้าเด็กนั่นได้ก่อนค่อยเข้าไปชวนอีกทีดี? ”
ผู้มีอิทธิพลหลายคนมีความคิดอยากรับหลี่ขุยเข้ากลุ่มอีกครั้ง
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงหมัดอันน่าตกใจของหลี่ขุย แม้สีหน้าของหนิวลี่จะเรียบเฉย แต่ในใจก็อดชื่นชมไม่ได้ ในยุคที่พลังยุทธ์ไม่อาจทะลวงผ่านขั้นก่อนสวรรค์ได้ ดูเหมือนคนฝึกฝนวิชากำลังภายนอกจะได้เปรียบ โดยเฉพาะคนที่มีทั้งพรสวรรค์และขยันขันแข็ง ยิ่งมีโอกาสไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของยุทธภพได้มากเป็นพิเศษ
จู่ ๆ หนิวลี่ก็นึกสงสัยขึ้นมา ว่าถ้าให้หลี่ขุยฝึกปราณยุทธ์จะเป็นยังไง คิดดูสิ ปราณยุทธ์ขึ้นชื่อเรื่องพลังทำลายล้าง ถ้าบวกกับวิชากำลังภายนอกของหลี่ขุย คงไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับหลังฟ้าขั้นสูงสุดคนไหนต้านทานได้แน่
แต่อันนี้ก็แค่คิดเล่น ๆ ต้องดูกันก่อนว่าหลี่ขุยน่าไว้ใจรึเปล่า ตอนนี้จัดการอีกฝ่ายให้ได้ก่อนเถอะ
ดวงตาของเด็กหนุ่มเป็นประกาย หนิวลี่ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็ว บนฝ่ามือมีกลุ่มก้อนเมฆสีแดงเพลิงหมุนวนอยู่
หลายคนเห็นสีแดงบนฝ่ามือของหนิวลี่ ต่างก็คิดไปต่าง ๆ นานา วิชาฝ่ามือที่เปลี่ยนสีเป็นแดงมีไม่มาก หนึ่งในนั้นคือวิชาเงาโลหิต และไม่เพียงแต่ฝ่ามือเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนเป็นสีแดงได้ แต่รวมไปถึงทั้งร่างกายด้วย กระนั้นวิชานี้กลับสูญหายไปนานแล้ว
อีกอย่างหนึ่งก็คือมหามุทรา ว่ากันว่าเป็นวิชาของลามะทิเบต และผู้สืบทอดวิชานี้อย่างเชียวชาญก็คือตระกูลถังแห่งเมือง H
หรือว่าเจ้าเด็กนี่เป็นคนของตระกูลถัง?
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยอยู่นั้น หมัดอันหนักหน่วงของหลี่ขุยก็กระแทกเข้ากับฝ่ามือของหนิวลี่
“โครม! ”
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ดังจนแก้วหูของผู้ฝึกพลังยุทธ์ระดับต่ำ ๆ แทบแตก
เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวิชายุทธ์ที่จ้องมองอยู่ ต่างก็ยังทำไม่ได้แรงขนาดนี้ ถ้าโดนตัวเข้าไป มีหวังได้ตายแน่
แต่หลังจากเสียงดังสนั่น หลายคนก็ยิ่งตกใจจนต้องลุกขึ้นยืน บางคนถึงกับร้องออกมาว่า “เป็นไปได้ยังไง! ”
ปรากฏว่าหลังจากเสียงดังสนั่นระลอกนั้น องค์ประกอบไฟบนฝ่ามือของหนิวลี่ก็ปะทุขึ้น แรงระเบิดที่รุนแรงกว่าเดิมพุ่งกระจายออกมา
หลี่ขุยที่กำลังสงสัยว่าหนิวลี่รับหมัดตัวเองได้ยังไงสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน แต่ร่างกายกลับไม่ทันความคิด ถูกแรงระเบิดของธาตุไฟโจมตีจนต้านทานไม่ไหว ร่างถดถอยหลังกะทันหัน เสียงฝีเท้าหนักอึ้งกระทบพื้น ทำให้ทุกคนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
“บ้าเอ๊ย ไอ้เด็กนี่มันอัจฉริยะชัด ๆ ! ”
พอผู้คนรอบข้างตั้งสติได้ ก็พากันคิดแบบเดียวกัน
หลี่ขุยต้องถอยหลังติดต่อกันประมาณเจ็ดแปดก้าวกว่าจะหยุดได้ เขาจ้องมองหนิวลี่อย่างไม่อยากเชื่อ ร่างกายผอมบางแบบนี้สามารถปล่อยพลังมหาศาลออกมาได้ยังไงกัน?
แต่หนิวลี่กลับไม่สนใจสายตาของคนอื่น เขามองหลี่ขุยแล้วถามว่า “เป็นไง ยังอยากลองอีกไหม? ”
หลี่ขุยรู้สึกตัว รีบส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว นายแข็งแรงกว่าฉัน ฉันยอมแพ้”
“ซี้ด! ”
ตอนนี้เองทุกคนถึงเพิ่งรู้สึกตัว ต่างมองหนิวลี่อย่างตกตะลึง เด็กคนนี้เอาชนะหลี่ขุยจอมพลังได้จริง ๆ แถมยังเป็นการโจมตีเบา ๆ เพียงฝ่ามือเดียว! นี่กำลังล้อเล่นอยู่หรือไง?
ถ้าไม่รู้จักนิสัยของหลี่ขุยจอมพลังมาก่อน พวกเขาคงคิดว่าหลี่ขุยแกล้งยอมแพ้ไปแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เธอก็เป็นคนของสหพันธ์สวรรค์ของฉันแล้ว” หนิวลี่ยิ้ม
หลี่ขุยรีบยืดหน้าอกพร้อมกล่าว “แค่มีข้าวให้กินและหาคนมาต่อสู้ด้วยบ่อย ๆ จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“ฮ่า ๆ วางใจได้ ข้าวน่ะมีให้กินแน่นอน ส่วนเรื่องคนต่อสู้ด้วยก็มีเหมือนกัน” หนิวลี่หัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็หันไปมองคนอื่น ๆ ของสมาพันธ์บู๊และหน่วยรบพิเศษจากกระทรวงความมั่นคง
หลี่ขุยเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย การปราบเขาได้นับว่าน่ายินดี แต่ตอนนี้หนิวลี่กำลังเผชิญหน้ากับ 2 มหาอำนาจ นั่นคือหน่วยรบพิเศษของรัฐ และสำนักต่าง ๆ ในสมาพันธ์บู๊ จุดพีคจริง ๆ เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
“ทุกท่าน ผม หนิวลี่… ผู้นำสหพันธ์สวรรค์ ครั้งนี้ได้รับเชิญมาถึงได้ช้าไปหน่อย ขออภัยด้วย” หนิวลี่กล่าวอย่างสุภาพ เลียนแบบพิธีการที่เห็นในทีวี
“ฮ่า ๆ ไม่ช้า ๆ พวกเรามาถึงก่อนก็เลยว่าง ๆ นั่งดูท่านผู้นำหนิวโชว์ฝีมือ ทำให้พวกเราเปิดหูเปิดตาจริง ๆ ” อาจารย์ชิงมู่ที่นั่งรวมอยู่ในกลุ่มลุกขึ้นยืนกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม
“ถูกต้อง ท่านผู้นำหนิวอายุยังน้อยแต่ฝีมือไม่ธรรมดา พวกเราล้วนชื่นชม” อวี๋ป๋อทงแห่งสำนักเก้าสายธารก็ลุกขึ้นยืนกล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ท่านผู้นำหนิว เชิญนั่งทางนี้”
หนิวลี่เหลือบมองหลี่เตาปา หลี่เตาปารีบพยักหน้าส่งสัญญาณ โต๊ะนั้นคือที่นั่งของเหล่าผู้นำกลุ่ม
หนิวลี่ยิ้มบาง ๆ เดินไปนั่งที่ว่าง
“ท่านผู้นำหนิว อาตมภาพมาจากวัดเส้าหลิน ท่านนี้คืออาจารย์ชิงมู่แห่งสำนักอู่ตัง อาจารย์ฮุ่ยหยวนแห่งสำนักเอ๋อเหมย อวี๋ป๋อทงจากสำนักเก้าสายธาร หลินมู่เสวี่ยแห่งเจียงหนาน และเซียนกระบี่หวังเว่ย หัวหน้าพรรคหวังชือ”
ผู้ที่ลุกขึ้นยืนก่อนคือพระอาจารย์หยวนจี้แห่งวัดเส้าหลิน เขาเป็นผู้มีบารมีสูงสุดในที่นี้ จึงเป็นคนแนะนำทุกคนให้หนิวลี่รู้จักทีละคน ส่วนหนิวลี่ก็พยักหน้าทักทายทีละคนเช่นกัน
ไม่ว่าจะมาดีหรือมาร้าย แต่เบื้องหน้าก็ต้องทำเป็นดีด้วยไว้ก่อน
แต่พอแนะนำถึงเซียนกระบี่หวังเว่ย หัวใจของหนิวลี่ก็เต้นขึ้นมาทันที
ในช่วงเวลานี้ ถึงแม้สหพันธ์สวรรค์จะถูกหน่วยรบพิเศษกระทรวงมั่นคงและสมาพันธ์บู๊ลิ้มจับตามองอยู่ แต่ขณะเดียวกัน ฝ่ายตรงข้ามก็อยู่ภายใต้การเฝ้ามองของสหพันธ์สวรรค์เช่นกัน บุคคลสำคัญไม่กี่คนแรก หนิวลี่ค่อนข้างคุ้นเคยดี แต่สำหรับหวังเว่ยคนนี้ เขาเพิ่งเข้าร่วมมาได้ไม่นาน แถมก่อนหน้านี้หนิวลี่ก็ไม่ได้รับข้อมูลอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายมาก่อนเลย
แต่เมื่อกล้าใช้ฉายาว่าเซียนกระบี่ แถมยังสามารถนั่งร่วมโต๊ะกับอาจารย์หยวนจี้และคนอื่น ๆ ได้ แสดงว่าไม่ใช่บุคคลธรรมดาแน่นอน
หนิวลี่ยิ้มบาง ๆ แล้วกวาดสายตามองเซียนกระบี่หวังเว่ย แต่กลับเห็นเพียงแค่ใบหน้าขาวสะอาดไร้หนวดเครา ดวงตาคมกริบ ราวกับในแววตานั้นมีประกายคมดาบแฝงอยู่ แถมลมหายใจยังดูยืนยาว แสดงถึงพลังยุทธ์ภายในที่ไม่ธรรมดา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่ในขั้นปลายสุดของขอบเขตหลังฟ้า
แต่สิ่งที่ทำให้หนิวลี่ประหลาดใจคือเซียนกระบี่ผู้นี้กลับไม่แม้แต่จะขยับเปลือกตาขึ้นมามอง ทำเพียงจ้องมองมาที่หนิวลี่ด้วยสายตาแปลก ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ พี่หวังเขาก็เป็นคนแบบนี้แหละ ในยุทธภพไม่ว่าจะเจอใครก็เป็นแบบนี้ ขอท่านผู้นำหนิวอย่าได้ถือสาเลย” พอเห็นแบบนั้น อาจารย์ชิงมู่ก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที
หนิวลี่ยิ้ม ๆ เป็นเชิงว่าไม่ถือสา แต่ในใจกลับจดจำเซียนกระบี่สุดเก่งกาจคนนี้เอาไว้แล้ว
“ท่านผู้เฒ่าอย่าลืมผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้สิคะ”
ทันใดนั้นเสียงหวาน ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้น
หนิวลี่ถึงกับผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเห็นว่าสีหน้าของอาจารย์ชิงมู่และคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปเล็กน้อย พวกเขาไม่พูดอะไร เพียงแค่นั่งเงียบ ๆ รอดูสถานการณ์
ฝั่งหน่วยรบพิเศษของประเทศ หลงพั่วหลู่เดินเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หลงพั่วหลู่ ครูฝึกหน่วยรบพิเศษของกระทรวงความมั่นคงทีมที่ 5 ขอทำความเคารพท่านผู้นำหนิวค่ะ”
หนิวลี่มองหญิงสาวที่ส่งยิ้มหวานมาให้ด้วยความตะลึงงัน
ไม่จริงน่า พอได้เห็นใกล้ ๆ แบบนี้ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้หน้าคุ้น ๆ
นี่ไม่ใช่การจีบนะ แต่มันคุ้นจริง ๆ เหมือนกับ… เหมือนกับ… ใช่แล้ว! เหมือนกับพี่หลงเลย!
บ้าจริง พอคิดได้แบบนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนเข้าไปใหญ่ หรือว่าพี่หลงกับหลงพั่วหลู่จะมีความเกี่ยวข้องกัน?
คิดได้ดังนั้น พลังจิตวิญญาณของเขาก็แผ่กระจายออกไป ทันใดนั้นสีหน้าของหนิวลี่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ท่านผู้นำหนิวกำลังดูแคลนน้องสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้อยู่หรือเปล่า? ” เมื่อเห็นว่าหนิวลี่ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบ หลงพั่วหลู่ก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
หนิวลี่รู้สึกตัว ก่อนจะตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ “เปล่า ผมไม่ได้ดูถูกคุณหรอก เพียงรู้สึกว่าคุณหนูหลงหน้าเหมือนเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักเท่านั้น ฮ่า ๆ ๆ พอเห็นแวบแรกก็เลยตะลึงไปหน่อย ขอโทษด้วย จะดื่มให้หมดแก้วเป็นการไถ่โทษเดี๋ยวนี้แหละ”
พูดจบหนิวลี่ก็ยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นดื่มจนหมด
“หน้าเหมือนเหรอคะ? ” หลงพั่วหลู่ทำท่าตกใจ ไม่คิดว่าหนิวลี่จะพูดแบบนั้น ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ผู้หญิงคนไหนถูกผู้ชายพูดแบบนี้ใส่ก็ต้องคิดไปไกลกันทั้งนั้น
หนุ่มน้อยคนนี้กำลังคิดจะจีบเธอแน่ ๆ !
แม้สีหน้าหลงพั่วหลู่จะแปลกไป แต่เธอก็ไม่ได้คิดไปไกลขนาดนั้น หญิงสาวครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าเธอเหมือนเพื่อนของเขาคนใดคนหนึ่งจริงหรือ? แต่จะมีใครบ้างที่เหมือนกับเธอได้?
ทันใดนั้นสีหน้าของหลงพั่วหลู่ก็เปลี่ยนไป ราวกับนึกอะไรบางอย่างออก ดวงตาฉายแววประหลาดใจ แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะซักถาม เธอจึงได้แต่ยิ้มหวานแล้วพูด “เข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ฉันก็นับเป็นมิตรของท่านหัวหน้าหนิวคนหนึ่ง ใช่ไหมคะ? ”
“อืม คุณหนูหลงนับเป็นเพื่อนของผมอย่างแน่นอน” หนิวลี่ยิ้ม
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอนั่งตรงนี้ด้วยคนแล้วกัน การได้กินข้าวกับเพื่อนเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันมีความสุขที่สุด” หลงพั่วหลู่กวาดตามองอาจารย์ชิงมู่และคนอื่น ๆ รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความหมาย
อาจารย์ชิงมู่หัวเราะแห้ง ๆ “แน่นอน คุณหนูหลงเป็นวีรสตรีที่หาได้ยากยิ่ง การที่ได้ร่วมโต๊ะกับคุณเป็นเกียรติของพวกเรายิ่งนัก”
“งูพิษกับความปากอย่างใจอย่างนี่ช่างเป็นสัจธรรมของชีวิตจริง ๆ ”
หนิวลี่วางจอกเหล้าลง สายตามองไปรอบ ๆ โต๊ะ เขาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายภายในระยะเวลาเพียงชั่วขณะหนึ่ง
MANGA DISCUSSION