บทที่ 139 ควบแน่นกงล้อทองคำปฐมวิญญาณ และการประมูลสุดยิ่งใหญ่!
ภายหลังจากที่ฝังร่างของราชันย์สวรรค์ต้าเหยี่ยนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉู่โม่วก็ออกสำรวจสวนแห่งนี้อย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง และเมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เหลืออะไรที่พลาดไปอีก เขาก็ออกจากเขตแดนลับนี้ไป
ครึ่งชั่วโมงให้หลัง
ภายในห้องที่เงียบสงบห้องหนึ่งของตำหนักลับแห่งสวรรค์
ฉู่โม่วกำลังนั่งขัดสมาธิ
เขาเตรียมตัวที่จะฝึกฝนกระบวนท่าลับแสงสวรรค์ต้าเหยี่ยน
วิธีการฝึกฝนกระบวนท่านี้ประกอบไปด้วย การฝึกฝนการโจมตีด้วยปฐมวิญญาณ การป้องกันและฝึกฝนพัฒนา
ให้ปฐมวิญญาณเป็นพื้นฐาน หากสามารถพัฒนาปฐมวิญญาณได้อย่างต่อเนื่อง คนผู้นั้นจะได้รับผลประโยชน์ที่คาดไม่ถึงอีกมากมายเลยทีเดียว
และถ้าผู้ปลุกพลังสามารถบรรลุศาสตร์การโจมตีและปกป้องปฐมวิญญาณ เขาจะสามารถโจมตีปฐมวิญญาณของศัตรู ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องหวั่นกลัวหากศัตรูหันมาโจมตีปฐมวิญญาณของตัวเขาด้วย!
มันมากพอที่จะทำให้คนคนนั้นเข้าใกล้ความคงกระพันได้เลย!
คิดได้แบบนั้น ฉู่โม่วก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาตั้งสมาธิให้มั่นแล้วเริ่มควบคุมปฐมวิญญาณให้ดี จากนั้นเริ่มฝึกฝนกระบวนท่าลับแสงสวรรค์ต้าเหยี่ยน
ด้วยการฝึกฝน
ฉู่โม่วรู้สึกได้ว่าปฐมวิญญาณกำลังถูกปรุงแต่งใหม่ทีละนิดละหน่อย และกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายพลังซับซ้อนลึกลับออกมา
ขณะเดียวกัน
ทางฝั่งกายหยาบของฉู่โม่ว ปฐมวิญญาณกำลังเปล่งแสงสีทองออกมาจนมันส่องผ่านร่างนี้ออกมาด้วย ราวกับว่าร่างของฉู่โม่วโปร่งแสง และข้างในมีดวงไฟสีทองกำลังส่องแสง
ซู่ ซู่ ซู่
ตลอดเวลา
ความรู้สึกที่ปฐมวิญญาณแข็งแกร่งและควบแน่นขึ้นก็ยังผุดขึ้นมาให้รับรู้เรื่อย ๆ
แสงสีทองที่ส่องสว่างมาจากร่างของฉู่โม่วเองก็สว่างชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
เวลาผ่านไป เพียงชั่วพริบตายี่สิบวันก็ผ่านไปแล้ว
ในวันนี้
ซู่!
ร่างของฉู่โม่วเปล่งแสงสีทองสว่างไสวออกมา จนทำให้ในห้องเรืองรองแทบจะมองไม่เห็นสีอื่นอีกเลย
เสมือนชายหนุ่มได้กลายเป็นหลอดไฟที่ส่องแสงสีทองออกมา สะท้อนทุกสิ่งอย่างให้กลายเป็นสีเดียวกันทั้งหมด
วูบ วูบ
แสงนั้นกะพริบอย่างต่อเนื่อง ช้า ๆ ค่อย ๆ เหมือนกับจังหวะหายใจของมนุษย์
พักใหญ่ ๆ
ประกายแสงสีทองระยิบระยับถึงได้สลายหายไปจนหมด แทนที่ด้วยวงแสงสีทองของร่างปฐมวิญญาณแทน
“สามารถกลั่นสร้างกงล้อทองคำปฐมวิญญาณได้แล้ว! นั่นหมายถึง กระบวนท่าลับแสงสวรรค์ต้าเหยี่ยนกำลังเริ่มพัฒนาตนเองแล้ว!”
เมื่อเห็นวงล้อ แสงฉู่โม่วก็ตาเบิกโตและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอก
กงล้อทองคำปฐมวิญญาณนี้ คือการผสมผสานที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ปฐมวิญญาณรวบรวมพลังและกลั่นออกมา
พลังแก่กล้าที่ปลดปล่อยออกมาในรูปของรัศมีสีทองที่อยู่ด้านหลังศีรษะ แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจนิยามได้!
ในระหว่างการต่อสู้ กงล้อทองคำนี้เปรียบเสมือนเกราะป้องกันที่คอยปัดป้องกระบวนท่าต่าง ๆ ของศัตรูที่จะเข้ามาโจมตีปฐมวิญญาณของเขา
และหากเป็นกรณีที่ผู้ครอบครองตั้งใจจะโจมตีกายจิตของศัตรู
กงล้อทองคำจะเปลี่ยนสภาพเป็นแสงสวรรค์แล้วแผดเผาปฐมวิญญาณของอีกฝ่ายในทันที
เรียกได้ว่ามีประโยชน์สุด ๆ!
‘กระบวนลับแสงสวรรค์ต้าเหยี่ยนนี้เริ่มต้นไม่ยากเท่าไร แต่ถ้าจะให้เข้าใจอย่างถ่องแท้เหมือนจะยากกว่าหลาย ๆ กระบวนท่าเสียอีก’
‘สามารถใช้เวลาสั้น ๆ ในการกลั่นเรียกกงล้อทองคำออกมาใช้ได้ อย่างน้อย ๆ ตอนนี้น่าจะใช้ปฐมวิญญาณโจมตีและป้องกันการถูกโจมตีเข้าที่จิตวิญญาณได้แล้ว’
‘ขั้นต่อไป ต้องหมั่นฝึกฝนและกลั่นพลังบ่อย ๆ แม้จะช้าก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย!’
ฉู่โม่วคิดกับตนเอง
จากนั้นเขาก็หยิบเอากระบวนท่าระดับทองออกมาจากมิติพกพา
มันคือมังกรคำรามแท้จริง!
ในฐานะที่เป็นกระบวนท่าคลื่นเสียงระดับทอง มังกรคำรามแท้จริงนี้ไม่เพียงแต่ทรงพลัง แต่มันยังถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก ๆ เขาค่อนข้างมั่นใจเลยว่าไม่มีใครเคยพบเจอกระบวนท่านี้มาก่อนแน่ ๆ
เมื่อไหร่ก็ตามที่พลาดท่า ประมาท ขาดการป้องกันก็จะทำให้ศัตรูเปิดฉากโจมตีได้ กระบวนท่านี้ถือเป็นการ์ดพลิกเกมได้ดีอย่างหนึ่งเลย!
“เริ่มฝึกเลยก็แล้วกัน!”
ภายหลังจากที่อ่านข้อมูลต่าง ๆ จนถี่ถ้วนแล้ว ฉู่โม่วก็เริ่มฝึกกระบวนท่าคลื่นเสียงในทันที
และในฐานะที่มันเป็นกระบวนท่าระดับทอง แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากที่ผู้ปลุกพลังทั่ว ๆ ไปจะฝึกฝนให้สำเร็จ
แต่สำหรับฉู่โม่วกลับไม่ต่างอะไรกับปอกกล้วยเข้าปาก!
สามวันให้หลัง
เขาสามารถเข้าถึงแก่นแท้และสำเร็จการฝึกฝนมังกรคำรามแท้จริงได้
“ได้เวลาทดสอบสักหน่อยแล้วสิ”
ฉู่โม่วผละตัวออกจากการฝึก เขาอยากจะรู้ว่ากระบวนท่านี้จะมีอานุภาพร้ายแรงขนาดไหนเมื่อได้ใช้จริง
ด้วยความห้องที่เขาอยู่นี้เป็นเพียงห้องเล็ก ๆ การใช้กระบวนท่าคลื่นเสียงอาจจะทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีได้
ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจที่จะออกไปในเขตป่าแทน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
เขาเดินทางมาถึงพื้นที่ที่ห่างไกลจากฐานจินหลิงร่วมสองพันกิโลเมตร
ที่แห่งนี้เป็นป่าหนาทึบ
มีสัตว์อสูรระดับต่ำอาศัยกันอยู่มากมาย เพราะงั้นเมื่อยืนอยู่ภายในป่า เขาจึงได้ยินเสียงคำรามของเหล่าสรรพสัตว์มากมายที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
“น่าจะใช้เจ้าพวกนี้เป็นตัวทดสอบได้อยู่นะ…”
มองไปรอบ ๆ ด้าน
ฉู่โม่วไม่รอช้าที่จะเริ่มทดสอบกระบวนท่าใหม่ทันที
เขากระตุ้นอณูแห่งชีวิตในร่าง ทำให้ทั่วทั้งร่างถูกหุ้มไว้ด้วยพลังที่แข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันนั้นเองก็อ้าปากสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปล่งเสียงออกมา
กรรร!!
เสียงมังกรคำรามดังลั่นพุ่งตรงออกไปราวกับว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากมังกรจริง ๆ!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พื้นที่สั่นสะเทือนรุนแรงและเกิดการระเบิดเป็นจังหวะตามเส้นแนวคลื่นเสียง
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
ฟุ่บ!
คลื่นเสียงนั้นกระจายออกไปร่วม ๆ ห้าสิบเมตร สัตว์อสูรทุกตัวที่อยู่ในระยะสมองมึนตื้อกันในทันที ดวงตาของพวกมันหมุนไปมาก่อนจะล้มตึงลงไปกับพื้นด้วยความงุนงง
ฉู่โม่วกระตุ้นจิตสัมผัสแล้วก็พบว่าในพื้นที่ที่เสียงมังกรคำรามดังไปถึง แม้แต่นกบนฟ้าก็ยังร่วงลงมากองกับพื้น
ไม่มีสิ่งใดขยับตัวได้เลย!
เฉกเช่นเดียวกัน
ต้นไม้ใบหญ้าต่างถูกคลื่นเสียงทำลายเสมือนว่ามีคนเพิ่งมาถางป่าไปด้วย โดยเฉพาะหน้าดินยังพังดั่งกับมีรถไถคันใหญ่วิ่งผ่านไปหมาด ๆ ฝุ่นและควันคลุ้งกระจายไปทั่วบริเวณจนยากที่จะมองด้วยตาเปล่า
พักใหญ่ ๆ
เมื่อกลุ่มควันเริ่มจางหายไป
จากจุดที่ฉู่โม่วยืนอยู่เป็นศูนย์กลาง รัศมีแปดกิโลเมตรรอบตัวถูกถางจนเกลี้ยงเตียน!
ไม่มีสิ่งใดเลยที่สามารถยืนหยัดได้
และในอีกแปดกิโลเมตรถัดออกไป สิ่งที่ควรอยู่รอบ ๆ ตัวเขาก็กระจายไปกองรวมกันราวกับโดนน้ำซัดออกไป จนกลายเป็นซากทับถมเสมือนกำแพงธรรมชาติที่ดูสดใหม่
“น่ากลัวชะมัด!”
“นี่เหรอ พลังของมังกรคำรามแท้จริง!?”
เมื่อมองไปยังผลลัพธ์ของพลัง ฉู่โม่วก็อดไม่ได้ที่จะแสดงความตกใจออกมา
เขาเดินไปดูสัตว์อสูรระดับ 1 และ 2 ที่ล้มอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง
สภาพของพวกมันนั้นดูไม่มีอะไรเสียหายเลยเมื่อมองจากภายนอก ทว่าเมื่อมองลึกลงไปจะพบว่าอวัยวะภายใน ไม่เว้นแต่กะโหลกของสัตว์อสูรเหล่านี้ แตกสลายไปหมดแล้ว
เพียงแค่สัมผัสเบา ๆ ร่างนั้นก็สลายกลายเป็นฝุ่นไปทันที
“อย่างที่คิด… กระบวนท่าระดับทองนี่น่ากลัวมาก ๆ จริง ๆ!”
“ถ้าหากใช้ในการต่อสู้ มันจะต้องทำให้ศัตรูพลาดพลั้งแล้วเสียเปรียบแน่ ๆ!”
ฉู่โม่วพยักหน้า
เขาค่อนข้างพึงพอใจกับพลังของมังกรคำรามแท้จริงเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
…
ภายหลังจากกลับมาถึงฐานแล้ว ฉู่โม่วอยากจะไปคุยกับเฉินซีเวย ทว่าเมื่อพบว่าเธอยังคงฝึกฝนอยู่ เขาจึงล้มเลิกความคิดนั้นไป
ชายหนุ่มเดินทางไปยังตำหนักลับแห่งสวรรค์อีกครั้ง แล้วก็พบว่าที่นั่นเองกำลังง่วนอยู่กับงานเอกสารต่าง ๆ ที่ช่ายเฟิงต้องทำ
ตอนนี้ฉู่โม่วตระหนักได้แล้วว่าตนเองเหมือนจะไม่มีอะไรให้ทำที่นี่จริง ๆ เพราะงั้นเขาจึงเลือกที่จะกลับไปฝึกฝนต่อบ้าง
ขณะนั้น ความแข็งแกร่งของเขามีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเสถียร เขาสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ราว ๆ 30 พลังช้างสารต่อวันหรือมากกว่า นั่นหมายถึงภายในหนึ่งเดือนจะสามารถเพิ่มพลังได้ถึง 1,000 พลังช้างสาร และสามารถเพิ่มได้ถึง 10,000 พลังช้างสารในหนึ่งปี
หากมีคนรู้ถึงอัตราความเร็วที่เขาสามารถใช้เพิ่มพลังได้ล่ะก็ พวกเขาจะต้องช็อกกันอย่างแน่นอน!
ซึ่งด้วยอัตราเร็วนี้ ฉู่โม่วเองก็ค่อนข้างพึงพอใจมาก ๆ เลย
นอกจากนี้
เขายังอยู่ในช่วงฝึกฝนกระบวนท่าลับแสงสวรรค์ต้าเหยี่ยนกับมังกรคำรามแท้จริงอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม กระบวนท่าลับนั้นไม่สามารถสำเร็จในชั่วข้ามคืนแน่ ๆ
ในส่วนของมังกรคำรามแท้จริงก็ไม่จำเป็นต้องรีบฝึกฝนด้วย
หลังจากครุ่นคิดหลาย ๆ เรื่องแล้ว ฉู่โม่วก็ตัดสินใจที่จะกลับไปฝึกฝนคัมภีร์มังกรคชสารอมตะต่อแทน
ถึงแม้ว่าจะสามารถทลายตรวนแห่งกายามาได้ และทำให้พลังกายเพิ่มขึ้นอีกสองร้อยเท่าได้แล้ว
แต่ด้วยความสามารถของฉู่โม่วในปัจจุบัน ภายใต้การกระตุ้นพรสวรรค์หลาย ๆ อย่างขึ้นมาพร้อมกัน เขาจะต้องสร้างพลังกายได้มากกว่าสองร้อยเท่าแน่ ๆ!
นั่นหมายถึงเขาน่าจะสามารถขยายขีดจำกัดของมันได้อีก!
“ไปฝึกฝนคัมภีร์มังกรคชสารอมตะต่อ เผื่อว่าฉันจะทลายตรวนกายาขั้นที่ 2 ได้เร็วขึ้น”
คิดได้ดังนั้น ฉู่โม่วก็หยิบเอายาเม็ดสีม่วงทองออกมาจากกระเป๋า
ยาเม็ดนี้เขาได้มันมาจากห้องปรุงยาของสำนักกระบี่สวรรค์
การจะฝึกฝนคัมภีร์มังกรคชสารอมตะจำเป็นต้องพึ่งยาเม็ดนี้ มันสามารถเร่งพลังของพระสูตรออกมาได้มากที่สุด
และ…
ด้วยความที่ยาเม็ดนี้มีระดับสูงถึง 5 ทวาร ผลลัพธ์จึงสูงกว่ายาย้อนชะตาถึงห้าเท่า แถมยังไม่มีค่าแปรผันตามมาด้วย
เม็ดยาถูกกลืนเข้าไป
ยามที่ผิวยาถูกละลายทิ้ง พลังงานบริสุทธิ์ก็แผ่ซ่านออกมาและท่วมไปทั้งร่างกายของฉู่โม่ว
ชายหนุ่มช่วงชิงจังหวะนี้ไม่ปล่อยให้เสียเปล่า เขาเริ่มใช้คัมภีร์มังกรคชสารอมตะเพื่อขัดเกลาและปรับปรุงกายหยาบในทันที
เวลาไหลผ่านไป
เปลือกตาของฉู่โม่วก็ค่อย ๆ ลืมเปิดขึ้นมา
“ผลลัพธ์ของยาระดับ 5 ทวารนี่เกินคาดจริง ๆ แฮะ… ด้วยพลังของยานี้ ฝึกฝนไปเพียงสิบวันก็ให้ผลดีกว่าฝึกคัมภีร์มังกรคชสารอมตะเพียว ๆ หกเดือนเยอะเลย!”
“แต่…”
“มันใช้เวลาตั้งสิบวันกว่ายาหนึ่งเม็ดจะหมดฤทธิ์ พลังของมันค่อนข้างแอบช้าอยู่นะ…”
เขาขมวดคิ้วน้อย ๆ
ทว่าไม่นานคิ้วของเขามันก็ขมวดยุ่งยิ่งกว่าเดิม
ผลของยาหมดฤทธิ์ช้าเกินไป บางทีอาจจะต้องใช้สมบัติบรรพกาลบางชิ้นเพื่อช่วยเร่งความเร็วในกระบวนการนี้หน่อยเสียแล้ว
ภายหลังจากที่กลับมาจากเขตแดนลับเมฆาคราม ฉู่โม่วได้สมบัติและของมีค่ามามากมาย แถมยังได้สมบัติอีกส่วนหนึ่งรวม ๆ แล้วกว่าหนึ่งแสนหินปฐมกาลจากการทำลายตระกูลสวี่ เรียกได้ว่าสิ่งที่เขายังขาดอยู่ในตอนนี้ ก็มีเพียงสมบัติบรรพกาลที่อุดมไปด้วยพลังแห่งโลกและสวรรค์เท่านั้น!
คิดได้เช่นนั้น
เขาก็รื้อหาสิ่งของจากในมิติพกพา ก่อนจะได้ของสายธารจิตวิญญาณมา ด้วยสิ่งนี้เองมันน่าจะช่วยส่งผลให้การฝึกฝนเห็นผลเร็วขึ้นอีก ดังนั้นแล้ว เขาจึงดื่มมันลงไปอย่างไม่ลังเล
จากนั้นก็กลืนยาเม็ดสีม่วงทองตามลงไป
ชั่วพริบตา
ฉู่โม่วรู้สึกได้ถึงพลังงานบริสุทธิ์มาก ๆ ที่แตกออกมาจากตัวยาใน ครั้งนี้มันรู้สึกได้เร็วกว่าเดิม เพียงไม่นานพลังงานเหล่านั้นก็กระจายไปทั่วร่างกายของเขาแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ฉู่โม่วค่อนข้างพึงพอใจมาก ๆ เลย
เขาหลับตาลงและปล่อยให้พลังของยานั้นขัดเกลาตัวเขาไปเงียบ ๆ
เวลาก้าวผ่านไปช้า ๆ
ในวันนี้
ระหว่างที่ฉู่โม่วกำลังอยู่ในช่วงฝึกฝน เขาก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จนอดไม่ได้ที่จะลืมตาตื่น
เกือบจะทันทีทันใด
เสียงที่เปี่ยมด้วยความเคารพก็ดังขึ้นจากด้านนอก “ประมุขฉู่ ผมช่ายเฟิง มาเพื่อขอพบครับ ”
“เข้ามาได้เลย”
ฉู่โม่วพูดตอบเสียงนิ่ง
ไม่นานนัก ช่ายเฟิงก็เดินเข้ามาแล้วโค้งคำนับให้ฉู่โม่ว
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ฉู่โม่วชิงถามก่อน
“ประมุขฉู่ ก่อนหน้านี้ท่านให้ผมนำสมบัติของตระกูลสวี่ครึ่งหนึ่งไปขาย ตอนนี้การขายและส่งของต่าง ๆ ถูกดำเนินการจนเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ พวกเราได้ยอดในครั้งนี้หกหมื่นหินปฐมกาลครับ!”
“นี่เป็นรายการสิ่งของต่าง ๆ ที่ทำการขายไปครับ ขอประมุขฉู่ช่วยตรวจสอบ”
พูดเช่นนั้น ช่ายเฟิงก็ส่งใบรายการในมือเขาให้ฉู่โม่ว
ฉู่โม่วรับใบรายการนั้นมา และค่อย ๆ กวาดสายตาตรวจสอบทีละรายการอย่างรอบคอบ ภายหลังจากที่ตรวจแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ เขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “นายทำได้ดีมาก ขยันทำงานสุด ๆ ไปเลย”
“นั่นเป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้วครับ”
ช่ายเฟิงพูดตอบ
หลังจากที่เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อขึ้นมา “มีอีกเรื่องหนึ่งครับ คุณหนูหมัวซานซานจากหอการค้าหยกแก้วมาหาประมุขฉู่เมื่อวานครับ”
“คุณหนูหมัวมาหาฉันเหรอ? เธอมีอะไรหรือเปล่า?”
ฉู่โม่วถามด้วยความสงสัย
“เธอแจ้งไว้ว่าฐานจินหลิงและฐานรอบข้างอีกสี่ฐานจะร่วมกันจัดงานประมูลห้าฐานขนาดใหญ่ในรอบห้าปีภายในเดือนหน้าน่ะครับ เธอเลยอยากจะถามทางตำหนักลับแห่งสวรรค์ว่าอยากจะเข้าร่วมประมูลด้วยหรือเปล่า…”
เมื่อช่ายเฟิงพูดจบ สีหน้าของฉู่โม่วก็ดูจะสนอกสนใจไม่น้อย
“การประมูลขนาดใหญ่ที่ห้าฐานใหญ่จัดร่วมกันเหรอ?”
หากเป็นการประมูลทั่ว ๆ ไปละก็ ของที่มาร่วมประมูลก็จะเป็นสมบัติที่ไม่ได้หายากเกินความสามารถอะไรนัก ดังนั้นเขาย่อมไม่สนใจเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
แต่นี่เป็นการประมูลที่ห้าฐานใหญ่ร่วมกันจัดเลย ดังนั้นมีโอกาสที่จะได้พบสมบัติหายากอย่างแน่นอน!
หลังจากที่คิดเช่นนั้นแล้ว ฉู่โม่วก็พูดเสริม “ตอบกลับคุณหนูหมัวเลยว่า ฉันจะเข้าร่วมกับงานประมูลนี้ด้วย!”
“ครับ!”
ช่ายเฟิงพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าฉู่โม่วไม่ได้จะสั่งอะไรเพิ่ม เขาก็โค้งให้ด้วยความเคารพก่อนจะถอยออกไป
MANGA DISCUSSION