บทที่ 125 คำเชิญจากสมาพันธ์บู๊และกระทรวงความมั่นคง
เช้าวันรุ่งขึ้น แม้ถิงถิงจะรู้สึกตื่นเต้น แต่ด้วยสัญญารักษาความลับระหว่างตนเองกับพี่ชาย เธอจึงเก็บความสุขไว้กับตัวเอง ไม่ได้บอกพ่อกับแม่ มีเพียงเสียงหัวเราะออกมาเป็นครั้งคราวเท่านั้น ทำให้ทุกคนคิดว่าเธอคงดีใจที่จะได้เจอพี่ชายคนสนิทมาก
ส่วนหนิวลี่ก็ใช้ชีวิตเหมือนเช่นเคย ทานอาหารเช้าที่แม่เตรียมไว้แล้วไปโรงเรียน
การกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมก่อนที่จะเกิดเรื่องไตรภาคีขึ้น ทำให้หนิวลี่รู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ช่างแสนวิเศษนัก นี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิตวัยรุ่นที่แท้จริง
ระหว่างทางไปโรงเรียน หนิวลี่ได้ยินผู้คนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวของตึกไตรภาคี รวมไปถึงเสาลำแสงประหลาดที่ปรากฏขึ้นเหนือทะเลสาบหลิงกวงเมื่อคืนก่อน ๆ
แม้แต่แผงขายหนังสือพิมพ์ริมทาง ก็ยังมีแต่หนังสือพิมพ์ที่นำเสนอเรื่องการถล่มจมลงดินของตึกไตรภาคี
หนิวลี่อมยิ้มขณะมองดูไปรอบๆ และอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ดูเหมือนว่าหลังจากที่เขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของไตรภาคี ชีวิตของผู้คนในเมือง H จะคึกคักขึ้นมาก แทบทุกวันมีเรื่องแปลกใหม่เกิดขึ้น ทำให้ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาที่นี่เพิ่มขึ้นไม่น้อย
เมื่อไปถึงโรงเรียน นักเรียนหลายคนกำลังอ่านหนังสือเตรียมตัวสำหรับคาบเรียน หนิวลี่ก็เดินไปที่โต๊ะของตัวเอง หยิบสมุดโน้ตของเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่รู้จักขึ้นมาทบทวนบทเรียนที่เขาพลาดไป
บรรยากาศเหล่านี้เป็นบรรยากาศรื่นรมย์ซึ่งไม่ต้องสื่อสารอะไรกันก็เป็นอันรู้ธรรมเนียม ซึ่งหนิวลี่ชอบมันมาก
คาบเรียนในช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้หนิวลี่แกล้งทำเป็นซุกซน เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น และใช้พลังวิญญาณหลบเลี่ยงเหมียวเถียนเถียนที่มารอดักเขาอยู่ไป
เหมียวเถียนเถียนยืนรออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหนิวลี่ จึงรู้ทันทีว่าถูกเจ้าคนเจ้าเล่ห์หลอกเข้าแล้ว
เมื่อนั่งแท็กซี่ไปถึงบ้าน ณ เย่เย่ไหล หนิวลี่ก็ยังคงรู้สึกยินดีที่สามารถแกล้งเหมียวเถียนเถียนได้สำเร็จไม่หาย
เอลฟ์น้อยในตอนนี้กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ข้าง ๆ มีหลี่เตาปาและเหวินชิงนั่งอยู่เป็นเพื่อน สีหน้าของทั้ง 2 ดูคล้ายจะโดนเอลฟ์น้อยเล่นงานมาไม่เบา
เมื่อเห็นหนิวลี่ เอลฟ์น้อยก็ดีใจมากจนถึงกับวางไก่ทอดในมือลง รีบวิ่งเข้ามากอดเอวหนิวลี่พลางพูด “พี่ชายใจร้าย มาช้าจัง”
“เธอนี่ กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่มสักที ระวังเขาจะหมดตัวเพราะเลี้ยงเธอไม่ไหวนะ” หนิวลี่พูดติดตลก
“ฮึ่ม หนูกินไปแค่นิดเดียวเอง นี่ถือว่าเป็นเกียรติของพวกเขาแล้วนะที่หนูกินอาหารของพวกเขา” ภูตน้อยเงยหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“ฮ่า ๆ ๆ ” หนิวลี่ส่ายหัวอย่างเอ็นดู ก่อนจะหันไปมองหลี่เตาปาและเหวินชิง “ทำไมวันนี้ทั้ง 2 คนดูว่างกันจังเลยล่ะ ที่ญี่ปุ่นเป็นไงบ้าง? ”
เหวินชิงที่ลุกขึ้นยืนอยู่ก่อนแล้วรีบพูดด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น “ทุกอย่างราบรื่นเรียบร้อยดีเลยล่ะ ฮ่า ๆ ๆ พอไอ้หมอนั่นกลับไปญี่ปุ่นก็ถูกไตรภาคีพาตัวไปที่ฐานทัพทันที จากข่าวที่เราได้มาเมื่อเช้านี้ เมื่อคืนไอ้หมอนั่นก็ถูกฆ่าทิ้ง ส่วนฐานทัพของไตรภาคีถูกกองกำลังปิดล้อมไว้หมดแล้ว”
“งั้นก็แปลว่าไวรัสนั่นได้ผลสินะ ฮึ่ม ถึงจะถูกควบคุมไม่ให้แพร่กระจายออกไป แต่มันก็ทำให้ไตรภาคีอ่อนแอลงไปมาก” หนิวลี่ยิ้มเย็น
“นายท่าน ตอนนี้ในสหพันธ์ของเรามีเรื่องยุ่งยากใจ 2 เรื่องที่จำเป็นต้องให้ท่านจัดการครับ” หลี่เตาปากล่าวขึ้นอีกครั้ง
“อ้อ ว่ามาสิ” หนิวลี่ถามด้วยความสงสัยพลางอุ้มเอลฟ์น้อยไปนั่งบนโซฟา
หลี่เตาปาก้าวขึ้นไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้วกล่าว “หน่วยรบพิเศษของกระทรวงมั่นคงกับสมาพันธ์บู๊กำลังจับตาดูสหพันธ์สวรรค์ของเราอยู่ ตอนนี้น่าจะสืบเรื่องระหว่างเรากับไตรภาคีได้แล้ว แต่เพราะนายท่าน พวกเขาจึงยังไม่มีท่าทีจะลงมือใด ๆ ถึงอย่างนั้นเมื่อวานตอนบ่าย ทั้งหน่วยรบพิเศษกับสมาพันธ์บู๊ต่างก็ส่งคนมาบอกว่าอยากพบกับท่าน อยากจะเจรจาเรื่องบางอย่างกับท่านโดยตรงครับ”
คำพูดของหลี่เตาปาไม่ได้ทำให้หนิวลี่ประหลาดใจนัก
เพราะหน่วยรบพิเศษกับสมาพันธ์บู๊ที่มาเมือง H นั้นเรียกได้ว่าไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย โดยเฉพาะสมาพันธ์บู๊ พวกเขาเสียหายจากการแย่งชิงลูกแก้วมังกรที่ทะเลสาบหลิงกวงไปไม่น้อย
“พวกเขาจะมาพร้อมกัน? ” หนิวลี่ถามต่อ
หลี่เตาปาตอบ “ไม่ได้มาพร้อมกันครับ แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ขอร้องให้ท่านยินยอมให้เข้าพบภายในค่ำคืนนี้ให้ได้”
“ฮ่า ๆ บังเอิญจริง ๆ ” หนิวลี่หัวเราะเยาะอย่างเย็นชา ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ไปแจ้งทั้ง 2 ฝ่ายเถอะ ว่าให้มาที่โรงแรมเดอะคราวน์ภายในคืนนี้ มีเรื่องอะไรก็มาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลย ฉันจะรอดูว่าพวกเขายังมีจุดประสงค์อะไรอีก”
เวลา 2 ทุ่ม หนิวลี่ออกจากที่พัก ขึ้นรถที่หลี่เตาปาเตรียมไว้ให้ตั้งแต่เนิ่น ๆ มุ่งตรงไปยังโรงแรมเดอะคราวน์
กล่าวถึงโรงแรมเดอะคราวน์ ที่นี่เป็นโรงแรมหรูหรา 5 ดาวระดับท็อปที่มีชื่อเสียงมากในเมือง H เป็นของมู่หรงฉางเทียน นักธุรกิจชื่อดังของวงการธุรกิจเมือง H
มู่หรงฉางเทียนคนนั้นจัดเป็นที่ไม่ค่อยมีคนรู้ใบหน้าค่าตาคนหนึ่ง ด้วยถึงแม้จะมีชื่อเสียงโด่งดังในเมือง H แต่ตัวจริงกลับไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนนัก แม้แต่งานเลี้ยงสังคมชั้นสูงเขาก็ไม่เข้าร่วม ทำให้คนจำนวนไม่น้อยมองเขาไม่ค่อยออก คิดเพียงว่าคนผู้นี้ชอบทำตัวลึกลับเกินไป
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากยุ่งกับเขา เพราะแซ่ของมู่หรงฉางเทียนคือแซ่ของตระกูลมู่หรงแห่งเจียงซู แม้มู่หรงฉางเทียนจะไม่พูด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเขามีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลมู่หรงแห่งเจียงซู ด้วยเหตุนี้ทุก ๆ คนจึงทำเป็นมองไม่เห็น ดีกว่าต้องไปขัดผลประโยชน์อีกฝ่าย
เมื่อหนิวลี่มาถึงโรงแรมเดอะคราวน์ เขาก็เห็นหลี่เตาปาและเหวินชิงกำลังพูดคุยกับชายร่างท้วมอ้วนอยู่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หนิวลี่มองชายร่างท้วมอ้วนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
เขาดูเหมือนพระสังกัจจายน์อ้วนท้วน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูราวกับไม่เคยหยุดยิ้มเลย ปากคอไพเราะอ่อนหวาน ซ้ำท่าทางของเขาก็เผยให้เห็นถึงกลิ่นอายในแบบฉบับของตระกูลชั้นสูง ดูจากท่าทางแล้ว น่าจะเป็น มู่หรงฉางเทียนเจ้าของโรงแรมแห่งนี้
เมื่อเห็นหนิวลี่ หลี่เตาปาและเหวินชิงจึงรีบกล่าวขออภัยชายร่างท้วม จากนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“นายท่าน”
“อืม คนของหน่วยรบพิเศษกับสมาพันธ์บู๊มาถึงแล้วเหรอ? ”
“มาถึงแล้วครับ กำลังรออยู่ที่ชั้นบน นายท่าน พวกเราต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ? ”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราไปกันเถอะ”
หนิวลี่เดินตามเหวินชิงเข้าไปในโรงแรมใหญ่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ฮ่า ๆ น้องหลี่ หนุ่มน้อยคนนี้เป็นใครกัน ท่าทางไม่ธรรมดาเลยนะ” ชายอ้วนมู่หรงฉางเทียนเข้ามาใกล้หลี่เตาปา แล้วถามด้วยรอยยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
หลี่เตาปามองมู่หรงฉางเทียนด้วยรอยยิ้มกำกวม แล้วพูด “หัวหน้าของพวกเรา”
“อ๋อ อืม คุณว่าอะไรนะ? ”
แม้แต่มู่หรงฉางเทียนที่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจและฝึกฝนความสงบนิ่งมาอย่างโชกโชน ตอนนี้ก็ยังรักษาท่าทีไว้ไม่อยู่ แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาอย่างชัดเจน
“ผมเคยบอกแล้วว่าหัวหน้าของพวกเรายังหนุ่มมาก” หลี่เตาปาพูดอย่างมีนัยสำคัญ
“หนุ่มงั้นเหรอ? ” มู่หรงฉางเทียนเดินตามหลัง มองเงาร่างของหนิวลี่แล้วรู้สึกว่าสมองหมุนตามไม่ทัน
นี่มันหนุ่มเกินไปแล้ว เด็กคนนี้เนี่ยนะที่ทำให้หน่วยรบพิเศษกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติและสมาพันธ์บู๊ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม เด็กคนนี้เนี่ยนะที่เล่นงานไตรภาคีได้อย่างง่ายดาย เป็นผู้เก่งกาจระดับก่อนสวรรค์! นี่เขาฟังผิดไปหรือเปล่า หรือว่าหลี่เตาปากำลังล้อเขาเล่นอยู่
หลี่เตาปายิ้มอย่างภาคภูมิใจ ไม่สนใจสายตางงงวยของมู่หรงฉางเทียน รีบก้าวตามหลังหนิวลี่เข้าไปในลิฟต์
พอมู่หรงฉางเทียนรู้สึกตัว ลิฟต์ก็เริ่มเคลื่อนขึ้นไปแล้ว
“เฮ้อ แก่แล้วจริง ๆ คนรุ่นหลังเก่งกว่ารุ่นเก่าจริง ๆ นี่มันกฎตายตัวของยุทธภพที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” มู่หรงฉางเทียนยิ้มขื่น เดินไปอีกด้านหนึ่ง เปิดทางหนีไฟฉุกเฉินแล้วตามขึ้นไป
หลี่เตาปาจองห้องจัดเลี้ยงที่ชั้น 18 ของโรงแรมเดอะคราวน์
เมื่อหนิวลี่เดินเข้าไปในห้อง ห้องที่คึกคักก็เงียบลงทันที ทุกคนต่างหันมามองเขา
ไม่ผิดคาด หลายคนรู้สึกสงสัยเป็นอันดับแรกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร ถึงได้มีผู้ใหญ่อย่างหลี่เตาปาและเหวินชิงมาเป็นเพื่อน
แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่เคยเห็นหนิวลี่มาก่อนและจำได้แม่นยำ
อย่างเช่นครูฝึกหลงป้อหลู่ของหน่วยรบพิเศษ พอเขาเห็นหนิวลี่ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนยิ้มออกมาอย่างสื่อความนัย
ส่วนเหมียวจ้านและฟางเจิ้งที่ติดตามหน่วยรบพิเศษมาช่วยงานก็ตกตะลึงไม่ต่างกัน
แล้วเหมียวจ้านก็ลุกขึ้นยืนด้วยความยินดี “อาจารย์มาด้วย สมแล้วที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ งานแบบนี้จะขาดอาจารย์ไม่ได้เลย”
ฟางเจิ้งได้ยินแล้วกลอกตา ปิดบังความอิจฉาไม่มิด
ช่วงนี้ไอ้หมอนี่มันเท่จริง ๆ โดยเฉพาะเมื่อก่อนตอนที่เขาแข่งกับอีกฝ่ายแล้วยังเหนือกว่าอยู่นิดหน่อย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าตัวเองสามารถถูกจัดการได้อย่างง่ายดายเสียแล้ว
“ไม่ได้ ๆ ฉันต้องรีบไปคารวะท่าน เผื่อจะได้โชคลาภกับเขาบ้าง” เหมียวจ้านทนไม่ไหว ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปทางหนิวลี่
“เฮ้ย” ฟางเจิ้งได้แต่อุทานอย่างจนใจ
“ปล่อยเขาไปเถอะ พี่ชายของเธอกำลังจะได้พบกับโอกาสทองแล้ว” หลงพั่วลู่พูดแผ่วเบา ทำให้ฟางเจิ้งตกตะลึง
“ท่านอาจารย์ สบายดีไหมครับ? ”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเหมียวจ้าน ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย โดยเฉพาะหลี่เตาปาและเหวินชิง ทั้งคู่ต่างจ้องมองรอยยิ้มประจบสอพลอของเหมียวจ้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทำให้คนอดนึกถึงบทบาทของคนทรยศไม่ได้
หนิวลี่ไม่ได้คาดคิดว่าเหมียวจ้านจะอยู่ที่นี่เช่นกัน จึงยิ้มน้อย ๆ แล้วพูดว่า “มาในฐานะตัวแทนของหน่วยรบพิเศษเหรอ? ”
“ไม่ ไม่ ท่านอาจารย์เข้าใจผิดแล้ว ผมแค่มาช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะหน่วยรบพิเศษกับสมาพันธ์บู๊ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ กับผมหรอก แต่เห็นท่านสนิทสนมกับทางสหพันธ์สวรรค์แบบนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นคนของสหพันธ์สวรรค์แน่ๆ ฮ่าๆ งั้นตอนนี้ถ้าผมเดินตามท่านอาจารย์ ข้าก็จะเป็นคนของสหพันธ์สวรรค์แล้ว” เหมียวจ้านกล่าวออกมาอย่างชอบธรรม
MANGA DISCUSSION