บทที่ 92 ปราบนายพลเซี่ยเจิ้นเจียงและทำให้นายพลทั้งสามตกตะลึงด้วยประโยคเดียว
เมื่อเสียงดังขึ้น ร่างของคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากที่ที่แสนไกล
และเมื่อสิ้นเสียงของเขาลง
ร่างที่เคยอยู่แสนไกลก็มาปรากฏเบื้องหน้าทุกคนในพริบตา
แม้สายตาจะมองได้ไม่ชัด แต่ทุกคนตระหนักได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของชายคนนี้ได้ จนเผลอยกมือขึ้นบังคลื่นพลังที่แผ่ออกมานั้นโดยไม่รู้ตัว
ทว่าเป้าหมายของร่างนั้นคือการพุ่งเข้าชนเซี่ยเจิ้นเจียงต่างหาก!
ผู้ที่เพิ่งปรากฏตัวนี้คือ ฉู่โม่ว!
จังหวะที่เขาเห็นเสี่ยวจิน มันเป็นจังหวะที่พญาหงส์ปีกทองคำกำลังจะถูกจับตัวไปพอดี เช่นนั้นแล้วคิดว่าเขาจะสามารถข่มความโกรธไว้ได้งั้นเหรอ?
ทันทีที่ปรากฏตัว พรสวรรค์ธาตุไฟในร่างก็ถูกเปิดใช้งาน วงแหวนแห่งเพลิงปรากฏขึ้นรอบตัวเขา และกระจายตัวออกเป็นวงกว้างกว่าร้อยเมตร
ขณะเดียวกัน
อณูแห่งชีวิตในร่างและเลือดที่ไหลเวียนอยู่ทั้งกายก็ถูกกระตุ้นจนเดือดปุด ๆ เสมือนลาวาในภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ
“หมัดเพลิงสยบภูผา!”
ด้วยหมัดที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเปลวเพลิงเสมือนดวงอาทิตย์ขนาดเล็ก มันทำให้มิติรอบข้างเกิดการสั่นสะเทือนและแตกออกบางส่วน ก่อให้เกิดเสียงราวกับสายลมที่แทรกออกมาจากรอยแยกมิตินั้นห่อหุ้มไปทั่วทั้งร่างของฉู่โม่วอีกชั้นหนึ่ง
ยิ่งมีมิติเสียหายมากขึ้นเท่าไร กระแสลมปริศนาก็ยิ่งพวยพุ่งออกมามากขึ้นเท่านั้น มันส่งเสียงแสบแก้วหูประดุจกระแสไฟฟ้าที่วิ่งผ่านไปตามอากาศ
ในระยะร้อยเมตรรอบตัว อากาศกำลังถูกดูดเข้าไปรวมที่ร่างของฉู่โม่วเหมือนว่าเขากำลังดูดกลืนมันเข้าไป
“ไม่ดีแล้ว!”
รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของพลังนั้น เซี่ยเจิ้นเจียงก็หน้าถอดสี
เขารีบกลับตัวและถอยกลับ ขณะเดียวกันก็ยกแขนขึ้นมาเพื่อคอยป้องกันการโจมตีนั้นเข้าถึงตัวเขาด้วย!
ครืน!
ทันทีที่หมัดและแขนเข้าปะทะกัน
แทบจะเป็นวินาทีเดียวกัน เซี่ยเจิ้นเจียงก็สัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลที่มาจากกำปั้นปะทะแขนเขาอยู่ มันทำให้เลือดบริเวณนั้นราวกับถูกเผาไหม้ก่อนที่ร่างของเขาจะกระเด็นออกมา
หลังจากที่กระเด็นลอยไปหลายร้อยเมตร เขาก็ค่อย ๆ ตั้งตัวใหม่อีกครั้ง
“แกเป็นใคร? ทำไมถึงเข้ามาขวางฉันแบบนี้!”
เซี่ยเจิ้นพยายามปรับสมดุลอณูแห่งชีวิตในร่างใหม่อีกครั้ง เขามองไปยังฉู่โม่วที่มายืนตรงหน้า และถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
จากการต่อสู้ก่อนหน้า แม้มันจะค่อนไปทางการเข้าหาทีเผลอ แต่จากการพลังของอีกฝ่ายที่ทำให้เขาต้องรีบถอย มันก็ทำให้เขารับรู้ได้ว่า ชายที่แข็งแกร่งตรงนี้อย่างน้อยก็น่าจะมีพลังระดับนายพลเมืองได้เลย!
แล้วคนแบบนี้ ทำไมถึงเลือกที่จะสู้กับเขาน่ะ?
ไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเคยไปหาเรื่องคนที่แข็งแกร่งระดับนี้มาก่อน?
คิดทบทวนแล้วทบทวนอีก เรื่องนี้ก็ยังทำให้เขาคิดไม่ตก ดังนั้น เซี่ยเจิ้นจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วถาม “ท่านผู้แข็งแกร่ง พวกเราเคยมีอะไรขัดใจหรือเข้าใจผิดกันมาก่อนหรือเปล่า?”
“ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่านายพยายามลงไม้ลงมือกับสัตว์เลี้ยงของฉัน แบบนี้เรียกว่าเข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า?”
ฉู่โม่วพูดเสียงนิ่ง
“สัตว์เลี้ยง? หมายถึงเจ้านี่น่ะเหรอ?”
เซี่ยเจิ้นเจียนผงะไปครู่หนึ่ง และเมื่อได้สติ เขาก็ขมวดคิ้วและพ่นลมหายใจไม่พอใจออกมา “ฉันก็นึกว่าเป็นใครที่ไหน ที่แท้ก็เป็นคนที่ต้องกำจัดนี่เอง!”
“สัตว์เลี้ยงของแก ฆ่าลูกชายฉัน เพราะงั้นฉันก็เลยจะฆ่ามัน!”
“แต่ไหน ๆ แกก็มาอยู่ที่นี่แล้ว บางทีฆ่าแกแทนลูกชายฉันอาจจะมีความสุขมากกว่า!”
นายพลผู้มีความแค้นพูดเฉียบขาด
ในทันทีที่เสียงของเขาเงียบลง อณูแห่งชีวิตและเลือดในร่างก็กลับมาเสถียรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันเริ่มปลดปล่อยพลังอันมหาศาลออกมาอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะเหมือนว่าเขาพลาดท่าหนัก แต่จริง ๆ แล้วนั่นไม่ได้ใช้พลังอะไรมากขนาดนั้นในการดีดตัวออกมา
ดังนั้นตอนนี้ได้เวลาเอาจริงแล้ว
ชายสูงวัยชี้นิ้วลงไปกับพื้นขณะที่ปลดปล่อยพลังอณูแห่งชีวิตออกมาจนมันโถมใส่ตัวเขาเสมือนเป็นภูเขาลูกยักษ์
อากาศบริเวณรอบตัวเขาเริ่มแตกออก ราวกับว่ามันเกิดระเบิดที่มองไม่เห็นขึ้น และเป็นเช่นนี้ต่อกันไปอีกพักใหญ่
“นี่มัน… กระบวนท่าอันโด่งดังของท่านเซี่ยเจิ้นนี่! ว่ากันว่าสามารถทลายภูผาหรือไม่ก็สลายธารน้ำได้ด้วยนิ้วเดียวเลย! ขนาดสัตว์อสูรระดับ 5 ยังยากที่จะรับมือไหว!”
“ไอ้หนุ่มนั่นโดนฆ่าด้วยนิ้วพิฆาตนี่แน่ ๆ!”
“รู้ผลแล้วละมั้ง”
มุมหนึ่ง เหล่าปรมาจารย์ยุทธ์ที่รอดชีวิตหันคุยกันเองด้วยความตื่นเต้น พวกเขาพยายามถอยออกจากจุดนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังหนีเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง
“ไปตายซะ!”
ภายใต้สายตาที่จับจ้อง ปลายนิ้วนั้นพุ่งไปพร้อมร่างของเซี่ยเจิ้นเจียงและปะทะเข้ากับร่างของฉู่โม่ว มันเกิดเสียงระเบิดดังพร้อมทั้งเกิดควันและฝุ่นลอยคลุ้งออกมา
ทุกคนเสมือนว่าได้หยุดหายใจไปแล้ว
พวกเขารีบปิดจมูกกันโดยสัญชาตญาณและรอจนกระทั่งกลุ่มควันจางหายไปเอง
ส่วนคนที่รู้จักเซี่ยเจิ้นเจียงดีก็จะรู้ได้ว่า เขาฝึกฝนกระบวนท่านี้มาตั้งแต่ที่ขึ้นเป็นขั้นปรมาจารย์ยุทธ์แล้ว ดังนั้นคนคนนี้เชี่ยวชาญกระบวนท่าดังกล่าวมาร่วมทศวรรษแล้ว ด้วยเหตุนี้ พลังโจมตีของมันถึงได้รุนแรงและน่ากลัวสุด ๆ!
เรียกได้ว่า เมื่อไรที่ปลายนิ้วได้สัมผัสกับศัตรู เมื่อนั้นก็คือวันตายของอีกฝ่ายด้วย!
ก็สมควรแล้ว!
เพราะงั้น
นี่เองจึงเป็นที่มาของฉายาที่เซี่ยเจิ้นเจียงถูกกล่าวขาน “นายพลเมืองจอมทำลายล้าง!”
อย่างไรก็ตาม
ในสายตาของคนอื่นที่คิดว่าฉู่โม่วคงจะต้องตายจากการโจมตีด้วยนิ้วพิฆาตของเซี่ยเจิ้นเจียง พวกเขาไม่รู้เลยว่าบางสิ่งบางอย่างไม่ปกติ
คนที่รู้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นเซี่ยเจิ้นเจียง
เขาสัมผัสถึงมันได้
ว่านิ้วของเขามันไม่ได้โดนเป้าหมายเลย!
นายพลผู้เสียขวัญขมวดคิ้วแล้วหันมองรอบตัว
ตอนนั้นเอง
ครืน!
มิติข้าง ๆ ตัวเขาจู่ ๆ ก็เกิดช่องว่างขึ้นมา
ทันทีทันใด
ก่อนที่เขาจะได้โต้ตอบอะไร ร่างร่างหนึ่งก็โผล่ออกมาจากช่องว่างมิตินั้น
ร่างดังกล่าวสะบัดดาบฟันใส่เขา!
ด้วยความเร็วที่อยู่เหนือสัญชาตญาณนี้ แม้ว่ามือจะยกมาแล้วหมายจะปัดป้อง แต่มันกลายเป็นว่าทุกสิ่งอย่างมันช้าเกินไปหมด เสียงฉัวะที่ดังตามมาเป็นเครื่องยืนยันว่ามือของเขาถูกตัดขาดไปแล้วจากตวัดดาบของอีกฝ่ายเมื่อครู่และตกลงไปบนพื้นดิน!
เลือดสีทองไหลออกมา และเลือดเหล่านี้ก็ค่อย ๆ กัดกร่อนผิวโลกจนกลายเป็นหลุมบ่อเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นมาด้วย
“อะไร… !”
ภายใต้ความเจ็บปวด เซี่ยเจิ้นเจียนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา เขาตกใจและโกรธสุด ๆ
ความโกรธนี้ เกิดขึ้นจากการที่อีกฝ่ายกล้าที่จะมาตัดมือของเขาเช่นนี้!
และสิ่งที่ทำให้ตกใจนั่นก็คือ การที่ตนเองได้รับบาดเจ็บ!
แบบนี้หมายถึง… อีกฝ่ายสามารถฆ่าเขาได้งั้นเหรอ!?
เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น
นายพลเมืองเซี่ยเจิ้นเจียงก็ไม่กล้าที่จะดูหมิ่นฝีมือของชายหนุ่มตรงหน้าอีก เขารีบตั้งตัวใหม่แล้วถอยจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในขณะเดียวกัน เขาก็ใช้พลังอณูแห่งชีวิตรวบรวมและสร้างขึ้นเป็นโล่แข็งมาคอยคุ้มกันตนเองไว้ด้วย
แม้จะอายุเยอะ แต่ก็ยังเร็วอยู่
เมื่อเทียบกับระดับความเร็วแล้ว ผู้ปลุกพลังขั้นนายพลเมืองนั้นน่าจะรวดเร็วได้ราว ๆ ห้าสิบเท่าของความเร็วเสียงเป็นอย่างต่ำ
ยิ่งถ้ามีธาตุลมอยู่ด้วย ต่อให้เป็นระดับ 2 มันก็ยังทำให้เขาเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าคนอื่นอยู่ดี!
เซี่ยเจิ้นหมายจะใช้ความเร็วที่เหนือกว่าของเขาเป็นไม้ต่อและทิ้งระยะห่างออกจากฉู่โม่ว
แต่
สิ่งที่เขาไม่รู้เลยนั่นก็คือ… ฉู่โม่วเร็วกว่าเขาอีกเยอะ!
เมื่อเห็นอีกฝ่ายถอยออกจากสมรภูมิ ฉู่โม่วก็ไม่รอช้า ใช้พลังแห่งห้วงมิติเพื่อตามเขาต่อไปทันที!
เทเลพอร์ต!
เพียงพริบตาเดียว ร่างของฉู่โม่วก็มาปรากฏตัวอยู่ข้าง ๆ เซี่ยเจิ้นเจียงอีกครั้งแล้ว!
ชายหนุ่มยกกระบี่ยาวขึ้นและฟันลงไปที่อีกคน
ด้วยเสียง ‘ชิ้ง!’ โล่พลังอณูแห่งชีวิตของเซี่ยเจิ้นเจียงก็แตกเป็นเสียง แต่นั่นก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบ เพราะด้วยความที่กระบี่เล่มนี้เป็นกระบี่ยาว ความยาวที่เหลือหลังจากไม่มีโล่มาคอยขวางทางแล้วนั้น มันก็ฟาดฟันโดนร่างของเซี่ยเจิ้นเจียงในที่สุด
ฉัวะ!
เสียงคมกระบี่เชือดเฉือนชิ้นเนื้อ มาพร้อมกับรอยบาดแผลเหวอะหวะน่ากลัวที่ปรากฏขึ้นกลางอกของเซี่ยเจิ้นเจียง แผลนั้นลึกขนาดที่มองเห็นกระดูกได้เลย!
ขณะเดียวกันนั้น
คลื่นกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนขนาดเท่ากับเส้นผมก็พากันพุ่งเข้าไปในร่างของนายพลเมืองผ่านบาดแผลนั้นอย่างรวดเร็วด้วย เสมือนพวกมันเป็นหนอนแมลงที่ชอนไชเข้าไปในร่างมนุษย์ ส่งผลให้ร่างของเซี่ยเจิ้นเจียงสั่นไปทั้งร่าง
อวัยวะภายในของเขาถูกทำลายลงในทันทีจากการถูกคมกระบี่เชือดเฉือน
ถึงแม้ว่านายพลเมืองซี่เฟิงจะไม่ได้ตายลงไปในทันทีหากไม่ถูกตัดหัว แต่ด้วยการโจมตีจากภายในนี้ มันก็ทำให้นายพลเมืองผู้นี้บาดเจ็บหนักเจียนตายได้เช่นกัน
เขาพยายามสู้ทนกับการโจมตีนี้ก่อนที่ร่างที่ไร้ทางสู้จะดิ่งลงมานอนนิ่งกับพื้นจากกลางอากาศ
…
เห็นเช่นนั้น ทุกคนต่างตกตะลึง!
ไม่มีใครคาดคิดว่าฉู่โม่วจะสามารถเอาชนะนายพลเมืองได้!
คนคนนี้…
ฉู่โม่วแข็งแกร่งระดับเดียวกับนายพลเมืองแล้วงั้นเหรอ!?
“ยังหนุ่มยังแน่นแท้ ๆ แต่ความสามารถกลับเทียบเท่านายพลเมืองได้เลย นี่มันอะไรกันเนี่ย!?”
“ในอนาคต คนคนนี้จะเติบโตไปได้ขนาดไหนนะ!”
“น่ากลัว! น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
จังหวะนั้น
เหล่าผู้เฝ้ามองต่างก็เกิดความคิดกันขึ้นมาในหัวมากมาย
ในขณะเดียวกัน
เพราะฉู่โม่วและเซี่ยเจิ้นเจียงต่อสู้กันเสียงดัง มันเลยทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้กลายเป็นที่จับตามองของเหล่าผู้แข็งแกร่งภายในฐานไปด้วย
ซึ่งเมื่อผลการต่อสู้ออกมา พวกเขาทั้งหมดก็พากันมุ่งหน้ามายังที่เกิดเหตุกันทันที
ท่ามกลางคนเหล่านั้น มีสามคนที่ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่ากดดันออกมา ซึ่งทั้งสามคนนี้ดูเหมือนจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นพิเศษ
“นี่ สหายตัวน้อย เธอพอจะช่วยเห็นแก่พวกเราและปล่อยให้เซี่ยเจิ้นเจียงรอดชีวิตไปได้หรือเปล่า?”
สิ้นเสียง
ชายสูงวัยสามคนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ฉู่โม่วแหงนหน้ามองและพูดอย่างไม่สำรวมนัก “แล้วทำไมฉันต้องเห็นแก่พวกนายด้วยล่ะ?”
“ก็เพราะว่าพวกฉันเป็นถึงนายพลเลยยังไงล่ะ!”
ชายชราทั้งสามกล่าวแล้วพ่นลมหายใจทิ้ง
ถึงแม้ว่าฉู่โม่วจะสามารถเอาชนะเซี่ยเจิ้นเจียงได้ เขาแสดงให้เห็นว่าตัวเขานั้นมีความสามารถเทียบเท่าได้กับนายพลเมืองเช่นกัน
ทว่าการที่ฉู่โม่วไม่สุภาพเช่นนี้ มันก็ทำให้ชายชราทั้งสามรู้สึกไม่พอใจนักอยู่ดี
“นายพลเมือง?”
ชายหนุ่มเหลือบมองเซี่ยเจิ้นเจียงที่นอนอยู่ไกล ๆ แล้วแสยะยิ้ม “แค่นี้มันยังไม่พอหรอกนะ!”
โอ…
ทันทีที่ถ้อยคำนี้หลุดออกมา รอบ ๆ ตัวก็เกิดเสียงโหวกเหวกขึ้น
นั่นเพราะฉู่โม่วแสดงให้เห็นชัดเจนผ่านถ้อยวาจาของเขาแล้วว่า เขาไม่ได้เห็นหัวนายพลเมืองทั้งสามคนนี้เลย!
อย่างที่คิด…
“บ้าระห่ำ!”
“ทั้งที่พวกข้าเป็นถึงนายพลเมืองซี่เฟิง แต่แกกลับยังไม่ใส่ใจอีกงั้นเหรอ!”
“ฉันอุตส่าห์พยายามพูดด้วยดี ๆ เพราะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เห็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับนี้ได้ตั้งแต่อายุยังน้อยแท้ ๆ! อนาคตของแกควรจะไปได้ไกล แต่กลับมาทำตัวไม่แยแสผู้อื่นแบบนี้เนี่ยนะ!?”
“รีบ ๆ คลายกระบวนท่าของแกออกจากร่างของเซี่ยเจิ้นเจียงซะ! ไม่งั้นอย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนนะ!”
ชายชราทั้งสามเกรี้ยวกราด พวกเขาต่อว่าฉู่โม่วกันอย่างต่อเนื่อง
“ทีตอนที่เซี่ยเจิ้นผู้นี้เข้ามาโจมตีฉันก่อน พวกนายก็ไม่เห็นจะออกมาเลยนี่ ถ้าเซี่ยเจิ้นไม่แพ้ พวกนายก็ไม่คิดจะปรากฏตัวเลยหรือไง!”
“แล้วนี่ยังจะมาขอให้ฉันเห็นแกพวกนายแล้วปล่อยเจ้านี่ไปงั้นเหรอ?”
พูดถึงตรงนี้
ฉู่โม่วก็สะบัดกระบี่สงครามในมือ ปักลงไปบนดินและใช้สองมือกดให้ปลายกระบี่จมลงไปลึก ๆ
แรงสั่นสะเทือนที่เกิดตามมานั้นทำเอาทุกคนที่อยู่ในละแวกถึงกับต้องกระโดดกระโจนกันหมด
“ฉันจะขอพูดตรงนี้เลยแล้วกัน ฉัน… ฉู่โม่วคนนี้ก็อยากจะเห็นเหมือนกัน ว่าถ้าไม่ไว้หน้าพวกแกทั้งสามคน อะไรจะรอฉันอยู่…”
“อายุรวมกันได้หลายร้อยแล้วคิดว่าจะรับมือฉันได้หรือไง!”
เสียงที่พูดนั้นไม่ได้ดังมากมายอะไรนัก
แต่ด้วยความที่มีผู้คนมากมายกำลังรับชมอยู่เช่นนี้ พวกเขาได้ยินเสียงที่ว่านั้นราวกับสายฟ้าฟาดที่ดังลงมากลางใจ
หัวใจของพวกเขาทุกคนเต้นแรงเสมือนสัญญาณกลอง ใบหน้าที่ซีดเผือดนั้นหันมองกันเองราวกับได้ฟังการประกาศสงครามระหว่างเทวาและซาตานก็มิปาน
ทุกคนทำอะไรไม่ถูกกันไปพักใหญ่ ๆ
เสมือนว่าทุกคนในที่นี้ได้ตายไปหมดแล้ว!
ไร้ซึ่งเสียงอื้ออึง …หมดสิ้นซึ่งการเคลื่อนไหว!
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ฉู่โม่ว พวกเขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าฉู่โม่วไปเอาความมั่นใจมากมายขนาดนี้มาจากไหน ทั้งที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับนายพลเมืองถึงสามคน แต่กลับไม่เกรงกลัวอะไรเลย!?
อย่างไรก็ตาม
สิ่งที่ไม่คาดคิดมากที่สุดมันอยู่หลังจากนี้
ภายหลังจากที่ได้ฟังฉู่โม่วพูดแล้ว ชายชราทั้งสามกลับหรี่ตาลงไปชั่วขณะหนึ่ง และในท้ายที่สุด พวกเขาก็พากันก้มหัวลง
จากนั้น…
ก็ค่อย ๆ ถอยจากไปช้า ๆ!
ภาพที่เห็นนี้
มันทำเอาทุกคนเหลือเชื่อกันแบบสุด ๆ พวกเขาแทบจะไม่เชื่อสิ่งที่สายตาเห็นอยู่นี่เลย!
นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่?
นายพลเมืองทั้งสามคนนี้ยำเกรงฉู่โม่วงั้นเหรอ!?
“ท่านเจา ท่านฝู ท่านเล่ย พวกท่าน…”
เห็นเช่นนั้น
เซี่ยเจิ้นที่นอนอยู่บนพื้นก็ฝืนใจพูดออกมาด้วยความโกรธเคือง
ทั้งสามคนนี้เป็นเพื่อนเขาทั้งหมด หากพวกเขาร่วมมือกันละก็ ไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้ให้ใครอยู่แล้ว ทว่าในเวลานี้ ทั้งสามคนกลับเลือกที่จะถอยออกจากที่นี่ราวกับกำลังเกรงกลัวเด็กหนุ่มคนนี้!
เขาสิ้นหวังสุด ๆ!
“ฉัน… จะสู้ตายกับแกเอง!”
ร่างที่รอวันตายลุกขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่สนว่าร่างกายของตนเองจะบาดเจ็บและเสียเลือดมากขนาดไหน เมื่อพอจะประคองตนเองได้ เซี่ยเจิ้นก็พุ่งเข้าใส่ฉู่โม่วทันที!
ทว่านั่นยังคงไร้ประโยชน์
ฉู่โม่วกระชากกระบี่ของตนขึ้นมาจากดิน สะบัดพลิ้วไปบนฟากฟ้าด้วยปลายแหลมอย่างรวดเร็วราวกับฟ้าแลบ
คมกระบี่เปล่งแสงสีแดงราวกับหยาดเลือด
และแล้วร่างของผู้ดื้อดึงก็ถูกคมกระบี่แหลมแทงทะลุไปกลางอากาศ!
“อั่ก…!”
เลือดสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาไหลอาบลงมามากขึ้นกว่าเดิม
ฉู่โม่วชักกระบี่ออกจากร่างนั้นและนำกลับลงฝักดังเดิม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เคลื่อนไหวต่อแล้ว เขาจึงหันไปทางอื่น
ทุกสายตาที่อยู่โดยรอบต่างก็พอกันถอยออกไปด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวสุด ๆ
“เธอไม่บาดเจ็บอะไรใช่ไหม?”
เขาไม่สนใจใครอื่น ฉู่โม่วเดินตรงไปหาเฉินซีเวยและถามเธอด้วยความเป็นห่วง
“ฉ… ฉันไม่เป็นอะไร …ขอบใจนะ เอ่อ… ขอบคุณ”
หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ
เธอสบตามองเขาด้วยแววตาที่อ่อนโยน
“ไม่ต้องมาพูดเพราะกับฉันเลยน่า ไปเถอะ กลับบ้านกัน!”
ฉู่โม่วจับมือของเฉินซีเวยไว้พร้อมพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม
…
หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป
สถานที่แห่งนี้เงียบสงัดอย่างไรก่อนหน้า มันก็ยังคงเงียบสงัดอยู่เช่นนั้น
ทุกคนที่ได้เห็นการตายของเซี่ยเจิ้นกับได้เห็นฉู่โม่วปฏิเสธเหล่านายพลทั้งสาม ยังคงจดจำภาพและเสียงที่เกิดขึ้นได้ดี
ไม่ต้องสงสัยเลย
ในวันรุ่งขึ้น เรื่องที่เกิดนี้จะต้องแพร่กระจายไปทั่วทั้งฐานอย่างแน่นอน!
และชื่อของฉู่โม่ว จะโด่งดังเสมือนเสียงของฟ้าผ่า จะไม่มีใครคนไหนจำเขาไม่ได้อีกต่อไป!
MANGA DISCUSSION