บทที่ 221 ผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารา และเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัย!
“เมื่อตอนที่ฉันไปฝึกกับท่านอาจารย์ เขาให้ฉันฝึกอยู่ในเขตแดนลับแห่งหนึ่ง แต่เพราะพลังกายของฉันเป็นปัญหา เธอถึงพาฉันไปยังแดนโชคชะตาแทน”
“ที่นั่นไม่เพียงแต่จะสามารถฝึกได้ตามคำแนะนำของท่านอาจารย์เท่านั้น แต่ยังได้เผอิญเจอเข้ากับผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราด้วย”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ในห้อง
เฉินซีเวยค่อย ๆ พลิกข้อมือขึ้นมา จากนั้นดวงดาวที่มีแสงระยิบระยับก็ลอยออกมาให้เห็น
ในสายตาของฉู่โม่ว เกือบจะทันทีกับที่แสงดาวนั้นปรากฏขึ้น เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าท่ามกลางแสงเกิดจากแร่ประหลาดชนิดหนึ่งที่ผสมผสานไปด้วยสีม่วง สีทอง สีเงิน และสีขาว
ตอนนี้ แม้ว่าจะถูกถืออยู่ในฝ่ามือ แต่ด้วยความงดงามของแสงประกายดาวที่ส่องประกายออกมา ก็พลอยทำให้ผู้คนที่ได้จับตามองรู้สึกราวกับว่าตนเองอยู่ในจักรวาลที่ประดับประดาไปด้วยแสงดาวระยิบระยับเต็มไปหมดก็มิปาน
งดงาม!
ระยิบระยับ!
สวยเกินกว่าจะอธิบายได้
ขณะเดียวกันนั้น
ไม่เพียงแค่แสงของดวงดาวที่ส่องประกายเท่านั้น แต่ยังนำพากลิ่นอายพลังที่แสดงถึงความโดดเดี่ยวและว่างเปล่าราวกับว่าสิ่งนี้ถูกทิ้งไว้อย่างเดียวดายมานานหลายร้อยปีมาแล้ว
ฉู่โม่วทดลองบีบผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารานี้ไปไว้ในมือและลองใช้พลังจิตสัมผัสตรวจสอบ เขารู้สึกได้เพียงว่า… พลังจิตวิญญาณของเขาสามารถแทรกซึมเข้าไปในผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารานี้ได้ โดยที่นอกจากจะไม่เจออุปสรรคใด ๆ แล้วยังราบรื่นกว่าสิ่งอื่นมากเลยด้วย
แม้แต่ความเหนียวแน่นของพลังจิตวิญญาณก็พลอยเพิ่มขึ้นด้วยในเวลาเช่นนี้
ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้สีหน้าของฉู่โม่วแสดงความตกตะลึงออกมาทันที
เขาเกือบจะตัดสินใจไปแล้ว
ว่าสิ่งที่เหมาะสมที่สุดที่จะนำมาสร้างอาวุธพลังจิตคือผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารา
แต่ในตอนนี้
ฉู่โม่วเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เป็นเหมือนมนตราลึกลับภายในผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราชิ้นนี้ สิ่งที่เหมือนกับเส้นทางที่ล่อลวงให้ออกตามหามัน
“สิ่งนี้…”
ชายหนุ่มได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง
“ดูเหมือนนายจะจับทางได้แล้วหรือเปล่านะ?”
เฉินซีเวยพูดด้วยรอยยิ้ม “ผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราเป็นแค่กุญแจ!”
“กุญแจเหรอ?”
คนฟังสงสัยขึ้นเล็กน้อย
ตอนนั้นเอง หญิงสาวเล่าถึงเรื่องที่รู้ให้ฟัง
เรื่องมีอยู่ว่า …ตั้งแต่แรกเริ่มภายหลังจากที่เฉินซีเวยได้รับผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารานี้มาจากแดนโชคชะตา เธอไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร ดังนั้นจึงนำมันไปถามราชันย์เทพยุทธ์เหมันต์เยือกแข็ง และได้รับรู้ว่ามันคือกุญแจที่จะช่วยนำพาไปสู่การปลดล็อกเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยได้!
เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยถือเป็นเขตแดนลับที่พิเศษมาก
เวลาในการเปิดนั้นไม่กำหนด สถานที่เปิดก็ไม่กำหนดด้วยเช่นกัน
เมื่อครั้งที่มันเปิดออกครั้งแรก ราว ๆ หนึ่งร้อยห้าสิบปีที่แล้ว ตอนนั้นมีดาวตกจำนวนหนึ่งกระจัดกระจายออกมาจากเขตแดนลับและแยกตัวไปยังทิศทางต่าง ๆ ทว่าเพราะเป็นช่วงที่สุดยอดฐานจงไห่กำลังก่อสร้าง เลยมีเพียงผู้ปลุกพลังรุ่นแรก ๆ ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ตามหาต้นตอและเข้าไปในเขตแดนลับแห่งนั้น และถึงแม้จะได้สมบัติมากมายออกมา พวกเขาก็เลือกที่จะปิดปากเรื่องนี้ไว้เงียบ ๆ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้
ครั้งที่สองเป็นช่วงแปดสิบปีที่แล้ว ในครั้งนี้ได้ผู้ปลุกพลังที่กล้าแกร่งจำนวนหนึ่งในสุดยอดฐานจงไห่มาช่วย ดังนั้นจึงสามารถคว้าผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราไว้ได้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยสวรรค์กลายเป็นมีชื่อเสียงขึ้นมา
มีผู้ปลุกพลังกว่าสิบคนเข้าร่วม และถึงแม้จะมีส่วนมากที่ตายลงไปภายในนั้น แต่ส่วนที่มีชีวิตรอดกลับมาได้ก็กลับมาพร้อมกับสมบัติล้ำค่ามากมาย ในวันนี้พวกเขาได้กลายเป็นราชันย์ยุทธ์ระดับต้นกันแล้ว นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่แข็งแกร่งขึ้นมากจนสามารถเป็นราชันเทพยุทธ์ได้อีกด้วย!
ตั้งแต่นั้นมา เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยก็เป็นเขตแดนลับที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งมาตลอด
สามสิบปีก่อน เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยเปิดออกเป็นครั้งที่สาม ทว่ามีผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารากระจายตัวออกมาเพียงสามดวงเท่านั้น จึงทำให้เหล่าผู้ปลุกพลังมากมายล้วนแต่ฆ่าแกงกันเพื่อให้ได้กุญแจดอกนี้มา ในท้ายที่สุด ผู้ชนะที่ได้เข้าไป ไม่มีใครเลยที่รอดชีวิตกลับมา ร่างไร้วิญญาณของพวกเขาตกมาจากฟากฟ้ากลายเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนที่พบเห็น
และในตอนนี้ ใกล้จะได้เวลาที่เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยจะเปิดเป็นครั้งที่สี่แล้ว!
อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เมื่อผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราปรากฏขึ้นมา อีกสิบวันให้หลังเป็นอย่างมาก เขตแดนลับแห่งนี้จะเปิดออก ในเวลานั้น เหล่าผู้ปลุกพลังที่ถือครองผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราไว้จะถูกอัญเชิญตัวไป และจะมีเพียงผู้ผ่านคุณสมบัติเท่านั้นถึงจะได้เข้าไปภายในเขตแดนลับดังกล่าว
ตัวเขตแดนลับแห่งนี้จะเปิดอยู่เป็นเวลาหนึ่งเดือน หากผู้ปลุกพลังคนนั้นไม่สามารถออกมาได้ในหนึ่งเดือน โอกาสที่จะได้ออกมาอีกครั้งก็คือยามที่เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยเปิดครั้งถัดไป…
“เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยจะเปิดออกในอีกสิบวันหลังจากที่ผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราปรากฏงั้นเหรอ… แล้วก็จะคงอยู่แบบนั้นไปอีกหนึ่งเดือนเท่านั้นสินะ?”
ภายหลังจากที่ได้ฟังเฉินซีเวยเล่าแล้ว ฉู่โม่วอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ในตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกสามเดือนกว่าสิ่งที่เรียกว่าเขตแดนศักดิ์สิทธิ์จะเปิด
แต่เดิมเขาวางแผนไว้ว่าตั้งใจจะฝึกฝนต่อภายในวิหารราชันย์เทพยุทธ์ เพื่อที่จะได้เข้าสู่จ้าวยุทธ์ระดับสูงก่อนที่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์จะเปิด หรือไม่ถ้าเป็นไปได้ก็จะไปให้ถึงราชันย์ยุทธ์
ทว่าหากดำเนินตามแผนนั้น เขาจะพลาดโอกาสที่จะได้เข้าร่วมในเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยไป
หากต้องรอจนกว่าเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยนี้เปิดอีกรอบ มันคงไม่ต่างอะไรกับรอเก้อ เพราะไม่รู้ว่าเขตแดนลับแห่งนี้จะเปิดอีกครั้งเมื่อไร
เพราะเวลาเปิดของเขตแดนลับนั้นไม่ตายตัว สั้นสุดที่เคยบันทึกไว้ก็คือสามสิบปี แต่ถ้ายาวที่สุดก็คือเจ็ดสิบปี…
ฉู่โม่วรอขนาดนั้นไม่ได้หรอก
อีกทั้ง…
ผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราที่ฉู่โม่วได้มาถือว่าน้อยมาก ๆ แน่นอนว่ามันต้องไม่เพียงพอต่อการสร้างอาวุธพลังจิตให้สมบูรณ์อยู่แล้ว เขาจำเป็นต้องเข้าไปในเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยและเสาะหาผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราเพิ่มให้ได้
ดังนั้นแล้ว
นั่นหมายถึงต้องเลือกระหว่างการฝึกฝนและการสำรวจเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัย
‘การฝึกฝนยังพอหยุดไว้ก่อนได้… แต่จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ การที่จะได้มาซึ่งผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!’
‘สิ่งนี้สำคัญมาก ๆ ยังไงก็พลาดไม่ได้!’
ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่เลือกยากสักเท่าไร
คิดได้ดังนั้น
ฉู่โม่วถามต่อ “เธอได้ผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารานี่มานานขนาดไหนแล้วนะ?”
“วันก่อนน่ะ” เฉินซีเวยตอบ
“เพราะงั้นน่าจะเหลือเวลาอย่างมากสุดสี่วันก่อนที่เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยจะเปิดสินะ!”
“ต้องเร่งฝึกฝน!”
“เพื่อพร้อมรับมือกับเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยที่กำลังจะเปิด”
ชายหนุ่มตัดสินใจ
ในตอนนี้ ทั้งฉู่โม่วกับเฉินซีเวยเลือกที่จะพักผ่อนด้วยกันสักหน่อยก่อนจะออกไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าด้วยกัน เมื่อกลับมายังคฤหาสน์อีกครั้ง ทั้งสองก็แยกย้ายกันไปฝึกตามเดิม
แน่นอนว่าฉู่โม่วไม่ลังเลหรือเสียเวลาใด ๆ เขามุ่งหน้าตรงไปยังวิหารราชันย์เทพยุทธ์ เปิดจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่าและเริ่มฝึกฝนอย่างเคร่งครัดทันที
เป็นเช่นนี้
จนกระทั่งสี่วันผ่านไปในพริบตา
ในวันนี้
ภายในจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่าของวิหารราชันย์เทพยุทธ์ ฉู่โม่วที่อยู่ในระหว่างการฝึก จู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา แสงสว่างเป็นประกายปรากฏขึ้นในแววตา
“นี่ฉันเข้าใกล้ 28 พลังมังกรแล้ว!”
ฉู่โม่วพูดพึมพำ สีหน้าและแววตาแสดงความพึงพอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่เดิมเขามีอยู่แล้วราว 3 พลังมังกร
ภายหลังจากที่ฝึกฝนอยู่ในจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่ามาตลอดสองเดือนกับอีกไม่กี่วันมานี้ ทำให้กำลังสูงขึ้นถึง 28 พลังมังกร!
หากแปลงหน่วยวัดนี้เป็นอะไรที่ฟังดูง่ายขึ้นละก็ มันคือพลังราว ๆ 28 ล้านช้างสาร!
เขายังขาดอีกเพียง 22 พลังมังกรเท่านั้นกว่าจะถึงจ้าวยุทธ์ระดับสูง!
‘พลังของจารึกหลอมวิญญาณร้อยเท่านี่ช่างน่าเกรงขามจริง ๆ !’
‘หากมีเวลาฝึกฝนอีกสักสองเดือน ฉันจะต้องสามารถทลายจ้าวยุทธ์ระดับสูงและขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์ได้อย่างแน่นอน!’
‘แล้วถ้าเป็นแบบนั้น ต่อให้จะต้องเข้าไปในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ ฉันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร!’
‘อันที่จริง…’
‘ต่อให้ลำพังเพียงพลังกายในตอนนี้ก็น่าจะพอแล้วหรือเปล่านะ?’
ฉู่โม่วครุ่นคิด
28 พลังมังกร ภายใต้การซ้อนทับของอณูแห่งชีวิตระดับสุดยอด พลังจะสูงขึ้นเทียบเท่า 56 พลังมังกรได้เลย
ผนวกกับการเพิ่มพลังอีกร้อยเท่า
พลังกายอันแข็งแกร่งก็จะระเบิดออกมา!
อิงจากการประเมิน
พลังระดับนี้เทียบเท่าได้กับราชันย์เทพยุทธ์ระดับต้นเลย!
แม้ในแง่ของพลังป้องกันและความเร็วที่อาจจะยังตามหลังเหล่าราชันย์เทพยุทธ์อยู่บ้าง
แต่ฉู่โม่วมีพรสวรรค์มากมายที่มาทดแทนได้ ซึ่งเมื่อสิ่งเหล่านี้ถูกกระตุ้นขึ้นมา มันก็มากพอที่จะช่วยอุดส่วนที่ยังด้อยอยู่ไปได้อย่างพอดิบพอดี
“บางทีความแข็งแกร่งของฉันในตอนนี้ ต่อให้จะต้องสู้กับราชันย์เทพยุทธ์จริง ๆ ฉันอาจจะไม่เสียเปรียบอะไรเลยก็ได้!”
ชายหนุ่มคิดกับตนเอง
แน่นอน…
ว่านี่เป็นแค่การคาดเดา
อันที่จริงยังไม่รู้อย่างแน่ชัดว่า ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของราชันย์เทพยุทธ์ แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็มั่นใจได้ว่า …ราชันย์ยุทธ์ไม่ใช่ศัตรูของเขาอีกต่อไปแล้ว!
หากมีคนที่เป็นราชันย์ยุทธ์เหมือน ๆ กับโจวอวิ๋นปรากฏขึ้นมารังควานอีกละก็ ฉู่โม่วค่อนข้างมั่นใจเลยว่าตนจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ด้วยกระบี่เดียวอย่างแน่นอน!
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง
ตอนนั้น
รู้สึกได้ถึงคลื่นแปรผันภายในผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราที่อยู่ในมิติแห่งนี้กับเขาด้วย
“หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณบอกว่าเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยกำลังเปิดแล้ว?”
ฉู่โม่วไม่ลังเลที่จะออกจากวิหารราชันย์เทพยุทธ์ รวมถึงออกจากสุดยอดฐานจงไห่และมุ่งหน้าไปยังป่าใหญ่อย่างรวดเร็วทันที
…
ณ สถานที่รกร้าง
ฉู่โม่วถือผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราไว้ในฝ่ามือ ในตอนนี้สัมผัสได้ถึงคลื่นแปรผันภายในสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน
“ตะวันออกเฉียงใต้… แปดหมื่นกิโลเมตรจากที่นี่…”
ภายหลังจากที่ได้พิกัดทิศทางเป็นที่เรียบร้อย ฉู่โม่วไม่รอช้าที่จะบินไปยังทิศทางดังกล่าวในชั่วพริบตา
…
ในขณะที่กำลังบินไปอยู่นั้นก็พบร่างของคนสองคนที่บินมาก่อนหน้าเขาแล้วในทิศทางเดียวกัน
“ท่านพ่อ เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยเป็นที่ที่วิเศษอย่างที่ท่านว่าจริง ๆ สินะครับ?”
หนึ่งในสองร่างนั้นคือโจวอวิ๋นที่กำลังบินอยู่ สายตาของเขามองไปยังผู้เป็นพ่อโดยที่อดถามออกมาไม่ได้
“อวิ๋นเอ๋อร์ ลูกไม่รู้อะไรซะแล้ว!”
“ตั้งแต่อดีตกาล เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยนี้เปิดมาแค่สามครั้งเองนะ มีเพียงครั้งที่สามนี้ที่ไม่มีใครรอดชีวิตกลับมา แต่นอกจากนั้น ในสองครั้งแรก เหล่าผู้ปลุกพลังที่รอดมาได้ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า …ภายในเขตแดนลับแห่งนี้มีสมบัติมากมายกำลังรอพวกเราอยู่”
“และบรรพบุรุษตระกูลโจวของพวกเราเองก็เป็นหนึ่งในผู้ปลุกพลังที่ได้เข้าไปในเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยแห่งนี้รอบแรกด้วยนะ!”
“เมื่อตอนก่อนจะเข้าไป เขายังเป็นเพียงผู้ปลุกพลังที่มีพรสวรรค์ระดับต่ำอยู่เลย ทว่าหลังจากที่ออกมาได้แล้วก็ได้สมบัติมามากมาย เพียงแค่ไม่กี่ทศวรรษก็กลายเป็นราชันย์เทพยุทธ์ได้และก่อตั้งตระกูลโจวของพวกเราขึ้นมาในสุดยอดฐานจงไห่แห่งนี้!”
โจวหยงอธิบาย
“ขนาดนั้นเชียว!”
ได้ฟังเช่นนั้น โจวอวิ๋นก็ประหลาดใจเล็กน้อย
จากนั้นแววตาพลันแสดงความโหดเหี้ยมออกมา “ถ้าเป็นแบบนั้น ภายหลังจากที่ผมออกมาจากเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยได้ ผมจะรีบไปจัดการเจ้าฉู่โม่วก่อนเลย!”
“เจ้าฉู่โม่วนั่นน่ะเรื่องเล็ก เมื่อไรที่ลูกกับพ่อเข้าไปในเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยแล้วนำสมบัติแห่งโลกและสวรรค์ภายในออกมาได้ ต่อให้เป็นเจ้าวิหารราชันย์เทพยุทธ์ก็ไม่กล้าเป็นศัตรูกับพวกเราอย่างแน่นอน!”
โจวหยงพูดเสริมอย่างใจเย็น
เมื่อฟังคำพ่อของตน แววตาของโจวอวิ๋นก็แสดงความหวังขึ้นมา
ไม่นานนัก
ทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงที่หมาย
“ที่นี่คือทางเข้าเขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยจริง ๆ เหรอครับ? ทำไมผมไม่เห็นว่าจะมีรอยแยกมิติอะไรเลย?”
โจวอวิ๋นหันมองไปยังพื้นที่รอบ ๆ ก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
ได้ยินคำพูดนั้น โจวหยงที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดไขข้อสงสัยให้ “อวิ๋นเอ๋อร์ เขตแดนลับสวรรค์ดาราลัยเป็นเขตแดนพิเศษ เป็นเขตแดนลับที่มีความโดดเด่นในตัวเองที่ซึ่งจะเปิดให้กับผู้ที่มีผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราเท่านั้น หากลูกไร้ซึ่งสิ่งที่ทำหน้าที่เสมือนกุญแจ ต่อให้ลูกมายังที่แห่งนี้ก็จะไม่ถูกอัญเชิญเข้าไป!”
พูดจบ
เขาก็หยิบเอาสิ่งที่ดูเหมือนดวงดาวดวงเล็ก ๆ สองดวงออกมาจากกระเป๋า ดวงดาวทั้งสองดวงในตอนนี้กำลังเปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมาจนสมชื่อผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารามากขึ้นไปอีก!
โจวหยงส่งผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราให้ผู้เป็นลูกชายหนึ่งดวงแล้วพูด “อวิ๋นเอ๋อร์ ทำตามพ่อ!”
เมื่อพูดไปเช่นนั้นแล้ว เขาก็ปลดปล่อยอณูแห่งชีวิตเข้าไปในผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราที่อยู่ในฝ่ามือ
เห็นแบบนั้น
โจวอวิ๋นรีบทำตามแบบเดียวกันทันที
ยามที่อณูแห่งชีวิตถูกอัดเข้าไปภายใน แสงสีทองของผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราภายในมือยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นไปอีกขั้น ครู่หนึ่งด้วยเสียง ‘ครืน’ ผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดาราพลันแผ่รัศมีออกมากลายเป็นเส้นลำแสงสองเส้นส่องลงมาหาผู้ที่กระตุ้นมันด้วยอณูแห่งชีวิต
เพล้ง!
ด้วยแรงสั่นสะเทือนอันมหาศาลที่เกิดขึ้นกับผู้กระตุ้นการทำงานของผลึกทองพิสุทธิ์หมื่นดารา ตามด้วยเสียง ‘เพล้ง’ เหมือนกระจกแตก ทันใดนั้นเบื้องหน้าก็เกิดเป็นช่องว่างมิติแตกออกมา
เมื่อมองผ่านไปในช่องว่างมิตินี้สามารถเห็นแสงสว่างที่อยู่ปลายทางได้ ราวกับว่า หากก้าวเข้าไปแล้วจะเจอเข้ากับท้องฟ้าที่กว้างขวางของอีกโลกหนึ่ง
และเมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ทั้งสองพ่อลูกก็ดีใจกันสุดขีด
พวกเขาไม่รอช้า รีบกระโดดเข้าไปภายในทันที!
MANGA DISCUSSION