บทที่ 128 ความสิ้นหวังของบรรพบุรุษตระกูลสวี่
สายฟ้าที่รุนแรงและไร้แบบแผนนี้กระจายไปทั่ว ขนาดของมันแต่ละเส้นนั้นหนาพอ ๆ กับแขนหนึ่งข้าง ซึ่งมีพลังทำลายมหาศาล อีกทั้งสิ่งเหล่านี้กระจายตัวไปทั่วพื้นที่กินระยะร่วมหลายร้อยเมตร!
ตอนนั้น
ร่างกายของฉู่โม่วถูกปกคลุมไปด้วยกระแสไฟฟ้าเช่นนี้นับไม่ถ้วน ไม่เว้นแม้แต่แววตาและปลายผมยังมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านให้เห็น
ฉู่โม่วในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับเทพเจ้าสายฟ้าที่กำลังลงโทษมนุษย์ด้วยอสนีบาต!
“ตายซะ”
เขายกฝ่ามือขึ้นสัมผัสอากาศ ก่อนที่สายฟ้าขนาดพอดีมือจะวิ่งผ่านเข้ามาเพื่อให้เขาคว้าจับมันเอาไว้ เสมือนหอกที่เปล่งแสงสว่างตลอดเวลา
เปรี้ยง!
เสียงของสายฟ้าฟาดก้องกังวาน
หอกอัสนีถูกปาออกไป
ผู้ปลุกพลังแห่งตระกูลสวี่ที่หลบไม่ทันจึงโดนหอกสายฟ้านั้นปักเข้ากลางลำตัวจนสั่นสะท้าน เขาเจ็บปวดราวกับโดนฟ้าผ่าจริง ๆ และเพียงไม่นาน ร่างนั้นก็ระเบิดกลายเป็นละอองเลือดไป
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงของสายฟ้าฟาดดังอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับการที่หอกสายฟ้าถูกจับปาอย่างต่อเนื่องด้วย
เพียงชั่วพริบตา เหล่าผู้ปลุกพลังที่เคยห้อมล้อมฉู่โม่วไว้ก็หายไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ด้วยหอกสายฟ้าเหล่านี้ หากผู้โดนไม่สลายกลายเป็นผงไปเลย เขาก็บาดเจ็บหนักจนไม่สามารถกลับมาสู้ได้อีก
เหล่าตระกูลสวี่ที่ยังเหลืออยู่ไม่สามารถเข้าไปถึงตัวฉู่โม่วได้เลย เพราะเพียงแค่ก้าวเข้าไป เขาจะตกเป็นเป้าการโจมตีของฉู่โม่วทันที และไม่มีใครรู้ว่าตนเองจะรับพลังของหอกสายฟ้านั้นได้กันขนาดไหน มันเลยกลายเป็นว่าจากจุดที่ได้เปรียบ ถูกพลิกกลับไปเป็นเสียเปรียบลงแล้วอย่างไม่ทันตั้งตัว
“จะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไม่ได้!”
“สวี่เหมิน ถึงเวลาเสียสละเพื่อตระกูลแล้ว!”
สวี่ต้าตะโกนร้อง
สิ้นเสียง
นายพลเมืองของตระกูลสวี่ก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แววตามุ่งมั่นขณะเอื้อมมือไปหยิบเอาเม็ดยาจากถุงเก็บของและกลืนลงไป ทันใดนั้นกลิ่นอายแรงกล้าก็พุ่งทะยานออกมาจากร่าง พลังของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเพียงชั่วพริบตาทุกคนก็สัมผัสได้เลยว่าคนคนนี้ได้กลายเป็นจ้าวยุทธ์ไปแล้ว!
“ไปลงนรกซะ!”
ดวงตาของสวี่เหมินเปล่งสีแดง เขาพุ่งกระโจนเข้าใส่ฉู่โม่วพร้อมกับเปล่งน้ำเสียงเจ็บปวดมาจากเบื้องลึก
นี่คือยาวิเศษ
ภายหลังจากที่ผู้ปลุกพลังกลืนเข้าไปแล้ว มันจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งระดับสูงให้ในเวลาอันสั้น
แต่ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าใครก็ตามต่างสามารถใช้ยานี้ได้ครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น!
เพราะหลังจากใช้ไปแล้ว …ร่างกายของเขาจะสลายลงไปทันทีเมื่อยาหมดฤทธิ์
นั่นหมายถึง…
เมื่อไหร่ที่ใช้ยาอสูรสวรรค์ไปแล้ว ก็นับเวลารอความตายได้เลย!
สวี่เหมินไม่ได้คาดคิดเลยว่าการที่จะกำจัดฉู่โม่วจะต้องหันมาพึ่งยาอสูรสวรรค์ แต่เมื่อใช้ไปแล้ว เขาก็ตั้งใจจะใช้พลังขั้นจ้าวยุทธ์จัดการเจ้าหนุ่มนั่นให้สิ้นซากแล้วระเบิดตนเองไปด้วย!
หรือถ้าฉู่โม่วไม่ตายจริง ๆ นั่นก็ถือว่าซะว่าต้องกรรม ดังนั้นขอเพียงแค่ทำให้ฉู่โม่วบาดเจ็บได้ เขาก็ไม่ถือว่าตายเปล่า!
อย่างน้อย ๆ มันก็คือการซื้อโอกาสให้ตระกูล!
สีหน้าของคนอื่น ๆ แสดงความคาดหวังออกมา พวกเขาหวังให้สวี่เหมินทำสำเร็จ!
ทว่า…
แผนของเขาก็ล่มเสียตั้งแต่ยังไม่ทันได้เห็นแสงไฟแห่งความหวังใด ๆ!
เมื่อเห็นสวี่เหมินพุ่งเข้ามาด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มเลศนัย มีหรือที่ฉู่โม่วจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ แล้วมีหรือที่จะปล่อยโอกาสนี้ไป?
อณูแห่งชีวิตกับเลือดเนื้อในร่างถูกกระตุ้นจนทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ อณูแห่งชีวิตเดือดพล่านไปทั่วกายา และเปลวเพลิงปะทุจากทุกส่วน
สายฟ้าและเปลวไฟหลอมรวมกันเป็นหนึ่ง ก่อให้เกิดพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว!
ความร้อนแรงและพลังทำลายล้างก่อตัวเป็นอาภรณ์ห่มคลุมพื้นที่กว้าง
วินาทีนั้น ฉู่โม่วกำหมัดแน่นก่อนจะชกสวนสวี่เหมินที่พุ่งเข้ามาสุดแรง
ตู้ม!
มีเพียงเสียงระเบิดที่ดังรุนแรง ก่อนที่มิติรอบด้านจะเสียหายอย่างหนักจนแหวกขาดออกมา สายลมถูกมิติที่แตกออกดูดเข้าไปจนกลายเป็นเหมือนพายุขนาดย่อม ดึงผู้ปลุกพลังที่อยู่รอบข้างให้เซตามแรงลมและไม่สามารถหยัดยืนกันได้
ส่วนตัวสวี่เหมินนั้น ทันทีที่ปะทะกับหมัดของฉู่โม่ว ร่างกายก็ไม่มีโอกาสได้โต้ตอบอะไรทั้งนั้น เขากลายเป็นเพียงหยดเลือดก่อนจะระเหิดไปด้วยไอความร้อนจนไม่เหลืออะไรให้เชยชมอีก
ด้วยพลังทำลายอันรุนแรงของหมัดที่ฉู่โม่วปล่อยออกไป หลังจากที่มันทำลายร่างของสวี่เหมินไปแล้ว พลังของมันก็ใช่ว่าจะหมดไปในทีเดียว
เศษส่วนของพลังที่เหลือถูกทิ้งลงบนพื้นดินจนเกิดเป็นหลุมลึกกว้างหลายร้อยเมตร!
เมื่อเห็นพลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป
โดยเฉพาะสวี่เจินกับคนอื่น ๆ ที่รอดตายจากการโจมตี พวกเขาดูจะหวาดผวาเสียยิ่งกว่าตอนที่สวี่เหมินใช้ยาอสูรสวรรค์เสียอีก ทั้งที่มันควรจะเป็นความหวังแท้ ๆ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความน่าหดหู่ในชั่วพริบตา
พลังของสวี่เหมินตอนที่ใช้ยาอสูรสวรรค์เทียบเท่าได้กับจ้าวยุทธ์จริง ๆ แต่ทำไม… ทำไมถึงไม่อาจรับมือฉู่โม่วได้บ้างเลย!?
นี่ตระกูลสวี่จะต้องถูกทำลายลงในวันนี้จริง ๆ งั้นเหรอ!?
ทุกคนในตระกูลสวี่ตอนนี้กำลังมองหน้ากันและกันด้วยความสิ้นหวัง
“หนีเร็ว!”
“จะให้ตระกูลสวี่จบลงตรงนี้ไม่ได้! อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีใครรอดไปสักคน เพื่อสืบทอดตระกูลต่อไป!”
สวี่เจินตะโกน
จากนั้นเขาก็เป็นคนแรกที่หันหน้าออกแล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
“อยากจะหนีเหรอ?”
“วันนี้จะไม่มีหมาตัวไหนในตระกูลสวี่หนีไปรอดไปได้!”
ฉู่โม่วตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด
เขามองไปยังร่างที่ชิงวิ่งหนีไปก่อน จากนั้นก็ใช้กระบี่ของตนสร้างคลื่นกระบี่พุ่งเข้าใส่ร่างนั้นจนตัวขาดเป็นสองท่อน
เหล่าคนจากตระกูลสวี่เริ่มล้มตายไปทีละคน ๆ ด้วยคมกระบี่ของฉู่โม่ว
“ท่านผู้อาวุโส ช่วยด้วย!”
“ฉันยังไม่อยากตาย!”
“ได้โปรด เมตตาฉันเถอะ อย่าฆ่าฉันเลย!”
“อ้ากกกก!”
เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวระคนสิ้นหวังดังระงมไปทั่วภายใต้ซากปรักหักพังของคฤหาสน์หลังโต
ไม่ไกลออกไป
เหล่าผู้เฝ้ามองที่มาจากหลาย ๆ ฝ่ายเมื่อได้เห็นคนตระกูลสวี่กำลังถูกฉู่โม่วไล่ฆ่าทีละคน ๆ มันก็ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูก
ตระกูลสวี่น่ะเป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของฐานจินหลิงเลยนะ!
พวกเขาสามารถยืนหยัดอยู่ในฐานจินหลิงได้เกือบร้อยปีแท้ ๆ! ไหนจะมีพลังอันมากมายมหาศาลอีก!
แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตระกูลสวี่ยังมีพลังในการกำจัดผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดายและไร้เมตตา
มาในตอนนี้พวกเขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“พระเจ้า!”
“นี่ฉันเป็นบ้าไปแล้ว หรือโลกนี้กำลังเป็นบ้ากันแน่!?”
“ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ!”
ทุกคนต่างตกใจไปกับสิ่งที่เห็น และแม้จะมองด้วยตาตัวเอง ทว่าไม่อยากจะเชื่ออยู่ดี
ภายในซากปรักหักพัง
การต่อสู้ยังคงดำเนินอยู่เรื่อย ๆ
และในตอนนี้…
“ไอ้เจ้าสามหาว กล้าดียังไงมาไล่ฆ่าคนตระกูลสวี่ของข้ากัน! ไอ้เด็กไม่มีสัมมาคารวะ!”
ทันทีที่เสียงตะโกนนี้ดังขึ้นมา เจ้าของเสียงก็ลอยมาให้เห็นจากไกล ๆ
เมื่อหันมองตามเสียงก็พบร่างของคนคนหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายที่ร้ายกาจ คนผู้นั้นมาจากทางฟากฟ้า การมาของเขาทำให้กลุ่มควันและเมฆถึงกับต้องแหวกออกราวกับเปิดทางให้เขาเคลื่อนผ่านไป
‘จ้าวยุทธ์!’
ฉู่โม่วรับรู้ได้ถึงพลัง!
คนคนนี้ต่างจากสวี่หล่างที่เพิ่งจะได้ขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้ไม่นาน จ้าวยุทธ์คนนี้มีกลิ่นอายพลังที่ซับซ้อนและอัดแน่นมากกว่า เห็นได้ชัดว่าเป็นจ้าวยุทธ์มานานมากแล้ว!
‘นั่นคงเป็นบรรพบุรุษตระกูลสวี่ที่วางมือไปสินะ!’
เขาแอบคาดเดาไว้
“ท่านบรรพบุรุษ!”
“ท่านรุ่นก่อน! ท่านรุ่นก่อนมาช่วยพวกเราแล้ว!”
“โอ้ ท่านบรรพบุรุษ ช่วยพวกเราด้วย กำจัดเจ้าฉู่โม่วที!”
“ได้โปรดเถอะครับ ไอ้เจ้าฉู่โม่วนี่มันไล่ฆ่าพวกเราตายเกลื่อนไปหมดเลย แถมมันยังฆ่าท่านเจ้าตระกูลสวี่หล่างด้วยครับ!”
“ถ้าไม่ใช่ท่านบรรพบุรุษแล้ว ตระกูลสวี่ของพวกเราจะต้องถูกถอนรากถอนโคนในวันนี้กันแน่ ๆ เลยครับ!”
เมื่อเห็นชายชราปรากฏตัวขึ้นมา เหล่าผู้ปลุกพลังแห่งตระกูลสวี่ที่ยังรอดอยู่ก็แสดงสีหน้าโล่งใจขึ้นมา พวกเขารีบก้มลงไปกับพื้นและเล่าเรื่องทุกอย่างสลับกับขอร้องแทบจะทันที
และในฐานะที่เป็นบรรพบุรุษตระกูลสวี่
ในยามที่ได้ยินคำขอร้องของเหล่าคนในตระกูล สลับกับมองคฤหาสน์ตระกูลที่พังทลาย เขาก็ระเบิดความโกรธออกมา
“เจ้ากล้ามากนะ! กล้าที่ฆ่าคนในตระกูลของข้า! ดังนั้นแล้วก็อย่าหวังว่าข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดไปได้เลย!”
“แต่ถ้าเจ้ายอมคุกเข่าแล้วสำนึกผิดในสิ่งที่ได้ทำลงไป ข้าผู้นี้อาจจะยอมเมตตาโดยค่อย ๆ หักกระดูกทีละชิ้น ๆ อย่างน้อย ๆ จะได้ต่ออายุออกไปอีกสักหน่อย ไม่ต้องตายในทันทีโดยไม่ทันได้รู้อะไร!”
แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนหยอกล้อ แต่จากน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราดนั้นบ่งบอกได้เลยว่าเขาทำจริง!
ท่าทีของคนคนนี้ดูสูงส่ง …สูงส่งขนาดที่ไม่ได้มองว่าฉู่โม่วอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ
ทว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉู่โม่วก็หัวเราะออกมาด้วยความโกรธที่เพิ่มมากขึ้น
ทั้งที่เจ้าพวกตระกูลสวี่เพิ่งจะบอกไปเองว่า ฉู่โม่วสามารถปราบสวี่หล่างที่เป็นถึงขั้นจ้าวยุทธ์เหมือนกัน แต่บรรพบุรุษตระกูลคนนี้กลับทำตัวสูงส่งและดึงดันจะให้เขายอมจำนนให้ได้…
น่าขัน!
“นี่ปู่เป็นบรรพบุรุษตระกูลสวี่นี่เหรอ?”
“ฉันก็นึกว่าเผลอพลั้งมือฆ่าไปในกลุ่มคนพวกนั้นแล้วซะอีก”
“งั้นก็ตาย!”
ฉู่โม่วไม่ได้พูดอะไรมากนัก และครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน
ชิ้ง!
มีเพียงเสียงกระบี่ที่ถูกชักออกจากฝักเท่านั้นที่ดังขึ้นมา ทว่าทุกคนที่อยู่โดยรอบต่างได้ยินกันราวกับมันดังอยู่ภายในหัว
ทันใดนั้น
คลื่นปราณกระบี่ที่น่ากลัวราวกับมันพร้อมจะตัดผ่าทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นมา มันค่อย ๆ หลอมรวมกันเป็นคลื่นกระบี่ขนาดใหญ่ก่อนจะพุ่งเข้าใส่บรรพบุรุษตระกูลสวี่อย่างรวดเร็ว
และเพราะพลังของคลื่นกระบี่นี้มันรุนแรงมาก ๆ มันเลยทำให้มิติที่มันพุ่งผ่านเกิดความเสียหายและฉีกขาดไปด้วย
“หนอนแมลงก็ยังคงเป็นหนอนแมลงวันยังค่ำ!”
ชายชราผู้เป็นบรรพบุรุษตระกูลแสยะยิ้ม
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้เรื่องที่ฉู่โม่วเป็นคนสังหารสวี่หล่างแล้วก็จริง
แต่ด้วยความที่เขาเป็นจ้าวยุทธ์มานานกว่า และอยู่บนจุดสูงสุดของฐานจินหลิงมาก่อน มันเลยทำให้เขามองผู้ปลุกพลังทุกคนที่ต่ำกว่าขั้นจ้าวยุทธ์เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น
ต่อให้จะเป็นผู้ปลุกพลังแบบสวี่หล่างที่เพิ่งจะขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้ ในสายตาเขาก็แค่มดที่ตัวใหญ่ขึ้นตัวหนึ่ง
ยังไงเสีย ผู้ที่อยู่ในขั้นจ้าวยุทธ์มากว่าสิบปีย่อมต้องมีพลังเหนือกว่าสวี่หล่างในแบบที่เทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
หากต้องการจะกำจัดสวี่หล่างจริง ๆ เพียงแค่ขยับตัวนิดหน่อยอีกฝ่ายก็ตายได้สบาย ๆ
ดังนั้น สำหรับเขา ถึงแม้ฉู่โม่วจะสามารถสังหารสวี่หล่างได้ แต่มันก็เพียงแค่เพราะฉู่โม่วมีความสามารถที่สูง หรือไม่ก็อาจจะได้โอกาสพลิกผันพอดี สวี่หล่างจึงถูกสังหารทั้ง ๆ ที่เพิ่งขยับขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้
สิ่งนี้ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น
ฉู่โม่วไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยที่จะรับมือเขาได้!
ทว่าถึงจะพูดเช่นนั้น แต่บรรพบุรุษตระกูลสวี่คนนี้ ไม่ว่าศัตรูจะเป็นใคร เขาก็ไม่เคยอ่อนข้อให้อยู่แล้ว เฉกเช่นนกเหยี่ยวที่มุ่งมั่นเวลาจับกระต่ายนั่นแหละ
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงกระตุ้นอณูแห่งชีวิตและเลือดภายในกายให้ร้อนระอุ จากนั้นก็ปล่อยพลังหมัดออกไป ด้วยพลังอันมหาศาลที่ไม่อาจจะมีใครหยุดได้นี้เอง มันเข้าปะทะกับคลื่นกระบี่ของฉู่โม่วจัง ๆ!
ภายใต้การคาดเดาของเขา
สองกระบวนท่าที่รุนแรงสร้างบาดแผลให้มิติบนท้องฟ้าไว้หลายแห่งอย่างไม่ต้องสงสัย
และที่อีกฝั่งหนึ่ง ฉู่โม่วเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของเขาดังที่คาดไว้ด้วย!
ทว่า…
เมื่อเห็นเช่นนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของชายชรากลับหายไปในทันที
นั่นเพราะ…
คลื่นกระบี่ของฉู่โม่วยังไม่สลายไป! การปะทะกันเมื่อครู่ถูกทำลายลงไปก็จริง แต่นั่นจะเรียกว่าถูกทำลายก็ไม่เชิงว่าใช่… คลื่นกระบี่นี่…
จงใจแตกตัวเองออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อลดแรงปะทะกับหมัดมายาของเขา!
แรงระเบิดนั่นไม่ใช่เพราะกระบวนท่าที่ทั้งสองมีพลังเท่ากัน หากแต่เพราะหมัดมายาได้ทำหน้าที่ในการสกัดคลื่นกระบี่นั้นแล้ว แต่พลังยังคงไม่พอที่จะทำให้คลื่นกระบี่สลายไป!
“นะ… นี่มัน… เป็นไปไม่ได้!”
สีหน้าของบรรพบุรุษตระกูลสวี่เปลี่ยนไปอย่างมาก เขารีบพยายามหลบคลื่นกระบี่ที่ยังเหลือพลังอยู่
ทว่าด้วยความเร็วที่มากกว่าของคลื่นกระบี่เหล่านี้ ผนวกกับตัวเขาไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งนี้จะตกมาถึงตัวเขาได้ มันทำให้การหลบหนีของเขาไม่พ้นเสียทีเดียว ร่างกายบางส่วนของผู้อาวุโสคนนี้จึงได้รับบาดเจ็บไปด้วย
ฉั้วะ!
เสียงที่เหมือนบางสิ่งบางอย่างถูกคมกระบี่เฉือนนั้นไม่ใช่เสียงที่มาจากกล้ามเนื้อ แต่มันเป็นเสียงที่มาจากกระดูกบริเวณอกของเขาที่เกิดรอยแผลลึกขึ้นมา!
“อั่ก!”
“ทะ… ทำไมพลังของนายพลเมือง …ถึงทำให้ข้าบาดเจ็บได้!”
บรรพบุรุษตระกูลสวี่ไม่อาจทำเป็นทองไม่รู้ร้อนเหมือนก่อนหน้าได้อีก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
และเพียงแค่เขาตกใจกับพลังของฉู่โม่ว คมกระบี่ของอีกฝ่ายก็ปาดเข้าใส่อีกครั้ง
เขาไม่กล้าที่จะปัดป้องหรือรับแรงปะทะอีกต่อไป ดังนั้นจึงทำได้เพียงหลบหลีกอย่างว่องไว
ทว่าด้วยความเร็วของฉู่โม่วที่เหนือกว่าอยู่มาก ไม่ว่าบรรพบุรุษผู้นี้จะหลบไปไหน เขาก็สามารถตามไปฟาดฟันได้ตลอด
เพียงแค่ชั่วพริบตา ทั่วทั้งร่างของชายชราก็มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด!
ในตอนนี้เอง บรรพบุรุษตระกูลสวี่ไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดไว้ได้อีก เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “จ้าวยุทธ์กู่ชาง ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”
ชื่อของจ้าวยุทธ์ที่เพิ่งตะโกนออกมาจากปากนั้นคือบรรพบุรุษตระกูลกู่!
เพราะทั้งสองตระกูลนี้เป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันมาช้านาน ดังนั้นบรรพบุรุษทั้งสองคนจึงค่อนข้างสนิทกันมาก ๆ บ่อยครั้งที่มักจะมานั่งเสวนาเรื่องต่าง ๆ ด้วยกัน
ในครั้งนี้ที่เขาไม่สามารถรับมือฉู่โม่วด้วยตัวคนเดียวได้จึงจำเป็นต้องเรียกเพื่อนมาต่อกรกับฉู่โม่วด้วยกัน
แต่แล้ว
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
จากที่ห่างไกล ร่างของชายชราอีกผู้หนึ่งได้ปรากฏขึ้นมาเขาคือกู่ชาง ทว่าชายชราคนนี้กลับเมินเฉยต่อคำเรียกหาของบรรพบุรุษตระกูลสวี่และหันไปพูดกับฉู่โม่วแทน “คุณฉู่ เรื่องในครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับข้าหรอกนะ”
พูดเช่นนั้นแล้ว
ร่างของชายชราแห่งตระกูลกู่ก็ลาจากไป
“ไอ้แก่กู่ชาง เจ้า…”
สีหน้าของบรรพบุรุษตระกูลสวี่ซีดเผือด
เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากู่ชางจะทำกับเขาที่เป็นเพื่อนกันมานานได้ลงคอเช่นนี้!
หรือว่า… กู่ชางจะรู้ดีอยู่แล้ว ว่าต่อให้เจ้าตัวเข้าร่วมศึก มันก็เอาชนะฉู่โม่วได้ไม่ได้!?
สิ่งนี้ผุดขึ้นมาในหัวของบรรพบุรุษตระกูลสวี่ภายหลังจากที่หัวใจของเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
MANGA DISCUSSION