บทที่ 127 บุกเข้าคฤหาสน์ตระกูลสวี่ และได้เวลาถอนรากถอนโคน!
“เฮือก…”
ภายหลังจากการต่อสู้จบลง เสียงหายใจขาดห้วงก็ดังขึ้นจากที่ด้านนอก
ถึงแม้ว่าการต่อสู้ระหว่างฉู่โม่วกับสวี่หล่างนั้นค่อนข้างเร็ว แต่ก็ยังดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้คนที่อยู่ละแวกนั้นได้เป็นอย่างดี
แต่เดิมแล้ว พวกเขาคิดว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับการที่สวี่หล่างบุกเข้าโจมตีก่อน ฉู่โม่วจะต้องตายแน่ ๆ ทว่าเมื่อผลลัพธ์ออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คาดเลยแม้แต่น้อย
สวี่หล่างผู้ที่ซึ่งเพิ่งจะได้เลื่อนระดับขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์คนนั้น…
ถูกฉู่โม่วสะบั้นคอด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
นี่มันต้องเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่ออยู่แล้ว!
ทุกคนรู้เหมือนกัน
ว่าฉู่โม่วนั้นเป็นเพียงนายพลเมืองเท่านั้น!
ความต่างชั้นระหว่างนายพลเมืองกับจ้าวยุทธ์นั้นจะเรียกว่าฟ้ากับเหวก็ยังไม่เกินจริง!
ทว่าฉู่โม่ว…
ต่อหน้าจ้าวยุทธ์ที่เหนือชั้นกว่าตัวเองไม่รู้เท่าไหร่ ฉู่โม่วกลับสังหารอีกฝ่ายได้โดยที่ตนเองไม่แม้แต่จะได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย!
ถึงสวี่หล่างจะเพิ่งขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้
แต่จ้าวยุทธ์ก็ยังเป็นจ้าวยุทธ์วันยังค่ำนั่นแหละ!
ยังคงเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานจินหลิง!
“น่ากลัว!”
“พลังบ้าอะไรกันเนี่ย!?”
“เขามีพลังมากขนาดไหนกันนะ!”
ทุกคนต่างหวาดกลัวขณะที่มองไปยังฉู่โม่วด้วยแววตายากที่จะเชื่อ ในแววตาของพวกเขามีความหวาดผวาปรากฏขึ้นให้เห็น
พักใหญ่ ๆ พวกเขาเหล่านี้ยังคงไม่หายหวาดกลัว
ในตอนนี้ ฉู่โม่วมองไปยังร่างไร้วิญญาณของสวี่หล่างด้วยจิตอาฆาตที่ไม่อาจจะควบคุม
“ในเมื่อตระกูลสวี่กล้าที่จะส่งคนมาฆ่าฉันอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้…”
“เห็นที… คงจะไว้หน้ากันไม่ได้แล้วล่ะมั้ง?”
“ถึงเวลาถอนรากถอนโคนตระกูลสวี่กันแล้ว!”
คิดได้ดังนั้น
ฉู่โม่วก็กระตุ้นพลังและมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์ตระกูลสวี่ทันที
แม้แต่เดิมเขาจะเคยเกรงกลัวตระกูลสวี่นี้อยู่บ้าง
เนื่องจากตระกูลนี้ถือเป็นตระกูลที่อยู่ระดับต้น ๆ ภายในฐานจินหลิง เขาค่อนข้างมั่นใจมากเลยว่าอีกฝ่ายต้องมีไพ่ลับอีกหลายใบแน่ ๆ การจะทำอะไรจำเป็นต้องระวังตัวและรอบคอบ
แต่ในตอนนี้ อีกฝ่ายส่งนักฆ่ามาเยือนถึงหน้าประตูบ้าน เหตุใดฉู่โม่วจำต้องยอมอยู่เฉยอีก?
ไม่ต้องพูดถึง…
การต่อสู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุดนี้
มันทำให้ฉู่โม่วเข้าใจถึงพลังของเหล่าจ้าวยุทธ์ได้ชัดเจนถ่องแท้มากยิ่งขึ้นไปอีก
จ้าวยุทธ์นั้นแข็งแกร่งสมคำร่ำลือจริง ๆ
เพียงแค่ไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่คิดไว้เท่านั้น!
บางทีอาจจะเป็นเพราะสวี่หล่างเพิ่งจะได้ขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้ไม่นาน หรือไม่ก็เป็นเพราะไม่ได้มีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ การกำจัดเขาจึงไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น
ในส่วนของอีกคนหนึ่ง
จ้าวยุทธ์อีกคนหนึ่งที่ยังเหลืออยู่ในตระกูลสวี่ ถึงแม้ว่าคนคนนี้จะได้เลื่อนขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์มาร่วมทศวรรษแล้ว แต่พลังไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะถูกพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้วข่มไว้จนอยู่หมัด
ดังนั้นในตอนนี้ ลำพังเพียงพลังกายเพียงอย่างเดียว ฉู่โม่วก็ไม่ต่างอะไรกับภัยพิบัติเคลื่อนที่แล้ว!
ควบคู่ไปด้วยการเพิ่มพลังได้อีกสองร้อยเท่า มันมากพอที่จะขับพลังของเขาให้ขึ้นไปสูงถึง 2 ล้านพลังช้างสาร! ซึ่งจ้าวยุทธ์ทั่วไปไม่มีทางจะสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน!
ไหนจะยังมีพลังแห่งห้วงมิติที่จะสามารถพาตนเองเทเลพอร์ตไปที่ไหนก็ได้ หรือไม่ก็มิติเชือดเฉือนที่ถือเป็นไม้ตายสำคัญอีก!
ศัตรูคนไหนที่ไม่สามารถฆ่าเขาลงได้ในชั่วพริบตา นั่นหมายถึงฉู่โม่วสามารถสังหารอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องลังเลเลย!
นี่เองก็หมายความว่า…
ความแข็งแกร่งของเขาแทบจะไม่เป็นสองรองใครในฐานจินหลิงแล้ว!
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว…
เขาจะต้องกลัวอะไรอีก?
…
“นะ… นั่นเขาจะทำอะไรน่ะ?”
“เดี๋ยวสิ ทางนั้นมัน… คฤหาสน์ตระกูลสวี่!?”
“หรือว่า… คิดจะไปที่คฤหาสน์ตระกูลสวี่เหรอ!?”
เพียงแค่เห็นฉู่โม่วจากที่นี่ไปด้วยจิตสังหารเปี่ยมล้น เหล่าผู้ปลุกพลังที่เข้ามาดูการต่อสู้ต่างก็รับรู้ได้เป็นเสียงเดียวกันจากทิศทางที่ฉู่โม่วมุ่งหน้าไป และนี่ก็ทำให้พวกเขาดูช็อกมากกว่าเดิมเสียอีก
ด้วยเหตุนี้เอง
คนเหล่านี้สู้หายใจเข้าลึก
ฐานจินหลิงในวันนี้… ได้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ ๆ!
“เร็วเข้า! รีบรายงานเรื่องนี้ให้ท่านบรรพบุรุษรู้เร็ว! ฐานจินหลิง… กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว!”
ผู้ปลุกพลังจากหลายตระกูลต่างรีบรายงานเรื่องนี้ไปยังกองกำลังหลักของพวกตนทันที
ขณะเดียวกัน
ร่างของฉู่โม่วที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วประดุจกระแสไฟฟ้า ไม่นานก็มาปรากฏอยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลสวี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ข้างหน้านี้เป็นพื้นที่ของตระกูลสวี่ แกเป็นใคร…”
สองปรมาจารย์ยุทธ์ของตระกูลสวี่ผู้รับหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตู รีบโวยวายขึ้นมาเมื่อเห็นฉู่โม่วเข้ามาถึงหน้าประตูคฤหาสน์
ทว่าก่อนที่จะได้พูดจบ
“หนวกหู!”
ฉู่โม่วออกหมัดลวก ๆ ไปที่ผู้ปลุกพลังทั้งสอง และทันใดนั้นพวกเขาก็กลายเป็นเพียงเศษเถ้าสีแดงกระจายไปทั่วบริเวณ
ด้วยความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวนี้ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงหนาหรือค่ายกลเวทที่คอยปกป้องคฤหาสน์ตระกูลสวี่อยู่ ก็สามารถพังทลายลงได้เพียงกำปั้นเดียว
“ใครน่ะ!?”
“ใครมันกล้ามาสร้างความวุ่นวายกับตระกูลสวี่กัน!”
“สิ้นคิดยิ่งนัก!”
เสียงดังครึกโครมจากทางด้านหน้าคฤหาสน์ ทำให้เหล่าผู้ปลุกพลังในตระกูลต่างลุกฮือ
ยอดฝีมือมากมายวิ่งตาม ๆ กันมาจากทุกสารทิศ พวกเขาเหล่านี้มีกลิ่นอายพลังที่กล้าแข็ง และพวกเขาเกือบทั้งหมดมีระดับต่ำสุดเป็นปรมาจารย์ยุทธ์กันทั้งสิ้น!
พลันเมื่อพวกเขาเห็นฉู่โม่ว คนเหล่านี้ก็โถมเข้าใส่โดยไม่พูดไม่จาอะไรทั้งนั้น
ทว่า…
หมัดเพลิงสะท้านภูผา!
พลังไฟในร่างถูกกระตุ้น เลือดลมในกายเริ่มเดือดพล่าน ฉู่โม่วไม่แม้แต่จะถอยหลัง เขาปลดปล่อยพลังหมัดที่รุนแรงออกไปเบื้องหน้า
ลูกไฟที่เกิดจากการปล่อยหมัดนั้นพุ่งตรงไปข้างหน้าก่อนที่จะเข้าปะทะกับเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกไฟนั้นทำให้เหล่าผู้ปลุกพลังประจำตระกูลสวี่ที่ไม่สามารถต้านทานพลังได้ แหลกละเอียดกลายเป็นชิ้นเนื้อย่างได้อย่างง่ายดาย
ความรุนแรงและความเร็วของลูกไฟอันเกิดจากกระบวนท่าหมัดของฉู่โม่วไม่ได้ลดลงเลย จนกระทั่งมันปะทะเข้ากับตัวคฤหาสน์หลังโตเบื้องหลัง
ด้วยพลังที่แม้แต่นายพลเมืองยังต้องเจ็บหนัก ดังนั้นมันจึงสามารถเป่าคฤหาสน์ทั้งหลังให้หายไปได้ในชั่วพริบตา
การพังทลายของคฤหาสน์หลังใหญ่นี้สั่นสะเทือนพื้นดินไปไกล!
เมื่อหันกลับไปมองพลังที่เกินขอบเขตนี้ สีหน้าของเหล่าผู้ปลุกพลังตระกูลสวี่ที่เผอิญรอดก็เปลี่ยนไปโดยสิ้น!
ความแข็งแกร่งนี่มันสูงกว่าระดับนายพลเมืองแล้ว!
“ข้าคือ สวี่จง ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลสวี่ เจ้าเป็นใคร? เหตุใดถึงเข้ามายังตระกูลสวี่ของข้าด้วยความหยิ่งผยองเช่นนี้!”
ตอนนั้นเอง
ชายชราที่มีกลิ่นอายของจ้าวยุทธ์ระดับสูงก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขามองมายังฉู่โม่วและพูดด้วยสีหน้ามืดมน
เมื่อฟังถ้อยคำที่เอ่ยถามแล้ว ฉู่โม่วก็พูดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โอ้ ตระกูลสวี่นี่ยิ่งใหญ่จริง ๆ นะ ขนาดส่งคนไปจัดการคนอื่นถึงหน้าประตูได้ แต่ตัวเองกลับไม่รู้จักเหยื่องั้นเหรอ?”
“หรือว่าแก่แล้วเลยเลอะ ๆ เลือน ๆ จำหน้าใครไม่ค่อยได้กันล่ะ?”
“เอาเถอะ ฉันคือ ฉู่โม่ว คนที่ตระกูลสวี่อยากจะกำจัดนักกำจัดหนายังไงล่ะ!”
“เจ้าว่ายังไงนะ!”
เมื่อได้ยินคำตอบของฉู่โม่ว สวี่จงก็ตาเบิกโพลง ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“เจ้าคือฉู่โม่วจริง ๆ งั้นหรือ!?”
เขาอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “ไม่ใช่ว่าเจ้าตระกูลของข้าไปฆ่าเจ้าด้วยตนเองแล้วหรือไง! เหตุใดถึงยังมีชีวิตอยู่รอดได้!”
“ผู้คนตายเมื่อถูกฆ่า”
“การที่ฉันยังไม่ตาย มันก็มีเหตุผลเดียวไม่ใช่หรือไง?” ฉู่โม่วแสยะยิ้ม
“เป็นไปไม่ได้! เจ้าตระกูลน่ะมีพลังสูงขั้นจ้าวยุทธ์แล้วนะ! ไม่มีทางที่เขาจะถูกคนเช่นเจ้าฆ่าได้หรอก!”
เห็นได้ชัดว่าสวี่จงไม่เชื่อจริง ๆ
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ? ฆ่ามาฆ่ากลับ ท่านเองก็น่าจะเห็นบ่อย ๆ ไม่ใช่หรือไง?”
“ไม่ต้องห่วงน่า การตายของตาลุงสวี่หล่างจะไม่โดดเดี่ยวอย่างแน่นอน เพราะวันนี้ฉันจะส่งทั้งตระกูลสวี่ไปอยู่เป็นเพื่อนให้หมดเลย!”
ฉู่โม่วพูดอย่างเยือกเย็น
ถ้อยคำที่ฉู่โม่วพูดออกมาเสมือนกระบี่ปลายแหลมที่ทิ่มแทงเข้าไปในใจสวี่จง เขารู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วทั้งใจ!
เจ้าตระกูลสวี่ออกไปกำจัดฉู่โม่วด้วยตนเองในวันนี้ ทุกคนในตระกูลรับรู้และเห็นด้วยตาตนเองหมด
ทว่าตอนนี้เจ้าบ้านั่นกลับมาถล่มตระกูลสวี่ตั้งแต่หน้าประตูคฤหาสน์ โดยที่ยังไม่มีวี่แววของเจ้าตระกูลที่ควรจะโผล่มา ดังนั้นไม่มีทางเป็นอย่างอื่นไปได้อีกแน่นอน… เจ้าตระกูลสวี่ถูกกำจัดไปแล้ว!
แต่…
นายพลเมืองน่ะเหรอจะกำจัดจ้าวยุทธ์ได้จริง ๆ?
ความคิดนี้ไม่สามารถสลัดให้หลุดออกจากหัวของสวี่จงได้เลย เขาเริ่มหายใจติดขัด!
“พะ… พลังอะไรที่ทำแบบนี้ได้? พรสวรรค์ของเจ้านี่มีมากถึงเพียงไหนกัน!”
ร่างของเขาสั่นเทา
ความกลัวที่ไร้คำอธิบายเริ่มครอบงำจิตใจ
ตอนนั้นเอง จู่ ๆ เรื่องที่เจ้าตระกูลเคยพูดไว้ ถึงสิ่งที่อยู่ภายในโบราณสถานที่หลบซ่อนภายในเขตแดนลับเมฆาครามก็ผุดขึ้นมาในหัวของสวี่จง
“ใช่แล้ว! ไม่ผิดแน่!”
“ผู้ปลุกพลังของตระกูลข้าจะต้องไปพบเจอโบราณสถานลับนั่นแน่ แล้วพลาดท่า เจ้าฉู่โม่วนี่จึงกลายเป็นหนูตกถังข้าวสารและได้รับสมบัติเหล่านั้นไปแทน!”
“เพราะแบบนี้ ในเวลาอันสั้น คนคนนี้ถึงได้ขยับจากปรมาจารย์ยุทธ์ขึ้นเป็นนายพลเมืองได้!”
“เพราะแบบนี้ ภายหลังจากที่เจ้าตระกูลได้ขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ได้แล้ว เขาถึงรีบไปไปกำจัดฉู่โม่ว… นั่นเพราะต้องการจะชิงเอาสมบัติที่ควรเป็นของตระกูลสวี่กลับมานี่เอง!”
“น่าเศร้าใจจริง ๆ!”
“หากข้ารู้ล่วงหน้าว่าเรื่องจะมาถึงขั้นนี้ เมื่อตอนที่สวี่โม่วถูกฆ่าตาย ข้าควรจะลงมือกำจัดฉู่โม่วเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ! อย่างน้อย ๆ การรับมือกับพวกพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้วก็ยังไม่ทำให้ตระกูลสวี่ต้องเสียหายหนักขนาดนี้!”
“เพราะความชะล่าใจของข้าแท้ ๆ!”
พูดถึงตรงนี้
สิ่งที่ตระหนักอยู่ในใจของสวี่จงนั้นหาใช่การที่เขาเสียใจที่ไปมีเรื่องกับฉู่โม่ว แต่เป็นความเสียใจที่ไม่ได้ฆ่าฉู่โม่วไปเสียตั้งแต่แรก ๆ ต่างหาก!
ตัดสินใจผิดพลาดครั้งเดียว หายนะก็มาเยือนเลย!
“ต้องฆ่าเจ้านี่ให้ได้!”
“ไม่สามารถปล่อยให้มันเติบใหญ่กว่านี้ได้อีก!”
คิดได้เช่นนั้นแล้ว สวี่จงก็ปลดปล่อยจิตอาฆาตที่รุนแรงออกมาจากจิตใจ
ถึงแม้ว่าฉู่โม่วในตอนนี้จะฆ่าจ้าวยุทธ์ได้จริง ๆ แต่การที่ตระกูลสวี่สามารถยืนอยู่ในจุดที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ในฐานจินหลิงมาได้อย่างยาวนาน นั่นหมายความว่าจะไม่มีทางถูกทำลายง่าย ๆ แน่!
เพราะงั้นแล้ว
สวี่จงจึงพูดขึ้นทันที “ฉู่โม่ว เจ้ามีพลังเก่งกล้าก็จริง แต่ถ้ายังมีชีวิตรอดต่อไปได้ เห็นทีตระกูลสวี่คงจะต้องเอาหน้ามุดแผ่นดินหนีเป็นแน่!”
“ดังนั้น…”
“เจ้าต้องตายมันเสียตอนนี้เลย!”
เขาพูดสั่งการต่อเนื่อง “นายพลเมืองและผู้ปลุกพลังทุกคน ตั้งค่ายกล!”
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
สิ้นเสียงสั่งการ
ผู้ปลุกพลังกว่าสิบคนรวมถึงนายพลเมือง ต่างพุ่งออกมาห้อมล้อมฉู่โม่วไว้ราวกับเป็นค่ายกลมนุษย์
กลิ่นอายของพวกเขาค่อย ๆ ปรับเชื่อมกันราวกับทุกคนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันไปแล้ว มันทำให้พลังกายแข็งแกร่งมากขึ้นอีกหลายเท่า เพียงไม่นาน พลังของคนเหล่านี้ก็ทะยานขึ้นสู่จุดที่ทัดเทียมจ้าวยุทธ์ได้แล้ว!
นี่คือไพ่ตายของตระกูลสวี่
เมื่อครั้งที่บรรพบุรุษตระกูลสวี่ไปเดินทางไปต่างถิ่น เขาเผอิญได้รับค่ายกลอันแข็งแกร่งนี้กลับมาด้วย
ในยามที่ค่ายกลขนาดใหญ่นี้ถูกใช้งาน มันจะทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ปลุกพลังเพิ่มขึ้นชั่วคราว น้อยสุดคือการเพิ่มขึ้นมานิดหน่อย และมากสุดก็สามารถเพิ่มและข้ามระดับขั้นไปเลย!
เพียงแต่หลังจากที่พลังของค่ายกลเวทหมดลง พวกเขาจะต้องจ่ายค่าในราคาแพง!
ภายใต้แสงสว่างของค่ายกลเวทนี้ ในกรณีที่แย่ที่สุด นั่นหมายถึงพวกเขาทุกคนจะโดนลดอายุขัยลง หรืออาจจะถูกลดระดับขั้นวรยุทธ์ลงไป!
เพราะงั้นแล้ว…
ตั้งแต่ที่ได้โครงร่างค่ายกลนี้มา เหล่าตระกูลสวี่จึงไม่เคยใช้มันมาก่อน
ทว่าเพราะฉู่โม่วในตอนนี้ถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจไปเสียแล้ว หากไม่นำสิ่งนี้ออกมาใช้ละก็ ตระกูลสวี่จะไม่เหลือโอกาสให้รอดต่อไปได้อีกเลย!
“ฆ่ามันซะ!”
ไม่ต้องใช้ถ้อยคำให้มากมาย
ภายหลังจากที่เหล่าผู้ปลุกพลังตระกูลสวี่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งกันแล้ว พวกเขาก็เริ่มโถมโจมตีด้วยไม้ตายใส่ฉู่โม่ว
กระบวนท่ามากมายที่มีรุนแรงมากนั้นพอจะทำให้แผ่นดินไหวสั่นไหวและฉีกขาดได้ถูกนำออกมาใช้กันทั้งหมด แม้กระบวนท่าเหล่านี้จะยังไม่ถึงตัวฉู่โม่ว แต่เขาก็ตระหนักได้ถึงจิตอาฆาตที่มาจากคนเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน!
ใช่แล้ว…
คนตระกูลสวี่นี้กำลังทุ่มทุกอย่างที่มีใส่ฉู่โม่วในคราเดียว
ด้วยการโจมตีจากทุกสารทิศเช่นนี้ ต่อให้เป้าหมายเป็นจ้าวยุทธ์ของจริงก็ยังยากที่จะหลบพ้น
จากทุกสายตาที่มองมา…
เหล่าผู้ที่เห็นเหตุการณ์นี้สีหน้าเปลี่ยนไปกันค่อนข้างมาก
แน่นอนว่าไม่มีใครคาดคิดเลยว่าตระกูลสวี่จะมีไพ่ตายเช่นนี้ซ่อนเอาไว้อยู่!
ทว่าตอนนั้นเอง
ความสนใจของพวกเขาก็กลับไปหาฉู่โม่วแทน
พวกเขาอยากจะรู้ว่าอัจฉริยะอย่างฉู่โม่วที่สามารถปราบจ้าวยุทธ์ทั้งที่ตนเองเป็นเพียงนายพลเมืองได้นั้น จะรับมือกับการโจมตีเหล่านี้ได้อย่างไร!
ในยามที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของเหล่าผู้ปลุกพลังกว่าสิบคน ที่เสริมพลังโจมตีจนเทียบเท่าได้กับจ้าวยุทธ์จะสามารถทำอะไรฉู่โม่วได้ไหม!
ยิ่งคิดเช่นนั้น เหล่าผู้จับตามองก็ยิ่งเกิดความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
แต่แล้ว
ยามที่เหลือบไปเห็นสีหน้าของฉู่โม่ว กลับต้องเป็นพวกเขาที่สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัวอีกครั้ง!
นั่นเพราะ….
ฉู่โม่วกำลังหัวเราะ!
ท่ามกลางบรรยากาศ ท่ามกลางการโจมตีที่น่ากลัวและรุนแรงเช่นนี้…
ฉู่โม่วกำลังหัวเราะอย่างหยิ่งผยอง!
“ฉันคิดไว้แล้ว ว่าตระกูลสวี่ที่เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งฐานจินหลิงน่ะ ไม่น่าจะมีแต่พวกหมูหมากาไก่แน่ ๆ”
เขาพูดเบา ๆ
ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างของฉู่โม่วก็ปรากฏเป็นสายฟ้าสีม่วงวิ่งไปมาเสมือนมันมีชิวิต!
สายฟ้าเหล่านั้นวิ่งออกจากร่างของฉู่โม่วราวกับเป็นงูตัวเล็ก
และในพริบตานั้นเอง
เหนือซากปรักหักพังของคฤหาสน์ตระกูลสวี่ ทะเลสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นมา!
MANGA DISCUSSION