บทที่ 235 เจตจำนงแห่งห้วงมิติ 30% และข่าวคราวของเขตแดนศักดิ์สิทธิ์
ในตอนนั้น กระบวนการพัฒนาตนเองก็ได้หยุดตัวลง
พร้อม ๆ กับการที่ท้องฟ้าเบื้องบนที่เคยปกคลุมไปด้วยเมฆหนามากมาย บัดนี้กลายเป็นท้องฟ้าครามสว่างสดใสไปเรียบร้อยแล้ว
ขณะเดียวกัน
เส้นแสงสีทองมากมายสาดส่องลงมาจากเบื้องบน ราวกับเป็นฤกษ์งามยามดีควบคู่ไปกับเสียงของเหล่าทูตสวรรค์ที่พากันอวยพร พลังอันมหาศาลแห่งโลกและสวรรค์กระจายไปทั่วพื้นที่ เกิดเป็นภาพน่าทึ่งมากมายเต็มไปหมด
ระฆังและเสียงกลองดังกังวานไปทั่ว สอดผสานเป็นทำนองประดุจดั่งคำอวยพรจากทวยเทพ
แสงสวรรค์เหล่านี้พุ่งฝ่าลงมาจากชั้นฟ้าทั้งเก้า ส่องกระทบสรรพสิ่งเบื้องล่างและมอบพลังกับความจริงแท้ให้ แสงนั้นหลั่งไหลเข้าไปในกายของฉู่โม่ว ทำให้ทั่วทั้งร่างเปล่งแสงสีทองเรืองเรื่อออกมา
เมื่อมองจากระยะไกล ชายหนุ่มไม่ต่างอะไรกับเทพเลย!
บรรยากาศที่น่ายินดีนี้แผ่วงกว้างไปกว่าสามหมื่นกิโลเมตรไม่ว่าจะเป็นบนดินหรือฟ้า
ให้ความรู้สึกราวกับว่าทั้งโลกและสวรรค์กำลังอวยพรซ้องชัยให้กับการที่ได้ขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์ในครั้งนี้!
“นี่มัน… ราชันย์แห่งโลกและสวรรค์!”
“ระหว่างการทลายขีดจำกัดขั้น ถ้าหากโลกและสวรรค์แสดงปฏิหาริย์ออกมาแบบนี้… แสดงว่าผู้ที่กำลังจะขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์มีความเข้าใจในพรสวรรค์มากพอ พวกเขาจะสามารถบรรลุเจตจำนงแห่งพรสวรรค์ได้มากยิ่งขึ้น!”
เกิดเสียงกระซิบกระซาบต่าง ๆ นานา
ฉู่โม่วรู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณและห้วงจิตปลอดโปร่งยิ่งขึ้น ในตอนนี้เบื้องหน้ามีกฎกับสิ่งที่เปรียบเสมือนความรู้มากมายปรากฏขึ้นมาและขวางทางเขาไว้
“เรียนรู้!”
ไม่ต้องคิดมาก ชายหนุ่มเริ่มที่จะเรียนรู้เจตจำนงเบื้องหน้านี้ในทันที
สิ่งที่กำลังเรียนรู้อยู่นั้นเป็นเจตจำนงแห่งห้วงมิติอย่างแน่นอน และด้วยเวลาผ่านพ้นไป เกือบจะทุกวินาทีสามารถรับรู้ได้ว่ากำลังเข้าใจเรื่องราวของห้วงมิติได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เสียงสรรเสริญราชันย์ยุทธ์คนใหม่ค่อย ๆ เจือจางลง พร้อมกับการที่เหล่าเหตุการณ์ประหลาดพลอยหายไปด้วย
ในตอนนั้น ทางฉู่โม่วเรียนรู้เจตจำนงแห่งห้วงมิติเป็นที่เรียบร้อยด้วยเช่นกัน
“เจตจำนงแห่งห้วงมิติ 30%!”
ตระหนักได้ถึงเจตจำนงแห่งห้วงมิติที่หลั่งไหลเพิ่มขึ้นในร่างกาย เขาก็พูดเบา ๆ กับตนเองและอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้ามีความสุขออกมา
มันเพิ่มมากถึง 20% เลยทีเดียว!
หากไม่ใช่ว่าการจะขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์จะสามารถนำพรสวรรค์ระดับที่เข้าถึงเจตจำนงมาผนวกรวมได้แค่อย่างเดียวเพื่อให้โลกและสวรรค์อวยพร ตัวเขาอยากจะเรียนรู้เจตจำนงเพิ่มทั้งสองพรสวรรค์ระดับสูงเลยด้วยซ้ำ
แต่ถึงอย่างนั้น การที่ได้เจตจำนงแห่งห้วงมิติมาเพิ่มก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี
ยังไงก็ยังคุ้มค่า!
เขาคิดด้วยสีหน้าชื่นบาน
ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วค่อย ๆ ยืดแข้งยืดขา ซึ่งการขยับแต่ละครั้งพลอยทำให้ห้วงอากาศรอบ ๆ เกิดการสั่นไหวไปด้วย
เพราะการเพิ่มของเจตจำนงแห่งห้วงมิติในครั้งนี้มีปริมาณมหาศาลพอสมควร ดังนั้นพลังบางส่วนจึงยังไม่เข้าที่เข้าทางและไม่สามารถควบคุมได้
ภายหลังจากใช้เวลาในการควบคุมมันเสียหน่อย ในที่สุดก็สามารถกักเก็บพลังทั้งหมดของเจตจำนงแห่งห้วงมิติไว้ในร่างกายสำเร็จ
“เฮ้อ…”
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ฉู่โม่วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในตอนนั้น ลมหายใจที่ถูกผ่อนออกมาจากปากเต็มไปด้วยหมอกสีเทาดำราวกับควันไฟ มันคละคลุ้งอยู่ในอากาศคล้ายกับมลพิษที่กำลังลอยสู่ฟากฟ้า
สิ่งนี้คือไอพิษที่เกิดจากการเผาผลาญด้วยเซลล์ขณะที่กำลังทลายขีดจำกัด!
หลังจากได้รับการอวยพรจากโลกและสวรรค์แล้วจึงสามารถระบายควันดำเหล่านี้ออกมาได้
ในวันนี้…
ด้วยร่างกายที่ได้รับการชำระล้างมาหลายครั้งจากตำราและเหล่าสมบัติแห่งโลกและสวรรค์หลาย ๆ ชิ้น ทำให้บอกได้ว่าร่างกายของเขานั้น…
ไม่มีสิ่งมลทินอีกต่อไปแล้ว!
และในตอนนี้
กลิ่นอายพลังของชายหนุ่มที่เคยคละคลุ้งกำลังค่อย ๆ จางลงไป เขาลองกำหมัดแน่น และรู้สึกว่าเลือดลมที่ไหลอยู่ภายใต้ผิวหนังในครั้งนี้หนาแน่นยิ่งว่าเดิม ให้ความรู้สึกเหมือนจะทลายแผ่นฟ้าได้อย่างไรอย่างนั้น!
แน่นอนว่ามันเป็นแค่ความรู้สึก
ถึงอย่างนั้นก็ถือว่าเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าความแข็งแกร่งทะยานสูงขึ้นมากแล้ว
“หลังจากที่เลื่อนขั้นได้ ความแข็งแกร่งก็สูงถึง 200 พลังมังกร ซึ่งสูงกว่าเดิมอย่างน้อย ๆ ก็สี่เท่าเลย!”
“ถ้าใช้อณูแห่งชีวิตสองเท่าควบคู่ไปกับการเพิ่มพลังสี่ร้อยเท่า พลังกายก็จะสูงเกือบ 160,000 พลังมังกรตอนระเบิดพลัง!”
พลัง 160,000 พลังมังกร!
ไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะน่ากลัวขนาดไหน
ต่อให้เป็นราชันย์เทพยุทธ์เองก็เถอะ ถ้าไม่ได้มีพรสวรรค์ในการป้องการหรือหลบหนีใด ๆ ที่สามารถต้านทานพลังนี้ได้ มันจะกลายเป็นเรื่องยากที่จะเอาตัวรอดจากการโจมตี
ยิ่งไปกว่านั้น…
เขาเพิ่งจะได้เลื่อนขั้นเท่านั้น
ยังเหลือช่วงเวลาหนึ่งที่สามารถเพิ่มพลังกายได้อย่างรวดเร็วอยู่
ระหว่างนั้น หากฝึกอย่างต่อเนื่อง พลังกายคงจะน่ากลัวมากขึ้นไปอีกแน่ ๆ !
“พลังกายของราชันย์ยุทธ์ทั่วไปจะอยู่ที่ไม่เกิน 500 พลังมังกรเป็นอย่างมาก หากทลายขีดจำกัดและขึ้นเป็นราชันย์เทพยุทธ์ได้ ระดับต่ำสุดของราชันย์เทพยุทธ์ก็ไม่น่าเกิน 5,000 พลังมังกรอย่างแน่นอน ดังนั้นแล้ว… ถ้าอ้างอิงจากพลังกายอย่างเดียว ฉันน่าพอสู้กับผู้ปลุกพลังที่เพิ่งจะขึ้นเป็นราชันย์เทพยุทธ์ได้อยู่!”
ใช่แล้ว…
เพราะนั่นถือเป็นระดับที่อ่อนแอที่สุดของเหล่าราชันย์เทพยุทธ์
แต่จะมีจริง ๆ เหรอ?
ยังไงเสีย…
เหล่าผู้ปลุกพลังที่สามารถเติบใหญ่เป็นราชันย์เทพยุทธ์ได้ ต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นจิตวิญญาณ ความคิดอ่านหรือแม้แต่พลังกาย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่มีพรสวรรค์ใด ๆ
หรือถ้าพรสวรรค์ที่มีเล็กน้อยจริง ๆ เขาก็สามารถไปเน้นเรื่องการฝึกฝนพลังกายอย่างหนักแทนได้
อย่างเช่นโจวหยงที่ฉู่โม่วต้องเผชิญในเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัย เขาคนนี้เป็นเพียงราชันย์เทพยุทธ์ทั่วไปที่ไม่มีแม้แต่อันดับภายในวิหารราชันย์เทพยุทธ์ แต่ถึงอย่างนั้นเพียงการโจมตีครั้งเดียวก็มากพอที่จะระเบิดพลังมาได้กว่า 100,000 พลังมังกร!
ดังนั้นแล้วจึงบอกได้ว่าไม่มีราชันย์เทพยุทธ์คนไหนที่สามารถประมาทได้ในตอนนี้
“บางทีถ้าเทียบกับราชันย์เทพยุทธ์ ฉันน่าจะยังขาดพลังอยู่อีก แต่ในเมื่อตอนนี้สามารถเป็นราชันย์ยุทธ์ได้แล้ว ทั้งพลังกายแล้วก็พรสวรรค์ต่างเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้มากกว่านี้อีก”
“นอกจากนี้… ฉันยังมีพรสวรรค์แห่งห้วงเวลา พรสวรรค์แห่งห้วงมิติ ผนวกกับแสงสวรรค์ต้าเหยี่ยน ไม่ว่ายังไง หากมีราชันย์ยุทธ์ทั่วไปอยู่จริง ๆ คนพวกนั้นย่อมไม่คณนามือฉัน!”
“แล้วก็เมื่อไรที่อาวุธพลังจิตเสร็จสมบูรณ์ ควบคู่ไปกับพลังจิตวิญญาณ ต่อให้อนาคตจะต้องเจอราชันย์เทพยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าปกติ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งเกินไป หรือมีความสามารถเฉพาะทาง ฉันไม่มีทางแพ้แน่!”
ชายหนุ่มคิดก่อนจะรู้สึกผ่อนคลาย
และในตอนนั้นเอง
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในห้วงจิต ‘ฉู่โม่ว หลังจากทลายขีดจำกัดเสร็จแล้ว ช่วยมาหาฉันที่โถงหลักของวิหารราชันย์เทพยุทธ์ทีนะ’
ราชันย์เทพยุทธ์ชิงชาง!
เขาจำได้ในทันทีว่าเจ้าของเสียงนี้คือราชันย์เทพยุทธ์ชิงชาง ผู้เป็นเจ้าวิหารราชันย์เทพยุทธ์แห่งนี้
การที่อีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังทลายขีดจำกัดได้โดยที่ยังไม่ได้บอกอะไรนั้น ก็ไม่ได้ทำให้ฉู่โม่วประหลาดใจสักเท่าไร
อนึ่งก็เพราะเขาอยู่ภายใต้จารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่าที่ซึ่งเป็นเขตแดนของวิหารราชันย์เทพยุทธ์ ดังนั้นแล้วจึงรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องมีใครคอยจับตามองอยู่อย่างลับ ๆ แน่นอน
และทั่วทั้งสุดยอดฐานจงไห่นี้
คนเดียวที่สามารถควบคุมวิหารราชันย์เทพยุทธ์ได้โดยสมบูรณ์ก็มีเพียงราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางเท่านั้น!
‘เข้าใจแล้วครับ’
คิดแบบนั้นแล้วก็พยักหน้าตอบตกลงไป
จากนั้น
หลังจากที่ควบคุมกลิ่นอายและลมหายใจอยู่พักหนึ่งเพื่อให้ขั้นพลังเสถียร ฉู่โม่วก็ออกจากที่นี่ไป
…
โถงหลักวิหารราชันย์เทพยุทธ์
ชายหนุ่มเดินเข้าไปภายใน
ที่นั่นราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์ ขณะที่มีราชันย์เทพยุทธ์อีกหลายคนยืนขนาบสองข้างกำลังมองมาที่ผู้เดินเข้ามาใหม่ด้วยความสนใจ
“ยินดีที่ได้พบท่านเจ้าวิหารครับ”
ชายหนุ่มโค้งหัวทำความเคารพ
“ไม่ต้องทางการนักก็ได้”
ราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางโบกมือ จากนั้นพูดด้วยความพึงพอใจ “เมื่อครั้งก่อนที่ฉันเห็นคุณ คุณเปรียบเสมือนของขวัญจากสรวงสวรรค์ แม้ว่าจะยังห่างไกลจากจ้าวยุทธ์ระดับสูง ทว่าเมื่อได้พบในครั้งนี้ คุณกลับได้ทลายขีดจำกัดของจ้าวยุทธ์และเป็นราชันย์ยุทธ์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว… กล้าพูดได้เลยว่าเติบโตได้เร็วจริง ๆ”
ได้ยินเช่นนั้นฉู่โม่วก็ยิ้มออกมา
ในตอนนั้นเอง
ราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางก็พูดต่อ “การที่เรียกคุณมาในวันนี้ก็เพราะจะบอกเรื่องเขตแดนศักดิ์สิทธิ์นั่นแหละ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางหายไป และแทนด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็นแทน
ที่ผ่านมาอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขตแดนศักดิ์สิทธิ์นี้มาโดยตลอด แต่เพราะราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางไม่ได้พูดอะไรมากนักในตอนแรก เขาจึงไม่กล้าที่จะถามอะไรต่อ
“ขอให้ท่านเจ้าวิหารชี้แนะมาได้เลยครับ”
ฉู่โม่วพูด
ทว่าราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางไม่ได้พูดออกมาในทันที เขาหันมองคนอื่น ๆ ก่อนจะพูด “พวกท่านออกไปก่อน”
“ฉันต้องการความส่วนตัว”
เหล่าราชันย์เทพยุทธ์ทั้งหมดโค้งให้กับชิงชางและเดินออกไป
ยามที่ทุกคนออกไปแล้ว ราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางจึงพูดขึ้น “เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ คือโลกเสมือนของเหล่ามนุษย์โบราณที่ถูกทำลายไป ซึ่งพวกเราได้ค้นพบสิ่งนี้หลังจากที่ออกสำรวจในเขตแดนลับต่าง ๆ ทั้งผู้ปลุกพลังกับนักวิทยาศาสตร์ล้วนใช้เวลาร่วมทศวรรษในการศึกษาสิ่งนี้ และพัฒนาการเชื่อมโยงจากภายนอกมากมายจนสามารถเข้าไปภายในนั้นได้ผ่านจิตสำนึกเพื่อสำรวจภายในต่อ”
“ถึงแม้ว่าสิ่งที่เข้าไปจะมีเพียงแค่จิตสำนึก แต่ทั้งสมบัติแห่งโลกและสวรรค์รวมไปถึงของล้ำค่าอื่น ๆ สามารถนำกลับออกมาได้ ซึ่งภายในโลกเสมือนมีทุกสิ่งอย่างถูกทิ้งไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นความลึกลับและสมบัติขนาดที่ไม่สามารถประเมินได้ แม้จะเป็นเวลานานมากแล้ว แต่มนุษยชาติไม่สามารถสำรวจเขตแดนทั้งหมดได้ และเพราะแบบนี้จึงถือเป็นหนึ่งในความลับบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินแห่งนี้ อีกทั้งปัจจุบันยังถูกใช้เป็นเขตแดนสำหรับฝึกฝนเหล่าผู้มีพรสวรรค์ทั้งหลาย!”
เมื่อฟังเช่นนั้น
หัวใจของฉู่โม่วก็เต้นแรงราวกับเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่
สมบัติสวรรค์และโลกในโลกเสมือนของมนุษย์ มนุษยชาติส่งทั้งกองกำลังกับนักวิทยาศาสตร์ไปศึกษาและซ่อมแซมสิ่งนี้อยู่หลายปีจนกระทั่งสามารถใช้จิตสำนึกบุกเข้าไปด้านในแล้วนำสมบัติสวรรค์และโลกต่าง ๆ ออกมาได้
เพียงแค่ได้ฟังเรื่องเหล่านี้ มันก็พอจะบอกได้แล้วว่าทรหดขนาดไหนกว่าจะมาถึงทุกวันนี้ได้
แต่ในขณะที่กำลังตกตะลึงนั้นเอง ราชันย์เทพยุทธ์ก็พูดต่อ “หากต้องการจะเปิดเขตแดนศักดิ์สิทธิ์จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ต่อให้จะใช้พลังของราชันย์เทพยุทธ์ก็สามารถเปิดเขตแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ได้เพียงทุก ๆ ยี่สิบปีเท่านั้น และเปิดได้มากสุดเพียงสามเดือนในแต่ละครั้งด้วย!”
“และด้วยจำนวนชุดอุปกรณ์ส่งกระแสจิตที่มีจำนวนจำกัด ทำให้ปัจจุบันนี้ไม่สามารถส่งผู้ปลุกพลังได้เกินกว่ายี่สิบคนเข้าไปในเขตแดนดังกล่าวพร้อมกัน จะมีเพียงเหล่าหัวกะทิสิบคนของสุดยอดฐานเท่านั้นที่จะได้เข้าไปในนั้น เพราะงั้นจึงถือว่าเป็นเกียรติของพวกเขามาก ๆ”
“และในครั้งนี้ ฉันมีสิทธิ์ดังกล่าวเพียงหนึ่งสิทธิ์เท่านั้นสำหรับส่งคนจากวิหารราชันย์เทพยุทธ์ไป แต่เดิมตั้งใจจะยกสิ่งนี้ให้ราชันย์ยุทธ์จันทราคลั่ง แต่เพราะตอนนี้มีคุณอยู่ที่นี่ด้วย และยังไม่ได้เลือกอาจารย์ของตนเอง ผนวกกับราชันย์ยุทธ์จันทราคลั่งเคยเข้าไปในนั้นแล้วเมื่อยี่สิบปีก่อนและไม่ได้อะไรกลับมามากนัก ครั้งนี้จึงจะยกสิทธิ์นี้ให้คุณ ขอให้ถือเสียว่านี่เป็นค่าตอบแทน”
“แน่นอนว่า…”
“ถึงแม้สิทธิ์ในการเข้าไปจะเป็นของคุณ แต่ใช่ว่าจะสามารถเก็บเอาทุกสิ่งอย่างภายในออกมาได้”
“ยังไงเสีย เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่ใช่สิ่งที่มนุษยชาติบนดาวเคราะห์สีน้ำเงินนี้เป็นผู้สร้างขึ้น แต่เป็นฝีมือของมนุษย์เมื่อครั้งโบราณ ดังนั้นแล้วยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่รู้ซ่อนอยู่อีกมาก รวมไปถึง อันตรายที่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ในนั้น!”
“หากพลาดท่าตายภายในนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ตายในชีวิตจริง แต่จะทำให้จิตใจเสียหายอย่างนัก มันรุนแรงถึงขนาดส่งผลต่อรากฐานร่างกาย และมีโอกาสทำให้ความทรงจำกระทบกระเทือน!”
“ดังนั้น จงระวังกับทุกสิ่งอย่าง!”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางก็ดูจะเคร่งขรึมขึ้นมา
ชายหนุ่มพยักหน้าแทนความหมายว่าเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
เห็นเช่นนั้น
ราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางจึงค่อย ๆ ใจเย็นลงและเริ่มพูดเสริม “นอกจากนี้ต้องระวังเหล่าผู้ที่มักมากในบรรดามนุษยชาติของพวกเราเองด้วย… อย่างที่คุณรู้ว่ายังเหลือสิทธิ์อีกมากมายที่ถูกกระจายไปให้เหล่าผู้มีอำนาจทั่วทั้งสุดยอดฐาน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าจะมีคนอื่นที่เข้าไปจ้องจะเล่นงานอยู่ จิตใจมนุษย์นั้นยากจะหยั่งถึง”
“เช่นนั้น…”
“ภายในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ทุกสิ่งคืออันตราย ฉะนั้นต้องระวังตัวให้มากที่สุด แล้วก็อย่าลืมกอบโกยสิ่งที่สมควรจะเป็นของคุณมาให้ได้ จงเชื่อมั่นในชะตาที่ได้รับมอบมาและทำให้ดีที่สุด!”
MANGA DISCUSSION