บทที่ 123 ให้บิดามารดาเลื่อนขั้นพลังยุทธ์
“ถูกต้อง แม่พูดได้ดี! ” หนิวลี่หัวเราะแห้ง ๆ แสดงท่าทางเห็นด้วย
กู้ฮุ่ยผิงรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ลืมที่จะจ้องหนิวลี่อย่างดุ ๆ “อย่าชักใบให้เรือเสีย ไหนลูกลองพูดมาสิ ตอนนี้ลูกอยากจะทำอะไร บอกไว้ก่อนนะ อย่าได้คิดทำอะไรที่เป็นปฏิปักษ์กับประเทศและคนหมู่มากเชียว เพราะผลที่ตามมาไม่มีใครรับไหวหรอก”
สำหรับคำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของผู้เป็นมารดา หนิวลี่ทำได้เพียงยิ้มแห้ง ๆ แล้วพูด “ดูพูดเข้าสิแม่ ผมไม่ได้ตั้งใจจะก่อกบฏเสียหน่อย ทำไมพวกพ่อแม่ถึงชอบย้ำจังว่าอย่าให้ผมเป็นคนทรยศชาติ? ”
กู้ฮุ่ยผิงชะงักไป สีหน้าพลันแฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย มองสบตากับหนิวเปียว ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดว่า “ในเมื่อลูกรู้แล้วว่าพ่อกับแม่เคยเป็นอสูรคู่ของเมือง H เมื่อ 20 ปีก่อน ถ้าอย่างนั้นลูกก็น่าจะรู้ด้วย ว่าหลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น พ่อกับแม่ก็หายสาบสูญไปจากยุทธภพ ทั้งหมดมันก็เพราะพวกเราจำเป็นต้องหายตัวไป”
“เพราะรัฐ? ” หนิวลี่ถาม ดวงตาเป็นประกาย
“ใช่ ตอนนั้นเรื่องที่พวกเราทำมันน่าตื่นตะลึงเกินไป แถมพวกเรายังทั้งเด็กทั้งห้าวหาญ ไม่รู้จักปิดบังตัวเอง ผลคือหน่วยรบพิเศษของกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติถึงกับต้องทีม ๆ หนึ่งออกมาไล่ล่าพวกเรา! แม้ว่าพ่อกับแม่ของลูกจะเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับหลังฟ้าแล้ว แต่การเผชิญหน้ากับหน่วยรบพิเศษทีมหนึ่งก็ยังยากที่จะต้านไหว ถ้าไม่ใช่เพราะมีเพื่อน ๆ หลายคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ พวกเราสองคนอาจจะไม่ได้อยู่รอดปลอดภัยมาถึงวันนี้ก็ได้”
“หลังจากนั้น พอพวกเขาเห็นว่าไม่อาจกำจัดพวกเราได้จึงคิดจะดึงตัวพวกเราเข้าสังกัด! ฮึ่ม พวกหน่วยรบพิเศษนั่นไม่ต่างไปจากพวกโจรเลย ใครมีความสามารถเข้าหน่อย ไม่ว่าจะดีหรือร้าย พวกมันก็จะเข้าไปจัดการ ถ้าฆ่าได้ก็ฆ่า ถ้าฆ่าไม่ได้ก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อดึงตัวมาเป็นพวก พ่อกับแม่ไม่ชอบเป็นขี้ข้าใครเลยตัดสินใจหลบซ่อนตัว” เมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีต น้ำเสียงของกู้ฮุ่ยผิงก็เต็มไปด้วยความปลงตก
“หลบซ่อนตัว? แต่พวกพ่อกับแม่ก็ยังอาศัยอยู่ในเมือง H นี่นา? นี่เรียกว่าหลบซ่อนตัวแล้ว? ” หนิวลี่ถาม
กู้ฮุ่ยผิงปรายตามองหนิวเปียวอย่างพึงพอใจ จนหนิวเปียวรู้สึกอับอายขายหน้า “เจ้าเด็กโง่นี่ สมองเหมือนพ่อลูกไม่มีผิด ไม่เคยได้ยินหรือไงว่าสถานที่อันตรายที่สุดก็คือสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องราวของไตรภาคีปะทุขึ้นกระทันหัน ครอบครัวของเราก็คงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อไปได้”
“แม่นี่ฉลาดจริง ๆ ! ” หนิวลี่รีบประจบประแจง ทำให้กู้ฮุ่ยผิงยิ่งรู้สึกพึงพอใจ
“เอาล่ะ เรื่องไร้สาระในอดีตจะไปพูดถึงมันทำไม รีบฟังว่าเจ้าลูกชายของคุณจะทำอะไรต่อไปดีกว่า” หนิวเปียวพูดกับภรรยาอย่างไม่สบอารมณ์
กู้ฮุ่ยผิงรู้สึกตัว รีบปรายตามองหนิวลี่แล้วพูด “เจ้าตัวดี กล้าดียังไงมาขัดจังหวะแม่ พูดมา! ต่อไปลูกจะทำยังไง? ”
หนิวลี่ยิ้มแห้ง ๆ ดูเหมือนว่าจะหนีไม่พ้นจริง ๆ จึงได้แต่พูดด้วยท่าทีจนใจว่า “พ่อกับแม่คิดมากกันไปเองแล้ว ผมไม่ได้มีความทะเยอทะยานอะไรมากมายหรอก ตอนนี้แค่อยากตั้งใจเรียนหนังสือแล้วก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ก็เท่านั้นเอง”
“จริงเหรอ? ” กู้ฮุ่ยผิงดูไม่ค่อยเชื่อ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ผ่านช่วงวัยรุ่นกันมาแล้ว ตอนนี้หนิวลี่มีทั้งพลังและอิทธิพลอยู่ในมือมากมายขนาดนี้ มาบอกว่าไม่มีความคิดอะไรในหัวเลย น่าเหลือเชื่อจริง ๆ
“จริงครับ จริงยิ่งกว่าทองแท้อีก ถ้าจะให้พูดจริง ๆ ผมก็แค่อยากก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร อยากรู้จริง ๆ ว่าขีดสุดของการบำเพ็ญเพียรนั้นอยู่ตรงไหน! ” หนิวลี่พูดอย่างเปี่ยมล้นไปด้วยความปรารถนา
“ขีดสุดของการบำเพ็ญเพียร? ” หนิวเปียวกับคนอื่น ๆ ต่างมองหน้ากันด้วยสีหน้าขมขื่น
คำพูดเช่นนี้คงมีแต่หนิวลี่เท่านั้นที่กล้าพูดออกมา สำหรับคนทั่วไปแล้ว การสามารถบรรลุถึงระดับหลังฟ้าขั้นสูงสุดในช่วงชีวิตหนึ่ง ก้าวเท้าเข้าสู่ประตูของขั้นก่อนสวรรค์ได้ครึ่งก้าวก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งแล้ว แต่เด็กคนนี้กลับก้าวสู่ระดับก่อนสวรรค์ไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังไม่รู้ว่าอยู่ในขั้นไหน บางทีลูกชายของพวกเขาอาจจะก้าวไปได้ไกลกว่านั้นก็ได้
แม้ว่าภายนอกหนิวเปียวจะแสดงท่าทีเป็นกังวล แต่ความจริงแล้วภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ไม่ว่าหนิวลี่จะเก่งกาจเพียงใด เจ้าตัวก็คือลูกชายของเขา ไม่มีพ่อแม่คนไหนจะไม่รู้สึกปลาบปลื้มใจยามเห็นลูกของตัวเองประสบความสำเร็จได้ถึงเพียงนี้
“จริงสิพ่อ ตอนนี้ผมสามารถช่วยให้พ่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อนสวรรค์ได้แล้วนะ อยากจะลองตอนนี้เลยไหม? ” หนิวลี่กล่าว
“ตอนนี้เลย? ” หนิวเปียวถาม เสียงสั่นเล็กน้อย
“ครับ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลหรือเปล่า เพราะผมเองก็ยังไม่เคยลอง” หนิวลี่กล่าวอย่างจริงจัง
“ตกลง ลองตอนนี้เลย” หนิวเปียวลุกขึ้นยืนทันที ไม่มีความคิดจะกินข้าวอีกต่อไป
รอจนกระทั่งหนิวเปียวนั่งขัดสมาธิบนพื้นเรียบร้อย หนิวลี่ก็ทำสีหน้าจริงจัง สื่อสารกับแหวนมิติ
ณ ขณะนี้ในแหวนมีพลังปราณมากกว่า 200 แต้ม และวิธีที่หนิวลี่ต้องการใช้ก็คือนำพลังปราณบริสุทธิ์ซึ่งถูกบีบอัดจากพลังปราณสวรรค์และปราณโลก จากนั้นค่อยนำมันมายกระดับพลังยุทธ์ของหนิวเปียว
จากการทดลองกับหลี่เตาปาและคนอื่น ๆ หลายครั้ง บวกกับความเข้าใจ สิ่งที่เรียกว่าปราณสวรรค์คือการเปิดสะพานเชื่อมต่อสวรรค์และโลกมนุษย์ภายในร่างกาย และการเชื่อมปราณสวรรค์กับปราณโลกต้องใช้พลังที่ยิ่งใหญ่ หลอมรวมกับพลังปราณที่ฝึกฝนในร่างกาย ก่อกำเนิดเป็นพลังงานระดับที่สูงขึ้น นั่นคือปราณแท้!
ปราณแท้จริงคือพลังที่เกิดขึ้นหลังจากพลังภายในตนเองหลอมรวมเข้ากับปราณฟ้าดินเรียบร้อย พลังชนิดนี้สามารถปล่อยออกจากร่างกายเพื่อโจมตีได้ มีอานุภาพมหาศาล ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพลังแข็งแกร่งถึงขีดสุด ยังสามารถควบคุมพลังเพื่อทำการลอยตัวได้ ทำให้เหล่านักฝึกยุทธ์มีอายุยืนยาว
ปราณฟ้าดินที่หนิวลี่มอบให้หลี่เตาปาและคนอื่น ๆ นั้นมีเพียง 10 แต้ม แต่พลังงานเพียงเล็กน้อยนี้ หลังจากหลอมรวมกับพลังยุทธ์แล้ว กลับทำให้ฝีมือของหลี่เตาปาและคนอื่น ๆ พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด เกือบจะทะลุขีดจำกัดไปอีกระดับ!
เรื่องนี้ทำให้หนิวลี่ประหลาดใจมาก และในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตนเองเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น
ถึงแม้หนิวลี่ไม่กังวลว่าจะเกิดข้อผิดพลาดในการเพิ่มพลังให้พ่อของตนเอง แต่เขาก็ไม่กล้าเร่งรีบเกินไป เพราะอย่างไรเสียนี่ก็คือพลังยุทธ์ ถ้าติดเล่นเลินเล่อจนเกินไปอาจเกิดเรื่องเศร้าสลดได้!
หนิวลี่สื่อสารกับแหวน ดึงพลังงานออกมา 10 แต้มยืนพื้นเป็นฐาน จากนั้นค่อยส่งเข้าไปในร่างกายของพ่อ
หนิวเปียวที่กำลังโคจรพลังภายในอยู่ร่างกายสั่นสะท้าน ใบหน้าเผยร่องรอยยินดีออกมา แต่ด้วยความที่หนิวเปียวเป็นคนมีจิตใจเข้มแข็งอยู่แล้ว เขาจึงแสดงความตื่นเต้นออกมาเพียงเล็กน้อย จากนั้นจึงเริ่มตั้งใจดูดซับพลังงานทั้ง 10 แต้มนั้นทันที
พลังยุทธ์ของหนิวเปียวนั้นสูงกว่าหลี่เตาปาและคนอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด เกือบจะเทียบเท่ากับเหล่าผู้อาวุโสของพรรคใหญ่ ๆ ในเมือง H ด้วยซ้ำ พลังงานทั้ง 10 แต้มนี้จึงหลอมรวมเข้ากับพลังยุทธ์ของหนิวเปียวอย่างรวดเร็ว ทำให้หนิวเปียวที่ไม่ได้เลื่อนระดับมานานรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก
หนิวลี่แอบพยักหน้าพร้อมคิดในใจ ถูกต้องแล้ว วิธีนี้ถึงแม้จะดูลัดไปหน่อย แต่ก็ใช้ได้ผล
เขาส่งพลังงานอีก 20 แต้มเข้าไปในร่างกายของหนิวเปียว ร่างกายกำยำของหนิวเปียวสั่นสะท้านอีกครั้ง และเขาก็มุ่งมั่นดูดซับพลังงานมากขึ้นไปอีก
กู้ฮุ่ยผิงและอาสะใภ้รองมองดูอยู่ด้านข้างด้วยความกังวล ทว่าพอมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหนิวเปียว พวกเขาก็รู้ว่าหนิวลี่ทำสำเร็จแล้ว จึงพากันดีใจยกใหญ่ แบบนี้หมายความว่าพวกเขามีโอกาสก้าวเข้าสู่ขั้นก่อนสวรรค์เช่นกันหรือ?
ฮ่า ๆ ก่อนสวรรค์… แค่เอ่ยนามระดับขั้นนี้ออกมา แม้แต่ยอดฝีมือของพรรคต่าง ๆ ก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้
เมื่อเห็นพ่อกำลังตั้งใจดูดซับพลังงานและแปรสภาพมัน หนิวลี่ก็วางใจ ลากถิงถิงมานั่งที่โต๊ะอาหาร และเริ่มเพลิดเพลินกับฝีมือการทำอาหารของแม่ที่ไม่ได้กินมานาน
ผ่านไป 10 นาทีกว่า ๆ ร่างกายของหนิวเปียวก็เริ่มส่งเสียงดังกรอบแกรบ
ทุกคนต่างปลาบปลื้มยินดี นี่คือสภาวะของการบ่มเพาะพลังจนถึงขั้นสูงสุดของขอบเขตหลังฟ้า พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือในยุทธภพ ต่างเข้าใจดีว่าตอนนี้นิวเปียวได้ก้าวขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์ไร้เทียมทานแห่งยุทธภพแล้ว
ขอบเขตหลังฟ้าขั้นสูงสุด!
“ฮู่! ”
หนิวเปียวผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมลืมตาขึ้น แสงสว่างวาบขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนเขาจะยิ้มออกมาแล้วเอ่ย “มหัศจรรย์จริง ๆ รู้สึกว่าพลังของตัวเองเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างขวางกั้นไม่ให้พ่อทะลุผ่านได้ พลังบางส่วนยังคงไหลเวียนอยู่ในร่างกาย หล่อเลี้ยงอวัยวะภายใน”
หนิวลี่มองดูด้วยรอยยิ้ม เขาส่งมอบพลังงานพื้นฐานให้นิวเปียวไปตั้ง 30 แต้ม ถ้าพลังยังไม่เพิ่มขึ้น เขาก็คงขาดทุนไปมากโข 30 แต้มนี่ต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวันในการดูดซับเลยนะ
อย่างไรก็ตาม พูดถึงสิ่งกีดขวางนั้น หนิวลี่เองก็รู้สึกเช่นกัน ตอนที่เขายกระดับไปถึงขั้นสูงสุด เขาก็สัมผัสถึงอุปสรรคนั้นได้เช่นกัน ทว่าสุดท้ายก็อาศัยพลังจากฟ้าดินปริมาณมหาศาล จึงทะลุผ่านมาได้ ดูเหมือนการก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อนสวรรค์ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด
“ลูกชายสุดที่รัก ตอนนี้ถึงตาแม่แล้วใช่ไหม? ”
กู้ฮุ่ยผิงยืนมองสามีที่บรรลุขอบเขตหลังฟ้าขั้นสูงสุดในพริบตา ดวงตาของเธอแดงก่ำ ดูสิ เมื่อก่อนเธอเป็นฝ่ายปราบสามีมาตลอด ตอนนี้กลับโดนแซงหน้าไปเสียแล้ว กู้ฮุ่ยผิงรู้สึกไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
หนิวลี่พยักหน้าแล้วกล่าว “ได้ครับ ตอนนี้แม่กับอารองมาเพิ่มพลังไปพร้อมกันเลย ตอนนี้ผมยังรวบรวมพลังปราณจากฟ้าดินได้ไม่มากพอ รอให้มีเวลา ผมจะรวบรวมให้มากพอ แล้วค่อยลองทะลวงคอขวดขอบเขตหลังฟ้าให้”
ขั้นตอนต่อจากนี้ง่ายขึ้นมาก หนิวลี่รวบรวมพลังงาน 30 แต้ม 2 ชุด ส่งมันเข้าไปในร่างกายของแม่และอาเล็ก เขามองดูทั้งสองคนโคจรพลังยุทธ์ ดูดซับพลังงานอย่างรวดเร็วพลางยิ้มอย่างพอใจ
หันไปเห็นภรรยาของอารองมองด้วยแววตาอิจฉา หนิวลี่จึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “อาสะใภ้อยากลองฝึกฝนวิทยายุทธบ้างไหมครับ? ”
อาสะใภ้รองชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเปล่งประกาย เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อาฝึกได้ด้วยเหรอ แต่สามีอาบอกว่าอาไม่มีพื้นฐาน แถมตอนนี้อายุก็มากแล้ว กระดูกหยุดพัฒนาแล้ว ต่อให้พยายามแค่ไหนก็คงเสียเวลาเปล่า”
หนิวลี่กล่าวอย่างองอาจมั่นคงน่าเชื่อถือ “นั่นมันความคิดของอารอง ในความคิดของผม เรื่องมันง่าย ๆ เท่านี้เอง อาสะใภ้รองเตรียมตัวให้พร้อม เดี๋ยวผมจะช่วยสร้างกำลังภายในให้! ”
ความมั่นใจของหนิวลี่ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล ตราบใดที่เขายินดี การสร้างเส้นทางโคจรพลังปราณในร่างกายของอาสะใภ้ด้วยพลังปราณฟ้าดินก็ไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้น พลังปราณที่ไหลเวียนครั้งแรกคือพลังปราณขั้นก่อนสวรรค์ที่บริสุทธิ์ที่สุด การบ่มเพาะพลังของอาสะใภ้ในภายหลังจะง่ายขึ้นเป็นสองเท่า!
ว่าแล้วก็ลงมือทำทันที อาสะใภ้รองยืนอยู่เคียงข้างสามี หนิวลี่ส่งพลังงานเข้าไปในร่างกายของเธอ 1 แต้ม จากนั้นใช้พลังจิตวิญญาณควบคุมพลังปราณ ส่งมันเข้าไปไหลเวียนตามวิถีโคจรพลังปราณขั้นพื้นฐาน ค่อย ๆ เปิดเส้นชีพจรของอาสะใภ้
ระหว่างกระบวนการ แม้อาสะใภ้จะรู้สึกทนอาการชา ๆ ในร่างกายไม่ค่อยไหว แต่เธอก็รู้สึกสบายราวกับมีหนูตัวน้อยเข้ามาวิ่งอยู่ในร่างกาย จึงพยายามอดทนและร่วมมือกับหนิวลี่จนครบ 1 รอบการโคจรพลังปราณ
เมื่อพลังปราณจากฟ้าดินปริมาณน้อย ๆ นั้นเปิดเส้นชีพจรของเธอเสร็จ พลังปราณที่เหลือเพียงน้อยนิดก็แปรเปลี่ยนเป็นพลังยุทธ์ เริ่มต้นโคจรไปตามเส้นชีพจรที่เปิดออก หนิวลี่เตือนอาสะใภ้ให้ลองควบคุมพลังยุทธ์จุดเล็ก ๆ นี้ด้วยจิตใจ เธอจึงรู้สึกสนุกสนานราวกับกำลังเล่นสนุก
หนิวลี่มองดูภาพตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม ในใจรู้สึกปลื้มปิติ อาสะใภ้รองดีต่อเขามาตลอด รองลงมาจากแม่ของเขา ตั้งแต่เด็กจนโตเธอคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี ตอนนี้พอเขาสามารถตอบแทนเธอได้บ้าง ใจจึงสุขและอิ่มเอมมาก
MANGA DISCUSSION