บทที่ 122 หน้าหนากว่าเดิม
“งั้นที่ลูกจะสื่อก็คือ… ตอนนี้ลูกเป็นราชาใต้ดินของเมือง H แล้ว? ” หนิวเปียวพยายามกดความตกใจเอาไว้ ก่อนจะมองหนิวลี่ด้วยแววตาเป็นประกาย
หนิวลี่พยักหน้า ตามการพัฒนาของสหพันธ์สวรรค์ มันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
“ฮี่ ๆ ไม่เลวเลยนี่ เรียนยังไม่จบแต่มีชื่อเสียงขนาดนี้แล้ว เยี่ยมจริง ๆ ดีมาก” หนิวเปียวหัวเราะเย็นชา ดวงตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
หนิวลี่มองพ่อเงียบ ๆ ครั้งนี้เขาไม่ยอมถอย
“พ่อ พ่อกับแม่คือ ‘อสูรคู่’ เมื่อ 20 ปีก่อนใช่ไหม? ”
หนิวลี่พูดเบา ๆ ทันใดนั้นรอยยิ้มของหนิวเปียวก็แข็งค้าง เขามองหนิวลี่ด้วยความตกใจ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ใครบอกลูก”
“พ่อลืมไปแล้วเหรอ ตอนนี้ผมเป็นราชาใต้ดินของเมือง H นะ มีหลายเรื่องหลายราวเลยที่มีคนเอามาบอกผม”
“ดูเหมือนว่าลูกจะโตขึ้นมาก เหนือไปจากความคาดหมายของเราโข เสี่ยวลี่… ถ้าพ่ออยากจะขอลูกในฐานะพ่อคนหนึ่ง ขอให้ลูกเอาตัวออกมาให้ห่างจากสหพันธ์สวรรค์ ออกมาจากโลกมืด ลูกจะยอมให้พ่อได้ไหม? ” หนิวเปียวถาม
หนิวลี่นิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ “ผมทำไม่ได้ อย่างน้อยในตอนนี้ ผมทำให้พ่อไม่ได้ ตอนนี้สภาพแวดล้อมเมือง H ซับซ้อนมาก สมาพันธ์บู๊ก็มี หน่วยรบพิเศษของกระทรวงความมั่นคงก็มา ถ้าผมออกตอนนี้ สหพันธ์สวรรค์ต้องถูกปราบราบคาบแน่”
“หา! หลานหมายความว่าหลานกำลังเผชิญหน้ากับองค์กรระดับนั้นงั้นเหรอ? ” อารองของหนิวลี่ถึงกับอ้าปากค้าง เสียงสั่นเล็กน้อย
หนิวลี่หรี่ตาลง ก่อนจะยิ้มเย็นชา “ไม่ใช่ผมที่คิดไปเผชิญหน้ากับองค์กรระดับชาติ แต่เป็นเพราะบางคนอวดดีเกินไป ถ้าคิดจะมายุ่งกับผม ก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกเอาคืนไว้ด้วย”
“บ้าไปแล้ว! ประเทศชาติไม่ใช่สิ่งที่ลูกนึกจะต่อต้านก็ต่อต้านได้” หนิวเปียวฉุนจัด
“ผมก็ไม่ได้กะจะสู้คนเดียว” หนิวลี่ยังคงไม่ยอมอ่อนให้
“ลูก! ” หนิวเปียวกำหมัดแน่น สีหน้าของเขาเปรียบดังคำว่า ‘เหล็กแท้ไม่แพ้ไฟ’ ไม่มีผิด
“เสี่ยวลี่ พ่อของหลานพูดถูก หลานไม่สามารถต่อต้านรัฐได้หรอก” อารองของหนิวลี่ส่ายหัวอย่างจนใจ
หนิวลี่มองทั้งสองคนที่เป็นห่วงเขา ก่อนจะยิ้มออกมาบาง ๆ “ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะต่อต้านประเทศชาติสักหน่อย ผมแค่ป้องกันตัวเอง ตราบใดที่คนพวกนั้นไม่มายุ่งกับผม ผมก็จะไม่ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติแน่นอน เพราะผมเองก็จัดเป็นคนจีนคนหนึ่ง”
“แต่ลูกกำลังเข้าสู่โลกมืด ลูกเป็นตัวแทนของโลกด้านนั้น! ลูกคิดว่าคนอื่นจะยอมรับลูกได้เหรอ” หนิวเปียวตอกหน้าบุตรชายตัวเอง
“ผมไม่ได้ทำเรื่องชั่วช้า ใครกล้าบอกว่าผมเป็นคนชั่ว” หนิวลี่เถียงเบา ๆ
“ลูกนี่มัน! ”
คราวนี้ทั้งหนิวเปียวและน้องชายของเขาถึงกับพูดไม่ออก มองดูเด็กหนุ่มที่ดูมุ่งมั่นตรงหน้า พวกเขารู้ดีว่าต่อให้พูดอย่างไรก็คงไม่เป็นผล พวกเขายิ้มแห้ง ๆ ให้กัน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
“บางทีพ่อกับอารองอาจจะเป็นกังวลมากเกินไป แต่ด้วยความแข็งแกร่งระดับก่อนสวรรค์ของผมในตอนนี้ หากจะหาคนมาทำร้ายผมคงหาได้ยากมาก ๆ ” เพื่อให้พ่อหายกังวล หนิวลี่จึงจงใจพูดเบา ๆ บอกความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองออกไป
“ก่อนสวรรค์! ”
แน่นอนว่าผู้ฟังทั้งสองต่างสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนดวงตาจะแปรเปลี่ยนเป็นประกายพร้อมกัน “ลูกคือผู้แข็งแกร่งระดับก่อนสวรรค์ที่เมือง H เขากำลังลือ ๆ กันน่ะเหรอ? ”
“ใช่ครับ” หนิวลี่ตอบรับ ใบหน้าเผยรอยยิ้มแสบสัน
“ไอ้ลูกคนนี้นี่” หนิวเปียวเสียอาการอย่างสมบูรณ์ เสียงของเขาสั่นเทา
ก่อนสวรรค์… เป็นระดับของผู้แข็งแกร่งที่ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว ไม่คิดเลยว่าลูกชายของเขาจะเป็นฝ่ายที่ทะลวงสู่ระดับก่อนสวรรค์
หนิวลี่มองพ่อของตนเอง จากนั้นก็มองไปที่อา พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “พ่อครับ ถ้าพวกพ่ออยากจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับก่อนสวรรค์ ผมก็สามารถช่วยได้”
“พวกเรา!? ”
หนิวเปียวถึงกับพูดไม่ออก สงสัยว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า
ทว่าหนิวลี่กลับพยักหน้าอย่างจริงจัง
“เอาสิ เอาสิ ถ้ามีโอกาสทำไมจะไม่คว้าไว้” อาของเขาตอบตกลงทันที ไม่สนใจว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับคนรุ่นหลานด้วยน้ำเสียงแบบไหน ดวงตาของเขามองไปที่หนิวลี่อย่างมีความหวัง
“ผมไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของพ่อและอาเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวได้” หนิวลี่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“ตกลง เรื่องนี้กลับบ้านก่อนแล้วค่อยคุยกัน ไปกินข้าวกัน” หนิวเปียวรับรู้ข้อมูลมากเกินไปจนรู้สึกสมองประมวลผลตามไม่ทัน จึงได้แต่ปล่อยหนิวลี่ไปก่อน
สุดท้ายอาหารมื้อเที่ยงของครอบครัวหนิวลี่แทบจะไม่มีรสชาติใด ๆ เลย
นอกจากกู้ฮุ่ยผิงและผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อารมณ์ดี ได้เจอลูกชาย ไม่ว่าจะหนิวเปียวหรือน้องชายของเขาล้วนตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
หลังอาหาร หนิวลี่ส่งแม่และคนอื่น ๆ ขึ้นรถแท็กซี่ จากนั้นจึงเดินไปโรงเรียน
“เฮ้ รอก่อนสิ” เหมียวเถียนเถียนรีบตามไป
หนิวลี่ชะลอฝีเท้าลง พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เหมียวเถียนเถียน บอกฉันมา เธอต้องการอะไรกันแน่”
เหมียวเถียนเถียนยิ้มกว้าง “ฉันบอกแล้วไงว่าฉันชอบนาย แล้ววันนี้ก็ได้เจอว่าที่คุณพ่อคุณแม่ด้วย รู้สึกดีมากเลยล่ะ”
หนิวลี่สะดุ้งเกือบล้ม หันไปมองเหมียวเถียนเถียนอย่างไม่สบอารมณ์ “หน้าเธอนี่มันหนาจริง ๆ พ่อแม่ในอนาคต… กล้าพูดออกมาได้”
“หน้าบางกินไม่อิ่ม คุณย่าสอนฉันมาตั้งแต่เด็ก ว่าการไขว่คว้าหาความสุขต้องอาศัยความกล้า หากพลาดจากที่นี่ไป ก็อาจจะไม่มีแบบเดียวกันที่อื่นอีกแล้ว” เหมียวเถียนเถียนไม่รู้สึกละอายใจ กลับภาคภูมิใจเสียอีก
หนิวลี่มองอย่างอึ้ง ๆ
ของแบบนี้มันสืบทอดกันมาผ่านทางสายเลือดรึไง
“เหอะ อย่าฝันเฟื่องไปหน่อยเลย ทางครอบครัวหนิวมีตัวเลือกคู่หมั้นไว้อยู่แล้ว เธอไม่มีโอกาสหรอก” หนิวลี่ทิ้งท้ายอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วเร่งฝีเท้าเดินหนี
“นายหมายถึงหลี่เหมิงเหมิง? ยัยคุณหนูนิสัยเสียแบบนั้นมีอะไรดีกัน ถึงช่วงวันสองวันมานี้จะดูเป็นปกติขึ้น แต่พี่ชายของเธอก็เป็นพวกนักเลง ภูมิหลังสู้ฉันได้ที่ไหน แต่งงานกับฉัน นายจะได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวฉัน ไม่ว่าจะทำธุรกิจหรือเข้าสู่แวดวงราชการล้วนรุ่งเรืองแน่นอน” เหมียวเถียนเถียนตะโกนไล่หลังอย่างไม่ยอมแพ้
หนิวลี่เมินเฉย “ฉันไม่ใช่พวกผู้ชายหน้านิ่มนะ อีกอย่างฉันก็คิดว่าการเป็นนักเลงมันไม่เลว อย่างน้อยได้ดื่มเหล้า กินเนื้ออย่างเต็มที่ เป็นผู้ชายในแบบที่ฉันอยากเป็น”
“นาย! ” เหมียวเถียนเถียนทำหน้าไม่พอใจ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ยังไงฉันก็จะตามตื๊อนาย ฮึ่ม เรื่องนี้ฉันบอกแม่แล้วด้วย ตอนนี้นายโผล่มาแล้ว เดี๋ยวอีกสองวันแม่ฉันคงมาคุยกับนาย ฮิฮิ เตรียมตัวพบกับภริยานายกเทศมนตรีได้เลย”
“อะไรนะ? ” หนิวลี่อ้าปากค้าง
“นายเป็นผู้ชายของฉันแล้ว หนีไม่พ้นหรอก”
คราวนี้ถึงตาเหมียวเถียนเถียนเดินก้าวฉับ ๆ จากไปบ้าง
“ยัยบ้าเอ๊ย” หนิวลี่ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ในใจคิดอย่างหนักว่าจะรับมืออย่างไรดี แต่กลับพบว่าตัวเองไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย คาดว่าถึงเวลานั้นคงทำได้แค่ตามน้ำไป
ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนิวลี่ขอลาครูกลับก่อนเนื่องจากมีธุระที่บ้าน ตั้งใจจะจัดการเรื่องในบ้านให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยกลับไปเรียน
ตอนบ่ายกลับถึงบ้าน พ่อกับอารองนั่งอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ควันบุหรี่ฟุ้งกระจาย ได้ยินเสียงผัดกับข้าวมาจากในครัว เห็นร่างของแม่กับอาสะใภ้อยู่เลือนราง
“พี่ชายกลับมาแล้ว” ถิงถิงซึ่งนั่งหน้าบูดอยู่ที่มุมห้อง พอเห็นหนิวลี่ก็ร้องเรียกด้วยความดีใจแล้ววิ่งเข้ามาหา
หนิวลี่อุ้มถิงถิงขึ้นด้วยความเอ็นดู ขมวดคิ้วถาม “มีเด็กอยู่ ทำไมสูบบุหรี่จนควันฟุ้งขนาดนี้”
ทีแรกหนิวเปียวกับอารองไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำหน้าละอาย รีบดับบุหรี่ในมือลงบนที่เขี่ยบุหรี่ทันที
หนิวลี่มองดูควันบุหรี่ที่ลอยคลุ้งไปทั่วห้องนั่งเล่น โบกมือหนึ่งครั้ง วายุธาตุก็มารวมกันเป็นพายุหมุนขนาดเล็ก ลอยขึ้นไปบนอากาศ จากนั้นก็ดูดควันบุหรี่จำนวนมากเข้าไปในพริบตา พายุลูกเล็กนี้หมุนวนไปทั่วห้องนั่งเล่น ไม่นานควันบุหรี่ก็หายไปจนหมด
หนิวลี่โบกมืออีกครั้ง ควบคุมให้พายุหมุนลอยออกไปทางหน้าต่าง
ทุกอย่างเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนิวเปียวและอารองได้แต่มองอย่างงุนงง
มีเพียงถิงถิงคนเดียวเท่านั้นที่ไม่เข้าใจ แต่ดวงตากลับเป็นประกาย เด็กหญิงส่งเสียงร้องอย่างดีใจ “พี่เก่งจัง ควันเหม็น ๆ หายไปหมดแล้ว ฮิฮิ”
เสียงหัวเราะของหลานสาวทำให้หนิวเปียวและน้องชายได้สติ ทั้งคู่มองหน้ากัน ดวงตาเป็นประกาย นี่มันพลังปราณชัด ๆ!
นี่แหละคือสัญลักษณ์ของขั้นก่อนสวรรค์ของแท้! เจ้าหนุ่มนี่บรรลุขั้นก่อนสวรรค์แล้วจริง ๆ ด้วย!
“ต่อไปอย่าสูบบุหรี่เยอะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ แถมยังส่งผลกระทบต่อเด็กด้วย” หนิวลี่อุ้มถิงถิง นั่งลงตรงข้ามพ่อของตนเองแล้วเอ่ยเตือนอีกครั้ง
หนิวเปียวได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ นั่นเพราะหนิวลี่เปลี่ยนไปมาก มากเกินไปในคราวเดียว ถ้าเป็นหนิวลี่คนเดิมล่ะก็ เขาคงจ้องหน้าแล้วพูดว่า ‘อะไรกัน อยู่ ๆ ก็มาสั่งสอนพ่อตัวเองงั้นเหรอ! ’ ไปแล้ว
ไม่นานนักกู้ฮุ่ยผิงกับอาสะใภ้ก็ทำอาหารเสร็จ ครอบครัวนั่งล้อมวงกินข้าวพร้อมหน้า แต่ทุกคนกลับเงียบกริบ เอาแต่มองหน้าหนิวลี่
กู้ฮุ่ยผิงและภอาสะใภ้เพิ่งรู้เรื่องของหนิวลี่จากปากของหนิวเปียว และตกใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของหนิวลี่ไม่แพ้กัน
หนิวลี่ลูบหัวถิงถิง แล้วหันไปยิ้มให้แม่ “มองผมทำไมล่ะครับ? ยังไง ๆ ผมก็ยังเป็นลูกชายของแม่เหมือนเดิมไม่ใช่เหรอ? ”
กู้ฮุ่ยผิงหัวเราะเบา ๆ แต่ดูเป็นปกติกว่าหนิวเปียวมาก “ใช่ ถึงแม้ตอนนี้เจ้าลูกชายตัวดีของฉันจะกลายเป็นเซียนไปแล้ว แม่คนนี้ก็ยังนับเป็นแม่ของเซียนอยู่ดี หรือว่าลูกไม่ยอมรับ? ”
“เซียนอะไรกันแม่! ” หนิวลี่โดนล้อจนอายหน้าแดง แม่ก็ช่างกล้าพูดจริง ๆ
MANGA DISCUSSION