บทที่ 112 พายุโหมกระหน่ำ ทำลายล้างไตรภาคี
เมื่อมีแผนการแล้ว การลงมือทำก็สะดวกขึ้นมาก
หลี่เตาปา เหวินชิง และพี่หู่ปรึกษาหารือกันพักหนึ่ง ก็ได้ข้อเสนอและแผนปฏิบัติการสำหรับการค้นหาและป้องกันทะเลสาบหลิงกวงออกมาในที่สุด
ส่วนทางไตรภาคี พวกเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ได้แต่รอให้หนิวลี่แสดงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ ช่วงชิงไวรัสจากงานวิจัยของมิยาโมโตะมา แล้วค่อยดำเนินการแก้แค้นญี่ปุ่นในภายหลัง
ช่วงบ่าย หลังจากรับประทานอาหารร่วมกันเป็นครั้งแรก หนิวลี่ก็พาสัตว์อสูรทั้งสองไป ส่วนหลวงจีนเจี้ยเซ่อ ตอนนี้ก็สนิทสนมกับหลี่เตาปา เหวินชิงและคนอื่น ๆ เป็นอย่างดี
เมื่อออกจากเย่เย่ไหล หนิวลี่ก็ไม่คิดเรื่องอื่นใดอีก เร่งรุดมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบหลิงกวงแถบชานเมืองทันที จากนั้นค่อยหาตำแหน่งปลอดภัย วางวงแหวนเวทสองวงลงไป และเริ่มดูดซับพลังปราณจากผืนฟ้าและแผ่นดิน
แม้การทำเช่นนี้จะเสี่ยงถูกจับได้ แต่มันก็ไม่มีทางเลือกอื่น วงแหวนเวทที่ได้รับมาจากเอลฟ์นี้ทรงพลังมาก แต่ก็ต้องการหินเวทมนตร์จำนวนมากเช่นกัน หนิวลี่ไม่มีหินเวทมนตร์อยู่แม้แต่ก้อนเดียว เขาจึงต้องใช้ทรัพยากรอื่นทดแทน
วงแหวนเวทต่อเนื่องประกอบด้วยเวทมนตร์โลกาธาตุทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่สั่นสะเทือน กระตุ้นและแข็งตัว ซึ่งเวทโลกาธาตุแต่ละแบบจะสลักอักขระลงไปทั้งสิ้น 36 ตัว และเวทโลกาธาตุแบบหนึ่งต้องใช้หินเวทมนตร์ทั้งหมด 108 ก้อน รวมทั้ง 3 แบบจึงเป็น 324 ก้อน นับเป็นความต้องการทรัพยากรที่มากมายมหาศาล
เหลือเวลาอีกเพียงสามวันก่อนที่ลูกแก้วมังกรจะปรากฏตัว เขาต้องสะสมพลังงานให้ได้ภายในสองวัน ไม่อย่างนั้นคงมีเรื่องยุ่งยากตามมาแน่ ๆ
หนิวลี่หายใจเข้าลึก ๆ หลับตาลง เริ่มดูดซับพลังปราณจากฟ้าดิน
ในทำนองเดียวกัน เอลฟ์ก็ทำการรวบรวมพลังปราณจากสวรรค์และผืนดินอย่างเต็มกำลัง ก่อนแปลงมันเป็นพลังเวท
ด้วยการแปรพลังปราณจากฟ้าดินของทั้งคู่ บนฝ่ามือของทั้งสองจึงปรากฏพลังงานขึ้นสองจุด นี่เป็นวิธีที่หนิวลี่และเอลฟ์พอจะคิดขึ้นมาได้ ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ภายในครึ่งชั่วโมงแม้พลังงานทั้ง 2 จุดนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า แต่ในความเชื่องช้านั้นยังมีความสม่ำเสมอแฝงอยู่
แหวนสรรค์สร้างหยุดการส่งพลังงานชั่วคราว และทุ่มเทกำลังทั้งหมดไปกับการดูดซับพลังเวท บีบอัดพลังงาน
เมื่อรวมกับการดูดซับของวงเวทสองวงบนพื้น ความเร็วก็ไม่ถือว่าช้าอีกต่อไปแล้ว
ที่นี่มีราชันย์หมาป่าที่แกนเวทมนตร์ยังไม่สมบูรณ์ มันไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ นอกจากทำตามคำสั่งของหนิวลี่ คอยเฝ้าระวังอยู่ที่นี่ หากมีคนปรากฏตัวขึ้นมาในรัศมีหลายร้อยเมตร ราชันย์หมาป่าจะรู้ตัวก่อนเป็นตนแรก และส่งผ่านประสาทสัมผัสอันลึกลับ เชื่อมโยงไปยังหนิวลี่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหนิวลี่ถึงสามารถวางใจ และหันไปจดจ่อกับการรวบรวมพลังงานได้อย่างเต็มที่
ขณะที่หนิวลี่กำลังเตรียมการชำระแค้นกับไตรภาคีอยู่ที่นี่ ฝ่ายสหพันธ์สวรรค์ก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ หลี่เตาปาจัดเตรียมศิษย์ฝีมือดีทุกคนที่ผ่านการทดสอบมาเข้าร่วมแผนการ ทุกคนต่างรู้ดีว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ จึงไม่มีใครปริปากบ่นออกมา มีแต่ความตื่นเต้นและให้กำลังใจต่อกัน
ในสังคมที่สงบสุขเช่นนี้ หาโอกาสได้รังแกคนญี่ปุ่นแบบนี้ได้ยากนัก
แม้ว่าการเคลื่อนไหวของสหพันธ์สวรรค์จะเป็นไปอย่างลับ ๆ แต่การกระทำของคนจำนวนมากย่อมไม่สามารถปิดบังได้อย่างสมบูรณ์ ไม่นาน บุคคลสำคัญในทุกวงการ โดยเฉพาะยุทธภพจึงต่างสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของสหพันธ์สวรรค์ได้
รวมถึงตกตะลึงกับอำนาจของสหพันธ์สวรรค์ ทุกฝ่ายอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้สหพันธ์สวรรค์กำลังทำอะไรกันแน่
พวกเขากำลังทำอะไรกัน?
ก่อนหน้านี้หนิวลี่ไม่เคยแสดงท่าทีใดออกมาเป็นพิเศษ ช่วงแรก ๆ แม้สหพันธ์สวรรค์จะแย้มพิษสงออกมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นเปิดเผยตัวตนออกมาทั้งหมด ตอนนี้ตัวตนที่เคยเป็นความลับไม่มีอีกต่อไปแล้ว เหล่าพี่น้องผู้ร่วมวงการในเมือง H จึงต่างตกตะลึง
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ในวงการมีกลุ่มคนทรงอำนาจมากมายขนาดนี้ปรากฏขึ้นมา ใครกันที่มีฝีมือ สามารถรวบรวมหัวกะทิมากมายขนาดนี้ไว้กับตัวได้ แล้วคนที่รวมพลังอันแข็งแกร่งนี้ไว้ทำมันไปเพื่ออะไรกัน?
คนที่มีสงสัยมากที่สุดเห็นจะเป็นสมาพันธ์บู๊
พวกเขาต่างโกรธเกรี้ยวยามได้ยินว่าองค์กรนี้ใช้ชื่อว่าสหพันธ์สวรรค์ และออกตัวหมายกำจัดกลุ่มก้อนบุคคลอันตรายเช่นนี้ออกไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินว่าผู้นำสหพันธ์สวรรค์คือผู้แข็งแกร่งในขั้นก่อนสวรรค์!
ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ เมือง H มีผู้ฝึกฝนในขั้นก่อนสวรรค์เพียงคนเดียว พอกล่าวแบบนี้ การก่อตั้งสหพันธ์สวรรค์ก็นับว่ามีที่พึ่งแล้ว พวกคนที่ป่าวร้องจะจัดการสหพันธ์สวรรค์ต่างพากันเงียบเสียงลง
เพราะใครเขาจะกล้าไปต่อกรกับผู้ฝึกฝนขั้นก่อนสวรรค์ล่ะ? เบื่อไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วหรือไง? หรือมองไม่เห็นว่าทั้งเส้าหลิน บู๊ตึ้ง ง้อไบ๊และทุกสำนัก ต่างก็แสดงออกอย่างอ้อม ๆ ว่าต้องการหลีกเลี่ยงผู้ฝึกฝนคนนี้?
เพียงเท่านี้ ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนขั้นก่อนสวรรค์ก็เป็นที่ประจักษ์แล้ว
และเพราะแบบนี้ชาวยุทธภพจึงทราบกันทั่ว ว่าสหพันธ์สวรรค์กำลังลงมือทำการบางอย่าง และไม่ต้องถามว่าลงมือทำมันไปทำไม ในเมื่อคิดด้วยนิ้วเท้าก็รู้แจ้งแล้ว
โดยเฉพาะกับวงการที่มีขงเบ้งน้อยอย่างหลินมู่เสวี่ย ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์อยู่
“ผู้ฝึกตนขั้นก่อนสวรรค์คนนี้ต้องการจัดการกับคนญี่ปุ่น และครั้งนี้จะต้องเป็นการลงมือครั้งใหญ่ เป็นไปได้ว่าอาจจะทำให้แผนการของไตรภาคี ในประเทศจีนพังทลายลงในคราวเดียว”
ในห้องประชุมของโรงแรมแห่งหนึ่งที่เหล่าชาวยุทธภพต่างมารวมตัวกันอีกครั้ง หลินมู่เสวี่ยได้กล่าวออกไปอย่างมั่นใจ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะสามารถร่วมมือในแผนการครั้งนี้ เพื่อแสดงจุดยืนของพวกเราได้หรือไม่? ” นักพรตเต๋าชิงมู่ถามขึ้น
หลินมู่เสวี่ยหลับตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ถ้าอยากทำมันก็ได้ แต่พวกเราต้องรู้ก่อนว่าคนคนนั้นมีแผนการอะไรอยู่ มิฉะนั้น หากเข้าไปร่วมมือแบบไม่รู้อะไรเลย เกรงว่านั่นจะเป็นการไปลงแรงในส่วนที่ทำให้ผู้อื่นไม่พอใจ”
“อืม การจะสืบหาแผนการของพวกเขานั้นไม่ยาก หากพวกเราลงมือ จะต้องสืบทราบแผนการของพวกเขาได้อย่างแน่นอน ขอให้ท่านผู้อาวุโสหลินวางใจได้ อย่างช้าที่สุด พรุ่งนี้เวลานี้จะต้องส่งมอบแผนการของสหพันธ์สวรรค์ให้กับคณะกรรมการอาวุโส” ศิษย์บู๊ตึ้งผู้รับผิดชอบช่องทางข่าวสารในสมาพันธ์บู๊ กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“อืม! ”
หลินมู่เสวี่ยพยักหน้า จากนั้นก็กล่าวต่อ
“แต่พวกเราก็ต้องจับตาดูมิยาโมโตะด้วย จากบันทึกประวัติศาสตร์และบันทึกต่าง ๆ ฉันประเมินว่า ลูกแก้วมังกรจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในอีกสามวันข้างหน้า นี่อาจเป็นเป้าหมายสูงสุดในการมาที่นี่ของไตรภาคี ไม่ต้องพูดถึงว่าตำนานลูกแก้วมังกรจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อน พวกเราก็ต้องคอยจับตาดูทะเลสาบหลิงกวง ไว้ตลอดเวลา ห้ามพลาดเด็ดขาด”
พอพูดถึงลูกแก้วมังกร บรรดาคนของสมาพันธ์บู๊ที่เข้าร่วมประชุม ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดวงตาของพวกเขาเป็นประกาย
ลูกแก้วมังกร!
ก่อนหน้านี้อาจจะมีน้อยคนที่รู้จักมัน แต่เมื่อเป้าหมายของคนญี่ปุ่นในการมาที่นี่แพร่กระจายออกไป ทุกคนจึงพากันรู้จักการมีอยู่ของลูกแก้วมังกร
ยิ่งไปกว่านั้นคือมีคนตั้งใจสืบหาข้อมูล จนทราบถึงตำนานและพลังของลูกแก้วมังกร สิ่งนี้สร้างความตกตะลึงให้กับผู้คนมากมาย
ลูกแก้วมังกรไม่เพียงสามารถทำลายกำแพงระหว่างโลกเบื้องบนและโลกของมนุษย์ได้เท่านั้น แต่ยังสามารถทำให้ผู้คนก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งเซียนได้อีกด้วย!
เส้นทางแห่งเซียน
บรรลุเซียน
และมีชีวิตเป็นอมตะ
เรื่องแบบนี้… ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำใจให้สงบได้ทั้งนั้น
ทว่าตำนานลูกแก้วมังกรมีมาหลายพันปีแล้ว กลับไม่มีผู้ใดได้ครอบครองมันเสียที นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้คนไม่คลั่งไคล้หลงใหลไปกับมันมากจนเกินไป คนรุ่นก่อนทำไม่ได้ คนรุ่นหลังก็อาจจะทำไม่ได้เหมือนกัน อีกอย่างคือพวกเขาล้วนเป็นคนของสำนักใหญ่ จะต้องคำนึงถึงภาพลักษณ์องค์กรเอาไว้ แม้จะอยากได้ลูกแก้วมังกรมากเพียงใด ก็จำต้องเก็บซ่อนความปรารถนานั้นไว้ในใจ และวางแผนอยู่เงียบ ๆ
“อืม ฉันส่งศิษย์หลายคนไปสืบเรื่องนี้อย่างลับ ๆ มาได้สักสองสามวันแล้ว และยังคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของทะเลสาบหลิงกวงอยู่ตลอดเวลา” ผู้ดูแลสมาพันธ์บู๊อีกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ดี ทำตามแผนต่อไป เราต้องพยายามควบคุมอารมณ์เอาไว้ อย่าปะทะกับคนของสหพันธ์สวรรค์” อาจารย์ชิงมู่พยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะสั่งการออกไปอีกคำรบหนึ่ง
บรรดาผู้บริหารที่เข้าร่วมประชุมต่างพยักหน้ารับคำ
และเวลาเดียวกันนี้ ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง หน่วยรบพิเศษก็กำลังประชุมกันอยู่ โดยมีเหมียวจ้านจากกองทัพและ ฟางเจิ้งจากกรมตำรวจเข้าร่วมประชุมด้วย
เนื้อหาการประชุมก็ไม่ต่างจากของสมาพันธ์บู๊เท่าไหร่นัก
ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากพวกเขาเป็นตัวแทนของรัฐบาล ข้อมูลที่ได้รับจึงเป็นทางการและเป็นระบบมากกว่าสมาพันธ์บู๊ รวมถึงรู้จัก หนิวลี่มากกว่าด้วย แน่นอนว่าข้อมูลนี้อ้างอิงจากพื้นฐานความแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์เท่านั้น และยังคงเป็นการคาดเดาภายใต้หน้ากากลึกลับของบุรุษในชุดคลุม
ถ้าหนิวลี่ได้ยินที่คนกลุ่มนี้พูดถึงเขา เขาคงตกใจมากเลยทีเดียว เพราะนอกจากอายุที่ไม่ทราบแน่ชัดแล้ว ข้อมูลส่วนอื่นถูกต้องตามความจริงไม่มีผิดเพี้ยน
แต่หน่วยรบพิเศษกลับต้องลำบากใจเช่นกัน เพราะในตอนแรกคิดว่านี่เป็นเพียงภารกิจเล็ก ๆ ทว่าเมื่อสืบสวนลึกลงไป กลับพบว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิดไว้มาก
ถึงทุกคนจะบอกว่าไม่มีปัญหา แต่ปัญหาคือจำนวนคนต่างหาก! พวกเขามีกันแค่หยิบมือเดียว จะทำอย่างไรได้
ในที่สุดหลังจากครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน หลงพั่วลู่ จึงตัดสินใจร่วมมือกับตำรวจและกองทัพท้องถิ่น เพื่อที่จะดำเนินแผนต่อไปได้
แน่นอนว่ารัฐบาลท้องถิ่นยินดีสนับสนุนหน่วยรบพิเศษอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ พวกเขาจึงไฟเขียวให้ทุกอย่าง จะเอาอะไรก็จัดให้หมด
และเมื่อได้รับการสนับสนุนเช่นนี้ หลงพั่วลู่ก็ลำพองใจ วางแผนสั่งการทุกอย่างด้วยความเฉียบขาด จัดการทุกอย่างตามปฏิกิริยาและการเปลี่ยนแปลงของทุกฝ่าย
กระแสคลื่นใต้น้ำก็เริ่มก่อตัวขึ้นในเมืองเอช ทุก ๆ ฝ่ายต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือ
และในขณะเดียวกัน ณ ห้องทดลองภายในอาคารของไตรภาคี
มิยาโมโตะและนักวิจัยชุดขาวกลุ่มหนึ่งกำลังเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของกบในโหลแก้วปิดสนิทด้วยความตื่นเต้น
กบตัวนั้นเดิมทีแข็งแรงดี แต่หลังจากที่สูดดมหมอกสีฟ้าที่พ่นใส่โหลแก้วเข้าไป มันก็เริ่มกระวนกระวาย จากนั้นค่อยร้องอย่างน่าเวทนา ผิวหนังสีเขียวลายพร้อยเริ่มเน่าเปื่อยจนเห็นได้ชัด มีเนื้อเน่าเป็นก้อนๆ ปรากฏขึ้น
เสียงร้องของกบค่อย ๆ เบาลงจนเงียบหายไป เครื่องมือที่อยู่นอกโหลแก้วแสดงให้เห็นว่ากบตัวนี้ได้ตายลงแล้ว
ทันทีที่เห็นภาพดังกล่าวนักวิจัยชุดขาวทุกคนต่างพากันดีใจ โห่ร้องกันยกใหญ่
มิยาโมโตะยิ้มอย่างน่าขนลุก จ้องมองกบที่กำลังเน่าเปื่อยด้วยสายตาเย็นชา
MANGA DISCUSSION