บทที่ 129 ตระกูลสวี่ถูกทำลาย และสามตระกูลหลักแสดงความภักดี!
“ก็ได้ งั้นข้าจะสู้กับเจ้าเอง!”
ท่ามกลางความสิ้นหวัง บรรพบุรุษตระกูลสวี่แสดงสีหน้าหนักอึ้งออกมาและเตรียมที่จะสู้กับฉู่โม่วอีกครั้งหนึ่ง
เขารวบรวมพลังอณูแห่งชีวิตและกระตุ้นเลือดลมจากทั่วร่าง ในขณะเดียวกันก็ใช้กระบวนท่าลับระเบิดอณูแห่งชีวิตที่ทำให้ตัวเขาเองแข็งแกร่งขึ้นด้วย กระบวนท่านี้จะสร้างเป็นกลุ่มก้อนพลังอันมหาศาลทำลายทั้งเขาและฉู่โม่วไปพร้อม ๆ กัน
ทว่า…
แผนการกลับล่มตั้งแต่ที่ฉู่โม่วเหลือบมอง
ฟู่ว…
ทวาราแห่งกระบี่ทั้ง 365 จุดทั่วร่างกายของฉู่โม่วสั่นสะเทือนอย่างพร้อมเพรียงกัน เช่นเดียวกับลมปราณและอณูแห่งชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายก็กำลังเดือดพล่าน
อณูแห่งชีวิตที่แกร่งกล้าไหลไปรวมกันอยู่ที่เส้นลมปราณแล้วเคลื่อนไปเกาะกลุ่มกันที่มือขวา!
ขณะเดียวกัน
พรสวรรค์ต่าง ๆ ก็ถูกสั่งใช้งาน
มันทำให้พลังกายของฉู่โม่วเพิ่มขึ้นสูงไปอีกกว่าสองร้อยเท่า!
จากนั้นเขาก็ฟาดฟันกระบี่ลงไป!
ในชั่วพริบตา
คลื่นกระบี่จำนวนมากปรากฏขึ้นกลางอากาศ มันพุ่งเข้าใส่บรรพบุรุษตระกูลสวี่ราวกับสายลมที่โหมกระหน่ำ
เพียงแค่การแกว่งกระบี่ครั้งเดียว ฟากฟ้าครึ่งหนึ่งก็ปรากฏแสงสว่างระยิบระยับราวกับประกายแสงดาวที่ส่องสว่างแม้จะเป็นกลางวัน คลื่นกระบี่เหนือประมาณพุ่งผ่านน่านฟ้า มันมากพอที่จะทำให้ทั่วทั้งฐานจินหลิงสังเกตเห็นสิ่งนี้ได้ไม่ยากเลย
แม้จะรับรู้ได้ถึงคลื่นกระบี่มหาศาลที่ล่องลอยอยู่บนฟ้า ทว่าบรรพบุรุษตระกูลสวี่นั้นกลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่จะต้านทานมันไว้!
ฉั้วะ!
เสียงกล้ามเนื้อถูกตัดขาด
ร่างของบรรพบุรุษตระกูลสวี่นิ่งแข็งไปกลางอากาศ สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเช่นเดียวกับดวงตาที่เบิกกว้าง
เขามองไปยังฉู่โม่วราวกับจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้พูดออกมา
กลับกันยังคงยืนนิ่งอยู่กลางอากาศเช่นนั้น โดยไม่ไหวติงอะไรทั้งสิ้น
“บรรพบุรุษตระกูลสวี่กำลังทำอะไรน่ะ?”
“ทำไมเขาไม่ขยับเลย?”
ภาพที่เห็นนี้ทำให้เหล่าผู้เฝ้าดูรู้สึกแปลกใจ พวกเขาหลุดพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
และในตอนนั้น
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ทุกคนได้ยินเสียงของเหล็กที่กระทบกระทั่งกันไปมาก่อนที่มันจะหายไป และเกิดความสงสัยบางอย่าง ทว่าความสงสัยก็ถูกคลายลงก่อนที่จะได้ถามกันเอง ร่างของบรรพบุรุษตระกูลสวี่เริ่มสั่นเทา บริเวณลำคอของเขามีเลือดปริมาณมากเริ่มหลั่งไหลราวกับเขื่อนทะลัก
ไม่นานทั่วทั้งร่างก็มีเลือดซึมออกมา!
เพียงชั่วพริบตา เสื้อผ้าของชายชราก็เต็มไปด้วยเลือดเสียแล้ว!
เมื่อเห็นเช่นนั้น
ทุกคนที่ได้เห็นต่างตกตะลึงและตาเบิกกว้างไม่ต่างกันนัก
“นะ… นี่มัน… กระบวนท่าอะไร… กันแน่…!?”
สีหน้าของบรรพบุรุษตระกูลสวี่ซีดเผือดลง ดวงตาเบิกกว้าง เขามองมายังฉู่โม่วที่อยู่ตรงหน้า และในท้ายที่สุดก็พูดบางอย่าง
“คมกระบี่สวรรค์เร้นลับ…”
ฉู่โม่วครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง…
“ค… คม… กระบี่… สวรรค์…”
ชายชรายกมือขึ้นชี้ฉู่โม่วด้วยความยากลำบาก เขาพยายามพูดต่อ
ทว่าเพียงแค่อ้าปาก เลือดมากมายก็หลั่งไหลออกมาเสียแล้ว แขนของเขาสั่นเทา และในที่สุดมันก็ตกลงไปข้างลำตัวด้วยความอ่อนแรง
ลมหายใจของคนผู้นี้ติด ๆ ขัด ๆ จนกระทั่งร่างของจ้าวยุทธ์ชราก็ไร้ซึ่งพลังให้ลอยอยู่บนอากาศต่อ เขาดิ่งลงไปกับพื้นอย่างช่วยอะไรไม่ได้เลย
ดวงตาที่ผ่านโลกมามากเหลือบมองกลับไปยังท้องฟ้าที่สดใส และดวงอาทิตย์ที่ส่องลงมา
ฟากฟ้ากว้างใหญ่ มวลเมฆสีขาวสะอาดตา
สายลมเบาบางและแสงอาทิตย์อันอบอุ่น
นี่ช่างเป็นภาพทิวทัศน์ที่งดงามเสียจริง ๆ ทั้งที่เขามักจะใช้เดินเหินผ่านท้องฟ้าไปไหนมาไหนอยู่ตลอด แต่ในเวลานี้ภายใต้สายตาของบรรพบุรุษตระกูลสวี่ที่ชินชากับวิวฟากฟ้ากลับรู้สึกว่ามันช่างไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
ข้าไม่ได้… มองท้องฟ้าเช่นนี้มานานเพียงใดแล้ว?
เลือดสีแดงยังคงไหลออกจากปากของเขาอย่างต่อเนื่อง
เวลานี้เป็นช่วงฤดูร้อนของฐานจินหลิง ใช่แล้ว! เขาสัมผัสได้ถึงสายลมที่อบอุ่น ทว่าทั่วทั้งร่างกายกลับรู้สึกเย็นยะเยือก ความรู้สึกที่เหมือนกับเมื่อยังเด็ก ยังคงไร้ซึ่งวรยุทธ์แล้วพลาดพลั้งตกลงไปในแม่น้ำขณะวิ่งเล่นยามฤดูหนาว มันช่างหนาวเหน็บจริง ๆ…
ไม่มีการห้ามเลือดใด ๆ ทั้งสิ้น
มันยังคงไหลออกพร้อม ๆ กับพลังชีวิตที่หมดลงไปอย่างรวดเร็ว
ภาพจำในอดีตต่างหวนย้อนกลับมา
ความหยิ่งทระนง ความหวัง การโดนหักหลัง… ประสบการณ์ชีวิตมากมาย
แต่แล้วภาพทุกอย่างก็เบลอหายไป เขาเริ่มจะมองไม่เห็นแม้แต่แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ดวงโตที่อยู่เบื้องหน้า
แน่นอนว่าเขารู้ดี
ชีวิตของเขาจบลงแล้ว…
วินาทีก่อนที่ดวงตาของชายชราจะหลับไปตลอดกาล หางตาก็เหลือบไปเห็นซากปรักหักพังของคฤหาสน์ตระกูลสวี่ ที่ไม่เพียงแค่ตัวคฤหาสน์ แต่รวมถึงเหล่าผู้ปลุกพลังในตระกูลที่นอนตายกลายเป็นซากกันเกลื่อนกลาด ไม่นานนัก เขาก็เห็นเลือดของเขาเองไหลรวมไปกับเลือดของเหล่าคนตระกูลสวี่นั้น
เสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้น
ได้เวลา… พักผ่อนของข้าเสียที…
คำกล่าวนั้นไร้ซึ่งเสียงใด ๆ
ทุกอย่างเงียบสงบ เงียบจนได้ยินเสียงบรรยากาศโดยรอบชัดเจน
พลังชีวิตของบรรพบุรุษตระกูลสวี่หลั่งไหลออกมาจนหมดแล้ว จิตวิญญาณของเขาก็สลายหายคืนธรรมชาติไปเช่นกัน
…
ทุกคนเงียบสงบ
แต่ทุกความเงียบนั้นมาจากความตกใจ!
ผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ปลุกพลังที่มาจากฝ่ายอื่น ๆ ในฐานจินหลิง หรือจะเป็นผู้ปลุกพลังที่ยังรอดชีวิตของตระกูลสวี่ ทุกคนล้วนแต่ตกตะลึง
พวกเขาอึ้งจนพูดไม่ออก
ไม่รู้ว่านานขนาดไหนกว่าจะมีใครบางคนพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเทา “บะ… บรรพบุรุษตระกูลสวี่… ตายแล้วเหรอ?”
ผู้พูดเป็นผู้ปลุกพลังวัยเยาว์ เขามีสีหน้าตกตะลึงขณะที่ปากก็พูดพึมพำไปด้วย
ด้วยเสียงนี้ ทุกคนที่ได้ยินต่างหลุดออกจากภวังค์ความเงียบราวกับตื่นจากฝันกลางวัน
พวกเขายังแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง
ทั้งที่ขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์มาร่วมทศวรรษ ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของฐานจินหลิง แม้จะเป็นคนในตระกูลสวี่ต่างก็มองว่าบรรพบุรุษตระกูลคนนี้มีพลังเกินหยั่งถึง เป็นผู้ที่เฝ้ามองทั้งโลกและสยบซึ่งปัญหาต่าง ๆ นานาได้ แต่กลับต้องมีจุดจบชีวิตเช่นนี้งั้นหรือ!?
ทุกคนต่างมองไปยังร่างไร้วิญญาณของบรรพบุรุษตระกูลสวี่ที่นอนอยู่บนพื้น สลับกับมองไปยังฉู่โม่วที่ยืนอยู่เบื้องหน้าศพของชายชรา
มือที่กำด้ามกระบี่ของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายลงหลังจากเก็บกระบี่คืนฝักไปแล้ว
ความรู้สึกหนาวเย็นแผ่ตัวกว้างและกัดกินหัวใจทุกคน และมันทำให้พวกเขาสั่นเทาขึ้นมา
คำพูดที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ ที่ออกมาจากปากฉู่โม่ว ทำให้ทุกสายตาต่างไม่กล้าหลบไปไหน
“จากวันนี้เป็นต้นไป…”
ฉู่โม่วยังคงยืนนิ่งเอามือไพล่หลังอยู่ที่เดิม สายตากวาดมองผู้เฝ้ามองทุกคน “…จะไม่มีตระกูลสวี่อยู่บนโลกใบนี้อีก!”
แม้จะเป็นเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก
แต่ทุกคนกลับได้ยินคำประกาศิตนั้นก้อง ทำให้ทุกคนต้องจดจำไว้ให้มั่น
พวกเขาเงียบสงัด
ภายในฐานจินหลิงแห่งนี้ ทุกคนได้ยินเสียงนี้ชัดเจน
“ตระกูลกู่จะยอมอยู่ภายใต้การชี้นำของคุณฉู่โม่วผู้ยิ่งใหญ่ครับ!”
“ตระกูลเสิ่นจะยอมอยู่ภายใต้การชี้นำของคุณฉู่โม่วผู้ยิ่งใหญ่ครับ!”
“ตระกูลโจวเองก็ยินยอมที่จะอยู่ภายใต้การชี้นำของคุณฉู่โม่วผู้ยิ่งใหญ่เช่นกันครับ!”
สี่ตระกูลหลักแห่งฐานจินหลิงที่ตอนนี้เหลือเพียงสามตระกูลหลังจากที่สูญเสียตระกูลสวี่ไปแล้ว ต่างปฏิญาณตนออกมาพร้อม ๆ กันเพื่อแสดงทัศนคติต่อผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่
พูดออกไปเช่นนั้นแล้ว…
พวกเขาก็สั่งการให้ผู้ปลุกพลังในตระกูลของตนร่วมมือกันทำลายเหล่าตระกูลสวี่ที่ยังเหลือรอดจนสิ้นซาก
“เยี่ยม”
“ฉันหวังว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะไม่มีผู้ปลุกพลังจากตระกูลสวี่อยู่ในฐานจินหลิงอีก!”
ฉู่โม่วพยักหน้าก่อนจะจากไป
และในตอนนั้นเอง
ภายหลังจากที่ได้สติกันมา เหล่าผู้คนตระกูลสวี่ต่างก็คิดได้เช่นเดียวกัน …พวกเขาต้องฆ่าฉู่โม่วให้ได้!
“ฉันจะฆ่ามัน!”
“ใช่! ฆ่ามัน!”
“ถ้าเจ้านั่นไม่ตาย พวกเราได้ตายกันหมดแน่!”
“หมอนั่นมันฆ่าบรรพบุรุษและเจ้าตระกูลของพวกเรา แถมยังฆ่าคนในตระกูลเราไปอีกมาก มันน่าจะเสียพลังไปเยอะแล้ว เราต้องใช้จังหวะนี้ในการจัดการมันเสียก่อน!”
“ฆ่าเจ้านั่นเพื่อล้างแค้นให้ท่านเจ้าตระกูล!”
ในที่สุด…
เหล่าผู้ปลุกพลังจากตระกูลสวี่ก็ไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป
แววตาของพวกเขาแดงก่ำขณะตั้งปณิธานออกมาแล้ววิ่งเข้าใส่ฉู่โม่ว
และเมื่อมีคนหนึ่งเปิด คนอื่น ๆ ก็ตามมา เหล่าผู้ปลุกพลังตระกูลสวี่ที่เหลือรอดร่วมมือกันโดยไม่ลังเล
นั่นเพราะพวกเขามองสถานการณ์เบื้องหน้าออกชัดเจน
ถ้าหากฉู่โม่วยังไม่ตาย… พวกเขาที่เป็นตระกูลสวี่กลุ่มสุดท้ายจะไม่มีทางมีชีวิตรอดไปได้อีกแน่!
เนื่องจากเหล่าตระกูลหลักทั้งสามตระกูลได้ออกคำสั่งให้กวาดล้างตระกูลสวี่ที่เหลือเพื่อแสดงจุดยืนของพวกตนแล้ว เพื่อให้ฉู่โม่วเห็นว่าพวกเขาภักดี ดังนั้นตระกูลสวี่จึงกลายเป็นเป้าหมายอย่างไม่ต้องสงสัย!
แทนที่พวกเขาจะต้องถูกฆ่าหรือไม่ก็ถูกจับโดยสามตระกูลหลัก สู้ให้พวกเขาแสดงพลังสุดฝีมือแล้วตายไปจะยังดีเสียกว่า!
ในช่วงเวลาที่ความสิ้นหวังเข้าครอบงำ ทุกการกระทำถูกสั่งการด้วยความโกรธ กระบวนท่าที่แข็งแกร่งที่สุดถูกปลดปล่อยออกไปหมายจะจัดการฉู่โม่วในการโจมตีเพียงชุดเดียว
ทว่า…
“ไอ้พวกตระกูลสวี่ที่ดื้อด้าน กล้าหันเขี้ยวเล็บใส่คุณฉู่โม่วผู้ยิ่งใหญ่งั้นหรือ!”
“รนหาที่ตายแท้!”
กู่ชางที่แต่เดิมเคยเป็นมิตรสหายกับบรรพบุรุษตระกูลสวี่ เล็งเห็นถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ เขาโต้กลับไปด้วยความโกรธเกรี้ยวในทันที
เพียงแค่ชายชราผู้นี้ยกฝ่ามือขึ้นมือ มือขนาดใหญ่ข้างหนึ่งก็ดิ่งลงมาจากฟากฟ้าแล้วสยบคนเหล่านี้ไว้
เหล่าคนตระกูลสวี่ร่วมสิบคนภายหลังจากที่โดนฝ่ามือนั้นประทับลงมา ร่างและกระดูกก็แหลกละเอียดกลายเป็นแผ่นเนื้อสดติดอยู่บนพื้นเท่านั้น
ไม่เพียงเท่านี้ เมื่อผู้ปลุกพลังตระกูลกู่เห็น พวกเขาก็รีบโถมเข้ามายังสถานที่เกิดเหตุด้วย
คนเหล่านี้ไล่ฆ่าเหล่าตระกูลสวี่ที่เหลืออย่างเลือดเย็น
“อะ… อะไรกันน่ะ!?”
“ตระกูลกู่! พวกแกมันคนทรยศ! ตายไปซะ!”
“กู่ชาง ฉันขอสาปแช่งให้แกต้องตายอย่างทรมาน!”
“ได้โปรด อย่าฆ่าฉันเลยนะ! ลูกสาวของฉันเป็นลูกสะใภ้ตระกูลเสิ่น! ได้โปรดอย่าฆ่าฉันเลยนะ!”
“ขอร้องล่ะ เมตตาฉันด้วย! ฉันจะละทิ้งชื่อเสียงตระกูลสวี่…”
“อ๊ากกกกก!”
คนตระกูลสวี่แสดงสีหน้าหวาดกลัวแล้วร่ำร้องขอความเมตตา บ้างก็สาปแช่ง แต่ทั้งหมดต่างต้องจบชีวิตลงไม่นานหลังจากได้ส่งเสียงออกมา
ท่ามกลางความล่มสลายของตระกูลสวี่
เสียงกรีดร้อง เสียงระเบิด เสียงกล้ามเนื้อถูกตัดขาด รวมถึงเสียงพื้นดินที่สั่นสะเทือนดังตามมาเรื่อย ๆ
ในส่วนของฉู่โม่ว เขาได้ออกจากจุดเกิดเหตุนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
…
วันรุ่งขึ้น
ข่าวที่น่าตกตะลึงนี้แพร่กระจายไปทั่วทั้งฐานจินหลิง
‘ตระกูลสวี่ที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ ถูกทำลายล้างจนสิ้นซากหมดแล้ว!’
คนในตระกูลทุกคนถูกฆ่าตาย ไม่เว้นแม้แต่สวี่หล่างที่เพิ่งจะได้เลื่อนขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ และบรรพบุรุษตระกูลสวี่ที่เป็นจ้าวยุทธ์มาร่วมทศวรรษด้วย!
เมื่อข่าวนี้ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ ชาวเมืองทุกคนก็ได้แต่หน้าถอดสี
ก็นั่นน่ะ …จ้าวยุทธ์เลยนะ!
จ้าวยุทธ์ที่เป็นถึงกำลังหลักของมวลมนุษยชาติ เป็นผู้ที่ยืนอยู่บนจุด และเป็นเสมือนรากฐานที่สำคัญที่ทำให้มนุษยชาติสามารถยืนหยัดสู้กับโลกที่โหดร้ายใบนี้ได้
ไม่ว่าจะในสายตาของผู้ปลุกพลังหรือคนธรรมดา จ้าวยุทธ์แต่ละคนล้วนมีพลังมหาศาลและถูกเรียกได้ว่า ผู้อยู่เหนือความเป็นมนุษย์
ทว่าตอนนี้…
เพียงชั่วข้ามคืนก็มีจ้าวยุทธ์ถึงสองคนถูกกำจัดลงไป!
เพราะงั้นทุกคนที่รับรู้ข่าวนี้จึงรู้สึกงุนงงเสมือนว่าหลุดเข้าไปอยู่ท่ามกลางพายุปริศนา
แต่มันไม่ได้มีแค่ข่าวเดียว!
ภายหลังจากที่ข่าวเรื่องการตายของสองจ้าวยุทธ์แพร่กระจายไป มันก็ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่บอกไว้ว่า …ผู้ที่ทำการสังหารจ้าวยุทธ์ทั้งสองคนจากตระกูลสวี่นั้นเป็นเพียงพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้วที่มีระดับพลังแค่นายพลเมืองเท่านั้น!
เป็นเพียงนายพลเมืองแต่สามารถสังหารจ้าวยุทธ์ได้ถึงสองคน!
นี่มันน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเดิมอีก!
ด้วยเหตุนี้ มันทำให้เหล่าเจ้าตระกูลของอีกสามตระกูลที่เหลือต่างแสดงความภักดีต่อฉู่โม่ว และไล่กำจัดพวกตระกูลสวี่ที่เหลือจนสิ้นซาก
ชาวเมืองทุกคนได้แต่สูดหายใจเข้าลึก ๆ
ความหมายมันชัดเจนอยู่แล้ว
ว่าเหล่าตระกูลหลักอีกสามตระกูลยอมก้มหัวให้ฉู่โม่วกันทั้งหมด!
มันแสดงให้เห็นว่า พลังของคนคนนี้สูงขนาดที่สามตระกูลหลักยังไม่กล้าที่จะมีเรื่องด้วยถึงได้ยอมจำนนเช่นนี้!
ตระหนักได้เช่นนั้น เหล่าผู้ปลุกพลังที่เหลือต่างตะลึงและงุนงง พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทางฝั่งเครือหอการค้าหยกแก้ว
หมัวซานซานกับหมัวหย่งอันต่างพากันอึ้งไปอยู่พักใหญ่ ๆ หลังจากที่รู้ข่าวนี้
“ผู้อาวุโสจากตระกูลสวี่นั้นได้บรรลุการเป็นจ้าวยุทธ์มามากกว่าสิบปี… พูดได้เลยว่าเขาน่าเกือบขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ระดับกลางได้แล้วด้วย พลังจัดว่าสูงมาก ๆ แต่ไม่คาดคิดเลยว่าฉู่โม่วจะสังหารเขาได้!”
“นี่มันความสามารถอะไรกันแน่!”
“คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าคนผู้นี้จะแข็งแกร่งไปได้ขนาดไหนในอนาคต!”
พักใหญ่ ๆ หมัวหย่งอันถึงได้สติกลับมาพร้อมเรื่องหนักใจ
ส่วนหมัวซานซาน เธอไม่ได้พูดอะไร
กลับกันเธอเดินตรงไปยังหน้าต่างช้า ๆ มองทิวทัศน์ด้านนอกในขณะที่ครุ่นคิดเรื่องนี้ไปด้วย ‘ฉู่โม่ว… นายกำลังแข็งแกร่งเกินกว่าฉันจะสามารถเฝ้ามองได้แล้วนะ…’
“ชั่วชีวิตนี้ของฉัน… ฉันจะยังสามารถ…”
ขณะที่คิดเช่นนั้น
เสียงถอนหายใจที่ไม่มีใครได้ยินก็ดังขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจหญิงสาว
MANGA DISCUSSION