บทที่ 157 ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แท้จริง และจำนวนไม่ใช่ปัญหา!
นักรบอสูรที่กำลังควบคุมค่ายกลอยู่นั้นไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังย่างกรายเข้ามาเลย
เขามองไปยังค่ายกลขนาดใหญ่ที่ขังเหล่าผู้ปลุกพลังฝั่งมนุษย์เอาไว้ด้วยสีหน้าพออกพอใจ
ทว่า…
ตอนนั้นเอง
หอกแสงทองคำก็พุ่งตรงเข้ามาจากระยะที่ไม่ไกลมากนัก
ก่อนที่เขาจะได้เห็นสิ่งนั้น
ภายในหัวของเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีอาวุธเล่มยาวแทงเข้ามา ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นที่กายภาพ หากแต่เป็นความเจ็บปวดลึกถึงจิตวิญญาณ ใบหน้าที่เคยยิ้มพอใจนั้นก็ซีดลงในทันที
‘ขะ… ข้าโดนลอบโจมตีงั้นเหรอ?!’
มันตระหนักได้แล้วว่าบางสิ่งบางอย่างเพิ่งจะโจมตีใส่มัน แต่กว่าจะรู้ตัว สติที่หลงเหลือก็โดนขจัดจนหายไปแล้ว
ไม่เพียงแต่สติเท่านั้น
เพราะแสงสีทองทำลายแม้กระทั่งจิตวิญญาณในจังหวะเดียวกันด้วย
ตุ้บ!
ร่างของนักรบอสูรตนนั้นร่วงจากฟากฟ้าลงไปนอนนิ่งอยู่บนพื้นดินจนเกิดเสียงดัง
ส่วนแผ่นศิลาค่ายกลนั้น เมื่อไร้ซึ่งผู้ควบคุม มันก็ยกเลิกการสร้างค่ายกลเจ้าปัญหาไปทันที
ด้วยเหตุนี้เอง
ค่ายกลสีแดงเลือดที่เคยกดพลังของผู้ปลุกพลังฝั่งมนุษย์เอาไว้ ก็กลายสภาพเป็นเพียงระลอกคลื่นและจางหายไปในชั่วพริบตา
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้ทุกสายตาต่างประหลาดใจ
ไม่เว้นแม้แต่นักรบอสูรที่เคยยืนอยู่ข้าง ๆ อสูรผู้ถือศิลาค่ายกลกับฉูซงต่างก็หันมองกันเองด้วยความประหลาดใจ
อย่างไรก็ตาม
ไม่ทันที่จะได้คำตอบ
แสงสีทองก็พุ่งออกมาเหมือนหอกทองคำอีกครั้ง
ในคราวนี้เป้าหมายเป็นนักรบอสูรขั้นจ้าวยุทธ์ ร่างกายของมันนิ่งแข็งก่อนที่ดวงตาจะเหลือกกลอกมองบนแล้วร่วงจากฟ้าราวกับเป็นเพียงตุ๊กตาตัวหนึ่ง
นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น!
วินาทีต่อจากนี้
ทั้งนักรบอสูรขั้นจ้าวยุทธ์ หรือแม้แต่สัตว์อสูรระดับ 6 ต่างร่วงหล่นจากฟากฟ้าราวกับเป็นตุ๊กตาไร้วิญญาณกันทีละตน ๆ
ไม่ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังป้องกันแข็งแกร่งขนาดไหน หรือแม้ว่าจะสร้างโล่อณูแห่งชีวิตขึ้นมาแล้วก็ยังไม่อาจจะรับมือได้!
ชั่วพริบตา
นักรบอสูรขั้นจ้าวยุทธ์ห้าตนก็ตายลงไปเป็นที่เรียบร้อย
“บ้าเอ๊ย!”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ!?”
“มีพวกหนอนแมลงซ่อนตัวอยู่งั้นเหรอ? ออกมาสิวะ!”
นักรบอสูรขั้นจ้าวยุทธ์คลุ้มคลั่งขึ้นมา
ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว อณูแห่งชีวิตและเลือดเนื้อทั่วทั้งร่างของมันเดือดพล่าน มันเริ่มโจมตีมั่วซั่วไปรอบตัวหมายจะไล่หาศัตรูที่กำลังซ่อนตัวอยู่
ทว่า…
เพียงแค่เสียงโวยวายนั้นเงียบลง
หอกทองคำก็ปักเข้าไปที่หัวของมันด้วยอีกตน มันไม่มีโอกาสได้คำรามร้องอีกต่อไป
ภาพสถานการณ์ที่น่าประหลาดนี้สะกดทุกสายตา
และมัน…
ก็ทำให้ทุกคนที่เห็นจ้าวยุทธ์อสูรตายเช่นนี้ต่างพากันหวาดกลัวขึ้นมาสุด ๆ
ส่วนฉูซง
เขามองภาพที่เกิดขึ้นต่อหน้า แล้วก็คิดถึงวิธีการที่ฉู่โม่วใช่ปราบสัตว์อสูรระดับ 6 หมาป่าสวรรค์คำรามที่ด้านนอกรอยแยกขึ้นมาได้… สิ่งนี้ช่างคล้ายกันเหลือเกิน!
‘ฉู่โม่ว!?’
“เจ้าฉู่โม่วอยู่ที่นี่งั้นเหรอ!?”
คิดได้ดังนั้น เขาก็เริ่มสั่นกลัวแล้วตะโกนออกมาเสียงดัง
บนใบหน้าของเขามีร่องรอยของความหวาดกลัวถูกซ่อนไว้ในแววตาที่หันมองรอบตัว
…
ขณะนั้น
มนุษย์ที่กำลังดิ้นรนต่อสู้อยู่บนเทือกเขา เมื่อเห็นว่าค่ายกลเจ้าปัญหาที่คอยกดพลังไว้สลายไปแล้ว แม้มันจะเป็นผลดี แต่นี่ก็ทำให้ผู้ปลุกพลังเหล่านี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าเมื่อได้ยินฉูซงตะโกนก้อง สีหน้าของพวกเขาก็แสดงความประหลาดใจและเริ่มกลับมามีความหวังอีกครั้ง
“ท่านฉู่มาช่วยพวกเราแล้ว!”
“เยี่ยมไปเลย!”
“อ๊ะ ความแข็งแกร่งของฉันฟื้นกลับมาแล้ว!”
“เอาละ ได้เวลาไล่ฆ่าพวกสำนักหมื่นอสูรแล้ว!”
เมื่อพลังกายของเขาฟื้นฟู ขวัญกำลังใจของพวกเขาก็ฟื้นตามมาด้วยและเริ่มที่จะโต้กลับในทันที
ถึงแม้ว่าทั่วทั้งร่างจะมีแต่บาดแผลและคราบเลือด รวมถึงอณูแห่งชีวิตที่เหลือก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรแล้ว ทว่าภายใต้สถานการณ์ที่น่าตื่นเต้นเช่นนี้ พวกเขาสามารถรีดเอาพลังแฝงระดับสุดยอดออกมาได้
ในส่วนของศิษย์สำนักหมื่นอสูร
เพราะพลังของฉู่โม่วน่ากลัวมาก ๆ พวกเขาเกรงกลัวเสียจนจิตใจที่เอาไว้สู้ก็พลอยลดต่ำลงไปด้วย ถึงแม้ว่าพื้นฐานนักรบอสูรพวกนี้จะแข็งแกร่งกันเป็นทุนอยู่แล้ว แต่ยังถูกบรรยากาศกดพลังให้ลดต่ำลงไปอยู่ดี
สถานการณ์ตอนนี้ได้พลิกกลับแล้ว!
แต่แล้ว…
ในตอนนี้ นักรบอสูรขั้นจ้าวยุทธ์ของสำนักหมื่นอสูรและสัตว์อสูรระดับ 6 อีกห้าตัวได้ถูกฉู่โม่วใช้กระบวนท่าลับแสงสวรรค์ต้าเหยี่ยนกำจัดไป
และด้วยจำนวนสัตว์อสูรระดับสูงที่มากถึงสิบเอ็ดตัวนี้ มันก็กินพลังของฉู่โม่วไปมากพอสมควรเลยด้วย
สังเกตได้จากกงล้อทองคำที่อยู่บริเวณด้านหลังของจิตวิญญาณปฐมกาลในร่างของฉู่โม่ว
‘ดูท่าจะถึงขีดจำกัดแล้วสินะ’
‘หากฝืนใช้ต่อไปละก็ กงล้อทองคำได้เสียหายหนักแน่ ๆ !’
ฉู่โม่วคาดคะเนในใจ
ถึงพลังของกงล้อทองคำนี้จะแข็งแกร่งมาก ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อจำกัดใด ๆ
ด้วยระดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณปฐมกาลที่ฉู่โม่วครอบครองนี้ เขาสามารถใช้แสงสวรรค์โจมตีได้สิบกว่าครั้งเท่านั้น หากใช้มากไปกว่านี้ มันจะทำให้กงล้อทองคำแห่งจิตวิญญาณปฐมกาลพลอยถูกทำลายไปด้วย นั่นหมายถึงเขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างมันขึ้นใหม่อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน
นั่นหมายถึงจิตวิญญาณของเขาจะเสียหายด้วยเช่นกัน
และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาจะเป็นฝ่ายเสียมากกว่าได้แทน
“ฉู่โม่ว! ถ้าเจ้ามีความสามารถจริงก็ออกมาสิ! เลิกหดหัวใช้พรสวรรค์แล้วโผล่ออกมา!”
“ออกมาแล้วสู้กับข้าอย่าสง่าผ่าเผยเสีย!”
ฉูซงตะโกนก้องอยู่บนฟ้า
การที่ได้เห็นจ้าวยุทธ์ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ล้มตายไปอย่างต่อเนื่อง มันทำให้ความกลัวเริ่มกัดกินหัวใจเขาอย่างรวดเร็ว
เพราะงั้นในตอนนี้ เขาแทบจะเป็นบ้าเข้าไปทุกที
“ถ้าอยากจะเจอหน้ากันขนาดนี้ก็ไม่ขัดข้องหรอกนะ เดี๋ยวจะช่วยสนองความต้องการก่อนตายให้เอง!”
ฉู่โม่วค่อย ๆ เผยตัวออกมากลางอากาศโดยที่ในมือถือกระบี่สารทสังหารเอาไว้ด้วย
“ฉู่โม่ว! ในที่สุดเจ้าก็โผล่มาแล้วสินะ!”
เมื่อหันมองร่างของฉู่โม่วที่ปรากฏขึ้นมา รอยยิ้มบ้าคลั่งก็เผยขึ้นบนใบหน้าของฉูซงไปด้วย “ข้าขอเดาเลยนะ ว่าไอ้วิชาประหลาด ๆ นั่นของเจ้าคงจะใช้ไม่ได้แล้วละสิ!”
“จะใช้ได้หรือไม่ได้แล้วมันจะทำไมน่ะ?”
“การจะฆ่าคนอย่างนายมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับหั่นไก่สักเท่าไรหรอก”
ชายหนุ่มพูดอย่างใจเย็น
“เจ้านี่ช่างโอหังเสียจริง!”
ฉูซงแสยะยิ้ม “คิดว่าเจ้าเพียงคนเดียวจะเอาชนะพวกข้าได้หรือยังไง!?”
“ดูอย่างกู่ชางสิ! ขนาดตอนแรกยังดูเหนือกว่าพวกข้าแท้ ๆ ครู่เดียวก็กลายเป็นหมูในอวยไปเสียแล้ว ยังไงเสียตอนนี้ข้าก็ยังมีจ้าวยุทธ์อสูรอยู่เคียงข้างถึงสองตน ตราบใดก็ตามที่พวกข้าทั้งสามร่วมมือกันฆ่าเจ้าละก็ ต่อให้มีเจ้าอีกสักสิบคนก็ไม่คณนามือพวกข้าหรอก! เจ้าพวกหนอนแมลงเอ๊ย!”
พูดจบ…
ฉูซงก็ไม่ได้ลีลาเยอะ เขายกกระบี่ยาวในมือและชี้ไปยังฉู่โม่ว
ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดัง “ไปฆ่ามันพร้อม ๆ กันเลย!”
เขาพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูงราวกับกลัวว่าจะเสียโอกาส เพราะในตอนนี้ ฉูซงเชื่อเต็มอกว่ากระบวนท่าประหลาดที่ฉู่โม่วใช้น่าจะกำลังรอฟื้นพลังแน่ ๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ฉู่โม่วมีโอกาสได้ใช้กระบวนท่านั้นอีกครั้ง
สิ้นเสียง
ทั้งฉูซงและจ้าวยุทธ์อสูรอีกทั้งสองตนก็ใช้กระบวนท่าโจมตีพร้อม ๆ กันทันที
“ผ่าจันทรา!”
“หมัดคชสาร!”
“ฝ่ามืออสูรพิฆาต!”
กระบวนท่าที่รุนแรงทั้งสามท่าพุ่งเข้ามาพร้อม ๆ กัน ด้วยกลิ่นอายพลังที่รุนแรงนั้น พวกเขาทั้งสามหมายจะกำจัดฉู่โม่วให้หายไปในการโจมตีครั้งเดียวของพวกตนเลย!
คลื่นพลังเหล่านั้นรุนแรงเสียจนมิติรอบข้างบิดเบี้ยว
ทว่าแม้จะต้องเผชิญหน้ากับกระบวนท่าที่รุนแรงนี้ แต่ฉู่โม่วก็ไม่ได้คิดจะถอยแต่อย่างใด
เลือดเนื้อภายในร่างของเขากำลังวิ่งพล่านคล้ายลาวาในภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ เช่นเดียวกับอณูแห่งชีวิตที่ไหลเวียนภายในเส้นอณูแห่งชีวิต
ทันใดนั้น
“คมกระบี่สวรรค์เร้นลับ!”
ด้วยเสียง ‘ชิ้ง’ ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าท้องฟ้าถูกผ่าออกไปแล้ว พวกเขาหันมองตามเสียงก่อนจะพบเส้นแสงสีแดงที่กำลังผ่าฟ้าลงมาบนผืนโลก
เพล้ง!
โล่ปฐมกาลของจ้าวยุทธ์อสูรคนหนึ่งถึงกับแตกกระจายและกลายเป็นเพียงละอองสีแดงกลับเข้าไปในร่างของเจ้าของ
เขาไม่มีโอกาสได้ลังเลหรือโต้ตอบอะไร
สิ้นเสียง ‘ฉัวะ’ ร่างของนักรบอสูรตนนั้นก็ขาดออกเป็นสองท่อนโดยการฟาดฟันเพียงครั้งเดียวของฉู่โม่ว
แต่มันยังไม่จบ
ไม่มีการรีรอ ฉู่โม่วใช้ฝีเท้าปีศาจไร้เงาเพื่อเข้าหาจ้าวยุทธ์อสูรอีกตนหนึ่ง จากนั้นก็ใช้คมกระบี่สวรรค์เร้นลับอีกครั้ง
คมกระบี่สีแดงชาดที่ยาวเสียดฟ้าปรากฏขึ้นมาเช่นครั้งก่อน มันถูกลากกวาดฟ้าลงมาแล้วฟันร่างของศัตรูจนขาดไปอีกเช่นกัน
ใช่ว่าอสูรตนนี้ไม่คิดจะหลบ ทว่าตอนที่เขาจะหลบนั้น บรรยากาศรอบข้างดันเกิดการควบแน่นขึ้นมาจนไม่สามารถขยับได้เลย ท้ายสุดจึงได้แค่มองคมกระบี่นั้นปาดร่างของตนเองไป
ฉัวะ!
เพียงไม่กี่อึดใจก็สามารถสังหารจ้าวยุทธ์อสูรได้ถึงสองตนแล้ว!
แค่พริบตาเดียว บริเวณนี้ก็เหลือเพียงฉูซงคนเดียว
ซึ่งตัวฉูซงก็ยังอยู่ในอาการตกอกตกใจเสียด้วย!
เขาไม่คาดคิดเลยว่าฉู่โม่วจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เพิ่งจะมั่นใจไปเองว่า หลังจากที่ฉู่โม่วใช้กระบวนท่าแปลก ๆ นั่นไม่ได้ มันจะต้องเป็นโอกาสของเขาแน่ ๆ ทว่าตอนนี้มันกลับกลายเป็นพวกเขาที่เสียโอกาสแทน
“ฆะ… ฆ่ามันซะ! พวกเจ้า ฆ่าฉู่โม่วซะให้หมด!”
ด้วยความหวาดกลัว ฉูซงรีบเรียกศิษย์สำนักหมื่นอสูรตนอื่น ๆ ให้ละทิ้งเป้าหมายเก่าอย่างกู่ชางกับนายพลเมืองและมาช่วยกันกำจัดฉู่โม่วแทน
ชั่วพริบตา
สัตว์อสูรจำนวนมากรวมไปถึงนักรบอสูรก็รีบเข้ามาและไล่ฆ่าฉู่โม่วทันที
ถึงแม้ว่าพวกมันจะกลัวฉู่โม่วมาก ๆ
แต่ก็เข้าใจดีว่า ถ้าหากฉู่โม่วไม่ตายเสียตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตจะไม่มีพวกมันแม้แต่ตนเดียวเลยที่รอดชีวิต!
“ฆ่า!”
“ฆ่ามัน”
เสียงทวนคำสั่งดังมาจากเหล่านักรบอสูรที่โถมกันเข้ามา
ทัพของสัตว์อสูรทัพนี้มีมากกว่าสามร้อยล้านตน ซึ่งแต่ละตนก็มีระดับตั้งแต่ปรมาจารย์ยุทธ์จนถึงขั้นนายพลเมืองกันหมด
ยามที่สัตว์อสูรและนักรบอสูรห้อมล้อมฉู่โม่วเอาไว้ มันไม่ต่างอะไรกับโดมปีศาจที่ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่อสุรกายยืนดักเต็มไปหมดเลย
ทว่า…
“ความแข็งแกร่งที่แท้จริงน่ะ ไม่มีปัญหากับการมามากหรอกนะ!”
ฉู่โม่วไม่ได้ขยับไปไหนแต่อย่างใด
อสนีบาตคงกะพันในร่างกายของเขากำลังเพิ่มพลังจากทั่วทั้งร่างให้
ขณะเดียวกัน ธาตุลมก็ถูกกระตุ้นการใช้งานแล้ว
กระบี่วายุอสนีบาตเองก็ลั่นไกออกมาโดยที่ฉู่โม่วไม่ต้องสั่งเสียด้วยซ้ำ!
ย่างก้าวปีศาจไร้เงาถูกสั่งใช้งานในวินาทีนั้น
ภายใต้พรสวรรค์มากมายที่ถูกกระตุ้นพร้อม ๆ กันนี้ สายฟ้าสีม่วงปรากฏขึ้นตามร่างกายของฉู่โม่ว มันปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าไปมา กระแสอากาศรอบข้าง สัตว์อสูรหรือนักรบอสูรที่ไม่สามารถต้านทานได้ก็จะถูกกำจัดไปได้อย่างง่ายดาย
เพียงชั่วพริบตา
มีซากธุลีของสัตว์อสูรที่ถูกกระแสไฟฟ้าเหล่านั้นช็อตจนตายกระจายไปทั่วบริเวณแล้ว
เศษซากของชิ้นเนื้อบางส่วนที่ไม่ได้ถูกทำลายทันทีค่อย ๆ ร่วงกราวลงไปบนพื้น เสมือนชิ้นเกี๊ยวสีแดงที่ร่วงหล่นลงมาจากฟ้าควบคู่ไปกับหยาดเลือดที่สาดกระจายเป็นฝนโลหิต
และที่บนภาคพื้นดิน
จ้าวยุทธ์กู่ชาง บรรพบุรุษตระกูลโจว บรรพบุรุษตระกูลเสิ่น บรรพบุรุษตระกูลหมัวและจ้าวยุทธ์มือใหม่ หมัวหย่งอัน รวมไปถึงนายพลเมืองอีกสิบกว่าคนที่อยู่ในระดับสูง พวกเขาต่างพูดอะไรไม่ออก ในแววตาทุกคู่มีแต่ความตกตะลึง
การฟาดฟันด้วยกระบวนท่าต่าง ๆ นานาบนฟากฟ้าของฉู่โม่ว จนเกิดเป็นฝนโลหิตอสูรหลั่งไหลลงมา ทำให้พวกเขาไม่สามารถละสายตาได้เลย
ในตอนนั้น
มีเพียงหมัวหย่งอันเท่านั้นที่ได้สติกลับมาก่อน เขาหันมองรอบ ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ท่านประมุขฉู่ช่างทรงพลังยิ่งนัก แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราจะรออยู่เบื้องหลังเช่นนี้ไม่ได้! ไปกันเถอะ! ไปฆ่าสัตว์อสูรแล้วเด็ดหัวไอ้กบฏมวลมนุษยชาติกัน!”
พูดเช่นนั้นแล้ว
เขาก็กลืนยาเต็มกำมือใหญ่เข้าปากไป จากนั้นกระตุ้นอณูแห่งชีวิตและเลือดเนื้อใหม่อีกครั้งเพื่อเข้าสู้กับกลุ่มอสูรของสำนักหมื่นอสูร
“ฆ่าพวกมันเลย!”
เห็นเช่นนั้น ผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ก็ทำวิธีเดียวกันแล้วบุกเข้าไปโจมตีทัพสัตว์อสูรด้วยเช่นกัน
ฉู่โม่วเข้าต่อสู้กับนักรบอสูรที่โถมเข้ามาไม่หยุด ในทุกครั้งกระบี่ถูกชักออกก็จะมีสัตว์อสูรล้มตายโดยไม่ทันได้ทำอะไร
ไม่ว่าอสูรเหล่านั้นจะโดนส่วนไหนของกระบี่ พวกมันจะโดนปราณกระบี่ที่แผ่ซ่านออกมาทำลายกายเนื้อ จนกระทั่งกลายเป็นชิ้นเนื้อกระจัดกระจายลงพื้นไป
ปราณกระบี่นี้ ฉู่โม่วเรียนรู้มันมาตั้งแต่ที่ตระหนักได้ถึงการมีอยู่ของเจตจำนงแห่งกระบี่แล้ว ยิ่งในตอนนี้ฉู่โม่วมีทวารแห่งกระบี่เปิดอยู่ทั่วทั้งร่าง และมีกายากระบี่เทวะที่เกิดจากการเรียนรู้เจตจำนงแห่งกระบี่ 70% อีก ความแน่วแน่ในวิชากระบี่ของเขาเองก็ยิ่งทำให้ปราณกระบี่นี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปเป็นอย่างมาก
หลายครั้งที่เพียงแค่แสงสะท้อนบนคมกระบี่เปล่งออกมา สัตว์อสูรบางตนก็ถึงกับล้มตายไปเลย สิ่งนี้เกิดขึ้นรวดเร็วเสียก่อนที่พวกมันจะได้ร้อง
กระบวนท่ากระบี่เช่นนี้ถือเป็นอะไรที่น่ากลัวและยากที่จะจับทางได้มากที่สุด
ไม่นานนัก
จากสัตว์อสูรรวมกับนักรบอสูรที่มีจำนวนกว่าสามร้อยล้านตนก็ทยอยถูกฉู่โม่วกำจัดไปอย่างรวดเร็ว
ในตอนนี้
เหลือเพียงฉูซงเท่านั้นที่ยังอยู่บนท้องฟ้า
ใบหน้าของเขากำลังหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ยามที่มองไปในแววตาของฉู่โม่ว หัวใจของเขามันสั่นสะท้าน โดยไม่ลังเล จ้าวยุทธ์ผู้เคยหยิ่งผยองรีบดิ่งลงไปคุกเข่ากับพื้นเบื้องล่างจนเกิดเสียงดังตุ้บ “ได้โปรด… ได้โปรด อย่าฆ่าข้าเลย… เมตตาข้าด้วย… เมตตาข้าเถอะนะ ข้าเข้าร่วมกับสำนักหมื่นอสูรเพียงเพราะหลงผิดเท่านั้น ท่านผู้ยิ่งใหญ่ ได้โปรดให้อภัยข้า…”
MANGA DISCUSSION