บทที่ 143 ครอบครองเจตจำนงแห่งห้วงมิติ และทักษะวิชากระบี่ที่เปลี่ยนแปลงไป!
“หรือว่าสิ่งนี้จะเป็นสมบัติสวรรค์และโลกจริง ๆ แค่ฉันยังเข้าไม่ถึงมัน?”
จ้าวยุทธ์ซงหยวนเหลือบไปเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่โม่ว ภายในใจเขาเริ่มเกิดความร้อนใจขึ้นมา
เหมือนว่ากำลังถูกชายผู้นี้หลอกเอาเลย!
วินาทีนั้น เขาแทบจะระเบิดความโกรธที่โดนหลอกแล้วหันไปชิงเอาแท่นหินกลับมาจากมือของฉู่โม่วในทันที
แต่โชคดี
ที่ท้ายสุดเหตุผลบางประการในใจก็ข่มกายเขาเอาไว้ได้
เพราะแบบนี้ เขาจึงสามารถไล่ความคิดไม่ดีออกไปได้ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้น
วิธีการเอาชนะฉู่โม่วนั่นก็อีกเรื่อง
ปัญหามันอยู่ที่ถ้าสิ่งนั้นกลับมาอยู่ในมือของเขาแล้ว เขาจะทำยังไงกับมันต่อ?
‘ใช่แล้ว…’
‘นี่คงเป็นสิ่งที่ชะตาฟ้าลิขิตมาแน่ ๆ!’
‘ทั้งที่มันเคยอยู่กับข้ามาตลอดยี่สิบปี แต่กลับไม่เคยแสดงความวิเศษอะไรออกมาเลย แล้วถ้าจะเป็นของวิเศษในมือคนอื่นจริง ๆ ฟ้าคงจะลิขิตให้ข้าได้เพียงมูลค่าจากการขายมันไปเท่านั้น!’
ตระหนักได้ดังนั้น
จ้าวยุทธ์ซงหยวนก็ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจยาว
…
ชุมนุมจ้าวยุทธ์จัดยาวติดต่อกันถึงสามวัน แต่เพราะฉู่โม่วได้สิ่งของที่ตนเองต้องการแล้ว เพราะงั้นจึงไม่อยู่ที่นี่ต่อและกลับไปยังคฤหาสน์แทน
ภายในห้องที่เงียบสงบ
ฉู่โม่วหยิบเอาแผ่นหินสีดำออกมาจากมิติพกพาแล้ววางมันลงเบื้องหน้าเขา
ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างมั่นใจมากว่าสิ่งนี้คือแผ่นศิลารู้แจ้งแน่ ๆ ทว่าเมื่อสัมผัสลงไปด้วยฝ่ามือ ความแปรผันของห้วงมิติที่สัมผัสได้จากสิ่งนี้กลับเจือจางเหลือเกิน เสมือนว่ามันกำลังซ่อนตัวเองอยู่
ชายหนุ่มขมวดคิ้วและครุ่นคิด ทันใดนั้นก็ยื่นมือไปใหม่อีกครั้ง รวบรวมพลังแห่งห้วงมิติไว้ที่ฝ่ามือและอัดเข้าไปยังแผ่นศิลารู้แจ้ง
ครืน!
ยามที่พลังแห่งห้วงมิติถูกอัดเข้าไป ผิวด้านนอกของแผ่นศิลาก็เกิดการสั่นสะเทือนเสมือนผิวน้ำก่อนจะเดือดปุด ๆ เพราะมันกำลังตอบสนองต่อพลังที่มีรูปแบบเดียวกัน
อัตลักษณ์ของห้วงมิติหนาแน่นแผ่ฟุ้งออกมาจากแผ่นหินนี้ มันทำให้ทั่วทั้งห้องที่ฉู่โม่วอยู่อัดแน่นไปด้วยพลังแห่งห้วงมิติทันที
ห้วงอากาศเริ่มบิดเบี้ยวอย่างช้า ๆ
“จริง ๆ ด้วย! นี่คือแผ่นศิลารู้แจ้ง กฎแห่งห้วงมิติ!”
แววตาของฉู่โม่วดูจะสดใสขึ้นมา
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่ได้พบเข้ากับแผ่นศิลารู้แจ้งที่อัดแน่นด้วยองค์ความรู้ของเจตจำนงแห่งกระบี่ มันทำให้เขาเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่นิด ๆ หน่อย ๆ และแม้ว่าจะเป็นเพียงเจตจำนงแห่งกระบี่ 30% มันก็ช่วยเปิดทวาราแห่งกระบี่บนร่างกายได้ และเพิ่มพลังกายให้สูงขึ้นไปอีกมากเลยทีเดียว
ในตอนนี้…
เขาจะได้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมากขนาดไหนกันภายหลังจากได้เข้าไปเรียนรู้กฎแห่งห้วงมิติที่ถูกอัดแน่นไว้ในแผ่นศิลารู้แจ้งชิ้นนี้?
‘เริ่มเลยก็แล้วกัน!’
คิดได้เช่นนั้น
ฉู่โม่วก็ยื่นมือไปสัมผัสเข้ากับผิวหน้าของแผ่นศิลารู้แจ้งใหม่อีกครั้ง
และในคราวนี้ เมื่อฝ่ามือของเขาสัมผัสเข้าไปกับมัน
แผ่นศิลาก็เปล่งแสงสว่างออกมา
คลื่นสั่นสะเทือนกระจายวงกว้างเหมือนโยนหินลงไปในน้ำ
วินาทีถัดมา
กลิ่นอายลึกลับที่โลกใบนี้ซ่อนเอาไว้ก็พวยพุ่งราวกับวิญญาณร้ายที่ได้รับอิสรภาพ หมอกควันปริศนาเหล่านี้ห่อหุ้มร่างของฉู่โม่วเอาไว้
ในชั่วพริบตา
เบื้องหน้าของฉู่โม่วก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่ามีดอกไม้กำลังเบ่งบานอยู่
และเมื่อฉู่โม่วรู้ตัวอีกที โลกที่เขาอยู่นั้นก็กลายเป็นโลกที่ไม่คุ้นเคยไปเสียแล้ว
ทั่วทั้งโลกว่างเปล่าและมีเพียงแสงดาวระยิบระยับเหมือนอยู่ในอากาศ!
มิติมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏให้เขาเห็นในห้วงจิต
เมื่อมองไปสุดลูกหูลูกตา เขาสามารถพบรอยแยกมิติปรากฏขึ้นตลอดทาง และสิ่งนี้ทำให้ภายในโลกที่เขาอยู่เต็มไปด้วยคลื่นแปรผันนับไม่ถ้วนอีกด้วย
กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวแผ่กระจายไปทั่วทุกมุมของโลกใบนี้
ฟู่… ฟู่…
ฟู่… ฟู่…
น่าแปลกที่กลิ่นอายลึกลับภายในโลกแห่งห้วงมิตินี้กลับมีการสั่นสะเทือนคลายกับมันกำลังหายใจอยู่ แม้แต่ละมิติที่เห็นจะไม่ได้เชื่อมโยงต่อกัน แต่กลิ่นอายกลับมีจังหวะกระเพื่อมคลับคล้ายกันหมดเลย และมันทำให้ฉู่โม่วรู้สึกเหมือนโดนหายใจรดจากรอบทิศทางไปด้วย
เพียงไม่นาน
ภายหลังจากที่มองข้ามความรู้สึกนี้ได้ ฉู่โม่วก็ถูกกลืนหายไปกับคลื่นกระทบเหล่านี้ เขาพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อที่จะเข้าถึงอัตลักษณ์ที่แท้จริงของพลังแห่งห้วงมิติ
เวลาผ่านไปช้า ๆ
ความเข้าใจในพลังแห่งห้วงมิติของเขาก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอยู่ตลอด
สามวันให้หลัง
คลื่นประหลาดก็ปรากฏออกมาจากร่างของฉู่โม่ว เขาเริ่มจะสังเกตเห็นได้ว่าช่องว่างมิติรอบ ๆ ตัวเริ่มบิดเบี้ยวไปแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ขยับไปไหน แต่ด้วยการบิดเบี้ยวของมิติรอบตัวนี้ มันทำให้คนอื่นสามารถรับรู้ว่าเขาอยู่ห่างจากจุดนี้นับพันกิโลเมตรได้ง่าย ๆ เลย!
ไม่รู้ว่านานขนาดไหนกว่าความไม่เสถียรของมิติเหล่านี้จะค่อย ๆ จางและหายไปในที่สุด
“สมแล้วที่เป็นแผ่นศิลารู้แจ้ง…”
“ด้วยความรู้ที่อัดแน่นอยู่ในนี้ ในที่สุดฉันก็เข้าใจลำแสงแห่งมิติลึกลับพวกนั้นแล้ว!”
ฉู่โม่วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและพูดพึมพำเบา ๆ
เฉกเช่นกระบี่ที่มีเจตจำนงของกระบี่ ห้วงมิติเองก็มีเจตจำนงเช่นกัน
พลังแห่งห้วงมิติ ภายหลังจากที่ได้ศึกษาโครงสร้างของมันแล้วจะทำให้ผู้เข้าใจสามารถเข้าถึงร่องรอยแก่นแท้แห่งมิติต่าง ๆ ได้ ซึ่งสิ่งนี้เองถูกเรียกว่า เจตจำนงแห่งห้วงมิติ
นอกจากจะมีชื่อเรียกเหมือนเจตจำนงแห่งกระบี่แล้ว เจตจำนงแห่งห้วงมิติก็มีลำดับขึ้นเหมือนเจตจำนงแห่งกระบี่ด้วย!
ไม่ว่าจะจำนวนขั้น การแบ่งปริมาณขั้น ไม่มีอะไรผิดเพี้ยน
แต่ถึงตอนนี้ฉู่โม่วจะเข้าใจเจตจำนงแห่งห้วงมิติได้น้อยนิด หากข่าวเรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปละก็ มันจะต้องทำให้ผู้คนอีกมากมายตกตะลึงกันแน่ ๆ!
เพราะ…
ไม่ว่าผู้ปลุกพลังคนนั้นจะเข้าใจถึงเจตจำนงแห่งห้วงมิติได้มากน้อยเพียงใด แต่นั่นก็หมายถึงเขาคนนั้นมีคุณสมบัติที่จะก้าวเข้าสู่ขั้นราชันย์ยุทธ์ได้!
“เหตุผลที่ทำให้ผู้ปลุกพลังคนหนึ่งสามารถก้าวขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์และถูกโลกกับสวรรค์กล่าวขานชื่อ นั่นก็เพราะได้ครอบครองเจตจำนงของพลังจำพวกนี้ แม้จะเป็นเพียงน้อยนิดแต่โลกและสวรรค์ก็จะจดจำพวกเขาได้ เมื่อใดที่พลังกายแข็งแกร่งจนสามารถทลายขีดกำจัดร่างกายเพื่อไปยังขั้นถัดไปได้ เมื่อนั้นจะได้ขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์!”
“หากไม่สามารถเข้าถึงเจตจำนงของสิ่งใดได้เลย คนคนนั้นจะไม่สามารถเข้าสู่การเป็นราชันย์ยุทธ์ได้ตลอดช่วงชีวิตนี้!”
ตั้งแต่ที่โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไป ไม่รู้ว่ามีจ้าวยุทธ์กี่คนแล้วที่ยังคงอยู่ในขั้นจ้าวยุทธ์กันไปจนกระทั่งหมดอายุขัย และเหตุผลหลักมันก็แค่เพียง พวกเขาไม่เข้าใจถึงเจตจำนงของพลังที่ตนมีอยู่
และนี่
จึงเป็นสาเหตุว่าถ้าอยากเข้าถึงเจตจำนงของสิ่งใดก็ตาม ก็ควรจะมีพลังนั้น ๆ ในระดับที่สูงมาก ๆ เสียก่อน
ยิ่งความแข็งแกร่งของพลังพรสวรรค์นั้น ๆ สูง มันยิ่งมีโอกาสที่จะทำให้ผู้ปลุกพลังสามารถเข้าถึงเจตจำนงของพรสวรรค์ได้
แม้ว่าพรสวรรค์ระดับต่ำจะมีโอกาสที่จะเข้าถึงเจตจำนงได้เช่นกัน แต่โอกาสนั้นถือว่าน้อยมาก หากไม่เผอิญได้รับการช่วยเหลือจากสิ่งอื่นที่สามารถมอบความเข้าใจในเจตจำนงได้ โอกาสนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเส้นด้ายบาง ๆ สักเท่าไร
นี่ยังไม่พูดถึง
คนที่พรสวรรค์ระดับต่ำ แล้วยังมีความเร็วในการพัฒนาพลังกายต่ำด้วยอีก ฉู่โม่วค่อนข้างกลัวที่จะบอกเลยว่า คนเหล่านั้นแทบจะไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใจถึงเจตจำนงของสิ่งใดเลย
แต่…
ถึงผู้ปลุกพลังจะมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่ง นั่นก็แค่ช่วยเพิ่มโอกาสที่จะทำให้เขาคนนั้นเข้าถึงเจตจำนงแห่งพรสวรรค์ได้เฉย ๆ
ยังไงเสีย
การบรรลุซึ่งเจตจำนงก็ยังเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ อยู่ดี!
ต่อให้เป็นจ้าวยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าคนอื่น ๆ หากไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เขาก็จะไม่สามารถเข้าถึงเจตจำนงแห่งพรสวรรค์ได้ตลอดชีวิต และจะยังคงเป็นได้เพียงจ้าวยุทธ์ตลอดไป ไม่สามารถหลุดพ้นได้
“ตอนนี้ฉันครอบครองเจตจำนงแห่งห้วงมิติแล้ว!”
“นั่นหมายถึง… หนึ่งในอุปสรรคที่จะขัดขวางไม่ให้ฉันขึ้นเป็นราชันย์ยุทธ์นั้นหายไปแล้ว!”
คิดได้เช่นนั้น
แววตาของฉู่โม่วก็เป็นประกายสดใสขึ้นมา
ตอนนั้น
เขาพบว่าตัวแผ่นศิลารู้แจ้งยังคงเหลือพลังอยู่ เพราะงั้นจึงตั้งจิตแล้วเข้าไปศึกษามันอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้มันจะช่วยเพิ่มความเข้าใจในเจตจำนงแห่งห้วงมิติให้มีมากขึ้นไปอีก
ด้วยเหตุนี้
เวลาอีกสิบวันก็เคลื่อนผ่านไป
ฉู่โม่วสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งห้วงมิติไปมาถึงเจ็ดจุดแล้ว เหลือเพียงสามจุดเท่านั้นที่ยังขาดอยู่ และด้วยสามจุดนี้จะทำให้เขาได้เจตจำนงแห่งกระบี่ 10% มา
ทว่าไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้อีกต่อไป
เพราะองค์ความรู้ที่แผ่นศิลารู้แจ้งนี้มี มันได้ถูกเขาเรียนรู้ไปหมดแล้ว
แกร๊ก!
ด้วยเสียงแกร๊กเบา ๆ นี้ ในที่สุดแผ่นหินที่ว่าแข็งนักแข็งหนาก็แตกออก
เห็นเช่นนั้น ฉู่โม่วก็ทำได้เพียงส่ายหน้าด้วยความเสียดายเท่านั้น
“เอาเถอะ”
“อย่างน้อยก็ได้มาตั้งเจ็ดจุด ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าก้าวหน้าขึ้นเยอะแล้ว”
“ขืนดึงดันฝึกฝนต่อทั้งที่ตัวเองมีพลังแห่งห้วงมิติเพียงระดับ 4 มีหวังอีก 3 ปีเลยมั้งกว่าจะได้เจตจำนงแห่งกระบี่ 10% มา ไม่คุ้มค่าสักเท่าไหร่…”
ท้ายสุดฉู่โม่วก็ยอมวางมือจากการฝึกฝนไป
ระดับความเข้าใจของเจตจำนงนั้นจะขึ้นอยู่กับระดับพรสวรรค์ที่ผู้ปลุกพลังครอบครองอยู่ นั่นเปรียบเสมือนเพดานในการทำความเข้าใจเจตจำนงพรสวรรค์เลย
ยิ่งพรสวรรค์มีระดับแข็งแกร่งมากขึ้น ระดับในการเข้าใจเจตจำนงพรสวรรค์ก็จะยิ่งสูงขึ้น
เฉกเช่นการที่ฉู่โม่วมีทักษะวิชากระบี่ระดับสูง
ถึงแม้ว่าด้วยระดับนี้มันจะช่วยให้เขาสามารถเข้าถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ได้ก็จริง แต่ถ้าไม่มีโอกาสที่ได้จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น บางทีเขาอาจจะสามารถเข้าใจเจตจำนงแห่งกระบี่ได้เพียงจุดเดียวเท่านั้นก็สุดยอดแล้ว
ดังนั้น ถ้าหากทักษะวิชากระบี่สูงขึ้นไปอีกขั้น หรือสูงขึ้นไประดับสุดยอดได้
บางทีการเข้าใจเจตจำนงแห่งกระบี่ 10% ด้วยตนเองคงไม่ใช่เรื่องฝันไป
เพราะงั้นแล้ว หากไม่ใช่เพราะการได้รับโอกาส ชั่วชีวิตนี้เขาไม่มีทางเข้าใจเจตจำนงแห่งกระบี่ได้เกิน 10% แน่ ๆ
“ต่อไป… ก็เพิ่มความแข็งแกร่งให้ทักษะวิชากระบี่ก่อน”
ฉู่โม่วตัดสินใจ
เขาหยิบเอาผลวิญญาณกระบี่ออกมาจากมิติพกพาแล้วกินมันลงไปทันที
ทันใดนั้น
ภายในร่างกายของฉู่โม่วก็รู้สึกได้ถึงพลังแห่งปราณกระบี่ที่กำลังวิ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง
ขณะเดียวกัน
เสียงของกล้ามเนื้อและกระดูกที่เหมือนจะถูกจู่โจมก็ดังไปทั่วทั้งร่างด้วย
ทักษะวิชากระบี่ของเขา กำลังถูกขัดเกลาแล้ว!
“ได้ผลจริง ๆ ด้วย!”
‘แต่รู้สึกว่าหนึ่งลูกจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่เยอะเท่าไรแฮะ’
ฉู่โม่วคิดกับตนเอง
จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าที่จะหยิบผลวิญญาณกระบี่ออกมาอีกผลแล้วกินตามลงไป
…
สองชั่วโมงให้หลัง
ชายหนุ่มกินผลวิญญาณกระบี่ที่ประมูลมาหมดแล้ว
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทักษะวิชากระบี่ของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นจริง ๆ
แต่ก็แค่เพิ่มขึ้น ไม่ได้เพิ่มขนาดข้ามระดับได้
‘ถ้าอิงจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นนี้… อาจจะต้องใช้ผลวิญญาณกระบี่อย่างน้อย ๆ สามสิบผลสำหรับเลื่อนระดับเลยนะ’
ใบหน้านิ่งเริ่มคิ้วขมวดขณะคิด
ภายหลังจากคิดเสร็จแล้ว เขาก็หยิบเอาขวดหยกที่บรรจุของเหลวแก่นแท้แห่งต้นไผ่กระบี่ดาราสวรรค์ที่ได้จากจ้าวยุทธ์คนสวยคนนั้นออกมา
“คงต้องลองเจ้านี่สักหน่อย… บางทีมันอาจจะให้ผลดีกว่าก็ได้”
ฉู่โม่วเปิดฝาขวดออก ทันใดนั้นกลิ่นของพลังอันบริสุทธิ์ก็หลั่งไหลออกมาปะทะหน้าเขา
ทวาราแห่งกระบี่ทุกแห่งบนร่างกายกำลังสั่นกระเพื่อม ราวกับว่าพวกมันกำลังต้องการบางสิ่งบางอย่าง
อึก
เขาดื่มของเหลวภายในขวดหยกลงไปจนหมดรวดเดียว มันทำให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไผ่กระบี่ดาราสวรรค์ติดอยู่ปลายลิ้น และด้วยความที่มันเป็นของเหลวที่กลั่นมาจากแก่นแท้ของต้นไผ่ ดังนั้นมันจึงออกผลเร็ว เพียงชั่วพริบตาทั่วทั้งร่างของฉู่โม่วก็ถูกคลื่นกระบี่ที่รุนแรงเข้ายึดครองเสียแล้ว
มันเหมือนพยายามจะฉีกร่างเขาออกเป็นชิ้น ๆ
ความรู้สึกจากทั่วร่างที่แล่นขึ้นมากำลังบอกเขาว่า สิ่งนี้กำลังหลอมรวมเข้ากับร่างกายอันเป็นผลมาจากการที่เซลล์เกิดการเผาผลาญอย่างรุนแรง
สิ่งนี้ทำให้ฉู่โม่วถึงกับผงะ
นี่มัน…
หรือว่าจะเป็น…
เขาผงะไปเช่นนี้อีกพักใหญ่ ๆ
จากนั้นก็เลือกที่จะรออย่างมีความหวัง
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
ผลข้างเคียงอันเกิดจากกระบวนการหลอมรวมของแก่นแท้แห่งไผ่กระบี่ดาราสวรรค์ก็หายไปจนหมด
ฉู่โม่วรีบตรวจสอบสถานะของตนเองก่อนเป็นอันดับแรก
[เป้าหมาย : ฉู่โม่ว]
[ระดับร่างกาย : อสนีบาตคงกระพัน]
[พรสวรรค์ : ธาตุไฟระดับ 5, ธาตุดินระดับ 5, วิชากระบี่ระดับสูงสุด, ธาตุลมระดับ 4, พลังแห่งห้วงมิติระดับ 4, ธาตุไม้ระดับ 4, ธาตุน้ำระดับ 4, ธาตุความมืดระดับ 4, ธาตุเหล็กระดับ 3]
เมื่อเห็นว่าวิชากระบี่ของเขาเพิ่มมาเป็นระดับสูงสุดแล้ว ฉู่โม่วก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นไปกับมัน
ในที่สุด!
วิชากระบี่ของเขาก็เพิ่มระดับขึ้นแล้ว!
ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของวิชากระบี่ระดับสูงสุดจะไม่ได้ทำให้เขาสามารถทำให้โลกสั่นสะเทือนได้… แต่นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะมั่นใจว่าผลลัพธ์ของของเหลวแก่นแท้แห่งต้นไผ่กระบี่ดาราสวรรค์นั้นแข็งแกร่งขนาดไหน!
อิงตามคำพูดของจ้าวยุทธ์สาวคนนั้น
ป่าไผ่กระบี่ดาราสวรรค์นั้นยังมีของเหลวเช่นนี้อยู่อีกเยอะ หากกำจัดสัตว์อสูรที่คอยดูแลที่นั่นได้ เขาก็จะสามารถหาของเหลวแก่นแท้แบบนี้ได้อีกจำนวนมหาศาล!
บางทีมันอาจจะช่วยยกระดับวิชากระบี่ให้ขึ้นไปยังระดับสูงเลยก็ว่าได้! เผลอ ๆ อาจจะก้าวข้ามระดับสูงไปได้อีก!
และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ
เขาจะสามารถฝึกฝนเจตจำนงแห่งกระบี่ให้เพิ่มมากขึ้น
ในท้ายที่สุดก็จะสามารถบรรลุเจตจำนงแห่งกระบี่ 100%
แต่…
แม้เธอคนนั้นจะเป็นจ้าวยุทธ์แล้ว แต่ยังเกือบตายเพียงเพราะการโจมตีของสัตว์อสูรที่ปกป้องป่าไผ่นั่นอยู่เลย… บางทีคงจะต้องเป็นสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งสุด ๆ ไปเลยแน่ ๆ
หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ นั่นหมายถึงความแข็งแกร่งของฉู่โม่วในตอนนี้คงยังไม่พอ
ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องโอกาสที่อาจจะสามารถยกระดับวิชากระบี่ให้ขึ้นไปยังระดับสุดยอดได้ มันก็ทำให้ฉู่โม่วคิดว่าอยากจะลองกับความเสี่ยงนี้ดู!
ไหน ๆ ในตอนนี้เขาก็สามารถบรรลุเจตจำนงแห่งห้วงมิติได้เจ็ดจุดแล้ว พลังแห่งห้วงมิติของเขาน่าจะแข็งแกร่งขึ้นมากเลยทีเดียว
หากลองแล้วไม่ได้ผล เขาก็ยังสามารถหนีกลับมาได้
สรุปได้แบบนี้แล้ว ฉู่โม่วก็ตัดสินใจ
“ไปลองให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!”
MANGA DISCUSSION