บทที่ 261 เจอแล้ว สระอัสนีที่แท้จริง!
การต่อสู้ดำเนินต่อไป
เมื่อรวมทั้งสองฝ่ายแล้ว มีราชันย์เทพยุทธ์อยู่มากกว่าสิบคน และการต่อสู้แผ่วงกว้างไปเกือบแสนกิโลเมตร
มีผู้ปลุกพลังร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างต่อเนื่องราวกับว่าร่างกายของพวกเขาหล่นลงมาจากสวรรค์
ในไม่ช้า
ผู้ปลุกพลังบางส่วนที่ไม่ได้มาจากสำนักเมฆาม่วงก็ทนไม่ไหวจนวิ่งหนีไป
แต่ก่อนที่จะได้จากสนามรบไป พวกเขาก็ถูกผู้ปลุกพลังจากสำนักไร้กายาจับได้เสียก่อน
“อย่าฆ่าฉันเลย ฉันไม่ใช่ผู้ปลุกพลังจากสำนักเมฆาม่วง!”
“ฉันไม่เกี่ยว!”
“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะ!”
“ฉันจะไม่พูดเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ ฉันสาบานเลย!”
พวกเขาต่างก็ร้องโอดครวญด้วยความอยากมีชีวิตรอด
“ฆ่าให้หมด อย่าให้รอดไปได้!”
ผู้ปลุกพลังจากสำนักไร้กายาพูดอย่างเยือกเย็นและทำการสังหารโดยไม่รีรอ
เมื่อเห็นภาพนี้
ทุกคนก็รู้ทันทีว่าผู้ปลุกพลังสำนักไร้กายาเหล่านี้ตั้งใจจะสังหารทุกคนที่นี่
ภายใต้ความสิ้นหวัง
จู่ ๆ ทุกคนก็เกิดแรงใจที่จะฮึดสู้ขึ้นมา ทำให้เกิดการปะทะกันอีกครั้ง
“สู้!”
“ฝ่ายซ้ายกับขวาตายหมดแล้ว สู้กับพวกมัน!”
เหล่าผู้ปลุกพลังต่างก็ล้มเลิกความคิดที่จะวิ่งหนีและหันมาต่อสู้กับผู้ปลุกพลังจากสำนักไร้กายาแทน
และในตอนนี้
สถานการณ์ทางฝ่ายนายน้อยแห่งสำนักเมฆาม่วงก็เปลี่ยนไป
“ตูม!”
หลังจากระเบิดอันรุนแรง เสียงดังสนั่นพลันกึกก้องและร่างของนายน้อยแห่งสำนักเมฆาม่วงก็กระเด็นออกไป เขากระอักเลือดออกมาและลอยไปไกลก่อนที่จะตั้งหลักได้
“จี้เฟิง แกหนีไปไหนไม่ได้แล้ว ถ้าไม่อยากถูกจับ ฉันจะให้แกรอดไปครบสามสิบสองก็ได้!”
เมื่อเห็นภาพนี้ ราชันย์เทพยุทธ์คนหนึ่งจากสำนักไร้กายาก็แผดเสียงลั่น
เมื่อได้ยินดังนั้น
จี้เฟิงไม่พูดอะไรแต่แค่ปาดเลือดออกจากมุมปาก
เมื่อเงยหน้าขึ้น
เขาก็มองไปยังราชันย์เทพยุทธ์ทั้งสาม แล้วจึงเผยรอยยิ้มออกมา “แกคิดว่าชนะฉันได้แล้วเหรอ?”
ประโยคนี้ทำให้ราชันย์เทพยุทธ์ทั้งสามแทบระเบิดในทันที
พวกเขาพลันคิดได้ในทันทีว่าฝ่ายตนมีราชันย์เทพยุทธ์ถึงสามคน และจี้เฟิงก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว แม้ว่าเขาจะยังมีไพ่ตายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
พวกเขาจึงไม่ทันได้ระวังตัว
“จะตายอยู่แล้วยังมาทำเป็นปากดี!”
“ในเมื่อแกยังไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ก็อย่ามาหาว่าพวกเราใจร้ายแล้วกัน!”
“ฉันละฝันอยากจะฆ่าแกมาตั้งนานแล้ว!”
เมื่อพูดจบ
ทั้งสามก็จู่โจมอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่ละคนต่างก็ใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อสังหารจี้เฟิง
“จะฆ่าฉันงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
จี้เฟิงตะคอกอย่างเย็นชา เมื่อเขาบิดข้อมือลูกแก้วอัสนีก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาทันที
มันเป็นลูกแก้วธรรมดา แต่ตอนที่มันปรากฏขึ้น
สีหน้าของราชันย์เทพยุทธ์ทั้งสามก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
“นี่มัน…”
“ลูกแก้วอัสนีเหรอ?!”
“มันมาอยู่ในมือแกได้ยังไงกัน!”
ราชันย์เทพยุทธ์ทั้งสามอุทานด้วยความไม่เชื่อสายตา
“นายน้อยมาที่สระอัสนีนี้เพื่อสำรวจนะ จะไม่ให้เตรียมตัวมาได้ยังไง?!”
“เดิมทีพลังนี่ฉันแค่เอาติดตัวมาเท่านั้น แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้เอาออกมาใช้จริง ๆ !”
จี้เฟิงหัวเราะเยาะ
แล้วโยนลูกแก้วอัสนีในมือออกไป มันหยุดลงทันทีและหมุนวนอยู่เหนือศีรษะของเขา ในขณะเดียวกัน พลังสายฟ้าในพื้นที่โดยรอบก็ดูเหมือนจะถูกบางสิ่งเรียกไป สายฟ้าไร้ที่สิ้นสุดพลันพรั่งพรูเป็นสายเข้าไปในลูกแก้วอัสนีนั้น
“แย่แล้ว!”
“พลังของลูกแก้วอัสนีเพิ่มขึ้นจนประเมินไม่ได้แล้ว!”
เมื่อเห็นภาพนี้ ราชันย์เทพยุทธ์ทั้งสามก็หน้าซีดเผือดด้วยความตกตะลึงและถอยหนี
แต่
“สายไปแล้วละ!”
จี้เฟิงยิ้มเยาะ แล้วจึงยื่นมือออกไปฟาดลงอย่างแรง
หลังจากนั้น
ตูม!!!
สายฟ้าสะท้านโลการะเบิดในทันใด ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องอยู่ในโสตประสาทของทุกคน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็เห็นสายฟ้าสีม่วงที่น่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้น มันเต็มไปด้วยรัศมีทำลายล้างที่ไม่สามารถอธิบายได้และพุ่งตรงไปยังราชันย์เทพยุทธ์ตรงหน้าเขา
เปรี้ยง!
เสียงสายฟ้าฟาดดังขึ้น
ด้วยเสียงคำรามลั่น ราวกับว่าห้วงมิติกำลังจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ กระแสห้วงมิติที่แปรปรวนสีดำเริ่มคืบคลานออกมา
จนกระทั่ง
สระอัสนีสั่นสะท้านไปชั่วขณะเพราะความทรงพลังของมัน
ส่วนฝ่ายราชันย์เทพยุทธ์นั้น เมื่อสายฟ้าฟาดลงมา เขาก็ถูกสายฟ้ากลืนกินและหายวับไปก่อนที่จะได้กรีดร้องเสียอีก
“ลูกแก้วอัสนีทรงพลังอะไรอย่างนี้!”
ไกลออกไป
ฉู่โม่วที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมองดูพลังของสายฟ้านี้และต้องเบิกตากว้าง
ในความคิดของเขา สายฟ้านี้มีพลังมากถึง 400,000 พลังมังกรหรือแม้แต่ 500,000 ด้วยซ้ำ แม้จะเป็นราชันย์เทพยุทธ์ระดับ 5 ก็ไม่อาจต่อกรกับมันได้
‘โชคดีที่ฉันไม่ได้บุ่มบ่ามทำอะไรไปซะก่อน’
‘ถ้าต้องเจอลูกแก้วอัสนีแบบนั้นเข้าก็คงรับมือได้ยากแน่’
ฉู่โม่วแอบรู้สึกโชคดีอยู่ในใจ
ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องระวังจี้เฟิงยิ่งกว่าเก่า
ในสนามรบ
หลังจากที่จี้เฟิงใช้การโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวนั้น พลังของเขาก็ถูกใช้ไปมหาศาล จนใบหน้าของเขาซีดเซียวลงในทันใด
แต่เขาก็ยังไม่หยุด
เขากลับโจมตีออกไปอีกครั้ง
เปรี้ยง!
เปรี้ยง!
สายฟ้าทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวฟาดออกไปอีกสองครั้ง มันตรงไปยังศีรษะของราชันย์เทพยุทธ์ทั้งสองและสังหารพวกเขาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยทันที
ภาพที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของคนที่มองอยู่
ผู้ปลุกพลังจากสำนักเมฆาม่วงต่างก็ตื่นเต้นดีใจ
ส่วนผู้ปลุกพลังจากสำนักไร้กายาต่างก็หน้าถอดสี
“ท่าไม่ดีแล้ว!”
“เขายังถือลูกแก้วอัสนีอยู่เลย ฉันรีบไปดีกว่า!”
“เราไม่มีทางฆ่าเขาได้ หนีกันเถอะ!”
ฟุ่บ ฟุ่บ!
ราชันย์เทพยุทธ์อีกห้าคนมองหน้ากันไปมา แล้วจึงใช้กระบวนท่าต่าง ๆ ในการหลบหนีโดยไม่ลังเล
“จะหนีเหรอ?”
“ฉันไม่ให้ไปหรอกนะ!”
สีหน้าของจี้เฟิงดูบิดเบี้ยว เขาใช้เลือดและอณูแห่งชีวิตกระตุ้นลูกแก้วอัสนีอย่างเต็มกำลังอีกครั้ง
ด้วยพลังสายฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดในสระอัสนี บวกกับสายฟ้าที่ถูกฟาดออกไปอีกสามครั้งติดต่อกันไปยังราชันย์เทพยุทธ์จากสำนักไร้กายาสามคน พวกเขาจึงถูกสังหารในทันที
ราชันย์เทพยุทธ์ที่เหลืออีกสองคนติดพันอยู่กับราชันย์เทพยุทธ์ห้าคนจากสำนักเมฆาม่วง และไม่อาจหลบหนีไปได้
หลังจากที่ต่อสู้กัน ราชันย์เทพยุทธ์ทั้งสองก็พ่ายแพ้ไป
เมื่อราชันย์เทพยุทธ์ฝ่ายศัตรูทุกคนตายหมดแล้ว
ผู้ปลุกพลังจากสำนักไร้กายาคนอื่น ๆ ก็ไม่อาจเดินหน้าต่อไปได้และเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนแทน
“ยกโทษให้ฉันเถอะ ไว้ชีวิตฉันเถอะ!”
“นายน้อยจี้เฟิง ได้โปรดไว้ชีวิตฉัน ไว้ชีวิตฉันด้วยเถอะ ฉันยอมแพ้แล้ว”
“อย่าฆ่าฉัน อย่าฆ่าฉันเลย”
สถานการณ์แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง ตอนนี้ผู้ปลุกพลังสำนักไร้กายาเป็นฝ่ายยอมแพ้และต่างก็อ้อนวอนขอชีวิต
แต่ดูเหมือนว่าจี้เฟิงจะไม่ได้ยิน
เขากระตุ้นลูกแก้วอัสนีอีกครั้งและส่งสายฟ้าขนาดเล็กออกไปยังศีรษะของผู้คนเหล่านั้น
ตูม ตูม ตูม!
หลังจากระเบิดสายฟ้าขนาดมหึมา เหล่าผู้ปลุกพลังขั้นราชันย์ยุทธ์จากสำนักไร้กายาก็ตายและกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างน่าอนาถ
สัตว์อสูรสายฟ้าระดับ 8 ที่โจมตีพวกเขาในตอนแรกก็หนีไปตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้น
สงครามครั้งนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
…
“เฮ้อ…”
“พวกเรารอดแล้ว!”
ทุกคนทรุดลงบนพื้นและเผยสีหน้าดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เมื่อมองดูสนามรบในตอนนี้
พบว่ามีผู้ปลุกพลังเหลืออยู่น้อยกว่ายี่สิบคน นอกจากผู้ปลุกพลังจากสำนักเมฆาม่วงแล้ว ก็มีผู้ปลุกพลังอื่น ๆ อีกเก้าคนรวมไปถึงฉู่โม่วด้วย
ทุกคนกินยาฟื้นฟูเข้าไปและพักผ่อนเพื่อรักษาบาดแผล
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
บาดแผลของทุกคนก็ฟื้นฟูจนใกล้สมบูรณ์ดีแล้ว พวกเขาจึงเริ่มทยอยกันเข้าไปในสระอัสนี
ยิ่งลึกลงไป พลังสายฟ้าก็ยิ่งรุนแรงและทรงพลังยิ่งขึ้น
หลังจากที่พวกเขาไปถึงก้นบึ้งของสระอัสนี พลังสายฟ้าที่นี่แทบจะจับตัวเป็นของแข็งเพราะความหนาแน่นของสายฟ้าเหลวมากจนเริ่มมีปัญหาในการเคลื่อนไหว
โชคยังดีที่ก้นสระอัสนีแห่งนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก
ในไม่ช้า
พวกเขาก็มาถึงยังบ่อน้ำสีม่วงทรงแปดเหลี่ยม
เมื่อเห็นภาพนี้
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ
ใครจะไปคิดว่า
ที่ก้นบึ้งของสระอัสนีจะเป็นบ่อน้ำจริง ๆ
และตอนนี้
ลึกลงไปในบ่อมีพลังสายฟ้าพลุ่งพล่านขึ้นมาและอัดแน่นอยู่เต็มสระอัสนี
“นี่…”
“หรือว่าสายฟ้าเหลวทั้งหมดในสระอัสนียักษ์จะถูกส่งออกมาจากบ่อน้ำนี่?”
“ก้นบึ้งที่แท้จริงของสระอัสนีคือบ่อน้ำเหรอ?!”
เมื่อมองดูภาพตรงหน้า ฉู่โม่วก็ได้แต่ยืนตาค้าง
แค่ยืนอยู่ที่ปากบ่อน้ำ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังสายฟ้าอันน่าสะพรึงกลัวที่พัดออกมา ทำให้เลือดและพลังปราณในร่างกายพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่งและเขาแทบอดใจรอไม่ไหว
ฉู่โม่วไม่สงสัยเลยสักนิด
หากเขาใช้กระบวนท่าฝึกลมปราณในตอนนี้ พลังก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างแน่นอน!
นี่เป็นแค่ปากบ่อเท่านั้น ถ้าลงไปในบ่อล่ะจะขนาดไหนกัน?
เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ ลุกเป็นประกาย
และตอนนี้
หลังจากที่จี้เฟิงมองดู เขาก็กล่าวด้วยความตื่นเต้น “ไปกันเถอะ ลงไปกันเดี๋ยวนี้เลย!”
หลังจากนั้น
เขาก็กระโดดลงไปใบบ่อน้ำเป็นคนแรก
ส่วนผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ต่างก็ตามลงไปทันที
ฉู่โม่วเองก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด
ร่างกายเริ่มร่วงลงไปข้างล่างอย่างรวดเร็ว พลังสายฟ้าทั่วทั้งบ่อน้ำเข้มข้นมากขึ้นและมีมากขึ้น
มันหนาแน่นจนแทบจะก่อเป็นเกราะป้องกันสายฟ้าได้
โชคยังดี
บ่อน้ำนี้ไม่ได้ลึกนัก
หลังจากผ่านไปไม่นาน เขาก็รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังผ่านเกราะป้องกันบางอย่าง ฉู่โม่วจึงลืมตาขึ้นในทันใด
สระน้ำที่เต็มไปด้วยสายฟ้าเหลวปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
สระนั้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามเมตรและดูนิ่งสงบ แต่พลังทำลายล้างที่บรรจุอยู่ข้างในก็ทำให้ผู้คนต้องหวาดผวาและใจเต้นระรัวตั้งแต่แรกเห็น
ฉู่โม่วก็เช่นกัน
เมื่อเห็นสระแห่งนี้ เขาก็รู้สึกสั่นสะท้านในทันใด ดูเหมือนว่าสระแห่งนี้จะเต็มไปด้วยพลังที่รุนแรง ราวกับว่าเมื่อก้าวเข้าไปแล้วตัวเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่าในทันที
นอกจากนี้
ฉู่โม่วยังสังเกตเห็นอีกอย่าง
ที่ใจกลางสระมีดอกไม้อยู่มากกว่าสิบดอก
พวกมันเป็นสีม่วง กลีบของมันมีขอบสีทอง รูปลักษณ์โดยรวมโปร่งใสราวกับว่าแกะสลักขึ้นมาจากผลึกแก้ว มันปลดปล่อยหมอกหนาออกมาและมีสายฟ้ารุนแรงกะพริบอยู่ราง ๆ โดยมีรัศมีลึกลับอาบไปทั่ว
ดูราวกับว่ามันจะทำให้ผู้คนเผชิญหน้ากับความหมายอันลึกซึ้งของสวรรค์และโลก
“ดอกผลึกแก้วอัสนี!”
“มีดอกผลึกแก้วอัสนีมากกว่าสิบดอก!”
เมื่อเห็นภาพนี้ จี้เฟิงก็เผยสีหน้าดีใจออกมาในทันใด
ดอกผลึกแก้วอัสนีนั้นสามารถปลุกพรสวรรค์ธาตุสายฟ้าในร่างกายของผู้ปลุกพลังได้ และหากผู้ปลุกพลังมีพรสวรรค์ธาตุสายฟ้าอยู่แล้ว มันก็จะถูกพัฒนาเป็นระดับที่สูงยิ่งขึ้น
หนึ่งในเหตุผลหลักที่เขามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อดอกผลึกแก้วอัสนี!
“ไม่คิดเลยว่าจะมีเยอะขนาดนี้!”
“คราวนี้ฉันคงพัฒนาพรสวรรค์ได้หนึ่งหรือสองขั้นแล้วละ!”
จี้เฟิงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ตอนนั้นเอง
ผู้ปลุกพลังคนหนึ่งในขั้นราชันย์ยุทธ์มีท่าทีลังเล เขากัดฟันแน่นขณะที่เดินไปตรงหน้าจี้เฟิงและกล่าว “นายน้อย ฉันตามคุณมาที่นี่แล้ว ได้โปรดรักษาสัญญาและมอบรางวัลให้พวกเราด้วย!”
“อยากได้ค่าตอบแทนเหรอ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น
จี้เฟิงที่กำลังหลับตาเพื่อฟื้นฟูร่างกายก็ลืมตาขึ้นและกล่าวอย่างแผ่วเบา
“ใช่ครับ”
เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาเช่นนั้น ผู้ปลุกพลังขั้นราชันย์ยุทธ์ก็สั่นสะท้านไปถึงหัวใจ แต่เขาก็ยังกัดฟันแน่นและพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้น… ฉันก็จะมอบให้!”
จี้เฟิงกล่าวโดยไม่ลังเล
เขาหยิบถุงเก็บของออกมาและโยนมันให้กับผู้ปลุกพลังขั้นราชันย์ยุทธ์คนนั้น
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้รับค่าตอบแทนง่ายขนาดนี้จึงตื่นเต้นดีใจและรีบกล่าว “ขอบคุณครับ ขอบคุณนายน้อย!”
เมื่อพูดจบ
เขาก็หยิบถุงเก็บของขึ้นมา รีบกลับหลังหัน กลายร่างเป็นลำแสง และตั้งใจจากออกไปจากบ่อน้ำแห่งนี้
แต่แล้ว
เขาก็ไม่ได้ไปถึงปากบ่อ
ตูม!
รอยฝ่ามือขนาดยักษ์ฟาดเขาจนตัวตายในทันที
เมื่อเห็นภาพนี้
ทุกคนก็เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น และต่างก็เริ่มตื่นตระหนก
“ฉันไม่อยากได้หินปฐมกาลแสนล้านก้อนแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ!”
“ฉันอยากกลับบ้าน ฉันอยากออกไปจากที่นี่!”
“ฉันเป็นสมาชิกตระกูลเฉินในเมืองตงเชิง จะฆ่าฉันไม่ได้นะ ปล่อยฉันไป!”
“ผมไม่อยากตาย ขอร้องละนายน้อย อย่าฆ่าผมเลย!”
พวกเขาต่างก็อ้อนวอนขอร้องทันที
แต่ไม่ว่าจะขอร้องอย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้
“ไม่ว่าแกเป็นใคร ไม่ว่าจะมีตัวตนแบบไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าฉันก็หนีความตายไม่พ้นหรอก!”
“ถ้าอยากจะโทษก็โทษโชคร้ายของตัวเองแล้วกัน!”
ผู้ปลุกพลังขั้นราชันย์เทพยุทธ์กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ขณะที่พูด เขาก็เริ่มโจมตีด้วยพลังที่รุนแรง
MANGA DISCUSSION