บทที่ 120 การรุกของเหมียวเถียนเถียน
บรรยากาศในโรงเรียนยังคงเหมือนเดิม เสียงอ่านหนังสือดังแว่วเข้ามาในหู
เมื่อหนิวลี่กลับเข้ามาในรั้วโรงเรียนอีกครั้ง เขาก็รู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานแสนนาน
ชีวิตช่วงก่อนหน้านี้ช่างน่าตื่นเต้นและบ้าคลั่งเกินไป แตกต่างจากสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่อบอุ่นและสะดวกสบายตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง
เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ใบหน้าของหนิวลี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เขามุ่งหน้าไปยังอาคารเรียน
เมื่อเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านพ้นไป เด็กหนุ่มก็ปล่อยให้ตัวเองได้สัมผัสกับชีวิตที่แสนอบอุ่นและเรียบง่ายเช่นนี้อีกครั้ง
เมื่อเดินมาถึงห้องเรียนมัธยมปลายปี 2 ห้อง 3 หนิวลี่ก็พบว่านี่เป็นคาบเรียนของคุณครูเจี่ยงเหรินเฟิง ที่กำลังสอนบนแท่นบรรยาอย่างเพลิดเพลิน ในขณะที่นักเรียนข้างล่างก็นั่งฟังอย่างตั้งใจ ทุกอย่างแตกต่างจากฉากที่ครูสอนไปวัน ๆ และนักเรียนก็ใช้ชีวิตไปวัน ๆ อย่างสิ้นเชิง
“รายงาน! ”
หนิวลี่ตะโกนเสียงดังด้วยท่าทางกึ่งล้อเลียน
เสียงตะโกนที่ไม่มาแบบทันตั้งตัวทำให้การสอนที่เป็นระเบียบหยุดชะงักลง
แต่ทุกคนจำเสียงนั้นได้ พวกเขาหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน จากนั้นก็ตกตะลึง
“พี่หนิว! ”
ราวกับเป็นสัญชาตญาณ นักเรียนทุกคนต่างร้องเรียกออกมาพร้อมกัน
“สวัสดีทุกคน! ” หนิวลี่ยกมือขึ้นทักทายอย่างภาคภูมิใจ
“รับใช้พี่หนิว ฮ่า ๆ ”
เสียงหัวเราะดังกึกก้องไปทั่วห้องราวกับฟ้าผ่า
แต่เจี่ยงเหรินเฟิงไม่ได้โกรธ เธออธิบายการหายตัวไปของหนิวลี่อย่างคลุมเครือ เพราะแม้ว่าจะเป็นครู แต่อย่างไรเสียเจี่ยงเหรินเฟิงก็เป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่กำลังตกหลุมรัก เธอไว้ใจหลี่เตาปาเป็นพิเศษ
ดังนั้นเมื่อหนิวลี่กลับมาและทำให้ห้องเรียนวุ่นวาย เจี่ยงเหรินเฟิงจึงได้แต่กลอกตาไปมาและพูดติดตลกว่า “ประธานหนิว กลับไปที่เก้าอี้ประธานของคุณได้แล้ว”
“ฮี่ ๆ ” หนิวลี่เกาหัวอย่างเขินอาย เดินไปยังที่นั่งของตัวเอง ตลอดทางเพื่อนร่วมชั้นต่างขยิบตาให้ แสดงการต้อนรับการกลับมาของเขาอย่างอบอุ่น
เมื่อนั่งลงหนิวลี่ก็ยักไหล่แล้วพูด “เรียนก่อนนะ มีอะไรอยากพูดค่อยคุยกันตอนเลิกเรียน”
ในห้องเรียนของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 3 คำพูดของหนิวลี่นั้นดูจะมีอิทธิพลยิ่งกว่าครูเสียอีก ทำเอาห้องเรียนที่กำลังเสียงดังโหวกเหวกกลับมาเงียบสงบลงในทันที
เจี่ยงเหรินเฟิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ดำเนินบทเรียนของตนเองต่อไป
ส่วนหนิวลี่ ในฐานะที่เป็นนักเวทระดับกลาง พลังวิญญาณของเขาทะยานขึ้นมาก ส่งผลให้ความจำของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้จะยังไม่ถึงขั้นอ่านหนังสือสิบบรรทัดได้ในชั่วพริบตา แต่ก็สามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ เขาขอยืมสมุดจดบันทึกจากเพื่อนร่วมโต๊ะ แล้วทบทวนบทเรียนที่คลาดไปในช่วงสิบกว่าวันที่ผ่านมาอย่างเงียบๆ เพียงไม่นานเขาก็สามารถตามเพื่อน ๆ ทัน และในตอนนั้นเอง เสียงกริ่งหมดเวลาก็ได้ดังขึ้น
ครูเจี่ยงเหรินเฟิงเข้าใจดีว่าเหล่านักเรียนคงไม่มีกะจิตกะใจเรียนแล้ว จึงได้หยิบหนังสือเตรียมสอนขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องไป
เมื่อท่านเจี่ยงเหรินเฟิงเดินออกไป เหล่านักเรียนในห้องก็พากันฮือฮาขึ้นมาทันที พวกเขารุมล้อมหนิวลี่ แม้แต่เด็กผู้หญิงในห้องก็ไม่เว้น
“พี่หนิว! ช่วงนี้หายไปไหนมา ทำตัวลึกลับจริง ๆ ”
“ใช่ ๆ ฉันให้พ่อของฉันช่วยตามหาแต่ก็ไม่พบ สุดยอดไปเลย”
หนิวลี่ยกมือขึ้น เป็นสัญญาณว่าขอพูดก่อน
เมื่อทุกคนเงียบลง หนิวลี่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ช่วงนี้ฉันไปทำธุระส่วนตัวกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด เลยต้องลากิจไปหลายวัน” นี่นับเป็นการโกหกแบบไม่หวังผลร้าย เพราะเขาไม่สามารถเปิดเผยชีวิตแบบนั้นออกไปได้
“อ้อ ถึงว่า”
ทุกคนต่างเข้าใจ จากนั้นเหมียวต้าเหวย หัวหน้าห้องก็เบียดเข้ามาถามด้วยรอยยิ้ม “พี่หนิว ถามหน่อยสิ พี่กับเหมียวเถียนเถียน น้องสาวฉันมีอะไรกันหรือเปล่า ช่วงนี้หล่อนถามฉันทุกวันเลยว่าพี่มาโรงเรียนหรือยัง ฉันทรมานมาก หูจะแตกอยู่แล้ว”
“อ้อ เหมียวเถียนเถียนถามถึงฉันบ่อยเหรอ” หนิวลี่รู้สึกสงสัย เด็กสาวคนนั้นจะมาสนใจอะไรเขานัก หรือว่าแอบชอบเขา?
“ใช่ ๆ พวกเราหลายคนโดนหล่อนขู่ด้วย บอกว่าถ้าเห็นพี่แล้วไม่ยอมบอกหล่อนจะเอาเรื่อง” เหล่านักเรียนหลายคนพูดด้วยสีหน้าหดหู่
โดนผู้หญิงคนเดียวรังแกแบบนี้ ใครจะไปมีความสุข แต่ใครจะกล้าหือกับเหมียวเถียนเถียนล่ะ ในเมื่อหล่อนมีขาใหญ่สนับสนุน
หนิวลี่ยิ้ม ๆ “คราวหน้าถ้าหล่อนถามอีกก็บอกไปเถอะ ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย แล้วอีกอย่าง เธอเป็นผู้หญิง เราเป็นผู้ชาย จะไปกลัวอะไร”
“ฮ่าๆ พี่หนิวนี่พูดถูกใจพวกเรามาก ๆ ”
การได้พูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนๆ แบบไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่มีการป้องกันตัว ทำให้ความรู้สึกหดหู่ที่หนิวลี่แบกเอาไว้ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาสลายไปกว่าครึ่ง
ท่ามกลางบรรยากาศการเรียนที่สนุกสนาน เวลาในช่วงเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเลิกเรียน เหล่านักเรียนก็พากันวิ่งออกจากห้องเรียนอย่างบ้าคลั่งเหมือนเช่นเคย เพื่อไปแย่งชิงตำแหน่งแรกในการต่อแถวรับประทานอาหารกลางวันที่โรงอาหาร ซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวันของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ห้อง 3
ส่วนหนิวลี่ก็กำลังเดินออกจากรั้วโรงเรียน…
“หยุดนะ! ”
ไม่ผิดคาด เหมียวเถียนเถียนรู้ว่าหนิวลี่ กลับมา เธอจึงมารออยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนแบบนี้
หนิวลี่ยิ้ม ๆ ไม่สนใจและเดินต่อไป
เหมียวเถียนเถียนซึ่งตอนแรกรู้สึกเหนือกว่าอยู่บ้างโมโหทันที เธอวิ่งไปข้างหน้าหนิวลี่และจ้องเขาอย่างโกรธเคือง “ฉันบอกให้หยุด นายไม่ได้ยินหรือไง”
“นี่มันโรงเรียนนะน้องสาว ทำแบบนี้ระวังเป็นข่าวลือนะ” หนิวลี่เหลือบมองเหมียวเถียนเถียนแล้วพูดอย่างแปลกใจ
“ใครเป็นน้องสาวนาย ไร้ยางอาย” เหมียวเถียนเถียนหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะจ้องหนิวลี่แล้วพูดว่า “อย่าเปลี่ยนเรื่อง ไปอยู่ที่ไหนมา ทำไมถึงหาตัวไม่เจอ”
หนิวลี่พูดว่า “ทำไมฉันต้องบอกเธอด้วย เราเป็นอะไรกัน”
เหมียวเถียนเถียนพูดไม่ออก เธอโมโหอย่างอายเล็ก ๆ “นาย นายน่ารังเกียจ”
“ก็ได้ ฉันน่ารังเกียจ งั้นฉันไปล่ะนะ” หนิวลี่ยิ้ม ๆ พูดจบก็เดินออกไป
“หยุดนะ! ” เหมียวเถียนเถียนร้อนใจ ใครจะปล่อยให้หนิวลี่หนีไปแบบนี้ ถ้าเขาหายไปอีกก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกทีเมื่อไหร่
หนิวลี่ไม่สนใจ ตอนนี้เขาแค่อยากกลับบ้านไปดูพ่อแม่ ไม่รู้ว่าพวกเขาซ่อนอยู่ที่ไหน หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ
“พี่เหมียวบอกให้หยุด นายไม่ได้ยินหรือไง”
ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนมาขวางหน้าหนิวลี่ พวกเขามองหนิวลี่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม
หนิวลี่งงกับสถานการณ์ตรงหน้า นี่มันเรื่องอะไรกัน
เหมียวเถียนเถียนวิ่งเข้ามา เธอไม่สนใจหนิวลี่ แต่จ้องไปที่เด็กหนุ่มขวางทางอย่างโกรธเคือง “ตู้เทียนหาว นายมายุ่งอะไรด้วย ไปให้พ้น”
การระเบิดอารมณ์อย่างฉับพลันของเหมียวเถียนเถียนทำให้คนที่ขวางทางถึงกับมึนงง
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เขาเห็นเธอตะโกนเรียกเจ้าเด็กนี่ เขาถึงได้เข้ามาช่วย แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงหันเอาอารมณ์มาลงที่เขาแทนล่ะ
แต่เหมียวเถียนเถียนมีพื้นเพแข็งแกร่ง ตู้เทียนหาวไม่กล้าหาเรื่อง
ทันใดนั้นตู้เทียนหาวก็หันไปมองหนิวลี่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม “ไอ้หมอนี่มันขวางทาง ฉันไม่พอใจ”
เมื่อพูดจบ พวกนักเรียนชาย 4 คนที่อยู่ข้างหลังตู้เทียนหาวก็แยกย้ายกันล้อมหนิวลี่เอาไว้ บนใบหน้าของพวกเขาปรากฏรอยยิ้มแปลก ๆ
“เชี่ย! ซวยชะมัด! ผู้หญิงคนนี้คงไม่ใช่ตัวซวยหรอกนะ? แค่เข้าใกล้ก็โชคร้ายแล้ว? ” หนิวลี่เหลือบมองเหมียวเถียนเถียน คิดอย่างชั่วร้ายในใจ
“นายทำอะไรตู้เทียนหาว ถ้านายกล้าทำอะไรบุ่มบ่าม คืนนี้นายจะได้รู้กัน! ” เหมียวเถียนเถียนตะคอก
ตู้เทียนหาวไม่กล้าหาเรื่องเหมียวเถียนเถียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขากลัวเธอ ตราบใดที่เขาไม่ทำผิดเอง แม้แต่คนที่อยู่เบื้องหลังของเหมียวเถียนเถียนก็ไม่สามารถพูดอะไรเขาได้ ดังนั้นวันนี้เขาจะต้องสั่งสอนเจ้าเด็กหนุ่มที่ทำให้เขาโดนด่าอย่างแน่นอน!
ตู้เทียนหาวไม่สนใจเหมียวเถียนเถียน เขาพูดกับลูกน้องทั้ง 4 อย่างไม่พอใจว่า “รออะไรอยู่? ยังไม่ลงมืออีก? ”
“ครับ พี่หาว! ”
นักเรียนชาย 4 คนพุ่งเข้าหาหนิวลี่ทันที และเหวี่ยงหมัดเล็งไปที่หน้าของเขา
“เชี่ย! ต่อยคนไม่ต่อยหน้าไม่รู้จักรึไง? พวกสารเลว ไม่รู้จักกฎของยุทธภพบ้างหรือไง! ” หนิวลี่โกรธ เขาไม่ได้อยากหาเรื่อง แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาเรื่องเอง
พลังวิญญาณเข้าครอบคลุมพื้นที่โดยรอบ ตัวเขาเคลื่อนไหวไปตามวิถีการต่อยของทั้ง 4 คน
ร่างกายของหนิวลี่บิดตัวหลบ หมัดของนักเลงที่ต่อยมาพลาดเป้าไป หนิวลี่ฉวยโอกาสพุ่งเข้าหาพร้อมกับเหวี่ยงฝ่ามือ หัตถ์เพลิงของเขาบริสุทธิ์ราวกับเปลวไฟในเตาหลอม เพียงแค่สะบัดเบา ๆ ก็แตะ 100 จิน
พลังที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เด็กหนุ่มที่ดูแข็งแรงแต่ยังเด็กเหล่านี้จะรับไหวได้อย่างไร ฝ่ามือทั้ง 2 ฟาดลงไป นักเลงสองคนที่ออกหมัดมาก็อ้าปากค้าง ร่างลอยขึ้นไปในอากาศราว 2 เมตร ก่อนจะล้มลงกับพื้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะลุกขึ้นมา
หนิวลี่เคลื่อนไหวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว 2 ก้าว เข้าใกล้เด็กนักเรียนอีก 2 คนที่เหลือ ในขณะที่ทั้งคู่กำลังตกตะลึง เขาก็เดินผ่านอีกฝ่ายไปพร้อมกับประทับฝ่ามือลงบนแผ่นหลังฝั่งตรงข้าม
“โอ๊ย! ”
เสียงร้องตกใจดังมาจากปากของเหมียวเถียนเถียนและตู้เทียนหาว แต่เหมียวเถียนเถียนร้องด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่ตู้เทียนหาวร้องด้วยความตกใจ
หลังจากจัดการทุกอย่างอย่างง่ายดาย หนิวลี่ก็ปัดมือและหันไปมองตู้เทียนหาว
“แกจะทำอะไร? ”
ตู้เทียนหาวถอยหลังไปด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตระหนกหวาดหวั่น พี่ชายคนนี้ชักจะโหดเกินไปแล้ว!
หนิวลี่ยิ้มเยาะอย่างดูถูก ขี้เกียจจะสนใจคนแบบนี้ เขาหันหลังกลับและเดินออกจากโรงเรียนไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ รอก่อน! ” พอเหมียวเถียนเถียนรู้สึกตัวก็รีบวิ่งตามไป
ส่วนตู้เทียนหาวยืนงงอยู่พักหนึ่ง รู้สึกตัวอีกทีใบหน้าเขาก็แดงก่ำสลับซีดขาว ก่อนจะกลายเป็นโกรธเกรี้ยว จ้องมองแผ่นหลังของหนิวลี่ อย่างเคียดแค้น
MANGA DISCUSSION