บทที่ 234 ทลายขีดจำกัดราชันย์ยุทธ์ และเหตุการณ์ที่น่ากลัว!
ภายหลังจากทำให้ตระกูลมั่นคงได้ บรรพบุรุษตระกูลโจวก็รีบออกจากตระกูลเพื่อมาตามหาร่องรอยของโจวหยงทันที
ถึงแม้ว่าโจวหยงจะตายไปแล้ว
แต่เพราะเขาพกสมบัติประจำตระกูลอย่างโล่มังกรเพลิงสวรรค์ก็พลอยหายไปด้วย!
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะต้องตามหาสิ่งนี้กลับคืนมาให้ได้
คิดเช่นนั้น
บรรพบุรุษตระกูลโจวจึงรีบใช้กระบวนวิชาลับทันทีภายหลังจากที่ออกจากสุดยอดฐานจงไห่พ้นแล้ว ไม่นานนักก็พบเข้ากับกลุ่มแสงที่ลอยไปมาจาง ๆ จากทิศทางหนึ่ง
เห็นเช่นนั้น
จึงรีบมุ่งตรงไปยังจุดดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
นี่คือกระบวนวิชาลับสะกดรอยที่เคยฝึกไว้เมื่อนานมาแล้ว
หากตัวผู้ใช้มีวัตถุหรือสิ่งใดที่ประกอบไปด้วยกลิ่นอายของเป้าหมายที่จะตามตัวได้ เจ้าของวิชาจะสามารถตามตัวเป้าหมายได้ในตำแหน่งคร่าว ๆ
โล่มังกรเพลิงสวรรค์เคยเป็นยุทธภัณฑ์วิญญาณประจำตัวเขามาก่อน ดังนั้นมันย่อมต้องมีกลิ่นอายของตัวเขาเองหลงเหลืออยู่บนสมบัติชิ้นนี้อยู่แล้ว
ไม่นานนัก
ด้วยวิชาแกะรอยนี้ บรรพบุรุษตระกูลโจวก็เดินทางมายังพื้นที่ใกล้ ๆ ถ้ำแห่งหนึ่งที่ฉู่โม่วได้เปิดไว้
“กลิ่นอายของโล่มังกรเพลิงสวรรค์หายไปแถว ๆ นี้สินะ”
บรรพบุรุษตระกูลโจวค่อย ๆ ลอยตัวลงไปยืนบนพื้นและเริ่มค้นหาบริเวณโดยรอบ
เขาใช้เวลาไม่นานก็พบเข้ากับถ้ำของฉู่โม่ว
เห็นเช่นนั้น
แววตาก็เปล่งแสงออกมา
“ไม่ผิดแน่!”
“โจวหยงกับโจวอวิ๋นถูกฆ่าไปแล้ว! แม้แต่โล่มังกรเพลิงสวรรค์ยังถูกช่วงชิงเอาไปแล้ว!”
“แล้วไอ้คนที่ทำเรื่องนั้น… น่าจะต้องอยู่ที่นี่แน่นอน!”
ระหว่างที่กำลังบ่นพึมพำ บรรพบุรุษตระกูลโจวก็เดินเข้าไปในถ้ำด้วย เขาเดินตามกลิ่นอายที่หลงเหลือภายในเข้าไป และเริ่มใช้กระบวนท่าแกะรอยอีกครั้ง
พักหนึ่ง…
แสงไฟก็ช่วยนำทางไปหาเป้าหมาย
“อะไรกันน่ะ? สุดยอดฐานจงไห่งั้นเหรอ!?”
“ผู้ปลุกพลังที่สามารถฆ่าโจวหยงและโจวอวิ๋นได้อยู่ในสุดยอดฐานจงไห่งั้นเหรอ!?”
แววตาที่ดุดันของบรรพบุรุษตระกูลโจวเปล่งประกายอีกครั้ง และคราวนี้มันก็แสดงความเหี้ยมโหดออกมา
เขาไม่ลังเล
หันหน้ากลับและมุ่งตรงไปยังฐานทันที
“ไม่ว่าแกจะเป็นใคร แต่ใครก็ตามที่ฆ่าลูกหลานตระกูลโจวจะต้องชดใช้!”
…
ในตอนนี้
ฉู่โม่วยังไม่รู้ว่าตนเองได้โดนบรรพบุรุษตระกูลโจวหมายหัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ภายหลังจากที่กลับมายังสุดยอดฐานจงไห่ก็ตรงไปยังวิหารราชันย์เทพยุทธ์ทันทีเพื่อขอให้ร่างเสมือนช่วยเปิดจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่าให้เพื่อที่จะทลายขีดจำกัดของจ้าวยุทธ์ต่อ
บ่อตรงกลางมิติถูกเติมเต็มด้วยของเหลวปฐมกาลอีกครั้ง
และฉู่โม่วก็นั่งขัดสมาธิลงไป
อณูแห่งชีวิตที่ไหลท่วมที่แห่งนี้หลั่งไหลเข้ามาในร่างทันที
“เริ่มฝึกฝน!”
เขาไม่ปล่อยเวลาเปล่า จากนั้นใช้พรสวรรค์แห่งห้วงเวลาเร่งความเร็วของผลลัพธ์ ในขณะเดียวกันก็ดื่มเลือดสัตว์อสูรระดับ 7 เข้าไปด้วย ความรู้สึกขณะที่ร่างกายถูกพลังงานอันร้ายกาจหลั่งไหลไปทั่วร่างกาย ทำให้เริ่มฝึกฝนการปรับแต่งพลังงานดั้งเดิมของยีนเพื่อดูดกลืนอณูแห่งชีวิตเข้ามาเสริมแกร่งให้ร่างกาย
ด้วยเวลาที่ผ่านพ้นไป
พลังกายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เพียงไม่กี่วันให้หลัง
ชายหนุ่มที่กำลังฝึกฝนอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายแสงชั่วขณะหนึ่ง
“50 พลังมังกร!”
“ในที่สุดก็มาถึงขั้นจ้าวยุทธ์ระดับสูงแล้ว!”
“ต่อไป… ได้เวลาทลายขีดจำกัดเพื่อขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์แล้ว!”
เขาพูดพึมพำ
การทลายขีดจำกัดและขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์ อ้างอิงจากตำราดั้งเดิม ผู้ปลุกพลังจะต้องเข้าถึงเจตจำนงแห่งพรสวรรค์สักอย่างได้ เมื่อนั้นจะสามารถเป็นราชันย์ยุทธ์ได้
ตอนนี้เขาเข้าถึงเจตจำนงของพรสวรรค์ได้มากถึงเจ็ดอย่าง
ไม่ว่าจะเป็นเจตจำนงแห่งลม 20%!
เจตจำนงแห่งไม้ 27%!
เจตจำนงแห่งห้วงมิติ 10%!
นอกจากนี้
ยังเข้าถึงอัตลักษณ์ของธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุเหล็กและธาตุสายฟ้า ซึ่งแต่ละธาตุที่กล่าวมาล้วนเป็นปัจจัยที่เพียงพอต่อการขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์ทั้งสิ้น!
ดังนั้นแล้วชายหนุ่มจึงถือว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะเป็นราชันย์ยุทธ์!
เช่นนั้นจึงไม่ลังเลใด ๆ และเริ่มทลายขีดจำกัดเพื่อก้าวขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์ต่อทันที!
“ยึดตามสิ่งที่พูดไว้ในตำราหอศักดิ์สิทธิ์ทองคำลึกลับ หากต้องการทลายขีดจำกัดขั้นเพื่อเป็นราชันย์ยุทธ์จะต้องใช้อัตลักษณ์ ทำให้กายเนื้อเกิดการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในชีวิต!”
“กรรมวิธีพิเศษนี้ คือการบูรณาการอัตลักษณ์เข้ากับลมปราณ เลือดและอณูแห่งชีวิต เมื่อไรที่สิ่งเหล่านี้รวมกันเป็นหนึ่งได้ โลกกับสวรรค์จะจดจำ และเมื่อนั้นผู้ปฏิบัติจะกลายเป็นราชันย์ยุทธ์ได้ในที่สุด!”
หลังจากเอ่ยพูดเสียงเบา
ฉู่โม่วก็ค่อย ๆ หลับตาลงฝึกฝนตามวิธีที่ได้บันทึกไว้ในตำราหอศักดิ์สิทธิ์ทองคำลึกลับ
เจตจำนงที่เขาเลือกนำมาผสานนั้นเป็นเจตจำนงแห่งห้วงมิติ
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสองพรสวรรค์ระดับสูง ภายหลังจากที่หลอมรวมพลังแห่งห้วงมิติเข้ากับตนเองแล้ว ฉู่โม่วจะต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าแน่นอน
ครืน ครืน ครืน!
ด้วยการผสานพรสวรรค์ ทำให้ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านราวกับนั่งอยู่บนแผ่นดินที่กำลังสั่นไหว
เจตจำนงแห่งห้วงมิติเริ่มหลอมเข้าไปในร่างกาย ระหว่างนั้น ทั้งเซลล์และหน่วยพันธุกรรมทั่วทุกส่วนถูกกระตุ้นให้ทำงานอย่างคลุ้มคลั่ง
พวกมันปรับแต่งตนเอง แตกสลาย และเกิดใหม่
วนเวียนไปอยู่เช่นนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านไป
ความสำเร็จของการรวมเป็นหนึ่งค่อย ๆ เพิ่มอย่างรวดเร็ว
10%
20%
30%
เพียงแค่วันเดียว ร่างกายของฉู่โม่วก็หลอมรวมกับพรสวรรค์ไปได้ถึง 30% แล้ว!
ห้าวันให้หลัง
ชายหนุ่มเดินทางมาถึงก้าวสุดท้าย การหลอมรวมขั้นสมบูรณ์!
และในขั้นตอนนี้
การเปลี่ยนแปลงก็เริ่มขึ้น
ซู่!
แรงดูดอันมหาศาลถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกาย มันดูดกลืนเอาอณูแห่งชีวิตเข้ามาภายใน และด้วยพลังดูดที่รุนแรงเช่นนี้ ทำให้บ่อน้ำอณูแห่งชีวิตที่เคยเปี่ยมล้มต้องพลอยแห้งเหือดไปในพริบตาด้วย
โชคยังดีที่จารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่านี้ทรงพลังมากพอ เพราะงั้นมันจึงสามารถสร้างอณูแห่งชีวิตขึ้นใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้เอง
ทำให้ร่างกายได้รับอณูแห่งชีวิตเข้ามาอย่างมหาศาล และพลังกายเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนร่างแทบจะปรับตัวรับไม่ไหว แต่ด้วยความเร็วในการดูดกลืนพลังของเซลล์ที่น่ากลัวนี้เอง จึงทำให้ร่างไม่สลายเพราะอณูแห่งชีวิตที่มากมายขนาดนี้ กลับกันพวกมันยังกลายมาเป็นขุมพลังอันยิ่งใหญ่ให้ร่างกายแทนด้วย
60 พลังมังกร!
70 พลังมังกร!
80 พลังมังกร!
90 พลังมังกร!
แกร๊ก! แกร๊ก! แกร๊ก!
เมื่อพลังกายเข้าใกล้ 100 พลังมังกร เสียงเหมือนกระจกแก้วกำลังสั่นสะเทือนก็ดังขึ้นมา
นั่นเป็นเพราะพลังกายที่เพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วนี้ มันเร็วเสียจนเส้นลมปราณทนทานไม่ไหวและแตกออก
แต่เพียงชั่วพริบตาก็ถูกซ่อมแซมขึ้นมาใหม่และเกิดเหตุการณ์เช่นนี้วนซ้ำ ๆ ไป
เช่นนั้นแล้ว เสียงของแก้วที่สั่นสะเทือนนี้จึงดังอย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการ
เสียงของมัน
ราวกับจะดังต่อไปอย่างไม่มีวันหยุดยั้ง
เพราะพลังของเขายังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลมหายใจที่ปลดปล่อยออกมาก็ยากเกินจะควบคุมจนกลายเป็นต้นเหตุทำให้มิติที่จารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่าถูกติดตั้งไว้เริ่มจะสั่นสะเทือนตามไปด้วย
ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ทั่วทั้งวิหารราชันย์เทพยุทธ์เกิดการแจ้งเตือนให้กับเหล่าผู้ปลุกพลังทราบ
ราชันย์เทพยุทธ์ที่คอยดูแลวิหารแห่งนี้ถึงกับต้องหน้าถอดสีเมื่อสัมผัสได้ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว
คลื่นพลังที่รุนแรงขนาดทำให้มันต้องสั่นสะเทือนน่ะ แม้แต่อดีตกาลยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเล
รีบส่งเรื่องนี้ไปให้เจ้าวิหารราชันย์เทพยุทธ์รับรู้โดยไว
ภายในโถงหลักวิหารราชันย์เทพยุทธ์
ภายหลังจากที่ได้รับการรายงาน ราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางไม่กล้ามองข้าม ทว่าแทนที่จะไปดูด้วยตาตนเองกลับเลือกที่จะเรียกกระจกบานหนึ่งบาง ๆ ขึ้นมาในอากาศแทน
สิ่งนี้คือเครื่องควบคุมของวิหารราชันย์เทพยุทธ์ เรียกว่ากระจกแห่งราชันย์เทพยุทธ์
ด้วยกระจกบานนี้สามารถจัดการทุกอย่างภายในตัววิหารราชันย์เทพยุทธ์ได้ ในขณะเดียวกันก็สามารถสังเกตการณ์ทุกมุมของวิหารได้อีกด้วย
และในตอนนี้เขากำลังไล่หาต้นเหตุ!
ไม่นานนัก ต้นเหตุที่ทำให้วิหารราชันย์เทพยุทธ์เกิดการสั่นสะเทือนก็ประจักษ์แก่สายตา
“โอ้ อย่าได้ตื่นตระหนกไปพวกท่าน บัดนี้ผู้สืบทอดของพวกเราอย่างฉู่โม่วกำลังทำการทลายขีดจำกัดขั้นอยู่ภายในจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่าอยู่ ดังนั้นแล้ววิหารราชันย์เทพยุทธ์จึงเกิดการสั่นสะเทือนถึงเพียงนี้!”
ราชันย์ยุทธ์ชิงชางพูดด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินเช่นนั้น
ราชันย์ยุทธ์ที่มารวมตัวกันอยู่ในโถงก็หันมองหน้ากันเอง บางคนเกิดตื่นตระหนกขึ้นมา
“ถ้าจำไม่ผิด ฉู่โม่วเพิ่งจะเป็นจ้าวยุทธ์เองไม่ใช่หรือ? ในตอนนี้กำลังจะทลายขีดจำกัด… แสดงว่า คนคนนี้กำลังจะเป็นราชันย์ยุทธ์แล้วรึ?”
“วิหารราชันย์เทพยุทธ์ถูกสร้างขึ้นจากวิหารวรยุทธ์แบบเก่า ซึ่งได้มาจากเขตแดนลับที่สุดยอดฐานจงไห่ใช้ทรัพยากรมากมายเพื่อปรับปรุงเชียวนะ ขนาดราชันย์เทพยุทธ์เข้าไปฝึกฝนภายใน ตัววิหารยังไม่เกิดการสั่นสะเทือนถึงเพียงนี้เลย!”
“แต่ฉู่โม่วกลับทำให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะจะทลายขีดจำกัดขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์ สิ่งนี้มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว!”
“คนคนนี้มีพลังมากขนาดไหนกัน!?”
“ไม่น่าเชื่อ!”
เหล่าราชันย์เทพยุทธ์มากมายพูดด้วยความเหลือเชื่อ
เทียบกับคนอื่น ๆ ราชันย์เทพยุทธ์ชิงชางดูจะใจเย็นที่สุด เขามองไปยังฉู่โม่วที่พยายามทำลายขีดจำกัดขั้นอยู่ภายในจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่าผ่านกระจกราชันย์เทพยุทธ์ ภายหลังจากที่สังเกตอยู่นาน ทันใดนั้นก็พูดขึ้น “ดูเหมือนอณูแห่งชีวิตที่อยู่ภายในค่ายกลจะอ่อนไปหน่อย ต่อให้สร้างทดแทนได้แต่ก็ไม่เพียงพอ …ปล่อยอณูแห่งชีวิตเต็มที่เลย ขยับขีดจำกัดให้สูงขึ้นกว่านี้”
“ท่านเจ้าวิหารครับ การปล่อยอณูแห่งชีวิตมากกว่านี้ สำหรับราชันย์ยุทธ์แล้วมันไม่เกินไปเหรอครับ? ด้วยขีดจำกัดนั้น มันมากพอจะทำให้ราชันย์ยุทธ์คนหนึ่งทลายขีดจำกัดขึ้นเป็นราชันย์เทพยุทธ์ได้เลยนะครับ… หากทำเช่นนั้น… จะไม่ทำให้ผู้สืบทอดฉู่โม่วร่างแหลกสลายไปหรือ?”
ราชันย์ยุทธ์คนหนึ่งได้ยินแล้วรีบถามขึ้นด้วยความลังเล
“ไม่ต้องกังวลไป ฉู่โม่วจะต้องรับไหวแน่!”
ราชันย์ยุทธ์ชิงชางลูบเคราพลางพูดอย่างมั่นใจ
ฟังเช่นนั้นแล้ว เหล่าผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ก็ลังเลกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ท้ายสุดจะพยักหน้า “รับทราบ!”
…
ภายในจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่า
ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีท่าทีว่าจะอ่อนแรงลงเลย!
และเพราะความเร็วในการดูดกลืนอณูแห่งชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นเช่นนี้ จึงทำให้อณูแห่งชีวิตภายในเริ่มจะไม่เพียงพอจริง ๆ
ในตอนนั้นเอง
จู่ ๆ
อณูแห่งชีวิตที่เข้มข้นและมากมายก็ฟุ้งกระจายเต็มบ่อน้ำที่เคยแห้งเหือดลงไป
ฟู่!
หากไม่ถูกร่างกายของฉู่โม่วกลืนกินเข้าไปอย่างรวดเร็วราวกับมีท่อระบายน้ำขนาดใหญ่อยู่เบื้องล่าง เกรงว่าอณูแห่งชีวิตเหล่านี้จะเติมเต็มบ่อน้ำจนล้นออกมาภายนอก
ชั่วพริบตา
ร่างกายของเขาก็มาถึงขีดจำกัด
เลือดจากทั่วทั้งร่างเริ่มทำการเผาไหม้ เส้นลมปราณเริ่มแตกระแหงเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย รวมถึงผิวกายด้านนอกกลายเป็นสีแดง
ความเจ็บปวดแบบที่หาที่เปรียบไม่ได้หลั่งไหลไปทั่วทั้งร่าง เช่นเดียวกับจังหวะที่อณูแห่งชีวิตที่ดูดกลืนเข้ามากระทุ้งเข้าไปยังขีดจำกัดร่างกาย
150 พลังมังกร!
160 พลังมังกร!
170 พลังมังกร!
ตู้ม!
ในที่สุด
เมื่อพลังกายสูงถึง 200 พลังมังกร คลื่นประหลาดก็ปรากฏขึ้นที่รอบตัว
“ทลายขีดจำกัดซะ!”
ในตอนนั้น ดวงตาของชายหนุ่มเปล่งแสงสีแดงพร้อมกับเขาที่ตะโกนออกมาเสียงดัง
สิ้นเสียง คลื่นอากาศรอบกายก็เปี่ยมไปด้วยความยิ่งใหญ่และพุ่งตรงขึ้นไปยังฟากฟ้า
ชั่วพริบตา พื้นที่บริเวณกว่าหมื่นกิโลเมตรรอบตัวเริ่มถูกครอบครองด้วยบรรยากาศปริศนา ก่อนที่จะกลายเป็นเขตแดนสายฟ้าฟาดที่มีแต่สายฟ้าแล่นแปลบปลาบอยู่เต็มไปหมด
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนอีกมากมายรู้สึกได้ พวกเขาแหงนหน้าขึ้นมามองฟากฟ้าพร้อม ๆ กันโดยไม่ได้นัดหมาย และหวาดผวากับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้
“นั่นมัน…”
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ!?”
“จากเหตุการณ์ที่สะเทือนถึงชั้นฟ้าแบบนี้… หรือว่ามีผู้ปลุกพลังที่แข็งแกร่งกำลังทลายขีดจำกัดร่างกาย!?”
“หรือว่ามนุษยชาติของพวกเรากำลังจะมีราชันย์เทพยุทธ์คนใหม่!?”
“โอ้!”
“น่ากลัว… น่ากลัวเกินไปแล้ว!!”
ผู้คนมากมายต่างรู้สึกได้เลยว่าเส้นผมทุกเส้นบนหัวกำลังตั้งตรงขึ้นมา รวมถึงหัวใจยังเต้นแรงจนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ …ฉู่โม่วไม่รู้เรื่องเลย
ในขณะนั้น
การที่อยู่แต่ในจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่า เขารับรู้ได้เพียงว่าร่างกายกำลังพัฒนาอย่างยิ่งยวด!
และด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้
ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ก็กระจายออกไปรอบตัว ครอบคลุมทั้งร่างกายและย้อนกลับเข้าไปลึกถึงสมองของฉู่โม่วเอง ทำให้ร่างสั่นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เปรี๊ยะ!
เสียงสายฟ้าเริ่มก่อตัวบนร่างของฉู่โม่วแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกายหยาบหรือร่างปฐมวิญญาณ ดูเหมือนว่าทั้งสองสิ่งนี้จะหลอมรวมกันและกลายเป็นไอร้อนระอุแผ่กระจายความอบอุ่นออกมา
ไม่รู้ว่าเหตุการณ์เช่นนี้คงอยู่นานขนาดไหน
แต่เมื่อทุกสิ่งค่อย ๆ หยุดนิ่งไป
การเปลี่ยนแปลงของร่างกายก็หยุดลงไป ณ จุดนั้นด้วย
ฉู่โม่วในตอนนี้
สามารถพูดได้แล้วว่าตนเองคือผู้ปลุกพลังขั้นราชันย์ยุทธ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
MANGA DISCUSSION