บทที่ 140 ผลวิญญาณกระบี่ และการประมูลเปิดฉาก!
หนึ่งวันหลังจากนั้น
หอการค้าหยกแก้วส่งจดหมายเชิญเข้าร่วมการประมูลที่ซึ่งบอกเวลา สถานที่และขั้นตอนต่าง ๆ ภายในงานไว้หมดแล้วมาให้
ผู้ที่จะนำสินค้ามาประมูลเป็นเจ้าแรกคือหอการค้าหยกแก้ว พวกเขาจะนำสมบัติบางส่วนมาเข้าประมูลและจะให้เหล่าฐานใหญ่ ๆ ที่เหลือได้ลงขันประมูลร่วมกัน
อันดับถัดมาเป็นของทางฐานอื่น ๆ ที่จะนำมาประมูลร่วมกัน
ขณะที่งานประมูลกำลังดำเนินการนั้น ทุกขั้นตอนจะอยู่ในระดับส่วนตัวกันหมด ดังนั้นแล้วจะไม่มีคนอื่นเข้ามารับชม ซึ่งการันตีได้ถึงความเป็นส่วนตัวของเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่มาร่วมงานในวันนี้
นอกจากนี้
ภายในจดหมายเชิญยังมีรายการสิ่งของบางส่วนที่หอการค้าหยกแก้วตั้งใจจะนำมาประมูลแสดงให้เห็นล่วงหน้าด้วย
ฉู่โม่วดูรายการเหล่านั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน แล้วพบว่ามันประกอบด้วยหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าสนใจ
โสมวิญญาณหมื่นปี หนึ่งในผลวิญญาณที่สามารถช่วยเพิ่มโอกาสที่จะทำให้นายพลเมืองที่อยู่ในระดับสูง สามารถเลื่อนขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้
แล้วยังมีเหล่ากระบวนท่าลับต่าง ๆ สำหรับฝึกวรยุทธ์ ไหนจะมีกระบวนท่าชักนำจิตวิญญาณที่ได้มาจากรอยแยกมิติอีก
ในช่วงบรรทัดล่าง ๆ
ฉู่โม่วก็เห็นว่าพวกเขาตั้งใจจะนำกระบวนท่าระดับทองมาประมูลด้วย!
อย่างไรก็ตาม ภายในจดหมายเชิญนี้ไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดหรือว่าชื่อของกระบวนท่าระดับทองนี้เอาไว้ มันถือเป็นความลับ
บางทีหอการค้าหยกแก้วคงตั้งใจจะทำเช่นนี้อยู่แล้ว เพื่อดึงดูดเหล่าผู้ยิ่งใหญ่จากฐานอื่น ๆ ให้เกิดความสนอกสนใจ
และสิ่งที่น่าสนใจที่สุด
ฉู่โม่วเห็นสมบัติที่ชื่อว่า ผลวิญญาณกระบี่!
ตามที่ได้ระบุไว้ในข้อมูล สมบัติชิ้นนี้จะช่วยเพิ่มพรสวรรค์ด้านวิชากระบี่ให้กับเหล่าผู้ปลุกพลังได้!
“ฉันต้อง… เอาสิ่งนี้มาให้ได้!”
เพียงแค่ได้เห็นคำอธิบาย ลมหายใจของฉู่โม่วก็เริ่มหอบถี่ไม่เป็นจังหวะ
ในตอนนี้ วิธีการหลักในการสังหารของฉู่โม่วก็คือกระบี่ ทว่าระดับวิชากระบี่ที่มีกลับเป็นเพียงระดับสูงเท่านั้น ซึ่งด้วยสิ่งนี้มันค่อนข้างจะขัดกับพลังกายที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ไม่น้อยเลย
ชายหนุ่มพยายามหาหนทางที่จะพัฒนาวิชากระบี่มาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีสิ่งใดช่วยได้เลย
ดังนั้นเมื่อผลวิญญาณกระบี่ปรากฏให้เห็นเบื้องหน้านี้แล้ว เขาไม่มีทางปล่อยมันให้หลุดมือไปแน่ ๆ!
“อีกตั้งหนึ่งเดือนเลยงั้นเหรอ!”
เมื่อเหลือบไปเห็นเวลาที่จะเริ่มจัดงานเป็นอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ฉู่โม่วก็แอบกำหมัดไว้แน่น
ในตอนนี้
เขาอยากให้มันจัดขึ้นพรุ่งนี้เลยจริง ๆ
…
การประมูลครั้งใหญ่ของห้าฐานยักษ์จะถูกจัดขึ้นทุก ๆ ห้าปี
สถานที่จัดงานจะวนเวียนกันไปมาอยู่ระหว่างห้าฐานนี้
และในปีนี้ก็เป็นคราวของฐานจินหลิง โดยมีพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้วเป็นเจ้าภาพตามที่ควรเป็น…
…
หนึ่งเดือนให้หลัง
ฉู่โม่วเดินทางมายังสาขาหลักของหอการค้าหยกแก้วภายในฐานจินหลิงที่ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานประมูล
เพียงแค่เดินเข้าประตูมา
ก่อนที่เขาจะได้เห็นภายในหอการค้าหยกแก้ว พื้นที่แห่งนี้อยู่ภายใต้กฎอัยการศึกแล้ว ดังนั้นเขาจึงเห็นปรมาจารย์ยุทธ์ รวมไปถึงเหล่านายพลเมืองที่มาคอยดูแลพื้นที่แห่งนี้เพื่อให้การประมูลเกิดขึ้นอย่างปลอดภัยและไร้ข้อบกพร่องเต็มไปหมด
“นายท่านฉู่!”
“นั่น ท่านฉู่ผู้ยิ่งใหญ่!”
“สวรรค์! ท่านฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ช่างดูดีเหลือเกิน”
“กระผมไม่คาดคิดเลยว่านายท่านฉู่จะมาที่นี่ในวันนี้ด้วย!”
พลันเมื่อทุกคนที่อยู่ภายในนั้นเห็นฉู่โม่ว พวกเขาต่างก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันขึ้นมาก่อนจะรีบเดินมาทักทายฉู่โม่วด้วยความเคารพ
ไม่เพียงเท่านั้น เหล่าผู้ปลุกพลังหญิงเองก็พูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมด้วย
การมาของเขาทำให้ที่นี่เกิดความครึกครื้นขึ้นไม่น้อยเลย
ทุกคนล้วนแต่หันมองฉู่โม่วด้วยความเคารพนับถือ
ถึงแม้ว่าฉู่โม่วจะยังไม่ได้ขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ในตอนนี้ แต่การที่สามารถกำจัดจ้าวยุทธ์ทั้งสองคนของตระกูลสวี่ได้นั้น แสดงให้เห็นแล้วว่ามีความแข็งแกร่งที่พร้อมจะสยบทุกคนในฐานจินหลิงแห่งนี้ เขาทำให้เหล่าผู้ปลุกพลังทุกคนในฐานจินหลิงตกอยู่ภายใต้อำนาจได้
พูดได้เลยว่า…
ฉู่โม่วในตอนนี้กลายเป็นผู้ปลุกพลังที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในฐานจินหลิงไปแล้ว!
เหล่าผู้ปลุกพลังรุ่นเยาว์อีกมากมายนับไม่ถ้วนเองก็นับถือเขาเป็นไอดอลไปด้วย
และเพราะแบบนี้
มันจึงทำให้…
เมื่อครั้งที่ตำหนักลับแห่งสวรรค์ประกาศรับสมัครผู้ปลุกพลังเพิ่ม ข่าวนี้จึงกระจายไปทั่วฐานอย่างรวดเร็ว พลันเมื่อทุกคนรู้ว่าฉู่โม่วได้ก่อตั้งกองกำลังขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็ล้วนแต่อยากเข้าร่วมกับฉู่โม่วกันทั้งนั้น
เช่นนั้นแล้ว ตำหนักลับแห่งสวรรค์จึงมีผู้ปลุกพลังเข้าร่วมมาถึงหลักพันในเวลาอันสั้น
ถึงอย่างนั้นผู้ปลุกพลังที่เข้ามาสมัครทั้งหมดก็มีช่ายเฟิงคัดกรองก่อนที่จะได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของตำหนักลับแห่งสวรรค์อยู่ดี
หากช่ายเฟิงไม่ทำหน้าที่คัดกรองอย่างถี่ถ้วนแล้วละก็ มีหวังตำหนักลับแห่งสวรรค์ได้ถูกคนร่วมหมื่นคนโถมเข้าเป็นสมาชิกในคราเดียวแน่ ๆ
“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ การประมูลกำลังจะเริ่มในไม่ช้านี้แล้ว ให้ดิฉันพาท่านขึ้นไปด้านบนนะคะ”
ขณะนั้นเอง พนักงานสาวรูปร่างสะโอดสะองเดินเข้ามา เธอมีกลิ่นอายของปรมาจารย์ยุทธ์แฝงซ่อนอยู่ภายในลมหายใจ สาวเจ้ายิ้มหวานให้ฉู่โม่วและเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มฟังดูเสนาะหู
“ได้สิ!”
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วส่งจดหมายเชิญให้อีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ตามเธอไปเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นสถานที่จัดงานประมูล
…
เมื่อฉู่โม่วขึ้นไปถึงโถงชั้นบน เขาก็พบว่าภายในมีผู้ปลุกพลังมากมายมาถึงก่อนหน้าแล้ว ซึ่งแต่ละคนก็มีกลิ่นอายแข็งแกร่งปกคลุมอยู่ด้วย ที่สำคัญยังเป็นถึงจ้าวยุทธ์!
ขณะนั้นแต่ละคนกำลังนั่งอยู่เพื่อรอให้การประมูลเริ่ม และมีคนสองสามคนในกลุ่มเหล่านั้นหันเข้าหากันเองและพูดคุยเสียงเบา
“ท่านฉู่ผู้ยิ่งใหญ่ มาที่นี่ด้วยเหรอครับ!”
ตอนนั้น
กู่ชาง บรรพบุรุษตระกูลเสิ่นและตระกูลโจวที่อยู่ภายในโถงเหลือบไปเห็นฉู่โม่วที่เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ฉู่โม่วพยักหน้าแล้วทักทายกลับ
ผิดกับทางฝั่งจ้าวยุทธ์ที่มาจากฐานอื่นอีกสี่ฐานที่เมื่อมองมายังฉู่โม่ว การที่สัมผัสได้ถึงพลังที่มีระดับเพียงนายพลเมือง มันเลยทำให้พวกเขาเหล่านี้เข้าใจว่าฉู่โม่วอาจจะเป็นนายน้อยในฐานนี้ไปแทน
ทว่าเมื่อเห็นกู่ชางและอีกสามจ้าวยุทธ์หันไปพูดคุยกับฉู่โม่ว โดยที่มองว่าฉู่โม่วเป็นผู้แข็งแกร่งทัดเทียมพวกเขา เผลอ ๆ อาจจะแข็งแกร่งกว่า เหล่าแขกที่เหลือก็แอบรู้สึกประหลาดใจกันเล็กน้อย
จ้าวยุทธ์ทั้งสามคนนี้เคารพนับถือหนุ่มน้อยนายพลเมืองคนนี้จริง ๆ เหรอ?
แท้จริงแล้วเขาคือใครกันแน่?
“ท่านกู่ชาง ท่านนี้คือใครกันงั้นหรือ?”
จ้าวยุทธ์หน้าตาไม่คุ้นเคยเดินตรงเข้ามาแล้วถามคำถามที่เหมือนจะค้างคาใจหลาย ๆ คนอยู่
“ท่านจ้าวยุทธ์ฉางหยวน ให้ข้าแนะนำนะ”
เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นจากแขกผู้มาเยือน กู่ชางก็รีบหันไปผายมือให้ฉู่โม่วแทนการชี้ “ท่านผู้นี้คือ ท่านประมุขฉู่ของตำหนักลับแห่งสวรรค์ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในฐานจินหลิงแห่งนี้นามว่าฉู่โม่ว แต่อย่าได้มองเพียงแค่ว่าเขาเป็นเพียงนายพลเมืองเชียว เพราะถ้ามองย้อนกลับไปแล้ว เขาคือผู้ที่สังหารจ้าวยุทธ์ถึงสองคนด้วยมือตนเองเลย! เช่นนั้นแล้วจึงถือเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของพวกเราเช่นกัน!”
ว่ายังไงนะ!?
ทันทีที่ได้ยินเรื่องที่กู่ชางพูด จ้าวยุทธ์ฉางหยวนก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาจนเห็นได้ชัด
นายพลเมืองที่กำจัดจ้าวยุทธ์ได้ถึงสองคนเลยงั้นเหรอ!?
นี่มันเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ยากอยู่แล้ว!
ดังนั้นเขาจึงอยากจะปฏิเสธเรื่องนี้ในทันที ทว่าตอนนั้นเองดูเหมือนเจ้าตัวจะเริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง
“เดี๋ยวนะ”
จ้าวยุทธ์ฉางหยวนหันมองรอบ ๆ ก่อนที่สีหน้าประหลาดใจจะกลายเป็นสงสัย เขาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดูจะตกใจไม่น้อย “จ้าวยุทธ์สองคนที่ท่านฉู่ลงมือสังหารไป คงไม่ใช่บรรพชนตระกูลสวี่กับท่านสวี่หล่างหรอกนะครับ?”
พลันเมื่อคำถามนี้หลุดออกมา
มันก็เรียกความสนใจของจ้าวยุทธ์คนอื่น ๆ รอบด้านให้หันมามองด้วยความสงสัยและตกใจอย่างพร้อมเพรียงกัน
ในฐานะที่เคยเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลหลักในฐานจินหลิง ตระกูลสวี่ถือว่ามีชื่อเสียงมากอยู่ เพราะงั้นภายหลังจากที่ถูกทำลายไปแล้ว ข่าวคราวเรื่องนี้ก็ได้กระจายไปยังฐานขนาดใหญ่ฐานอื่นที่อยู่ใกล้เคียงนี้ด้วย
ดังนั้น พวกเขารู้อยู่แล้วว่าตระกูลสวี่นั้นถูกทำลายไปแล้ว!
แต่เพราะระยะทางระหว่างฐานใหญ่แต่ละฐานนั้นอยู่ห่างกันค่อนข้างไกล ดังนั้นสิ่งที่เขารู้จึงมีเพียงแค่บรรพบุรุษตระกูลสวี่กับเจ้าตระกูลสวี่ สวี่หล่าง ที่เพิ่งจะเลื่อนขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้ไม่นานถูกสังหารลงไปเท่านั้น
แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือสังหาร
เพราะงั้นแล้วถ้อยคำของกู่ชางจึงทำให้เหล่าจ้าวยุทธ์จากฐานอื่นพูดอะไรกันไม่ออก…
เป็นไปได้งั้นเหรอที่นายพลเมืองหนุ่มคนนี้จะสังหารบรรพชนตระกูลสวี่กับสวี่หล่างได้?
“นี่มันเหลือเชื่อมาก ๆ เลยนะ!”
“นายพลเมืองสามารถฆ่าจ้าวยุทธ์ได้จริง ๆ เหรอเนี่ย?”
“ความห่างพลังของนายพลเมืองกับจ้าวยุทธ์มันไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ มันไม่มีทางเทียบชั้นกันได้หรอก! ลำพังแค่สู้ก็ลำบากแล้ว นี่ถึงขนาดฆ่าเลยเหรอ!?”
“บรรพชนตระกูลสวี่น่ะ เป็นจ้าวยุทธ์มาร่วมสิบปีแล้วนะ! เขาน่าจะมีพลังเทียบเท่าจ้าวยุทธ์ระดับกลางแล้วด้วย…ทะ… ทำไมคนคนนั้นถึงโดนฆ่าได้กัน!”
“เป็นไปไม่ได้! ไม่มีทาง!”
“ขนาดเป็นแค่นายพลเมืองยังเด็ดหัวจ้าวยุทธ์ได้ อนาคตของเขาคนนี้จะเป็นคนที่น่ากลัวได้ขนาดไหนน่ะ!”
เสียงพูดคุยกันดังโหมขึ้นมา
จ้าวยุทธ์มากมายหันมองฉู่โม่วด้วยแววตาที่ตกอกตกใจ พิจารณา ไม่เชื่อและเหลือเชื่อผสมปนเปไปหมด
แต่ไม่ว่าอย่างไร…
สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันก็คือ ความกลัวที่ผุดขึ้นมาหลังรู้เรื่องดังกล่าว
เป็นเพียงนายพลเมืองแต่กำจัดจ้าวยุทธ์ได้ถึงสองคน โดยเฉพาะหนึ่งในสองคนนั้นเป็นถึงบรรพบุรุษตระกูลสวี่ที่อยู่ในขั้นจ้าวยุทธ์มาร่วมสิบปีแล้วด้วย เช่นนี้แล้วจะไม่ให้หวาดกลัวได้อย่างไร?
ถ้าเกิดว่าคนคนนี้เลื่อนขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้ พลังของเขาจะน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว!
…
เมื่อตระหนักได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา ฉู่โม่วก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นหรือไม่สบายตัวแต่อย่างใด
หากเป็นเมื่อครั้งที่ยังอ่อนแอกว่านี้ เขาคงหวาดกลัวหากมีใครมาพูดถึงความแข็งแกร่งของตนให้คนอื่นฟังเช่นนี้
ทว่าเขาในวันนี้ ด้วยพลังกายที่สูงลิ่ว ต่อให้จะมีคนรู้ว่าเขาทำอะไรลงไปและคิดไม่ซื่อใส่ เขาก็ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น
เขามั่นใจ…
…ว่าความแข็งแกร่งของเขามีมากพอที่จะทำให้เหล่าจ้าวยุทธ์ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม และไม่กล้าที่จะมาหาเรื่องเขาอย่างแน่นอน
เพราะงั้นฉู่โม่วจึงกล้าหันไปพูดกับเหล่าจ้าวยุทธ์คนอื่น ๆ ด้วยท่าทีใจเย็นและยอมรับความจริงโดยไม่หวาดหวั่นไปแทน
สิ่งนี้ทำให้จ้าวยุทธ์หลายคนพยักหน้าให้เขาอยู่ลับ ๆ
ชื่อเสียงของเขาจึงเริ่มแพร่ขยายออกไปอีกนิดหน่อยด้วย
เวลาผ่านไป
เหล่าจ้าวยุทธ์คนอื่น ๆ เริ่มมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพียงชั่วพริบตา ภายในโถงขนาดใหญ่นี้ก็มีจ้าวยุทธ์กว่าสามสิบคนมารวมตัวกันแล้ว พวกเขาเหล่านี้ทั้งหมดล้วนแต่เป็นจ้าวยุทธ์ที่มาจากห้าฐานใหญ่รวมถึงฐานจินหลิงด้วย
พักหนึ่ง
เมื่อตรวจสอบและพบว่าจ้าวยุทธ์มากันครบแล้ว ประตูโถงการประมูลก็ปิดลง วงแหวนเวทถูกสร้างขึ้นภายในโถงนี้และปกคลุมสถานที่นี้เอาไว้
เห็นเช่นนั้น
ทุกคนก็หยุดพูดกันแล้วกลับไปนั่งที่ของตน และการประมูลกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
…
ผู้นำการประมูลสาวผู้ที่ซึ่งเป็นนายพลเมืองระดับสูง เธอปรากฏตัวในชุดงดงามสีแดงสด ด้วยใบหน้าและรูปร่างที่สวยมีเสน่ห์ หากพบเจอด้านนอกโถงแห่งนี้ เสน่ห์ของเธอย่อมต้องทำให้หลายต่อหลายคนหลงใหลได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
ทว่าเมื่อมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เธอไม่ต่างอะไรกับกระดาษห่อทอง
ภายหลังจากที่เธอกล่าวถึงการประมูลคร่าว ๆ แล้ว เธอก็ยกแขนขึ้นเพื่อสั่งให้บริกรข้างเวทีนำของประมูลเซตแรกขึ้นมา
“สิ่งแรกที่จะนำมาประมูลในวันนี้… โสมวิญญาณม่วงอายุหนึ่งหมื่นสองพันปีค่า!”
“ด้วยสรรพคุณและความคุ้มค่าของมัน ฉันคงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความแล้ว การที่มันมาอยู่ในงานประมูลนี้ได้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสิ่งนี้หายากขนาดไหน!”
“ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 23 ล้านหินปฐมกาลค่ะ!”
หญิงสาวเปิดกล่องหยกที่อยู่บนเวที และเผยให้เห็นโสมสีม่วงที่อยู่ภายในกล่องที่ซึ่งกำลังปลดปล่อยอณูแห่งชีวิตออกมาแรงกล้า แม้ผู้เข้าร่วมประมูลจะอยู่ไกล แต่ก็สามารถได้กลิ่นของสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน!
มันเป็นคุณสมบัติของเหล่าพืชวิญญาณทั้งหลายอยู่แล้ว ถ้ามันสามารถรอดมาจนถึงอายุขนาดนี้ได้ คุณสมบัติของมันจะสูงมากขึ้นจนประเมินค่ากันได้ลำบากมาก!
และเพราะแบบนั้น โสมหมื่นปีนี้จึงอุดมไปด้วยอณูแห่งชีวิตจนล้น มันเพียงพอที่จะทำให้ผู้ที่ตายไปแล้วกลับมาเป็นศพเดินดินได้เลย หรือถ้าหากคนคนนั้นอยู่ในขั้นปางตาย การสูดดมเอาอณูแห่งชีวิตจากโสมชิ้นนี้เข้าไปก็สามารถทำให้ฟื้นได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน
สามารถพูดได้เลยว่า มันเกือบจะมอบชีวิตใหม่ให้กับผู้ปลุกพลังได้ก็ไม่เกินไปนัก
ถึงแม้ว่าจ้าวยุทธ์จะแข็งแกร่งกันก็จริง แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้อยู่ หากได้โสมวิญญาณหมื่นปีนี้ไปครอบครอง นั่นหมายถึงมันจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตได้เป็นอย่างมากเลย!
ใช่แล้ว
เพราะแบบนี้ บรรยากาศภายในโถงประมูลจึงเดือดพล่านเสมือนว่าได้กลายเป็นหม้อต้มน้ำร้อนไปแล้ว
จ้าวยุทธ์หลายคนต้องการที่จะครอบครองมัน
ซึ่งฉู่โม่วเองก็รู้สึกนิดหน่อย
แต่เขาก็ชิงส่ายหน้าไปก่อน
“โสมวิญญาณหมื่นสองพันปีนี่ก็ไม่เลว แต่ฉันคงไม่ได้ใช้มันหรอก”
นั่นเพราะเขามีพลังของธาตุไม้อยู่แล้ว ด้วยพลังนี้ทำให้สามารถฟื้นฟูสภาพร่างกายของตนเองได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งสมบัติบรรพกาลชิ้นอื่นเลย
ไม่เพียงเท่านั้น
ภายในมิติพกพาของเขายังมีสมบัติบรรพกาลที่ให้ผลคล้ายกับโสมวิญญาณชิ้นนี้อยู่อีกหลายชิ้นด้วย
ถึงอย่างนั้น
แม้ว่าฉู่โม่วจะไม่ต้องการมัน แต่คนอื่น ๆ กลับโหยหามันเป็นอย่างมาก …นั่นเพราะไม่ใช่จ้าวยุทธ์ทุกคนที่จะมีพลังธาตุไม้เป็นของตนเอง
เพราะงั้น ราคาประมูลจึงสูงขึ้นทันที!
MANGA DISCUSSION