บทที่ 171 แร่หินปฐมกาล และสิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ในอุโมงค์!
หลังจากการทดสอบ ฉู่โม่วก็รู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
เขาไม่รอช้าที่จะกลับไปยังฐาน
อันดับแรก เขาไปหาเฉินซีเวยและเดินเล่นรอบ ๆ ฐานกับเธอ จากนั้นจึงไปยังตำหนักลับแห่งสวรรค์เพื่อตรวจสอบอะไรนิดหน่อย
สิ่งนี้จะไม่ทำก็ไม่ได้
เพราะเมื่อครึ่งเดือนก่อน ราชันย์ยุทธ์สามคนและจ้าวยุทธ์คนอื่น ๆ จากฐานใหญ่ก็เพิ่งพากันจากไป
วัตถุดิบสำหรับฝึกฝนที่ได้มาจากสำนักหมื่นอสูรเองก็ถูกกระจายแจกจ่ายไปแล้วด้วย
ซึ่งฉู่โม่วได้รับส่วนแบ่งมาด้วยเช่นกัน และมันก็มีมูลค่าสูงถึงหลายพันล้านหินปฐมกาลเลยทีเดียว!
แม้มันจะไม่มากนัก
แต่ยังไงเสียนี่ก็เป็นสิ่งที่ฉู่โม่วคาดไม่ถึง เพราะงั้นเขาย่อมไม่ผิดหวังเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
นอกจากนี้
เขายังได้คัมภีร์กระบวนท่าระดับทองแดงและระดับเงินอยู่อีกมากมาย
หลังจากที่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของกระบวนท่าเหล่านั้นแล้ว เขาก็เก็บมันไว้ในคลังแสงของตำหนักลับแห่งสวรรค์ในฐานะของรางวัล เพื่อที่จะเอาไว้มอบให้เหล่าผู้ปลุกพลังในสังกัดสำหรับความเหน็ดเหนื่อยที่พวกเขาได้ฝ่าฟันมา
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จแล้ว ฉู่โม่วก็กลับเข้าไปยังเขตแดนลับอีกครั้งเพื่อฝึกฝนต่อ
ความเร็วในการรวบรวมอณูแห่งชีวิตกว่ายี่สิบเท่า ควบคู่กับความช่วยเหลือจากสมบัติแห่งโลกและสวรรค์ผนวกกับเลือดของสัตว์อสูรระดับ 6 ทำให้ความแข็งแกร่งของฉู่โม่วเพิ่มขึ้นได้คราวละปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว
แน่นอนว่านอกจากฉู่โม่วแล้ว
เฉินซีเวยเองก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ก่อนที่จะกำจัดสำนักหมื่นอสูรได้ทั้งหมด เฉินซีเวยก็ขึ้นเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับกลางเข้าไปแล้ว และในช่วงนั้นเพราะได้รับวัตถุดิบสำหรับการฝึกฝนมากมายจากฉู่โม่ว เธอก็สามารถขึ้นเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับสูงได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าจะเพิ่งเป็นปรมาจารย์ระดับสูง แต่หากยังรักษาความเร็วในการพัฒนาตัวเองระดับนี้ไว้ได้ อนาคตที่จะทลายขีดจำกัดและข้ามขั้นไปอีกก็คงจะอยู่ไม่ไกลแล้ว
อิงตามการคาดคะเนของฉู่โม่ว เฉินซีเวยน่าจะสามารถขยับขึ้นเป็นนายพลเมืองได้ภายในเวลาอย่างน้อย ๆ ก็สามเดือน และนานสุดก็ครึ่งปีเท่านั้น!
ขณะเดียวกัน
ลูกศิษย์อย่างหลี่โย่วเวยเองก็พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองได้อย่างรวดเร็วไม่ต่างกันนัก
ด้วยกายากระดูกหยกไร้ที่ติและจิตวิญญาณแห่งนกเพลิงที่ลืมตาตื่น ทำให้พรสวรรค์ของหลี่โย่วเวยเพิ่มขึ้นชนิดที่ว่าหาตัวจับได้ยาก นอกจากนี้ วัตถุดิบในการฝึกฝนที่ฉู่โม่วจัดหามาให้ยังทำให้ความสามารถของเธอเพิ่มไปอย่างก้าวกระโดด จนความเร็วยากเกินกว่าจะประเมินได้แล้ว
วันที่สามหลังจากที่กระดูกหยกได้ถูกแทนที่โดยสมบูรณ์ เธอก็สามารถเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ยุทธ์ได้แล้ว!
และหลังจากหนึ่งเดือนที่ขึ้นเป็นจอมยุทธ์ ด้วยผลของการที่เธอแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็วนี้ ควบคู่ไปกับพรสวรรค์ที่ล้ำหน้า ไม่นานก็สามารถก้าวข้ามการเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับต้นและกลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับกลางได้สำเร็จ!
และในปัจจุบันนี้ ความแข็งแกร่งของเธอก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเข้าสู่การเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับสูงต่อไป
ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปในทิศทางที่ถูกที่ควร
กาลเวลาหมุนเปลี่ยนไป
ดวงอาทิตย์ลาลับฟ้าในทิศตะวันตกและจันทราก็เด่นขึ้นมาจากทิศตะวันออก
เพียงชั่วพริบตา ทุกอย่างก็ผ่านมาแล้วสองเดือน
ภายในสองเดือนนี้ ฉู่โม่วฝึกฝนตนเองอยู่ในเขตแดนลับตลอด จะมีเพียงแค่ตอนที่หินปฐมกาลเริ่มอ่อนพลังลง เขาถึงจะลุกขึ้นมาหาหินปฐมกาลไปเพิ่มและกลับไปฝึกฝนอีกครั้ง
และในวันนี้ เขาก็จำใจต้องหยุดฝึกไปอีก
เพราะเหตุผลเดิม นั่นคือหินปฐมกาลหมดลงไปอีกแล้ว!
ถึงแม้ว่าฉู่โม่วจะมีทรัพย์สินรวมแล้วกว่าหลายพันล้านหินปฐมกาล แต่กว่าครึ่งหนึ่งก็เป็นมูลค่าที่มาจากสมบัติแห่งโลกและสวรรค์ทั้งนั้น ไม่สามารถนำมาใช้ได้แต่อย่างใด
ในส่วนของหินปฐมกาลที่ยังเหลืออยู่นี้ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้นำมันมาดูดเอาอณูแห่งชีวิตจนหมดไปเยอะแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาไม่น้อยไปกว่าสามเดือนที่เขาเอาแต่ฝึกฝน และด้วยหินปฐมกาลที่ได้มาจากราชันย์ยุทธ์หมิงกวง ฉู่โม่วก็ใช้หินปฐมกาลทั้งหมดไปมากมาย!
ภายในมิติพกพาในตอนนี้ไม่มีหินปฐมกาลเหลืออยู่อีกแม้แต่ก้อนเดียว!
ปริมาณการผลาญทรัพย์มันสูงเสียจนน่ากลัวจริง ๆ !
แต่ถึงอย่างนั้น ฉู่โม่วก็ยังคิดว่ามันคุ้มค่าอยู่ดี
“สองเดือนที่ฝึกฝน แม้ว่าฉันจะใช้เลือดอสูรระดับ 6 เข้ามาช่วย แต่ก็ยังได้พลังกายมามากถึง 18,000 พลังช้างสาร”
“ตอนนี้ความแข็งแกร่งมากกว่า 100,000 พลังช้างสาร และเข้าใกล้ 110,000 พลังช้างสารได้แล้ว!”
“พลังระดับนี้… ไม่ผิดแน่ ฉันอยู่ในขั้นนายพลเมืองระดับสูง!”
ภายหลังจากที่บ่นพึมพำไปแล้ว รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่โม่ว
ไม่ต้องสงสัยเลย
ความสำเร็จระดับนี้ย่อมทำให้เขาภาคภูมิใจเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
และด้วยพลังที่ยังขาดอยู่อีกราว ๆ 40,000 พลังช้างสารนั้น ถ้าสามารถหาหินปฐมกาลมาใช้ได้อย่างเพียงพอละก็ ภายในครึ่งปีน่าจะเลื่อนขั้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้โดยไม่ติดขัดอะไรอย่างแน่นอน!
แต่ช่างน่าเสียดาย…
ที่ตอนนี้เขาไม่เหลือหินปฐมกาลให้ใช้เลยแม้แต่ก้อนเดียว!
สมบัติแห่งโลกและสวรรค์จำนวนมากที่ครอบครองอยู่มีค่ามากเกินกว่าจะจำใจขายได้จริง ๆ และฉู่โม่วเองก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ขายแลกเป็นหินปฐมกาลมาย่อมไม่คุ้มค่าอย่างแน่นอน
นอกจากนี้
ด้วยจำนวนหินปฐมกาลที่ยังขาดอยู่เป็นจำนวนมาก หากไปขอยืมจากกองกำลังอื่นก็ไม่น่าจะทำได้ด้วยเพราะจำนวนมันมหาศาลจริง ๆ
“ถ้าฉันสามารถหาหินปฐมกาลได้มากกว่านี้นะ…”
เขาบ่นพึมพำ
ทว่าเมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เขาก็ตัดสินใจเรียกนกล่าสมบัติออกมาจากถุงเก็บสัตว์อสูรทันที
“อาไต๋ พลังในการหาสมบัติของเจ้าสามารถระบุสมบัติที่ต้องการหาได้หรือเปล่า?”
ฉู่โม่วกล่าวถามออกไปด้วยความคาดหวัง
“ไม่ค่ะ!”
อาไต๋ส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “พรสวรรค์ในการหาสมบัติของฉัน ทำได้แค่เพียงสัมผัสกลิ่นอายของสมบัติแห่งโลกและสวรรค์ได้อย่างเลือนรางเท่านั้น แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าต้องการจะหาอะไร”
ได้ฟังเช่นนั้น ฉู่โม่วก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
หรือว่าเขาจะเหลือเพียงแค่ต้องนำสมบัติแห่งโลกและสวรรค์ที่เก็บไว้มาขายทำเงินเท่านั้น?
สิ่งที่หนักใจมากที่สุดก็คือเมื่อขายสมบัติเหล่านี้ไปแล้ว การจะหามาคืนในอนาคตมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“นายท่าน อยากจะหาสมบัติประเภทไหนเหรอคะ?”
ครั้งนี้เป็นฝั่งอาไต๋ที่ถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“แร่หินปฐมกาลน่ะ”
ฉู่โม่วตอบเรื่อยเปื่อย
“โฮะ ที่แท้ก็แค่แร่หินปฐมกาลเองเหรอคะ? ถ้าแค่นี้ฉันหาได้อยู่แล้วล่ะ!”
ได้ยินเช่นนั้นแล้วอาไต๋ก็รีบพูดขึ้นมาโดยพลัน
“จริงเหรอ?”
แววตาของฉู่โม่วเป็นประกายขึ้นมา เขาถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
นกน้อยกระโดดขึ้นไปยืนบนไหล่ของฉู่โม่วและพูดต่อ “ฉันเคยเห็นแร่หินปฐมกาลขนาดใหญ่อยู่ ใหญ่กว่าที่นายท่านเคยเจอเมื่อตอนนั้นอีก มันอยู่ไม่ไกลจากที่ที่ฉันเกิดนักหรอก แล้วก็นะ… ฉันเห็นมันด้วยตาตัวเองเลย!”
สวรรค์ไม่ทอดทิ้งคนที่พยายามจริง ๆ ด้วย!
เมื่อฟังอาไต๋พูดแล้ว ฉู่โม่วก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“งั้นก็ไปกันเลย!”
เขาพูด
“ค่ะ นายท่าน!”
อาไต๋รีบตอบรับ
ด้วยเหตุนี้
ฉู่โม่วจึงออกมาจากเขตแดนลับและตามอาไต๋ไปยังจุดที่เธอเคยเจอแร่หินปฐมกาลขนาดใหญ่มาก่อน
…
ตลอดทางที่บินมา
หลังจากผ่านมาพักใหญ่ ในที่สุดฉู่โม่วก็มาถึงบริเวณพื้นที่โล่งกว้างแห่งหนึ่ง
เขามองไปบนแผนที่แล้วก็พบว่าที่นี่ค่อนข้างจะใกล้กับฐานลู่หยางเลย …อันที่จริง เขาก็แอบรู้สึกคุ้นกับที่นี่อยู่บ้าง
ที่แห่งนี้และฐานลู่หยาง มันอยู่ห่างกันแค่ราว ๆ หมื่นกว่ากิโลเมตรเท่านั้นเอง
“นายท่าน ทางนี้ค่ะ!”
ฉู่โม่วหยุดและมองไปตามทางที่อาไต๋บอก ที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่ไม่มีอะไรอยู่เลย ขนาดที่ว่าเขาใช้พลังจิตสัมผัสตรวจสอบไปแล้วก็ยังไม่พบความผันแปรอยู่ในบริเวณนี้
หากเป็นผู้ปลุกพลังคนอื่น บางทีอาจจะเลือกเดินผ่านที่แห่งนี้ไปเลยก็ได้
แต่เพราะตอนนี้เขามีอาไต๋อยู่ด้วย ดังนั้นฉู่โม่วจึงชักกระบี่สารทสังหารออกมาแล้วทำการขุดดินลงไปเบื้องล่างทันที
และในจังหวะที่ปลายกระบี่เจาะลงไปบนพื้นดินนั้นเอง มันก็ได้สร้างหลุมลึกกว่าร้อยเมตรขึ้นมา
ระหว่างนั้นฉู่โม่วก็ขยับกระบี่ไปมาเพื่อขุดดินลงไปด้านล่างเรื่อย ๆ
ขณะที่กำลังขุดดินลงไปอยู่นั้นเอง เขาก็เริ่มรู้สึกได้ว่ายิ่งขุดลึกลงไปเท่าไหร่ หินดินที่อยู่เบื้องล่างยิ่งยากที่จะขุดมากขึ้นทุกขณะ สังเกตได้เลยว่าความลึกที่กระบี่ของเขาทำได้นั้นมันลดลงไปทุกที
ฉู่โม่วไม่ได้นับเลยว่าตวัดกระบี่ไปกี่ครั้ง แต่จากการใช้พลังจิตสัมผัสตรวจสอบ เขาถึงตระหนักได้ว่าขุดลงมาร่วมร้อยกิโลเมตรแล้ว ทว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอณูแห่งชีวิตเลย!
“อย่าเพิ่งย่อท้อน่านายท่าน! มันอยู่ไม่ไกลแล้ว!”
อาไต๋ที่ยืนอยู่บนไหล่ส่งเสียงให้กำลังใจ
ครืน!
ตอนนั้นเอง เมื่อฉู่โม่วตวัดกระบี่ลงไปอีกครั้ง มันก็เกิดเสียงเหมือนอะไรถล่มอยู่เบื้องล่าง
ด้วยเหตุนี้
เมื่อตามลงไปดู เขาก็พบว่าบริเวณนั้นมีอุโมงค์ลับซ่อนอยู่!
“นี่คือ…”
เขายืนมองอุโมงค์ดังกล่าวอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไป ทันทีที่เข้าไปด้านในนั้นเอง ฉู่โม่วก็พบว่าบริเวณรอบฝั่งผนังถ้ำนั้นมีแร่บริสุทธิ์สีขาวซึ่งเป็นแร่หินปฐมกาลผุดขึ้นมาอยู่เต็มไปหมด ขนาดที่ว่ากวาดมองด้วยสายตายังไม่รู้ว่ามีเยอะขนาดไหน
“เห็นไหม เห็นไหมนายท่าน ฉันไม่ได้พูดโกหก!”
นกน้อยกระโดดโหยงเหยงอยู่บนไหล่ของฉู่โม่วด้วยความตื่นเต้น
ในตอนนี้เองฉู่โม่วก็อดยิ้มไม่ได้ด้วย
หลังจากที่เขาลงทุนลงแรงขุดดินลงมาตั้งนาน ในที่สุดเขาก็หาแร่หินปฐมกาลพบ ดังนั้นแล้วถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า!
ชายหนุ่มก้าวเท้ามาหยุดท่ามกลางแร่หินปฐมกาลที่ผุดขึ้นมา เพื่อเตรียมจะขุดมัน
ทว่า…
ตอนนั้นเอง ขณะที่กำลังมองไปยังแร่หินปฐมกาลที่โผล่มารอบ ๆ หัวคิ้วของเขาก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากันโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไม่รู้ว่าทำไม…
ฉู่โม่วกลับรู้สึกว่าแร่หินปฐมกาลเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกสร้างรอยขีดข่วนไว้โดยฝีมือมนุษย์!
เขาเดินเข้าไปสำรวจแร่เหล่านี้ใกล้ ๆ
ผิวของแร่พวกนี้เรียบสนิท ยามที่มองผ่าน ๆ จะไม่สามารถรับรู้ถึงความผิดปกติได้เลย แต่เพราะตอนนี้ฉู่โม่วตระหนักได้แล้ว
เขาหลับตาลง
ทันใดนั้น ภาพภาพหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว…
คมกระบี่ถูกสะบั้นลงมา และแร่ก้อนใหญ่ก็ถูกตัดออก ขณะนี้เหลือรอยสะบั้นที่เรียบเนียนเอาไว้
“มีคนมาตัดแร่หินปฐมกาลเหล่านี้ไปก่อนแล้วเหรอ?”
ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว
แต่ก็แอบรู้สึกว่าเป็นไปได้ยากอยู่นิดหน่อย
ที่แห่งนี้อยู่ลึกลงมาใต้ดินถึงร้อยกิโลเมตร ทำไมถึงยังมีคนอื่นมาพบเจอได้อีก?
นอกจากนี้
หากมีผู้ปลุกพลังคนอื่นมาเจอเหมืองแร่นี้ก่อนจริง ๆ แร่คงไม่มีทางเหลือมากขนาดนี้!
เมื่อมองผ่าน ๆ แล้วที่นี่น่าจะมีหินปฐมกาลอย่างน้อยก็หมื่นล้านก้อนเลย
ต่อให้คนคนนั้นเป็นราชันย์ยุทธ์ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมองข้ามหินปฐมกาลปริมาณมากขนาดนี้ไป!
ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดกับคำถามนี้ในหัวนั้นเอง
ขณะเดียวกัน
เขาก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันที ฉู่โม่วรีบเก็บอาไต๋กลับไปในกระเป๋าจิตอสูรและกระตุ้นพลังแห่งความมืดในทันทีเพื่อซ่อนตัว
จากนั้นไม่นาน
ที่อีกฟากหนึ่งของอุโมงค์แห่งนี้มีร่างสามร่างปรากฏตัวขึ้น
ร่างทั้งสามร่างนั้นสูงมากราว ๆ สามถึงสี่เมตรได้เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็มีรูปร่างเหมือนกับมนุษย์
เห็นเช่นนั้น ดวงตาของฉู่โม่วก็เบิกโพลง
“ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ในอุโมงค์นี้ด้วยงั้นเหรอ!?”
เขาอดไม่ได้ที่จะไม่เชื่อสายตาตนเอง
อย่างที่ได้กล่าวไปก่อนหน้า
อุโมงค์แห่งนี้อยู่ลึกลงมาใต้ดินถึงร้อยกิโลเมตรเลยนะ!
ยิ่งไปกว่านั้น
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ดันมีรูปร่างเหมือนมนุษย์เสียด้วย!
นอกจากความสูงที่สูงกว่าถึงเท่าตัวกับสีผิวที่ขาวซีดก็ไม่มีอะไรเลยที่สิ่งมีชีวิตสามตนนี้ไม่เหมือนมนุษย์!
ในขณะที่ฉู่โม่วกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเอง
สิ่งมีชีวิตทั้งสามตนก็คุยกันไปด้วยระหว่างเดิน และแม้ฉู่โม่วจะได้ยินสิ่งที่มันคุยกัน แต่ไม่สามารถเข้าใจภาษาที่สื่อออกมาได้
ไม่นานนัก สิ่งเหล่านั้นก็เข้ามาอยู่ใกล้ ๆ ฉู่โม่ว
และในตอนนี้
ดูเหมือนสิ่งมีชีวิตตนหนึ่งในสามตนนี้จะรับรู้ได้แล้วว่ามีบางสิ่งบางอย่างอยู่ มันดูเกรี้ยวกราดขึ้นมาโดยพลัน แววตาดุร้ายสะกดจ้องมายังจุดที่ฉู่โม่วยืนอยู่ ในขณะที่อีกสองตนได้แต่มองหน้ากันเอง
แต่แล้วจังหวะนั้นเอง
ทั้งสามร่างก็พุ่งเข้าไปหาฉู่โม่วอย่างรวดเร็ว
“โดนเจอตัวงั้นเหรอ!?”
สติของฉู่โม่วกลับมาโดยเร็ว
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ถูกพบหลังจากที่ใช้พลังธาตุความมืดซ่อนตัว!!
เขาอดประหลาดใจไม่ได้จริง ๆ !
ทว่าตอนนี้ในเมื่อทั้งสามเริ่มลงมือก่อนแล้ว ฉู่โม่วก็ไม่สามารถลังเลได้ เขาชักเอากระบี่สารทสังหารออกมา กระตุ้นเลือดลมในร่างกายปลดปล่อยให้อณูแห่งชีวิตไหลท่วมดุจผืนทะเล พลังอันยิ่งใหญ่แผ่ซ่าน พร้อมกับกระหน่ำฟาดกระบี่ใส่ทั้งสามร่างนั้นอย่างรุนแรง
MANGA DISCUSSION