บทที่ 121 การกลับมารวมตัวของครอบครัว
“เฮ้ พวกเราก็ไม่ได้สนิทกันสักหน่อย ทำไมต้องคอยมาตื๊อฉันด้วย” หนิวลี่ เดินไปเรื่อย ๆ เหมียวเถียนเถียนก็เดินตามไปตลอด จนในที่สุดหนิวลี่หมาความอดทน หันกลับมาถามด้วยความรำคาญ
เหมียวเถียนเถียนกลับยิ้มหวานให้ “ก็ฉันชอบนี่นา ตั้งแต่ได้ดูการแข่งบาสของนายเมื่อตอนนั้น ฉันก็พบว่าฉันตกหลุมรักนายเข้าเต็มเปา ใช่แล้ว… ฉันตกหลุมรักนาย”
หนิวลี่กลอกตา มองเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าชอบเล่นสนุกกับความรู้สึกของผู้ชายคนนี้ด้วยสายตาไม่เชื่อถือแม้แต่น้อย
“นายไม่เชื่อฉัน” เหมียวเถียนเถียนเห็นท่าทางของหนิวลี่ก็เบะปากอย่างน้อยใจ ดวงตากลมโตพลันคลอไปด้วยม่านน้ำใส ดูแล้วน่าสงสาร
หนิวลี่พ่ายแพ้ต่อท่าทางนั้นอย่างสิ้นเชิง และพยายามไม่สนใจเหมียวเถียนเถียนอีก ก่อนเดินตรงไปยังร้านอาหารของตัวเอง
เหมียวเถียนเถียนยิ้มอย่างผู้มีชัย เดินตามหลังเขาไปเงียบ ๆ ดูแล้วราวกับคู่รักคู่หนึ่ง
เมื่อมาถึงร้านอาหาร ที่นี่ถูกตกแต่งใหม่อย่างหมดจด แม้แต่ผนังด้านนอกก็ถูกทาสีใหม่ หนิวลี่ยืนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ
เมื่อนึกถึงรอยยิ้มแปลก ๆ และท่าทางอ้ำอึ้งของหลี่เตาปาตอนที่เขากินอาหารเช้า ก็พอจะเดาได้ว่าเรื่องนี้ไอ้บ้านั่นต้องเป็นคนจัดการแน่
แต่การมีคนมาประจบเอาใจแบบนี้ก็ไม่นับว่าเลวร้ายนัก
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน โต๊ะเก้าอี้ก็ถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด มองไปรอบ ๆ ราวกับเป็นร้านอาหารที่เพิ่งเปิดใหม่ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีลูกค้า
หนิวลี่ขมวดคิ้วครุ่นคิด พ่อแม่เขาจะอยู่ที่ไหนกันนะ
ครู่ต่อมาดวงตาของหนิวลี่ก็เป็นประกาย เขาต่อว่าตัวเองในใจว่าโง่จริง ๆ ก่อนจะหยิบมือถือออกมากดโทรออก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น 2 ครั้งก่อนจะมีคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
เสียงของอาสะใภ้ดังมาตามสาย หนิวลี่ดีใจจนแทบจะร้องไห้เลยรีบพูด “อาสะใภ้ ผมเอง หนิวลี่ตอนนี้อาอยู่ที่ไหนครับ”
“หนิวลี่ หลานอยู่ไหน ตอนนี้หลานปลอดภัยดีใช่ไหม? ”
ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเขา เอ่ยปากถามกลับมาเป็นชุด
หนิวลี่ไม่รีบร้อนตอบ “ตอนนี้ผมอยู่ที่ร้านอาหารครับ อาครับ อาพอจะรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ผมอยู่ไหน”
“พวกเราอยู่ด้วยกันจ้ะ หนิวลี่ อย่าเพิ่งไปไหนนะ พวกเรากำลังจะไปหาหลาน” พูดจบอีกฝ่ายก็รีบวางสายไป ทิ้งให้หนิวลี่ได้แต่มองโทรศัพท์ที่ตัดสายไปแล้วอย่างงง ๆ
แต่ว่าพ่อแม่กับครอบครัวของอารองอยู่ด้วยกัน แสดงว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหนิวลี่ก็เลยไม่กังวล อีกทั้งยังเริ่มเดินดูร้านอาหารที่ได้รับการตกแต่งใหม่ บ่นพึมพำกับตัวเองว่าหลี่เตาปาทำงานมีประสิทธิภาพดี ไม่เสียแรงที่ให้รางวัลไป
ไม่นานนัก รถแท็กซี่ก็มาจอดที่หน้าร้านอาหาร หนิวเปียว กู้ฮุ่ยผิง อาและอาสะใภ้รอง พร้อมถิงถิง ลูกพี่ลูกน้องสาวก็ลงจากรถ พอเห็นว่าร้านอาหารได้รับการตกแต่งใหม่ หนิวเปียวและคนอื่น ๆ ก็รู้สึกตกตะลึง จากนั้นจึงรีบเดินเข้าไปในร้านอาหาร ก่อนเหลือบไปเห็นหนิวลี่ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
กู้ฮุ่ยผิงเกิดอาการน้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาทันที รีบวิ่งเข้าไปกอดหนิวลี่ไว้แน่นพร้อมกับร้องไห้
“ลูกแม่ ลูกทำแม่เป็นห่วงแทบแย่”
พอโดนแม่จู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว หนิวลี่ก็รู้สึกอับอายขายหน้า ถ้าอยู่บ้านคงไม่เท่าไหร่ แต่ที่นี่ดันมีคนนอกอยู่ด้วยนี่สิ
เด็กหนุ่มพยายามดิ้น “แม่ ผมหายใจไม่ออกแล้ว”
“ฮิฮิ”
เหมียวเถียนเถียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นหนิวลี่ทำหน้าลำบากใจก็หัวเราะคิกคัก แต่แววตากลับเผยความซาบซึ้งออกมา
เป็นแม่ที่รักลูกมากจริง ๆ
แต่ในใจเหมียวเถียนเถียนกลับสงสัยขึ้นมา ว่าเขาเพิ่งบอกว่าไปต่างจังหวัดกับที่บ้านมาไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงดูเหมือนเพิ่งได้มาเจอครอบครัวหลังพลัดพรากจากกันไปนานล่ะ?
นี่มันมีลับลมคมสุด ๆ
กู้ฮุ่ยผิงเห็นเหมียวเถียนเถียนเช่นกันจึงรีบปล่อยหนิวลี่ที่ใบหน้ากำลังแดงก่ำ พร้อมมองลูกชายอย่างตำหนิ ที่หนิวลี่ไม่ยอมเตือน
หนิวลี่ได้แต่กลอกตาอย่างจนใจ คนตัวตั้งใหญ่มายืนเสียประชิดแบบนี้ แม่น่าจะเห็นตั้งแต่เข้ามาแล้ว
“เสี่ยวลี่ คนนี้คือ? ” เรื่องในครอบครัวไม่สะดวกพูดกับคนนอก กู้ฮุ่ยผิงจึงถามถึงเหมียวเถียนเถียน
เหมียวเถียนเถียนไม่รอให้หนิวลี่แนะนำตัวตนเอง ก็รีบก้าวไปข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มหวาน “สวัสดีค่ะคุณป้า หนูชื่อเหมียวเถียนเถียน เป็นเพื่อนร่วมชั้นของหนิวลี่ พวกเราสนิทกันที่สุดเลยล่ะค่ะ”
เพียงฟังหนิวลี่ก็เสียวสันหลังวาบ ว่าเด็กสาวคนนี้พูดเรื่องอะไรออกมากัน พวกเราไปเป็นเพื่อนสนิทสุดชิดเชื้อกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“อ้อ ดี ดี ที่แท้ก็เพื่อนของหนิวลี่… เหมียวเถียนเถียน ช่างเป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าของจริง ๆ น่ารักน่าชังสมชื่อ”
กู้ฮุ่ยผิงชมเปาะ ทำให้เหมียวเถียนเถียนหน้าแดงก่ำ ก้มหน้าก้มตาอย่างเขินอาย เหมือนจะแอบเงยหน้าขึ้นมองหนิวลี่อยู่ชั่วขณะหนึ่งอย่างรวดเร็วด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างสุดซึ้ง
ส่วนคนเป็นแม่เช่นกู้ฮุ่ยผิงก็เป็นคนช่างสังเกต จึงเหลือบมองลูกชายอย่างรู้ทัน แววตาแบบนั้นเรียกได้ว่าเป็นแววตาแห่งความรู้ลึกรู้หมดเปลือกอย่างแท้จริง
หนิวลี่ยิ้มแห้ง ๆ ขณะมองเหมียวเถียนเถียนที่แสร้งทำเป็นใสซื่อ คิดในใจว่ารู้งี้ปล่อยเธอไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้กลายเป็นเข้าใจผิดกันไปใหญ่โต
“แม่ ผมยังไม่ได้กินข้าวเลย ไปหาร้านอาหารกินข้าวกันก่อนดีกว่า” หนิวลี่ไม่อธิบาย แต่เลือกจะเปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“อืม ไปค่ะลูก ดูท่าทางหนูคงเพิ่งเลิกเรียน น่าจะไม่ได้กินข้าวมาเหมือนกัน งั้นเราไปด้วยกันเนอะ”
“ค่ะ” เหมียวเถียนเถียนดีใจมาก รีบพยักหน้า พอพยักหน้าเสร็จก็หันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่หนิวลี่อย่างได้ใจ
หนิวลี่หัวเราะหยัน “ยัยเด็กบ้า กล้ามาหลอกแม่ฉันเหรอ หึ ยั่วโมโหฉันมาก ๆ เข้า ระวังจะโดนกินแล้วทิ้งละกัน ฉันไม่สนแล้วว่าจะเป็นยังไง”
พวกเขาทั้งหมดเดินออกจากที่เดิม มุ่งหน้าไปยังร้านอาหารฝั่งตรงข้าม กู้ฮุ่ยผิงและเหมียวเถียนเถียน เดินนำหน้า คุยกันเสียงเบา ไม่รู้ว่าพูดอะไรกัน แต่ดูมีความสุขมาก
ส่วนหนิวลี่เดินตามหลังมาพร้อมกับพ่อและอา
“เสี่ยวลี่ ช่วงนี้ไปอยู่ที่ไหนมา? ดูท่าทางสบายดีนะ” หนิวเปียวไม่ใช่คนธรรมดา เขาเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของลูกชายในทันที แถมร้านอาหารของตัวเองยังถูกคนมาตกแต่งใหม่ในวันรุ่งขึ้นหลังจากไตรภาคีล้มละลาย ไม่มีทางที่จะเป็นฝีมือของคนธรรมดาไปได้
“อืม ก็เรื่อย ๆ ครับ ไปแก้แค้นนิดหน่อย รับน้องใหม่เข้าแก๊งมาบ้าง” หนิวลี่ไม่คิดจะปิดบัง จึงพูดออกไปตามตรง
“แก้แค้น? รับน้องใหม่! ” หนิวเปียวมีสีหน้าแปลกประหลาด “งั้นแสดงว่าคงสบายดีจริง ๆ สินะ งั้นตอนนี้พี่ลี่ของพวกเราใหญ่โตถึงขั้นไหนแล้วล่ะ? ต่อจากนี้จะยังพอช่วยดูแลธุรกิจเล็ก ๆ ของพ่อหน่อยได้ไหม? ”
หนิวลี่ถอนหายใจ เขารู้ว่าพ่อไม่เชื่อ จึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดเสียงเบาว่า “เรื่องกลุ่มไตรภาคี ผมเป็นคนจัดการเองครับ”
หนิวเปียวตัวสั่น เกือบจะก้าวพลาดล้มลง โชคดีที่อารองคว้าไว้ได้ทัน แต่ตัวอารองเองก็หันมามองหนิวลี่ด้วยสีหน้าตกใจ เพราะคำพูดนี้ไม่ใช่คำพูดเล่น ๆ
เพราะในช่วงที่พวกเขาหลบซ่อนตัวอยู่ พวกเขาเห็นกับตาว่ากลุ่มไตรภาคีถูกบุคคลลึกลับรายหนึ่งทำลายลงทีละนิดทีละน้อย ด้วยกลวิธีที่โหดเหี้ยมและลงมือได้รวดเร็ว สร้างความตกตะลึงให้ผู้คน
หนิวลี่เห็นสีหน้าตกใจและสงสัยของพ่อกับอา จึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “จริง ๆ แล้วเราเคยเจอกันครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่วิลล่าของมิยาโมโตะ คนที่ใส่เสื้อคลุมยาว ๆ คนนั้นไงครับ”
หลังจากพูดจบ หนิวลี่ก็รู้สึกขมขื่นในใจ ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะทำยังไงกับเขา ตอนนั้นเขาทำเป็นเก่งต่อหน้าพ่อแม่ ทำตัวเป็นผู้อาวุโส ต้องโดนตบปากสักตั้งจริง ๆ
“ปึก! ”
คราวนี้ หนิวเปียวและอารองล้มลงไปกองกับพื้น
“ว้าย! เป็นอะไรหรือเปล่าคะ? ”
หนิวลี่ หนิวเปียวและอารองต่างพูดคุยกันเสียงเบา แม้แต่อาสะใภ้รองที่อยู่ใกล้ ๆ ยังแทบไม่ได้ยิน จึงรีบวิ่งเข้ามาพยุงสามีและหนิวเปียวขึ้น
ส่วนถิงถิงก็ถือโอกาสวิ่งเข้าไปหาหนิวลี่ อ้อนขอให้กอด
“ไม่เป็นไร ฮ่า ๆ ” หนิวเปียวฝืนยิ้มแล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับอารอง คราวนี้ทั้ง 3 คนไม่ได้คุยอะไรกันอีก เพียงแต่หนิวเปียวและอารองยังคงมองตามหลังหนิวลี่ไปด้วยสายตาแปลกประหลาด
หลังจากจองห้องส่วนตัวในร้านอาหารได้แล้ว ทุกคนก็นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ครู่หนึ่ง บนโต๊ะอาหารมีเพียงกู้ฮุ่ยผิงและเหมียวเถียนเถียนที่คุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ส่วนหนิวลี่กับพ่อนั้นไม่มีเรื่องคุยกันเลย
ต่างคนต่างมองหน้ากันอยู่นาน อาสะใภ้รองมองไปทางซ้ายทีขวาที แล้วพูดขึ้น “เป็นอะไรกัน? หนิวลี่ทำอะไรผิดเหรอ? ทำไมต้องมองเขาแบบนั้น? ”
“หนิวลี่ ออกมาข้างนอกกับพ่อหน่อย”
ในที่สุดหนิวเปียวก็ทนไม่ไหว ต้องถามให้รู้เรื่อง เพราะลูกชายเปลี่ยนไปมาก เขาจึงอดคิดถึงเรื่องในคืนนั้นไม่ได้ คนที่บุกเดี่ยวไปฆ่าคนในแก๊งค์อย่างโหดเหี้ยมคนนั้น พวกเขานับถือเจ้าตัวมาตลอด ไม่คิดเลยว่าบุคคลนิรนามรายดังกล่าวจะเป็นลูกชายของตัวเอง
“บ้าไปแล้ว นี่มันอะไรกัน บูชาลูกตัวเองเนี่ยนะ”
หนิวลี่ยิ้มแห้ง ๆ ให้แม่ แล้วเดินตามหนิวเปียวกับอารองออกไปยังระเบียงชั้น 3 ที่นี่นับเป็นพื้นที่ส่วนตัวจริง ๆ
หนิวเปียวเบิกตากว้าง มองหนิวลี่แล้วพูด “สุดยอดไปเลยไอ้หนุ่ม นายนี่มันเจ๋งจริง ๆ ผู้มีพระคุณของนายนี่ ไม่รู้ว่าต้องการอะไรตอบแทนรึเปล่า?”
หนิวลี่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วมองไปที่อารอง เหมือนต้องการขอความช่วยเหลือ
อารองยิ้มแล้วดึงหนิวเปียวออกมาก่อนจะพูดกับหนิวลี่ว่า “หลานก็อธิบายให้พ่อของหลานฟังหน่อยเถอะ”
หนิวลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟังอย่างคร่าว ๆ โดยปกปิดเรื่องแหวนสรรค์สร้างเอาไว้ เพราะคิดว่ามันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อเกินไป สุดท้ายจึงบอกแค่ว่าตอนเขาไปอยู่ภูเขาเสินหนงเจี้ย หนิวลี่ได้รับมรดกมาจากบุคคล ๆ หนึ่ง ทำให้เขามีความสามารถอย่างที่เห็น
ถึงอย่างนั้น เพียงการกล่าวถึงการรับมือกับไตรภาคี รวบรวมอิทธิพลของหลี่เตาปา พี่หลงและตระกูลถังเข้าด้วยกันแล้วก่อตั้งเป็น “สหพันธ์สวรรค์” ก็มากพอทำให้หนิวเปียวและอารองอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงได้!
MANGA DISCUSSION