บทที่ 131 พลังแห่งมิติเชือดเฉือน และธาตุดินระดับ 5!
“บนพื้นที่รกร้างขนาดย่อมห่างไปจากฐานจินหลิงราว ๆ แปดหมื่นกิโลเมตรงั้นเหรอ…”
ฉู่โม่วอ่านข้อมูลที่อยู่ในมือแล้วพูดเบา ๆ
สถานที่ดังกล่าว คือจุดที่สัตว์อสูรระดับ 6 ถูกพบตัว!
อ้างอิงจากข้อมูลที่หมัวซานซานให้มา สัตว์อสูรตนนี้คือกิ้งก่าสายฟ้า!
สาเหตุที่ทำให้พวกเขาเจอเข้ากับสัตว์อสูรระดับ 6 ตนนี้ ก็เพราะว่าขบวนคาราวานพ่อค้าของหอการค้าหยกแก้วเผอิญไปพบมันเข้าขณะเดินทางไปยังฐานลู่หยาง การจู่โจมของสัตว์อสูรตนนี้ทำให้มีกำลังคนและสินค้าเสียหายไปเป็นจำนวนมาก
ทางพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้วคาดเดาไว้ว่า สัตว์อสูรระดับ 6 ตนนี้น่าจะลี้ภัยมาจากที่อื่น และคิดจะใช้พื้นที่บริเวณนี้ตั้งถิ่นฐานในระยะยาว
“สัตว์อสูรระดับ 6 กิ้งก่าสายฟ้า น่าจะมีพลังของธาตุดินระดับ 5 อยู่… ถ้าฉันสามารถกลืนกินมันได้ละก็ พลังป้องกันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกแน่!”
“บางทีคราวนี้ การโจมตีของจ้าวยุทธ์ก็อาจจะไม่สามารถทะลวงผ่าเกราะป้องกันของฉันเข้ามาได้เลยก็ได้!”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฉู่โม่วก็ตัดสินใจที่จะไปฆ่ามันด้วยตนเอง
“ฉันรับภารกิจนี้เอง!”
เขาตอบกลับไปตรง ๆ
“ผิวของกิ้งก่าสายฟ้านี้หยาบและหนามาก แม้แต่ผู้ปลุกพลังระดับเดียวกับมันยังยากที่จะเจาะทะลุผิวหนังทะลุเข้าไปได้ ตามปกติแล้วถ้าเจอกับเจ้ากิ้งก่าสายฟ้านี่ พวกเขาล้วนเลือกที่จะหนี… ฉู่โม่ว นายจะไปคนเดียวจริง ๆ เหรอ? อยากให้ฉันไปขอให้บรรพบุรุษของฉันไปกับนายด้วยไหม?”
เมื่อฟังคำตอบรับของฉู่โม่ว หมัวซานซานก็พูดถามด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร ภารกิจนี้ฉันทำคนเดียวได้ สบาย ๆ!”
ฉู่โม่วโบกมือไปมาแล้วพูดอย่างมั่นใจ
แน่นอนว่าเขาไม่อาจจะให้บรรพบุรุษของตระกูลหมัวตามเขาไปด้วยอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นแล้วมันคงจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาหากจะใช้ระบบกลืนกินกับเป้าหมาย
“ถ้างั้น… นายต้องระวังตัวดี ๆ นะ!”
หมัวซานซานกล่าวเตือน
“ไม่ต้องห่วง อีกแป๊บเดียวฉันก็กลับมาแล้ว”
หลังจากที่รับภารกิจแล้ว ฉู่โม่วก็ออกจากสาขาใหญ่ของหอการค้าหยกแก้วเพื่อกลับบ้านไปบอกเรื่องนี้กับเฉินซีเวย จากนั้นเขาก็ออกจากฐานไป
…
ฟิ้ว!
เสี่ยวจินกระพือปีกสีทองอร่ามเพื่อพาตนเองพุ่งเข้าไปในหมู่เมฆ
ร่างขนาดใหญ่นี้บินฝ่ามวลเมฆมาตลอดทาง เพียงไม่นานมันก็พาฉู่โม่วมายังพื้นที่รกร้างขนาดเล็กที่ด้านนอกฐานจินหลิงเป็นที่เรียบร้อย
ถึงแม้ว่าตามที่บันทึกไว้ ที่นี่ถือเป็นพื้นที่รกร้างขนาดเล็ก แต่นั่นก็แค่วัดจากเกณฑ์
อันที่จริง สิ่งที่ถูกเรียกว่าพื้นที่รกร้างขนาดเล็ก มันก็มีอาณาเขตร่วม ๆ พันกิโลเมตรเลย ยิ่งช่วงก่อนที่โลกจะเปลี่ยนแปลง ที่นี่ถือเป็นทะเลทรายที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ โดยปราศจากผู้อยู่อาศัย
ดังนั้น แม้โลกจะเปลี่ยนไปแล้ว ทว่ามันยังคงสภาพความเป็นทะเลทรายเอาไว้ พืชไม้สีเขียวกลับกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากในพื้นที่แห่งนี้แทน
สัตว์อสูรที่มีถิ่นอาศัยอยู่ในทะเลทรายนั้นสามารถพบเห็นได้ทั่วไป อย่างเช่น งู แมงป่อง เป็นต้น
แต่สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนเป็นระดับต่ำ
เมื่อพวกมันตระหนักได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งของฉู่โม่ว พวกมันก็พากันหนีไปหมด
ยังไงเสียฉู่โม่วก็ไม่ได้ใส่ใจสัตว์อสูรเหล่านี้อยู่แล้ว เขากระตุ้นจิตสัมผัสให้ปกคลุมพื้นที่หลายสิบกิโลเมตรรอบตัว เพื่อค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่บริเวณนี้
ด้วยความเร็วของเขา มันใช้เวลาเพียงชั่วโมงก็สามารถสำรวจพื้นที่ทั่วทั้งเขตพื้นที่รกร้างนี้ได้หมดแล้ว
เช่นนั้น
เขาจึงสามารถหาที่ซ่อนของกิ้งก่าสายฟ้าเจอได้อย่างรวดเร็ว
ภายในพื้นที่สวนหินของทะเลทรายแห่งนี้ ฉู่โม่วพบร่างของกิ้งก่าขนาดใหญ่ที่ประเมินจากสายตาแล้วน่าจะยาวหลายสิบเมตร
ไม่ผิดแน่!
เจ้านี่คือสัตว์อสูรระดับ 6 กิ้งก่าสายฟ้า!
รอบ ๆ ตัวมันมีกิ้งก่าขนาดเล็กกว่าอีกราว ๆ สิบกว่าตัว
ความแข็งแกร่งของมันอยู่ที่ราว ๆ สัตว์อสูรระดับ 4-5 เท่านั้น
“ดูท่าเจ้าสัตว์อสูรระดับ 6 ตัวนี้จะไม่ได้อพยพมาแค่ตัวเดียวแฮะ คงจะหนีมากันทั้งฝูงเลยมั้งเนี่ย”
ฉู่โม่วพูดเบา ๆ
ถึงแม้ว่าสถานการณ์เบื้องหน้านี้จะผิดไปจากข้อมูลที่ได้รับมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไรมากมายนัก
ปัจจุบันนี้
ด้วยพลังของเขา สัตว์อสูรระดับ 4 หรือ 5 ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามอีกต่อไปแล้ว
ปราศจากการลังเล ฉู่โม่วกระตุ้นธาตุลมในร่างให้ทำงาน จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่กิ้งก่าสายฟ้าตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
กรร!
พลันเมื่อฉู่โม่วเริ่มเข้าใกล้
กิ้งก่าสายฟ้าก็สัมผัสได้ถึงพลังของเขาและลืมตาตื่นขึ้นมาทันที มันส่งเสียงคำรามดังลั่น
เหล่ากิ้งก่าตัวเล็กอีกสิบกว่าตัวตื่นขึ้น พวกมันวิ่งไปทั่วจนเกิดฝุ่นทรายมากมายฟุ้งขึ้นมา
ฝุ่นเหล่านี้ปกคลุมพื้นที่บริเวณรอบข้างของฉู่โม่วจนยากที่จะมองเห็นได้ชัด จะมีก็แต่เจ้าของพื้นที่อย่างกิ้งก่าสายฟ้าเท่านั้น ทันทีที่มันเห็นร่างของฉู่โม่วอยู่ในฝุ่นทราย มันก็ให้บรรดาพรรคพวกกระจายตัวไปห้อมล้อมฉู่โม่วไว้ หมายจะจัดการโทษฐานบุกเข้ามายังถิ่นของมัน!
อย่างไรก็ตาม
ชิ้ง!
ฉู่โม่วชักกระบี่ออกจากฝัก ทันใดนั้นสายลมที่พ่วงมาด้วยสายฟ้าก็ปะทุออกมาจากทั่วทั้งร่าง มันหมุนวนไปมารอบร่างของเขาราวกับกำลังจะเกิดพายุหมุนที่ดึงทุกสิ่งอย่างรอบตัวให้เข้ามาข้างใน
คลื่นกระบี่ผสานเข้าไปในพายุอสนีบาตนี้ มันสะบั้นหัวของเหล่ากิ้งก่าขนาดเล็กที่ถูกดูดเข้ามาได้ก่อนที่พวกมันจะรู้สึกตัวเสียอีก เลือดสีแดงที่ออกมาจากลำคอที่ไร้หัวตกท่วมไปทั่วพื้นที่ เสมือนว่ากำลังมีฝนตกเป็นเลือด!
เหล่าสัตว์อสูรขนาดเล็กนี่ไม่ได้ถือเป็นปัญหาอะไรสำหรับฉู่โม่วอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องกระตุ้นพลังอื่นเพิ่มก็รับมือได้สบาย ๆ
ภายหลังจากที่กำจัดลิ่วล้อกิ้งก่าไปหมดแล้ว ฉู่โม่วก็พุ่งเข้าใส่กิ้งก่าสายฟ้าที่เป็นจ่าฝูง
กรร!
พลันเมื่อเห็นว่าไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้จัดการลูกฝูงไปหมดแล้ว สัตว์อสูรระดับ 6 ตนนี้ก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
เสียงคำรามในรอบนี้ของมันสร้างคลื่นเสียงพุ่งตรงมาด้วย คลื่นเสียงนี้พัดเอา หิน ดินและทรายที่อยู่บนพื้นให้ลอยตามมาราวกับเป็นกระสุนขนาดเล็กเข้าใส่ฉู่โม่ว
เทเลพอร์ต!
ฉู่โม่วใช้พลังแห่งห้วงมิติ กระโจนหลบเข้าไปในช่องว่างมิติเพื่อหลบการโจมตี ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งที่ด้านหน้ากิ้งก่าสายฟ้าในแทบจะทันทีหลังจากที่หลบการโจมตีได้แล้ว เขาก็ฟาดกระบี่ลงไป
เคร้ง!
ด้วยเสียงที่เหมือนแท่งเหล็กฟาดลงไปบนทองคำนี้
เขาสามารถรับรู้ได้ผ่านคมกระบี่ที่สั่นเทาเลยว่ากระบี่ฟันไม่ทะลุผิวหนังของเจ้ากิ้งก่านี่! มันทำได้เพียงสร้างรอยขีดข่วนเล็ก ๆ เท่านั้น!
สิ่งนี้ทำให้ฉู่โม่วอดตกใจไม่ได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะใช้เพียงกระบี่วายุอสนีบาต แต่ด้วยพลังกายที่สูงลิ่วของเขา ณ ปัจจุบัน ผนวกกับเจตจำนงกระบี่ 50% การฟาดฟันเมื่อครู่ควรจะสร้างพลังทำลายมหาศาลได้แล้ว
ต่อให้เป้าหมายเป็นจ้าวยุทธ์ เขาก็ยังต้องมีบาดเจ็บหนักถึงขั้นเลือดตกยางออกบ้าง
ทว่าเจ้ากิ้งก่าสายฟ้านี่กลับไม่มีแม้แต่บาดแผลอะไรเลย!
‘พลังป้องกันสูงอะไรขนาดนี้เนี่ย!’
ฉู่โม่วคิดกับตนเอง
เขาเริ่มตั้งท่าสำหรับใช้คมกระบี่สวรรค์เร้นลับ ขณะเดียวกันก็กระตุ้นพลังกายขั้นสูงสุดเอาไว้ด้วย เลือดและอณูแห่งชีวิตภายในร่างของเขาเริ่มวิ่งไปมาอย่างบ้าคลั่ง ทันทีที่พลังเพิ่มมากถึงสองร้อยเท่า ฉู่โม่วก็ฟาดฟันลงไปอีกครั้ง
ฉั้วะ!
ครั้งนี้…
คลื่นกระบี่ที่มีพลังทำลายล้างสูงสามารถฟันทะลุผิวของกิ้งก่าสายฟ้าได้
แต่ถึงอย่างนั้น บาดแผลที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก มันยาวเพียงครึ่งเมตรและไม่ได้ลึกอะไร
เทียบกับร่างกายที่ยาวร่วมสิบเมตรของมันแล้ว แผลนั้นไม่ต่างอะไรกับรอยมีดบาดเลย!
เมื่อเห็นพลังป้องกันระดับสุดยอดเช่นนี้ ฉู่โม่วกลับไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังอะไรเลย กลับกันเขากำลังรู้สึกเป็นสุขมาก ๆ
ยิ่งกิ้งก่าสายฟ้าตัวนี้มีพลังป้องกันสูงขนาดไหน มันก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าพลังธาตุดินของมันสูงมาก ๆ ไปด้วย
หลังจากที่กำจัดมันได้ ความสามารถของเขาจะต้องสูงขึ้นอีกมากเป็นแน่
“แม้จะไม่มีทางกำจัดมันในกระบี่เดี่ยวได้ แต่ถ้าค่อย ๆ สะสมบาดแผลให้มันได้เรื่อย ๆ ก็ยังคงพอจะมีทางอยู่บ้าง!”
“คงต้องเหนื่อยกันหน่อยล่ะนะ! …อ่ะ”
ก่อนที่จะตัดสินใจใช้กระบวนท่าเดิมซ้ำไปอีกครั้ง ฉู่โม่วก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้เสียก่อน
“จริงสิ… ยังเหลือเจ้านั่นที่ยังไม่เคยลองเลยนี่นา”
เขาครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจที่จะนำกระบวนท่ามิติเชือดเฉือนที่ซึ่งยังไม่เคยใช้มาก่อนมาทดสอบกับกิ้งก่าตนนี้
ขณะเดียวกันนั้น
เพราะบาดแผลที่ฉู่โม่วสร้างไว้ ตัวของกิ้งก่าสายฟ้าจึงเคลื่อนที่ช้าลงเพราะความเจ็บปวดด้วย
ด้วยความที่มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 6 ดังนั้นจึงไม่คาดคิดเลยว่า ‘มด’ ในสายตาจะสร้างบาดแผลบนร่างมันได้ เพราะงั้นมันจึงปะทุความโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอีกระลอก!
กรรรรร!
เสียงคำรามที่ดังก้องกว่าเดิมสั่นสะเทือนพื้นดินโดยรอบ
ฉู่โม่วรับรู้ได้เลยว่าพื้นดินบริเวณทั่วพื้นที่รกร้างนี้กำลังจะแยกออก เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่มาจากเบื้องล่างอย่างชัดเจน
กิ้งก่าสายฟ้านี่คิดจะลากเขาลงไปใต้ดิน! มันตั้งใจจะใช้การอัดกระแทกของชั้นหินใต้ดินบดเขาจนตาย!
แววตาของฉู่โม่วหรี่แคบ และเขาไม่ลังเลที่จะใช้พลังแห่งห้วงมิติเพื่อส่งตนเองขึ้นไปในอากาศทันที
จังหวะนั้น
พริบตาเดียวกับที่เขาเริ่มตั้งฝ่ามือ พลังมหาศาลที่หลั่งไหลออกมาจากมิติรอบตัวก็ค่อย ๆ เพิ่มปริมาณมากขึ้น
มันค่อย ๆ รวบรวมจนกลายสภาพเป็นคมกระบี่ขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง คมกระบี่ยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า
“พิฆาต!”
ไม่มีการรีรอ ฉู่โม่วตวัดมือไปข้างหน้าเพื่อสั่งให้คมกระบี่จากมิติพุ่งเข้าใส่เป้าหมาย
ทันทีทันใด
รอยปริแตกสีดำก็ปรากฏขึ้นบนหลังของกิ้งก่าสายฟ้า ชิ้นเนื้อบริเวณนั้นหายไปเลยก่อนจะถูกเติมเต็มด้วยเลือดสีแดงที่ทะลักออกมาราวกับน้ำพุสีแดง
กรรรรร!
ด้วยรอยแผลขนาดใหญ่นี้มันทำให้กิ้งก่าสายฟ้าทุรนทุรายจากความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก มันกลิ้งไปมาบนพื้นดินเพื่อบรรเทาความเจ็บนี้ไปพลาง
ยามที่ได้เห็นพลังที่น่ากลัวของมิติเชือดเฉือน ดวงตาของฉู่โม่วก็ส่องประกาย เขาไม่รอช้าที่จะรวบรวมพลังแห่งมิติอีกครั้งเพื่อปล่อยคมกระบี่ห้วงมิติออกไปอีกรอบ
ฟุ่บ!
ด้วยการตวัดมืออีกครั้งนี้ คลื่นกระบี่พุ่งตรงออกไปโดยมีเป้าหมายเป็นคอของกิ้งก่าสายฟ้าโดยตรง
ทว่าสัตว์อสูรระดับ 6 ตนนี้ราวกับรับรู้ได้ถึงภัยอันตรายที่กำลังพุ่งเข้ามา มันรีบหันหัวหลบด้วยสัญชาตญาณและทำให้รอดตายจากการโจมตีระลอกใหม่ได้อย่างหวุดหวิด
แต่แม้หัวมันจะหลบพ้น หางของมันก็ยังพลาดโดนคมกระบี่ห้วงมิติปาดทิ้งไปอยู่ดี
ความเจ็บปวดที่มาจากการที่หางถูกตัดขาด ทำให้มันตระหนักได้แล้วว่ามนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่สิ่งที่ง่ายต่อการต่อกรด้วยเลย
มันกำลังกลัวว่าจะต้องตายด้วยเงื้อมมือของคนคนนี้!
เพราะงั้นแล้ว
เมื่อมันเห็นฉู่โม่วรวบรวมพลังแห่งมิติเพื่อที่จะใช้คมกระบี่ห้วงมิติอีกครั้งหนึ่ง แววตาของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวพร้อมกับร้องโอดครวญออกมา
“อยากให้ปล่อยไปงั้นเหรอ?”
มืออีกข้างของฉู่โม่วขยับตั้งขึ้นมาราวกับกำลังจับอะไรอยู่
ซู่…
คลื่นมิติที่มองไม่เห็นถูกปล่อยออกไป ไม่ว่ามันจะกระทบเข้ากับสิ่งใด สิ่งเหล่านั้นก็จำต้องแข็งนิ่งกันหมด
กิ้งก่าสายฟ้ารับรู้ได้ถึงภัยอันตรายที่มองไม่เห็นอีกครั้ง มันหมายจะมุดลงดินไปแต่มันก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคลื่นมิตินั้นได้พุ่งผ่านร่างมันไปแล้ว ผืนดินเบื้องล่างของมันแข็งทื่อราวกับถูกแปรสภาพเป็นแผ่นเหล็กกล้าจนยากที่จะทลายลงไป
ไม่นานนัก…
แม้แต่ร่างของมันเองก็ยังรู้สึกขยับยากขึ้น
ไม่เพียงแค่ร่างที่ขยับยาก ลำพังเพียงหายใจก็ยังลำบาก!
นี่คืออีกหนึ่งความสามารถของพลังแห่งห้วงมิติ …มิติคุมขัง!
กรรร…
สัตว์อสูรที่เจ็บแสบไปทั้งตัวพยายามจะหลบหนีต่อไป แต่มันก็ยังคงไม่สามารถทำได้เช่นเดิม เพราะงั้นในแววตาจึงเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง
ขณะนั้น
ฉู่โม่วก็ปล่อยพลังห้วงมิติครั้งที่สามออกมาแล้ว
ไม่มีทางรอดสำหรับกิ้งก่าสายฟ้าตนนี้อีก หัวของมันร่วงลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างง่ายดาย
ฟู่…
ภายหลังจากที่สังหารอสูรตนนี้ได้ ฉู่โม่วก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เขาค่อย ๆ ทรงตัวยืนกับพื้นแล้วเดินไปยังซากไร้วิญญาณของกิ้งก่าสายฟ้า
“กลืนกิน”
ไม่มีการรั้งรอ ฉู่โม่วยื่นฝ่ามือออกไปด้านหน้าแล้วพูดเสียงเบา
[กลืนกินเสร็จสิ้น!]
[ได้รับธาตุดินระดับ 5!]
[ต้องการหลอมรวมหรือไม่?]
พลังธาตุดินระดับ 5 เลยงั้นเหรอ?
ความประกลาดใจปรากฏขึ้นในแววตาของฉู่โม่ว
แต่นี่ก็ทำให้เขาโล่งใจด้วยเช่นกัน เพราะถ้าไม่ใช่ธาตุดินระดับ 5 แล้วมันคงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่กิ้งก่าสายฟ้าตนนี้จะสามารถรับมือกับคมกระบี่สวรรค์ได้!
“หลอมรวม!”
ฉู่โม่วพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
นี่ถือเป็นพลังธาตุระดับสูงกว่าทั่วไป ถ้าหากเขาหลอมรวมไปแล้ว พลังป้องกันของเขาจะเพิ่มได้ถึงขนาดไหนกันนะ?
ระหว่างที่คิดเช่นนั้น
จู่ ๆ
ความเจ็บปวดทีก่อตัวขึ้นมาจากส่วนลึกที่สุดในร่างกาย ก็เทท่วมไปทั้งกายหยาบและจิตวิญญาณแรกเริ่มของเขา
ฉู่โม่วพยายามกัดฟันแน่นและอดทนมันไว้ให้ได้
เม็ดเหงื่อขนาดเท่าเม็ดทั่วไหลย้อยลงมาจากที่หน้าผากของเขา และเพียงไม่นาน ผืนทรายเบื้องล่างที่เคยแห้งแร้งก็เริ่มแทนที่ด้วยแอ่งน้ำขนาดเล็กแล้ว
หากเขาไม่ใช่ผู้ปลุกพลังแล้วละก็ บางทีตอนนี้ฉู่โม่วอาจจะตายเพราะเสียน้ำมากไปแล้วก็ได้
พักใหญ่ ๆ
ในที่สุดความเจ็บปวดก็จางหายไปจนหมด
และนี่เอง ก็หมายถึงการหลอมรวมพลังใหม่เสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน!
ภายหลังจากได้ฟื้นความเหนื่อยล้าแล้ว ฉู่โม่วก็ตรวจสอบสถานะของตนเองเป็นอันดับแรก
MANGA DISCUSSION