บทที่ 116 ยาย้อนชะตาและเจตจำนงกระบี่ 40%!
ภายในหุบเขา ทุกสิ่งอย่างเงียบสงัด
ผู้ปลุกพลังกว่าร้อยคนของตระกูลสวี่เหลือเพียงเศษชุดและชิ้นส่วนอวัยวะบางส่วน เศษซากและเลือดย้อมธรรมชาติอันงดงามของสถานที่แห่งนี้ให้เป็นสีแดงฉาน
ภาพตรงหน้า…
หากมีคนอื่นมาเห็นละก็ พวกเขาต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ว่าเกิดขึ้นจากฝีมือของคนคนเดียว
พวกเขาเหล่านี้เป็นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับสูงกันทั้งนั้น ไหนบางคนที่เป็นถึงนายพลเมืองอีก เป็นไปได้หรือที่ฉู่โม่วจะจัดการพวกเขาด้วยตัวคนเดียว?
พูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว!
แต่ในความเป็นจริง
แม้ว่าจำนวนผู้ปลุกพลังจากตระกูลสวี่จะมีมาก แต่สำหรับฉู่โม่ว คนเหล่านี้ไม่ได้คณามือสักนิด เผลอ ๆ คนเหล่านั้นอาจจะไม่สามารถฝ่าพลังป้องกันของเขาเข้ามาได้เลยก็ได้มั้ง
ดังนั้นหากจะมีคนเยอะกว่านี้ก็คงไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก
เว้นเสียแต่ว่า …ทางตระกูลสวี่จะส่งคนอย่างพวกนายพลเมืองระดับสูงมารุม ไม่เช่นนั้นก็ไม่ระคายผิวเขาหรอก เหอะ กระจอกสิ้นดี!!
และนั่นก็คงจะเป็นไปไม่ได้ด้วยเช่นกัน…
อย่างน้อย ๆ ตระกูลสวี่คงไม่อยากเอาชีวิตมาเสี่ยงกับคนคนเดียวขนาดนั้น
แต่ถ้ายังไม่รามือ ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน …ฉู่โม่วจะกำจัดให้สิ้นซาก
“เหมือนเชือดไก่ให้ลิงดูเลย แต่ถ้าไม่มีคนอื่นอยู่แล้ว ฉันก็ไม่นับตัวเองเป็นลิงหรอกนะ”
ฉู่โม่วส่ายหน้าแล้วพูด
เขาเก็บกระบี่กลับเข้าฝักดังเดิม
ภายหลังจากที่เก็บเอาสิ่งของจากกระเป๋าของพวกตระกูลสวี่แล้ว ฉู่โม่วก็ได้ทรัพย์สินมาอีกกองใหญ่ ซึ่งรวม ๆ แล้วน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าแสนหินปฐมกาล
ดูท่าช่วงนี้เทพแห่งโชคลาภจะเข้าข้างฉันแฮะ
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ฉู่โม่วก็เริ่มหันมองไปรอบ ๆ
ถึงจะบอกว่าที่นี่เป็นตำหนักลับ แต่ในความเป็นจริงขนาดของมันกลับเด่นสะดุดตา มันครอบคลุมภูเขาเกือบจะหนึ่งลูก ถ้าจะทำให้คนหาไม่เจอจริง ๆ ก็อาจจะเป็นเพราะค่ายกลนั่นเท่านั้น
และด้วยขนาดที่ใหญ่โตเช่นนี้ ฉู่โม่วก็เลือกไม่ถูกเช่นกันว่าจะเริ่มหาสมบัติจากตรงไหนก่อน
“อาไต๋ ฝากด้วยนะ!”
ขณะที่ไม่รู้จะทำอย่างไร ท้ายสุดฉู่โม่วก็ตัดสินใจให้อาไต๋ช่วยค้นหาสมบัติ
นกน้อยพยักหน้ารับ จากนั้นก็ใช้พลังตามหาสมบัติแทบจะทันที
ส่วนฉู่โม่วก็กระตุ้นอณูแห่งชีวิตแล้วรีบตามสัตว์เลี้ยงของตนไปติด ๆ
…
ไม่นานนัก
หลังจากที่เข้าไปในตำหนักลับได้
เขาก็เริ่มมองไปรอบ ๆ ภายในนี้มีหม้อต้มยามากมาย รวมถึงเครื่องปรุงยาบางอย่างหลงเหลืออยู่ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นห้องปรุงยา
บริเวณตรงกลางห้องมีเตาหลอมยาที่เห็นเด่นชัดอยู่สามเตา
เตาทางด้านซ้ายและขวาค่อนข้างจะเล็กกว่านิดหน่อย มันเป็นเตาที่มีสามขาสองหู ในขณะที่เตาหลอมยาตรงกลางเป็นเตาสี่ขาแปดหู ที่โดดเด่นสุดคงจะเป็นขนาดของมันที่มีใหญ่ที่สุด
ไม่มั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากอะไร แต่การที่ตั้งอยู่ตรงนี้แม้จะถูกทิ้งร้างมาหลายปีแล้ว ก็แสดงให้เห็นว่าหม้อพวกนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยวัสดุชั้นดีแน่ ๆ
ส่วนของเครื่องปรุงยาพวกนี้ยังส่งกลิ่นหอมจาง ๆ
ฉู่โม่วเริ่มจากการเปิดหม้อปรุงยาที่ตั้งอยู่ตรงกลางก่อน ภายในนั้นมียาเม็ดสีแดงถูกหลอมเอาไว้อยู่ มันมีกลิ่นหอมที่รุนแรงมากเลยทีเดียว
ไม่น่าเชื่อ…
คนพวกนี้… สร้างเจ้าสิ่งนี้ได้จริง ๆ เหรอ!?
“นี่มัน… ยาเปิดเจ็ดทวาร”
เขาก้มหน้าและลองนับดู พลันพบว่ายาเม็ดสีแดงเหล่านี้มีทวารเปิดมากถึงเจ็ดแห่ง เขาก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้
ยาเปิดเจ็ดทวารนั้นไม่ใช่ชื่อของสิ่งนี้แต่อย่างใด แต่เป็นระดับคุณภาพของยาปรุง
อย่างที่รู้กัน ว่ายิ่งนักเล่นแร่แปรธาตุสำเร็จวิชาระดับสูงมากแค่ไหน ค่าความผันแปร ของตัวยาก็จะน้อยลงไปด้วย
ท่ามกลางยาเหล่านี้ ยาระดับสูงจะถูกเรียกว่า ยารู้แจ้ง!
ทุก ๆ ทวาราที่ถูกเปิดออกจะทำให้ความผันแปรในตัวยาลดลงไป และมันจะทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาสูงขึ้นอีกเป็นเท่าตัว!
ใครก็ตามที่ทำให้ทวาราเปิดได้มากถึงสามจุด ค่าความผันผวนนั้นจะหายไปหมด และคุณสมบัติของยาจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า!
และนักเล่นแร่แปรธาตุคนไหนที่สามารถกลั่นเอายาระดับยารู้แจ้งออกมาได้ เขาคนนั้นจะต้องเป็นผู้ที่สำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุระดับลึกซึ้งสุด ๆ เท่านั้น! ซึ่งฉู่โม่วไม่เคยเห็นใครในฐานจินหลิงเลยที่จะสามารถกลั่นยาระดับนี้ได้
แต่ในตอนนี้
ตรงหน้าเขาคือหม้อที่มียาเปิดเจ็ดทวารถูกปรุงเอาไว้!
แบบนี้แล้วจะไม่ให้ตกตะลึงได้อย่างไร?
ชายหนุ่มหยิบยาวิเศษขึ้นมาหนึ่งเม็ด
เมื่อมองดูอย่างรอบคอบก็พบว่า เม็ดยาขนาดเท่าผลลำไยนี้ยังคงมีความอุ่นหลงเหลืออยู่ กลิ่นหอมรุนแรงทำให้เลือดและพลังอณูแห่งชีวิตทั่วร่างถูกปลุกเร้า รูขุมขนบนร่างกายกำลังขยับขยายออกมาราวกับมันเองก็อยากจะสูดดมกลิ่นหอมพวกนี้ด้วย
“การที่สำนักกระบี่สวรรค์สามารถปรุงยาระดับยารู้แจ้งได้ แสดงว่านั่นจะต้องเป็นยุคทองของพวกเขาแน่ ๆ!”
“แต่เกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้น่ะ? พวกเขาหายไปไหนกันหมด ยาจำนวนมากขนาดนี้ แต่กลับไม่ทันได้ใช้งานเลยงั้นเหรอ?”
“คนพวกนั้นเจออะไรเข้ากันแน่?”
ฉู่โม่วขมวดคิ้วและแอบคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ
ระหว่างนั้นก็เดินไปสำรวจไปรอบ ๆ
เขาสังเกตได้ว่าตำหนักแห่งนี้ แทบจะไม่บุบสลายเลย
แม้จะมีส่วนที่เสียหายบ้าง แต่ก็เป็นความเสียหายตามกาลเวลา ไม่มีร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ใด ๆ
เช่นนั้นก็หมายถึง…
ไม่มีใครบุกเข้ามาที่นี่หรือเกิดการก่อจราจลจากภายใน…
พวกผู้ปลุกพลังที่อยู่ภายในตำหนักแห่งนี้หายไปอย่างลึกลับจริง ๆ!
นี่มันแปลกมาก!
“เอาเป็นว่า… ทิ้งเรื่องนี้ไปก่อนก็แล้วกัน”
‘ไหน ๆ ตำหนักกระบี่สวรรค์ก็ล่มสลายมาหลายปีแล้ว เรื่องราวของพวกเขาควรจะถูกปล่อยไว้ในสายธารแห่งประวัติศาสตร์ ไม่ควรหยิบขึ้นมาต่อยอดใหม่อีกครั้ง’
‘บางทีการนำเรื่องที่ผ่านไปแล้วกลับมาคิดใหม่ มันอาจจะไม่ใช่ทางที่ดีนัก’
ฉู่โม่วส่ายหน้าเพื่อไล่ความคิดความสงสัยนั้นออกไป
จากนั้นเขาก็หันไปเปิดหม้อปรุงยาอีกสองหม้อที่อยู่ข้าง ๆ กันแทน
ไม่ต่างกันนัก ยาที่ถูกปรุงไว้ในหม้อทั้งสองยังคงเป็นระดับยารู้แจ้งเช่นกัน แต่มีทวาราถูกเปิดเพียงแค่ห้าจุดเท่านั้นและตัวเม็ดยามีสีทองม่วง
มันค่อนข้างชัดเจนว่ายาเหล่านี้เป็นคนละชนิดกัน
เขาหยิบเอาขวดหยกขึ้นมาและค่อย ๆ หยิบยาเหล่านี้ใส่เก็บไปไว้ในมิติพกพา
หลังจากนั้น…
ฉู่โม่วก็เดินสำรวจทั่วทั้งห้องอีกครั้งหนึ่ง เผื่อว่ายังมีอะไรที่สามารถเก็บกลับไปได้
และด้วยพลังของจิตสัมผัส ไม่มีสิ่งมีค่าใดที่จะหลุดรอดสายตาของฉู่โม่วไปได้
ครู่เดียว
เขาก็พบกล่องหยกจำนวนหนึ่งอยู่ภายในชั้นที่อยู่มุมห้องด้านหนึ่ง
ภายในนั้นเต็มไปด้วยเม็ดยา
ทว่าเม็ดยาส่วนมากนั้นเสื่อมสภาพไปแล้ว จะมีก็แต่ยาสมุนไพรที่มีทวาราถูกเปิดไว้สามจุดขึ้นไปเท่านั้นที่ยังคงรักษาคุณภาพและปลดปล่อยกลิ่นหอมจาง ๆ ออกมาได้
นอกจากนี้แล้ว
ฉู่โม่วยังพบยาอีกบางจำพวก
หนึ่งในนั้นคือ ยาก่อกำเนิด
ยาจำพวกนี้มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างรากฐาน ช่วยเพิ่มพลังและเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังดั้งเดิมในตัวผู้ปลุกพลังได้ ทำให้พื้นฐานของผู้ปลุกพลังคนนั้น ๆ มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งมันมีผลอย่างมากกับผู้ปลุกพลังในขั้นจ้าวยุทธ์
อีกหนึ่งเป็น ยาประสานธาตุ
มีคุณสมบัติช่วยทำให้ผู้กลืนกินสิ่งนี้ลงไป สามารถเพิ่มความเร็วในการซึมซับอณูแห่งชีวิตรวมถึงฟื้นฟูอณูแห่งชีวิตในร่างกายแบบฉับพลัน มีผลอย่างมากในการต่อสู้
และยาจำพวกที่สามคือยาย้อนชะตา
สามารถทำให้ผู้ปลุกพลังบรรเทาความเจ็บปวดของร่างกายและช่วยสนับสนุนให้พวกเขาทลายขีดจำกัดทางกายภาพในการก้าวไปยังขั้นต่อ ๆ ไปด้วย!
“สำนักกระบี่สวรรค์ปรุงยาแบบนี้ไว้ด้วยเหรอเนี่ย!?”
ทันทีที่ฉู่โม่วเห็นคุณสมบัติของยา เขาถึงกับต้องชะงักไปเลย
แต่เพียงไม่นาน สติของเขาก็กลับมา
จุดประสงค์ดั้งเดิมของหอคอยวรยุทธ์นั้นน่าจะใช้เพื่อให้เหล่าลูกศิษย์ของสำนักกระบี่สวรรค์ทดสอบพลังของตนเอง และด้วยพลังอำนาจของสำนัก ณ ช่วงเวลานั้น มันคงเป็นเรื่องปกติหากจะมีลูกศิษย์คนไหนสามารถขึ้นไปถึงชั้น 50 และรับคัมภีร์มังกรคชสารอมตะมา
จากนั้นเหล่านักเล่นแร่แปรธาตุในสำนักกระบี่สวรรค์ก็จะกลั่นยาย้อนชะตานี้ไว้ให้พวกเขาอย่างแน่นอน!
“คุ้มค่า! คุ้มค่าจริง ๆ!”
ฉู่โม่วมองไปยังใบส่วนประกอบของยาย้อนชะตา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งนี้
เพราะการฝึกฝนพระสูตรมังกรคชาสารนิรันดร์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย การทลายขีดจำกัดร่างกายจะทำให้ร่างกายบาดเจ็บหนักถึงขั้นปางตายได้
แต่ด้วยคุณสมบัติของยาเม็ดนี้ สิ่งที่คิดว่ายากจะไม่ใช่สิ่งที่ยากอีกต่อไป!
แถมมันยังทำให้การฝึกฝนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นด้วย!
เม็ดยาถูกเก็บไว้อย่างระมัดระวัง
จากนั้นฉู่โม่วถึงได้เริ่มตรวจสอบคุณสมบัติของเม็ดยาแต่ละเม็ดที่เก็บมาอย่างละเอียด
ยาส่วนมากที่เขาได้มาจากกล่องหยกนั้นจะเป็นเม็ดยาลูกกลอนที่มีมากถึงสิบหกขวด และในแต่ละขวดก็มีมากถึงยี่สิบเม็ด
นอกจากนั้นก็เป็นยาประสานธาตุมีเจ็ดขวด
มียาหม้อสองหม้อและยาย้อนชะตาที่มีทวาราห้าจุดจำนวนยี่สิบสี่เม็ด
ยาทวาราเจ็ดจุดจำนวนเก้าเม็ดที่ได้จากหม้อยาขนาดใหญ่ตรงกลางห้อง
แต่…
เพราะยาเหล่านี้ไม่ได้มีคุณสมบัติบอกไว้ว่าทำอะไรได้บ้าง เพราะงั้นเขาจึงทำได้เพียงเก็บยาเหล่านี้ไว้ในขวดหยก แล้วค่อยหาโอกาสไปหาคุณสมบัติทีหลัง
เมื่อเก็บทุกอย่างเสร็จแล้ว
ภายในห้องปรุงยานี้ก็ไม่เหลืออะไรให้เก็บกวาดอีก
ฉู่โม่วจึงตัดสินใจที่จะออกจากที่นี่
ตอนนั้นเอง
เพียงแค่เดินออกจากห้องปรุงยา เขาก็ต้องหยุดฝีเท้าทันใด
และหันกลับไปในห้อง
เปิดกระเป๋าเก็บของก่อนจะเก็บเอายาจากภายในหม้อปรุงยาทั้งสามใบลงไปภายในให้หมด
…
หลังเดินออกจากห้อง ฉู่โม่วก็เดินตรงไปตามทางเดินที่ลึกเข้าไปในตัวตำหนัก
ไม่นานนัก ปลายทางของชายหนุ่มก็มาอยู่ที่ตีนเขาเสียแล้ว
บริเวณข้างทางมีศาลาหลังหนึ่งปรากฏให้เห็น
แม้ว่าตัวศาลาจะทรุดโทรมไปเกือบหมด แต่ก็ยังสามารถเห็นได้ว่าภายมีแผ่นหินก้อนหนึ่งถูกเก็บไว้อยู่
แผ่นหินนั้นสูงประมาณสองเมตร และมีรอยกระบี่ฟาดฟันอยู่ร่วมสิบรอย
ไม่มั่นใจว่ารอยกระบี่พวกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ สายตาของฉู่โม่วก็รู้สึกได้ว่ารอยกระบี่เหล่านั้นกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา แม้มันจะเป็นเพียงความรู้สึก แต่ความเสมือนจริงนั้นทำให้เขาต้องหรี่ตาลง
“นี่มัน…”
“หรือว่าจะเป็น …ศิลาวรยุทธ์?”
ใบหน้าของฉู่โม่วเต็มไปด้วยความตกใจ
ศิลาวรยุทธ์นั้นถือเป็นหนึ่งสมบัติที่โลกและสวรรค์ร่วมกันสร้างขึ้นมา
ตัวแผ่นศิลาไม่ได้มีอะไรพิเศษ นอกเสียจากที่มันสามารถประทับวรยุทธ์ของตนลงไปได้!
และเพราะคุณสมบัตินี้
มันเลยทำให้เหล่าผู้ปลุกพลังที่เก่งกาจในตระกูลใหญ่ ๆ หรือฝ่ายที่มีพลังอำนาจ เลือกที่จะประทับวรยุทธ์ของตนลงไปบนศิลา เพื่อที่จะส่งต่อความรู้ที่มีให้แก่ลูกศิษย์หรือคนในตระกูลรุ่นต่อไป
“จริง ๆ ด้วย… พลังที่แผ่ซ่านออกมาจากรอยกระบี่แต่ละรอยไม่ได้มาจากกระบี่เล่มเดียว!”
“มีผู้ปลุกพลังมากมายมาที่นี่ และใช้กระบี่ของพวกเขาสร้างร่องรอยทิ้งเอาไว้!”
ความรู้สึกที่แผ่ออกมาจากรอยกระบี่พวกนั้นเสมือนว่าเขาได้ยืนอยู่ต่อหน้าบรรพชนจำนวนมาก และไม่อาจห้ามให้หัวใจเต้นแรง
วรยุทธ์ของผู้ที่นำมันมาจารึกไว้บนแผ่นนี้ช่างเป็นสิ่งที่หาชมได้ยากจริง ๆ!
ที่สำคัญ พวกมันทั้งหมดยังเป็นวรยุทธ์ในเจตจำนงกระบี่อีกด้วย!
มีเจตจำนงแห่งกระบี่มากมายฝากรอยทิ้งไว้บนแผ่นหินนี้
ด้วยเหตุนี้ฉู่โม่วจึงประหลาดใจ
ทว่าหลังจากนั้น…
ความประหลาดใจก็แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น
“แม้จะเป็นหินจากภูเขาก็สามารถสร้างริ้วรอยให้หยกได้”
“ถึงจะเป็นเจตจำนงแห่งกระบี่เหมือนกัน ใช้ในการสังหารเหมือนกัน และมีแก่นแท้เหมือนกัน”
“แต่ร่องรอยของพวกมันทั้งหมดนี้ ถ้าหากค่อย ๆ ทำความเข้าใจได้ล่ะก็ บางทีฉันอาจจะเข้าใจถึงเจตจำนงแห่งกระบี่ได้มากยิ่งขึ้น!”
คิดได้ดังนั้น
ฉู่โม่วก็เริ่มปัดกวาดเศษซากปรักหักพังนั้นเพื่อให้เห็นศิลาวรยุทธ์ตรงหน้าอย่างแจ่มแจ้ง
จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มทำการประสานจิตเข้ากับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ยื่นมือข้างหนึ่งออกไปและสัมผัสมัน
ซู่!
ทันทีทันใด คลื่นกระบี่กว่าสิบคลื่นผนวกรวมเข้ากับเจตจำนงของวรยุทธ์ พวกมันโถมเข้าใส่สภาวะจิตของฉู่โม่วราวกับคลื่นยักษ์ ไม่ก็ภูเขาที่ทิ้งดิ่งลงมา!
เขาต้องทำความเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ได้ทั้งหมด!
เจตจำนงแห่งกระบี่ในกายของเขากำลังขานร้อง! ลมปราณแห่งกระบี่เริ่มแผ่ซ่านคล้ายเส้นผมเล็ก ๆ และมันกินพื้นที่ไปกว่าร้อยเมตรเลยทีเดียว
…
ผ่านไปหนึ่งวัน
ฉู่โม่วได้สติกลับมาอีกครั้ง
เมื่อลืมตาตื่นขึ้น เขาก็พบว่ายังคงมองเห็นคลื่นกระบี่นับร้อยพันพุ่งไปพุ่งมา ซึ่งพวกมันทั้งหมดมีพลังมหาศาลราวกับจะทำลายโลกใบนี้ให้พินาศ
พักใหญ่ ๆ ต่อจากนั้น
คลื่นกระบี่เหล่านี้ค่อย ๆ ลดความเร็วลงพร้อมกับเข้ามาหลอมรวมกับร่างกายของเขา
“เจตจำนงแห่งกระบี่ 40%!”
เขาค่อย ๆ หายใจออกขณะพูดออกมาเสียงเบา
ภายในน้ำเสียงนั้นมีความเสียดายซ่อนอยู่
ทั้ง ๆ ที่เจตจำนงแห่งกระบี่ที่ถูกสลักลึกไว้บนศิลาวรยุทธ์นั้นมีมากมายหลายสิบ และแต่ละรอยยังเปี่ยมไปด้วยคลื่นกระบี่ที่บริสุทธิ์เสียยิ่งกว่าอะไร แต่เพราะทักษะวิชากระบี่ของฉู่โม่วนั้นอยู่เพียงระดับสูงเท่านั้น ไม่ได้อยู่ในระดับสูงที่สุด มันเลยทำให้เขาทำความเข้าใจได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น
“ดูเหมือนทักษะกระบี่ระดับสูงของฉันจะไม่เพียงพอต่อการใช้เจตจำนงแห่งกระบี่ซะแล้วสิ…”
“ท่าทาง…”
“คงจะต้องหาเป้าหมายที่มีวิชากระบี่ระดับสูงกว่านี้เสียแล้ว!”
ฉู่โม่วยืนขึ้นและตั้งปณิธานแน่วแนา
MANGA DISCUSSION