บทที่ 152 ผนึกรอยแยกมิติ และกำจัดสัตว์อสูรระดับ 6 เสมือนหั่นหมู!
อาคารสาขาหลักพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้ว
ฉู่โม่วเดินตรงขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตัวอาคารอย่างไม่ลังเล
ในทันทีที่เข้าไปภายในได้ เขาก็หันมองไปรอบ ๆ ห้องประชุมที่ซึ่งมีคนหลายคนมารออยู่แล้ว ณ เวลานี้
กลุ่มที่ยืนอยู่ส่วนกลางของห้องประชุมคือจ้าวยุทธ์หลากหลายคน ส่วนที่รอบนอกเป็นนายพลเมืองระดับสูงกว่ายี่สิบคน
“คุณฉู่โม่ว มาแล้วสินะครับ!”
เมื่อเห็นฉู่โม่วเดินเข้ามา กู่ชางและคนอื่น ๆ ก็หันมาทักทาย
สิ่งนี้ทำให้ใครบางคนภายในที่ประชุมประหลาดใจนิดหน่อย
เพราะท่ามกลางจ้าวยุทธ์ที่เห็นหน้ากันบ่อย ๆ อย่างบรรพบุรุษตระกูลกู่ ตระกูลเสิ่นและตระกูลโจว ที่นี่ยังมีบรรพบุรุษตระกูลหมัวจากพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้วและหมัวหยงอันที่ได้รับบุปผามังกรคำรามมาเสริมพลังจนสามารถขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้ กับจ้าวยุทธ์อีกสองคนที่ไม่คุ้นหน้าสักเท่าไรอยู่ด้วย
กู่ชางที่อ่านสถานการณ์ออกรีบแนะนำอีกทั้งสองคนให้ฉู่โม่วรู้จัก
หนึ่งในสองคนนี้ คนหนึ่งคือผู้ที่เกิดในสมาคมผู้ใช้ค่ายกลเวท นามว่า เจียงเว่ยเฉิน เขามักจะฝึกฝนตนเองอยู่ตลอดไม่ยุ่งกับใคร ทว่าเมื่อข่าวคราวเรื่องสำนักหมื่นอสูรฟื้นคืนชีพ เขาก็รีบหยุดฝึกฝนและมารวมตัวในแทบจะทันที
อีกคนหนึ่งคือผู้มีพรสวรรค์ที่ขาดการฝึกฝนมาเนิ่นนานนามว่า ฉูซง เพราะปกติแล้วเขามักจะนั่งเฝ้ารอยแยกมิติระดับสีดำนั้นตลอด
มันทำให้เขาต้องกลับมาฝึกฝนอีกครั้ง เมื่อรอยแยกมิติหลุดออกจากการควบคุม
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่าน!”
ฉู่โม่วกล่าวทักทายจ้าวยุทธ์ทั้งสอง ซึ่งทั้งสองก็ไม่กล้าอวดเบ่งใส่ฉู่โม่วด้วย เพราะรู้มาจากกู่ชางแล้วว่า แม้ฉู่โม่วจะยังไม่ก้าวขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์เต็มตัว แต่พลังสูงเกินกว่าที่จ้าวยุทธ์ทั่ว ๆ ไปจะเทียบเท่าได้ ดังนั้นแล้วทั้งสองคนจึงค่อนข้างจะสุภาพกับฉู่โม่วมาก ๆ เลยทีเดียว
จ้าวยุทธ์เจ็ดคน
นอกจากนี้ยังมีนายพลเมืองระดับสูงอีกมากที่มาในครั้งนี้
ซึ่งจากเก้าอี้บางตัวที่ยังว่างอยู่ มันทำให้ฉู่โม่วรับรู้ได้ว่าพวกเขายังมากันไม่ครบ
ดังนั้นฉู่โม่วจึงหาที่นั่งบริเวณด้านหน้าเพื่อนั่งลงและรออย่างใจเย็น
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
เหล่านายพลเมืองระดับสูงทุกคนก็มากันครบ พวกเขามีทั้งหมดกว่าสี่สิบคนที่ซึ่งมาจากทั่วทั้งฐานจินหลิง หนึ่งในนั้นเองก็มีผู้อาวุโสที่ได้เข้าร่วมกับตำหนักลับแห่งสวรรค์ สวี่ชวน รวมอยู่ด้วย!
“ในเมื่อทุกท่านมาถึงแล้ว การประชุมฉุกเฉินจะเริ่มนับตั้งแต่นี้ไป!”
ในตอนนั้น
บรรพบุรุษตระกูลโจวเป็นฝ่ายยืนขึ้นก่อน
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมากนักและมุ่งเข้าประเด็นทันที “การที่ข้าเรียกทุกท่านมารวมตัวกันในครานี้ ข้าคิดว่าพวกท่านคงจะรู้อยู่แล้วถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใต้การรับผิดชอบของฐานจินหลิง ดังนั้นข้าจะไม่พูดถึงต้นเหตุอีก!”
“ปัจจุบันนี้ เรื่องการคืนชีพของสำนักหมื่นอสูร ได้ถูกส่งรายงานไปให้ฐานจงไห่รับรู้แล้ว และข้าค่อนข้างมั่นใจว่าอีกไม่นาน เดี๋ยวทางฐานจงไห่จะต้องส่งหน่วยสนับสนุนมาช่วยพวกเราอย่างแน่นอน!”
“และระหว่างนั้น พวกเราจำเป็นต้องจัดการรอยแยกมิติระดับสีดำที่หลุดออกจากการควบคุมไว้ให้ได้เสียก่อน ห้ามให้มีสัตว์อสูรภายในหลุดออกมาภายนอกได้! ไม่งั้นแล้วพวกมันจะกลายเป็นปรมาณูลูกใหญ่ที่พร้อมจะสร้างความเสียหายแก่ฐานจินหลิง!”
ได้ยินเช่นนั้น
ทุกคนในที่ประชุมก็พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
“ข้าเห็นด้วยว่าต้องจัดการรอยแยกมิตินั่น แต่พวกเราจะจัดการกันยังไงล่ะ?”
กู่ชางอดไม่ได้ที่จะถาม
แทบจะทันทีที่คำถามของเขาหลุดออกมา บรรพบุรุษตระกูลโจวก็พูดขึ้น “หลังจากที่ได้ปรึกษากับท่านเจียงเวยเฉิน พวกเราตัดสินใจที่จะให้เขาสร้างค่ายกลยักษ์ที่ด้านนอกบริเวณที่เกิดรอยแยกมิติ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะใช้จับพวกสัตว์อสูรรวมถึงศิษย์สำนักหมื่นอสูรที่อยู่ภายในด้วย เมื่อไรที่ค่ายกลทำงานสมบูรณ์ พวกเราค่อยส่งคนเข้าไปจัดการที่ด้านในนั้น!”
“คิดจะผนึกรอยแยกมิติระดับสีดำเลยงั้นเหรอ? สิ่งนี้… จะทำได้จริง ๆ หรือ?”
หมัวหยงอันประหลาดใจ
ฉู่โม่วเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน
การผนึกรอยแยกมิตินั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ภายในรอยแยกมิตินี้มีสัตว์อสูรระดับ 6 อยู่มากมาย แถมยังมีศิษย์สำนักหมื่นอสูรอยู่อีก
ยิ่งไปกว่านั้น…
มันต้องเป็นค่ายกลเวทที่ใหญ่ขนาดไหนกันถึงจะดักจับสัตว์อสูรระดับ 6 ได้มากขนาดนั้น?!
ไหนจะการที่สัตว์อสูรเหล่านี้ไม่ใช่สัตว์อสูรทั่ว ๆ ไป แต่เป็นสัตว์อสูรที่กำลังบ้าคลั่งด้วย!
ถึงแม้ว่าเจียงเวยเฉินจะอยู่ในสมาคมผู้ใช้ค่ายกลเวทแห่งฐานจินหลิงที่มีความแข็งแกร่งในขั้นจ้าวยุทธ์ระดับกลาง รวมถึงมีชื่อเสียงเรื่องฝีมือมาก ๆ จนผู้ปลุกพลังทั่วทั้งฐานให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ
แต่การที่ต้องมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์ครั้งนี้ หลาย ๆ คนก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความสงสัย
รับรู้ได้ถึงทุกสายตาที่มองมา เจียงเวยเฉินที่แต่เดิมนั่งอยู่เงียบ ๆ ก็ยืนขึ้นและพูดช้า ๆ “ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชายชราผู้นี้เฝ้าศึกษาและฝึกฝนมาโดยตลอด จนในที่สุดข้าก็สามารถพัฒนาค่ายกลรูปแบบใหม่ขึ้นมาได้!”
“ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถูกทดสอบโดยละเอียด แต่เชื่อว่าด้วยพลังของค่ายกลรูปแบบใหม่นี้ จะสามารถป้องกันได้แม้กระทั่งการโจมตีอันรุนแรงของสัตว์อสูรระดับ 7 หรือสูงกว่านั้นได้เลย! ดังนั้นลำพังเพียงสัตว์อสูรระดับ 6 จำนวนมาก มันย่อมต้องไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!”
สามารถป้องกันได้แม้กระทั่งการโจมตีอันรุนแรงของสัตว์อสูรระดับ 7 หรือมากกว่านั้นได้เลย!?
พลันเมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนต่างพากันตกตะลึง
“แต่ข้าเอง… ก็มีสิ่งที่ต้องการให้พวกท่านทุกคนช่วยด้วยเช่นกัน”
จังหวะนั้น เจียงเวยเฉินพูดต่อ “ข้าเกรงว่าเหล่าศิษย์แห่งสำนักหมื่นอสูรที่อยู่ภายในรอยแยกมิติคงไม่นั่งดูค่ายกลถูกสร้างเฉย ๆ แน่ พวกมันจะต้องส่งสัตว์อสูรออกมาไล่ทำลายในช่วงที่ค่ายกลกำลังถูกสร้างอยู่ เพราะงั้นข้าอยากให้พวกท่านช่วยรับมือสัตว์อสูรเหล่านั้น อย่าให้มันทำลายการสร้างค่ายกลของข้าได้!”
“ไม่มีปัญหา!”
“พวกเราจะรับหน้าที่จุดนี้เอง!”
“ได้โปรดอย่ากังวลเลย ท่านจ้าวยุทธ์เจียง เรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของพวกเราเอง!”
กลุ่มของจ้าวยุทธ์พูดรับคำ
“เยี่ยมยอดมาก”
เจียงเวยเฉินพยักหน้า “ข้าอาจจะต้องใช้เวลาราว ๆ หนึ่งวันเพื่อสร้างค่ายกลขนาดใหญ่ ส่วนเรื่องทรัพยากรต่าง ๆ ข้าได้เตรียมไว้หมดแล้ว… มันไม่น่าจะเกินไปกว่าเวลาที่ข้าตั้งไว้ ถ้ายังไงข้าจะไปเริ่มสร้างค่ายกลเลยเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ร้ายแรงกว่านี้!”
ทุกคนเห็นด้วยพร้อมเพรียงกัน
ภายหลังจากที่ได้พูดคุยนัดแนะกันเสร็จแล้ว เหล่าจ้าวยุทธ์มากมายก็พากันทะยานออกจากฐานไปก่อน
พวกเขามุ่งหน้าไปยังรอยแยกมิติให้เร็วที่สุดเพื่อจัดการสถานที่
กลุ่มของนายพลเมืองที่เหลือก็พากันบินตามออกไปด้วย เพื่อคอยช่วยเหลือจ้าวยุทธ์
ระหว่างทาง…
กู่ชางก็ขยับเข้ามาใกล้ฉู่โม่วและกระซิบเบา ๆ “คุณฉู่โม่วครับ ท่านน่ะแข็งแกร่งมาก ๆ แล้วในตอนนี้ ในภายภาคหน้าที่พวกเราต้องเข้าปะทะกับสัตว์อสูร หากไม่เกินกำลัง ฝากดูแลฉันอีกทีนะครับ”
ได้ยินแบบนั้น
ฉู่โม่วก็เหลือบมองกู่ชางแล้วพยักหน้าให้
แม้ฉู่โม่วจะไม่ได้พูดอะไร แต่เพียงแค่อีกฝ่ายพยักหน้า กู่ชางก็โล่งใจขึ้นมาแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นจ้าวยุทธ์มากว่ายี่สิบปีแล้ว แต่เพราะบาดเจ็บหนักจากการต่อสู้กับสำนักหมื่นอสูรเมื่อครั้งก่อน มันรุนแรงขนาดที่ทำให้รากฐานร่างกายเสียหายหนัก ซึ่งอาการบาดเจ็บนี้ ปัจจุบันก็ยังคงแผลงฤทธิ์อยู่ เพราะงั้นด้วยอายุที่มากกับความแข็งแกร่งที่โรยรา มันจึงกลายเป็นปัญหาสำหรับเขาพอสมควร
ความแข็งแกร่งของกู่ชางยังมีมากกว่าหมัวหยงอันที่เพิ่งขยับขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์กับฉูซงผู้ปล่อยปละละเลยก็จริง
แต่หากต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับ 6 จำนวนนับไม่ถ้วนในเวลาพร้อม ๆ กันเช่นนี้ เขาไม่มั่นใจเลยว่าจะรับมือไหว
ส่วนเหตุผลที่ต้องเป็นฉู่โม่ว
นั่นก็เพราะถึงฉู่โม่วจะเป็นเพียงนายพลเมือง แต่ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็สูงเกินกว่าจ้าวยุทธ์หลาย ๆ คนเสียอีก
การที่ได้เห็นคนคนนี้สังหารบรรพบุรุษตระกูลสวี่ถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ช่วยยืนยันได้
ความแข็งแกร่งของฉู่โม่วในครั้งนั้น ยังคงตราตรึงอยู่ในใจกู่ชาง
เช่นนี้แล้ว
กู่ชางจึงอยากจะให้ฉู่โม่วช่วยคอยดูแลเขาหากเกิดพลาดท่าเสียทีขึ้นมาอีก
ในความคิดเห็นของเขา
แม้ยามนี้จะมีจ้าวยุทธ์มากมายเข้าร่วมศึกด้วย
แต่มีเพียงพลังของฉู่โม่วเท่านั้น ที่เขาไว้วางใจได้!
…
ทั้งจ้าวยุทธ์และนายพลเมืองต่างบินผ่านฟ้าเหนือฐานจินหลิงเพื่อตรงไปยังรอยแยกมิติให้เร็วที่สุด
ความเร็วของพวกเขานั้นสูงมาก ๆ
มันเลยทำให้ตอนที่บินผ่านเกิดเป็นแสงคล้ายดาวหางลากยาวตามท้ายไปด้วย
ไม่นานนัก เหล่าผู้ปลุกพลังภายในฐานจึงเริ่มเห็นความผิดปกติกัน
“จ้าวยุทธ์กับนายพลเมืองตั้งหลายคนมุ่งหน้าไปทางเดียวกัน เกิดอะไรขึ้นหรือไงนะ?”
“ทิศนั้นมัน… หรือว่า พวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังรอยแยกมิติกัน?!”
“ดูท่าพวกกองกำลังใหญ่จะไม่นั่งเฉยแล้วออกไปจัดการรอยแยกมิตินั้นแล้วสินะ!”
“เยี่ยมไปเลย!”
“ฉันหวังว่าพวกเขาจะจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้เร็ว ๆ นะ!”
กลุ่มของเหล่าผู้ปลุกพลังเบื้องล่างดูมีความหวังขึ้นมาหลังเห็นจ้าวยุทธ์หลายคนออกปฏิบัติการพร้อมกันเช่นนี้
เพราะตัวพวกเขานั้นไร้พลังสิ้นดี
ไม่นานนัก
ผู้เกี่ยวข้องทุกคนก็มาถึงบริเวณใกล้เคียงกับรอยแยกมิติระดับสีดำ
ที่นี่อยู่ท่ามกลางหุบเขาขนาดใหญ่
ในตอนนั้นเอง เหล่าสัตว์อสูรจำนวนมากได้ออกมาจากรอยแยกมิติและรวมตัวกันที่หุบเขาแล้ว พวกมันมีตั้งแต่ระดับ 4 ระดับ 5 รวมไปถึงระดับ 6 ด้วย!
“พวกมันออกมาแล้ว!”
เห็นเช่นนั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
“สัตว์อสูรพวกนี้… ต้องหยุดไว้ให้ได้!”
“เตะมันกลับไปในมิตินั่นซะ!”
ไม่จำเป็นต้องพูดเยอะ
จ้าวยุทธ์หลายคนที่เพิ่งลงมาจากฟากฟ้า เขาไปปะทะกับสัตว์อสูรเบื้องหน้าในทันที
ฉู่โม่วเองก็ชักเอากระบี่สารทสังหารออกมาแล้วเข้าไปไล่ห้ำหั่นกับสัตว์อสูรจำนวนมากนี้เช่นกัน
สัตว์อสูรระดับ 4 และ 5 ทั้งหลายไม่มีตนใดเลยที่จะสามารถปัดป้องหรือรับการปะทะกับการโจมตีของฉู่โม่วแล้วจะมีชีวิตอยู่รอด
ไม่นานนัก พวกมันทั้งหมดก็ถูกฉู่โม่วเด็ดหัวไป
ในตอนนั้นเอง
สัตว์อสูรระดับ 6 ที่สูงกว่ายี่สิบเมตร รูปร่างแบบแรดนอเอกก็พุ่งตรงเข้ามายังฉู่โม่ว
ระหว่างทางนั้นมีสัตว์อสูรหลายตนขวางทางมันอยู่ก็จริง แต่เมื่อโดนร่างขนาดใหญ่นี้เข้าชน พวกมันก็กระเด็นไปไกล บางตัวแตกสลายเป็นเศษเนื้อ
เห็นได้ชัดเลยว่าสัตว์อสูรตนนี้มีพลังที่สูงส่งมาก ๆ
สัตว์อสูรระดับ 6 ที่กำลังคลุ้มคลั่ง ชื่อของมันคือ …แรดหุ้มเกราะ!
พลังของป้อนทั่วทั้งตัวของมัน เป็นที่รู้กันดีว่าแข็งแกร่งขนาดไหน แถมในยามนี้ยังได้พละกำลังเพิ่มขึ้นอีก ต่อให้ผู้ที่ต้องเผชิญหน้ากับมันเป็นจ้าวยุทธ์ระดับกลาง ก็ยังต้องลังเลว่าจะสู้หรือหนีดี
“คุณฉู่โม่ว ระวังตัวนะครับ!”
นายพลเมืองคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
แต่ดูเหมือนว่าฉู่โม่วจะไม่ได้ยิน เพราะงั้นแทนที่จะถอยหลบ แต่กลับพุ่งไปข้างหน้าหมายจะปะทะกับสัตว์อสูรระดับ 6 แรดหุ้มเกราะตนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว
คมกระบี่ถูกกดลงไปยังเป้าหมาย
ชิ้ง!
ด้วยเสียงกระบี่ที่ดังกังวานไปทั่ว ทันใดนั้นแสงสีแดงเสมือนคมกระบี่ยักษ์ก็ฟาดฟันผ่านฟ้าลงมายังเบื้องหน้า
ฉัวะ!
เสียงของคมกระบี่ตัดเข้าไปกับชิ้นเนื้อดังชัดเจน
แรดหุ้มเกราะร้องโอดครวญก่อนที่ร่างของมันจะล้มลงไปกับพื้น พร้อมกับเสียงตึงสะเทือนปฐพี!
เมฆเบื้องบนถูกผ่าออกเป็นแนวเดียวกับที่ร่างของสัตว์อสูรถูกผ่า
“เทียบกับเหยี่ยวกระบี่เหินเวหาไม่ได้เลยนะแกเนี่ย”
ภายหลังจากที่จัดการสัตว์อสูรยักษ์ตนนั้นไปแล้ว ฉู่โม่วก็พ่นลมหายใจออกทางปาก และปราศจากการหันไปมอง เขามุ่งหน้าไปกำจัดสัตว์อสูรตนอื่นต่อทันทีโดยไม่ให้เสียเวลา
อย่างไรก็ตาม
ผู้ปลุกพลังคนอื่น รวมไปถึงจ้าวยุทธ์ที่เห็นเหตุการณ์นั้นต่างก็พากันผงะ
พวกเขาเห็นอะไรเมื่อครู่นี้?
แรดหุ้มเกราะที่ขึ้นชื่อเรื่องพลังป้องกัน… ถูกฉู่โม่วสังหารลงแล้วจริง ๆ เหรอ?
สภาพศพของมัน
คือสัตว์อสูรที่ถูกผ่าออกเป็นlv’ท่อนจากหัวจรดท้ายจริง ๆ แถมรอยผ่านั้น ยังเนียนกริบคล้ายกับค่อย ๆ บรรจงตัด…
ช่างเป็นวิชากระบี่ที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้?
พลังที่กล้าแกร่งนี่มันคืออะไรกันแน่?
ความคิดมากมายโถมเข้ามาในใจของทุกคน แต่ด้วยสิ่งที่ตาเห็นนี้ มันก็ทำให้พวกเขาหลายคนเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของฉู่โม่วได้ด้วย
ในขณะที่พวกเขากำลังผงะกันอยู่นั้นเอง
จ้าวยุทธ์เจียงเวยเฉินก็นำเอากลุ่มผู้ปลุกพลังของสมาคมผู้ใช้ค่ายกลเวทเข้ามายังที่แห่งนี้
พวกเขาเริ่มเตรียมตัวสร้างค่ายกลกันแล้ว
คนจากสมาคมผู้ใช้ค่ายกลเวทค่อย ๆ กระจายตัวไปตามตำแหน่งเพื่อสร้างจุดเชื่อมต่อค่ายกลบนพื้น พร้อมกับปักธงเวทลงไปตรงจุดเหล่านั้นด้วย
ด้วยความว่องไวและไร้ซึ่งข้อผิดพลาดใด ๆ ค่ายกลขนาดใหญ่อันเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการออกมาสู้ครั้งนี้ก็ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
แต่ภายในรอยแยกมิตินั้นเอง
เหล่าสัตว์อสูรที่เห็นและคาดการณ์ไว้ว่าค่ายกลจะต้องสร้างขึ้นมาเพื่อจะผนึกพวกตนแน่ ๆ มันก็เริ่มหันเขี้ยวเล็บใส่ผู้ปลุกพลังเบื้องหน้าอย่างเกรี้ยวกราด ด้วยหวังว่าจะสามารถขับไล่และทำลายการสร้างค่ายกลยักษ์ให้ได้
ทว่า…
ความหวังของมันก็กลายเป็นเพียงความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริง
ฉู่โม่วที่สามารถหั่นร่างของสัตว์อสูรระดับ 6 ได้เหมือนหมูบนเขียง และเขาไม่ยอมให้สัตว์อสูรเหล่านี้หลุดแนวป้องกันไปหาผู้ใช้ค่ายกลเบื้องหลังได้อย่างแน่นอน!
MANGA DISCUSSION