บทที่ 115 ฆ่าผู้ปลุกพลังร้อยคนด้วยเพลงกระบี่เดียว!
ข้อพิพาทกันระหว่างเขากับตระกูลสวี่นี้ดูจะไม่มีทางเจรจาสงบศึกกันได้แล้ว มันดำเนินมาถึงขั้นที่ว่า …หากไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป เรื่องนี้คงไม่คลี่คลายตลอดชีวิตแน่!
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในตำหนักขุมทรัพย์ด้านหน้านี้มีของล้ำค่าอยู่มากมาย ครั้นพอรู้แล้วว่าจุดประสงค์ของตระกูลสวี่คืออะไร มันย่อมเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้ง่าย ๆ
สุดยอดแผนฆาตรกรรมหมู่ในพื้นที่โล่งถูกวางไว้แล้ว!
ขณะนั้นเอง ภายในกลุ่มของตระกูลสวี่ สวี่เถียนพูดขึ้น “ถึงแม้ว่าภายในนั้นจะมีสมบัติอยู่มากมายก็จริง แต่ก็มีอันตรายซ่อนอยู่ไม่น้อยกว่ากัน!”
“ฉันไม่รู้ว่าสำนักกระบี่สวรรค์ถูกทิ้งร้างมานานขนาดไหนแล้ว แต่เห็นได้จากค่ายกลที่ยังทำงานอยู่แบบนี้ ฉันเชื่อว่าพลังของมันคงไม่ใช่เล่น ๆ ดังนั้นพวกเราต้องระวังตัวกันให้ดี!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากตระกูลสวี่พยักหน้าตอบรับ “ครับ เข้าใจแล้วครับ!”
เมื่อเห็นทุกคนที่ตามมาด้วยดูหวาดกลัว สีหน้าของสวี่เถียนก็อ่อนโยนลงเล็กน้อย เขาหันไปพูดกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง “สวี่ฉาน เรื่องค่ายกลนี้คงต้องฝากนายด้วยนะ!”
สิ้นเสียง…
ผู้ฝึกยุทธ์จากตระกูลสวี่คนหนึ่งก็เดินออกมาจากกลุ่มคนมากมาย
ความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่เพียงปรมาจารย์ยุทธ์ระดับสูงเท่านั้น แถมยังดูไม่ได้โดดเด่นอะไรท่ามกลางคนเหล่านี้ด้วย
ทว่า ณ ตอนนี้ ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่เขา
นั่นเพราะ… เขาเป็นผู้ใช้ค่ายกลเวทเพียงคนเดียวของตระกูลสวี่!
ทันทีที่ออกมายืนด้านหน้าแล้ว
ผู้ใช้ค่ายกลเวทมนตร์นามว่าสวี่ฉานหยิบธงขนาดเล็กขึ้นมาโบกสะบัด พร้อมกับร่ายพลังบางอย่างที่เปี่ยมไปด้วยอณูแห่งชีวิตหนาแน่น และอณูแห่งชีวิตเหล่านั้นก็สั่นสะเทือนเกราะสีเหลืองทองจนมันเกิดการสั่นไหวทีละน้อย
นั่นไม่ใช่ภาพลวงตาหรือคิดไปเอง แต่เกราะสีเหลืองทองตรงหน้ากำลังสั่นอยู่จริง ๆ!
อึ่ก!
สวี่ฉานกระอักเลือดออกมา สีหน้าของเขาดูไม่สู้ดีนักและซีดลงเรื่อย ๆ
ไม่เว้นแม้แต่ลมหายใจที่ยังเหนื่อยหอบ
“คะ… ค่ายกลเวทมนตร์นี่… น่ากลัวมาก ขนาดสร้างทิ้งไว้ตั้งหลายปี แต่แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนี้… ความซับซ้อนของพลังเวท คนที่สร้างมันคือผู้มีพรสวรรค์ระดับสูงเลยจริง ๆ!”
เขาพูดด้วยความตกใจ
“แต่…”
“กาลเวลาคือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นบ่อนทำลายทุกสิ่งอย่าง!”
“ท่านสวี่เถียน นำคนของพวกเราเข้าโจมตีค่ายกลนี้ที่ห่างไปจากตรงนี้ซ้ายมือสามร้อยเมตรครับ! ที่นั่นคือจุดที่เกราะป้องกันอ่อนแอที่สุด เราสามารถเปิดรูโหว่ได้!”
ผู้เชี่ยวชาญด้านค่ายกลเวทพูดขึ้นด้วยเลือดกบปาก
“เยี่ยม!”
สวี่เถียนพยักหน้า
จากนั้นเขาก็ให้คนพาสวี่ฉานไปรักษาอาการ
ส่วนตัวเขานั้นนำผู้ฝึกยุทธ์อีกจำนวนหนึ่งมุ่งไปยังจุดอ่อนของค่ายกลนี้และเริ่มโจมตีทันที
ครืน! ครืน!
ผู้ฝึกยุทธ์ร่วมร้อยคนจากตระกูลสวี่ใช้กระบวนท่าวรยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อระเบิดเกราะป้องกันสีเหลืองทองนี้ การโจมตีเหล่านั้นรุนแรงเสียจนทำให้ตัวเกราะเกิดคลื่นสั่นสะเทือนไปทั่ว
จากการโจมตีอย่างไม่หยุดยั้งนี้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง
เพล้ง!
ด้วยเสียงที่เหมือนกระจกแตกดังไปทั่ว ในที่สุดเกราะมนตราก็แตกออก!
ขณะเดียวกัน
อณูแห่งชีวิตที่รุนแรงพุ่งออกมาปะทะใบหน้า ความหนาแน่นของมันถึงขนาดทำให้ผู้ที่สูดดมเข้าไปรับรู้ถึงเลือดลมในร่างที่ถูกปลุกปั่นให้ตื่นขึ้น
“ค่ายกลยักษ์พังแล้ว!”
“อณูแห่งชีวิตอะไรกันนี่!”
“ดูเหมือนว่าข้างในนี้จะมีสมบัติบรรพกาลซ่อนอยู่หลายชิ้นจริงด้วย!”
“ฮ่า ๆๆๆ ทุกสิ่งอย่างภายในนี้ต้องเป็นของตระกูลสวี่!”
ภายในหุบเขาแห่งนี้ อณูแห่งชีวิตหนาแน่นกำลังแทรกซึมเข้าไปทุกที่ราวกับกระแสน้ำ ทุกคนที่กระหน่ำโจมตีเมื่อครู่นี้จำต้องหยุดการกระทำลงและหันมองไปยังต้นตอของอณูแห่งชีวิตนี้ด้วยความตื่นเต้น
“ระวังตัวให้ดี!”
สวี่เถียนย้ำเตือนทุกคนอีกครั้งด้วยเสียงดัง
แต่ขณะที่พูดอยู่นั้น
เขาเองก็ไม่สามารถสลัดสีหน้าตื่นเต้นยินดีบนใบหน้าทิ้งได้เหมือนกัน
เพราะตรงหน้าคือตำหนักขุมทรัพย์ที่สำนักกระบี่สวรรค์เหลือทิ้งไว้!
หากตระกูลสวี่ได้สิ่งเหล่านี้ไปทั้งหมด พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับหนูตกถังข้าวสารแล้ว!
และเขา สวี่เถียนก็จะได้ผลประโยชน์นับไม่ถ้วน!
บางทีด้วยสมบัติที่เก็บกลับไปพวกนี้ มันอาจจะช่วยให้เขามีโอกาสก้าวขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์ในอนาคตได้ด้วย!
แล้วถ้าเป็นแบบนั้น…
เขาก็มีโอกาสที่จะได้เป็นเจ้าตระกูลที่อายุน้อยที่สุดเช่นกัน!
แม้ก่อนหน้านี้จะไม่มีโอกาสเลยก็ตาม
และตอนนี้ ลูกชายทั้งสองคนของผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็ถูกสังหารไปหมดแล้ว
ด้วยเหตุนี้ ต่อให้ไม่ใช่เชื้อสายผู้นำตระกูลคนปัจจุบันโดยตรง แต่ถ้ามีพลังแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ เขาก็มีโอกาสที่จะถูกเลือกเป็นหัวหน้าตระกูล
ดังนั้นแล้วความสำเร็จในวันนี้ ไม่น่าจะทำให้เขาหลุดจากตำแหน่งเจ้าตระกูลหนุ่มได้แน่ ๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าตระกูลคนปัจจุบันอย่างสวี่หล่างสละตำแหน่ง เมื่อนั้นเขาอาจจะถูกตบแต่งขึ้นมาเป็นเจ้าตระกูลแทน!
เขาเพ้อฝันต่อไปต่าง ๆ นานา
หากได้เป็นเจ้าตระกูลสวี่ และสามารถยืนอยู่บนจุดสูงสุดของฐานจินหลิงได้ เขาจะต้องได้รับการเคารพจากผู้คนนับไม่ถ้วน ดีไม่ดีอาจได้รับคำชื่นชมจากเหล่าจ้าวยุทธ์อีกด้วย!
อย่างไรก็ตาม…
ขณะนั้นเอง
จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัว
“แหม ทำการใหญ่ใจต้องนิ่งแท้ ๆ แต่กลับยิ้มหน้าระรื่นกันเลยนะ!”
เสียงนั้นไม่สามารถหาทิศทางได้ ราวกับมันดังมาจากรอบกาย
สีหน้าของผู้ปลุกพลังตระกูลสวี่ต่างซีดเผือดโดยพลัน รวมถึงสวี่เถียนด้วย
“ใครกัน!?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงดังกล่าว สวี่เถียนก็หลุดจากภวังค์เพ้อฝันและกล่าวถามออกมาเสียงดัง
ส่วนเหล่าตระกูลสวี่คนอื่น ๆ ก็รอคำตอบด้วยการตั้งท่าพร้อมต่อสู้ พวกเขาขับเคลื่อนลมปราณและหันมองรอบตัวอย่างระมัดระวัง
ฉู่โม่วไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไปแล้ว เขาเปิดเผยร่างกายของตนเองและเดินออกมาจากเงามืด
“แกเองเหรอ!?”
เห็นว่าผู้ที่พูดเป็นฉู่โม่ว สวี่เถียนและคนอื่น ๆ ก็ชะงักกันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบตั้งกระบวนทัพใหม่อีกครั้ง
“นี่แกแอบตามพวกเรามางั้นเหรอ!?”
หัวใจของพวกเขาเต้นแรง และความกังวลใจก็ปรากฏขึ้นมาบนสีหน้าชัดเจนด้วย
ฉู่โม่วเป็นพันธมิตรเครือหอการค้าหยกแก้ว การที่เขามาอยู่ที่นี่เป็นไปได้ว่าอาจจะมีผู้ปลุกพลังจากเครือหอการค้าหยกแก้วคนอื่น ๆ อยู่อีก เช่นนั้นแล้วจะไม่ให้กลัวก็กระไรอยู่
ระหว่างที่กล่าวถาม สวี่เถียนก็มองหาคนอื่นที่อาจจะตามฉู่โม่วมาด้วย
“ไม่ต้องหา มีแค่ฉันคนเดียว”
สายตาของฉู่โม่วมองเลยไปยังตำหนักขุมทรัพย์ที่อยู่ไม่ไกลนัก ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดเลยนะว่าตระกูลสวี่จะมีข้อมูลของสถานที่ดี ๆ แบบนี้อยู่ด้วย”
“ไอ้เวรเอ้ย! แกกล้าดียังไงถึงตามพวกเรามาน่ะ!”
“ไหน ๆ ก็ตามมาแล้ว แต่มาเผยตัวแบบนี้ก็สวยสิ!”
“ตายซะ!”
“เราจะให้เรื่องนี้แพร่งพรายไม่ได้เด็ดขาด! ฆ่าปิดปากมันซะ!”
เมื่อฟังถ้อยคำของฉู่โม่วแล้ว เหล่าผู้ปลุกพลังตระกูลสวี่ก็ตะโกนขึ้นมา ถ้อยคำของพวกเขามีแต่เจตนาสังหารเข้มข้น
ในส่วนของสวี่เถียน เขามองฉู่โม่วด้วยสีหน้ามืดมน
เขาไม่เคยคิดเลย…
ว่าฉู่โม่วจะตามมาแบบนี้ แถมยังชิงปรากฏตัวก่อนแล้วไหนจะสีหน้าไร้ความกลัวนั่นด้วย
สิ่งนี้ทำให้สวี่เถียนกระวนกระวายใจยิ่งนัก
แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้
การมีอยู่ของโบราณสถานถูกฉู่โม่วรับรู้แล้ว เขาไม่สามารถปล่อยให้คนคนนี้หนีรอดไปได้ เพราะงั้นไม่ว่ายังไงก็ต้องตั้งสติ เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน “ฉู่โม่ว ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทำไมแกถึงกล้าปรากฏตัวขึ้นแบบนี้ แต่ที่นี่น่ะเป็นความลับของพวกเราตระกูลสวี่ ในเมื่อแกดันรับรู้แล้ว ฉันคงปล่อยให้มีชีวิตรอดกลับไปไม่ได้!”
“ทุกคนจงฟังคำสั่งให้ดี ฆ่าหมอนี่ซะ แล้วรีบทำภารกิจให้เสร็จ!”
เขาไม่พูดมากและรีบสั่งการทันที
สิ้นเสียงสั่งการ
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์หลักร้อยชีวิตก็ชักอาวุธขึ้นมาแล้วโถมเข้าใส่ฉู่โม่วอย่างพร้อมเพรียง
ด้วยเหตุนี้
มันทำให้สายลมถูกดันกลับเข้าใส่ฉู่โม่วจนเขาต้องหยั่งขาไว้ให้มั่น
คลื่นกระบี่ที่ปลดปล่อยออกมาจากฝ่ายตรงข้ามนั้นหลอมรวมกันราวกับเป็นคลื่นยักษ์
ผู้ปลุกพลังขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับสูงกว่าร้อยคนผนวกรวมกับพลังของนายพลเมืองที่ประสานเข้าใส่ ด้วยพลังระดับนี้ต่อให้เป้าหมายเป็นนายพลเมืองระดับสูงก็ไม่อาจจะต้านทาน
และในครั้งนี้…
ฉู่โม่วผู้ที่เปรียบเสมือนเรือน้อยที่ลอยอยู่ในทะเลคลั่งไม่สามารถหลบได้ทันอย่างแน่นอน
พวกเขาหมายจะโถมเข้าใส่และจัดการฉู่โม่วในคราเดียว
ทว่า…
ชิ้ง!
ทันใดนั้น
เสียงของกระบี่ที่ถูกชักออกก็ดังขึ้น
แม้ในตอนแรกมันจะเบา แต่เพียงไม่นานก็กลายเป็นเสียงที่ดังกังวานไปทั่วขึ้นมา
สายลมที่เคยพัดหวนเสมือนคลื่นสึนามิ ถูกคลื่นกระบี่ที่มองไม่เห็นซัดกลับจนสลายหายไปกลางอากาศ และด้วยเสียงของคมกระบี่ที่ถูกชักออกมา มันแผ่วงกว้างและดังขึ้นเรื่อย ๆ จนทุกคนต้องปิดหู!
“เสียงนี้มัน…”
สวี่เถียนและเหล่าผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ที่เป็นระดับนายพลเมืองกันแล้วไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ประสาทการรับรู้จึงไม่ถูกลดความสามารถลง
เพราะงั้นหลังจากที่ได้ยินเสียงคมกระบี่ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที
บางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง!
เสียงของคมกระบี่นั้นไม่ได้มาจากกระบี่ของฉู่โม่ว!
แต่มันมาจากร่างกายของเจ้าตัว!
ณ ขณะนั้น
ร่างกายของฉู่โม่วเปรียบเสมือนกระบี่สวรรค์ที่ถูกชักออกจากฝักช้า ๆ
มันอยู่เหนือความเข้าใจของสวี่เถียนไปมาก
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่รู้ก็คือเสียงกระบี่ที่ได้ยินมันกำลังดังขึ้น ๆ เรื่อย ๆ คลื่นคมกระบี่แผ่กระจายปกคลุมร่างชายหนุ่ม และยิ่งหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ!
“นะ… นี่มัน… เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่!”
ความหนาวเย็นเริ่มกัดกินหัวใจของสวี่เถียน และมันก้เย็นมากพอจะทำให้เขารู้สึกชาไปทั้งร่าง
น่าแปลก…
ที่เขากลับไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีในสถานการณ์เช่นนี้ นอกเสียจากกัดฟันแน่นและกระตุ้นเลือดกับลมปราณในร่างแล้วพุ่งเข้าใส่ฉู่โม่ว!
“ตายซะ!”
ไม่มีเวลาให้ลังเลอีกแล้ว!!
กระบี่ยาวของสวี่เถียนถูกชักออกมาและฟาดฟันด้วยจิตอาฆาตเหลือล้น!
ที่ปลายกระบี่มีพลังงานมากมายเข้าไปหลอมรวมกัน ทว่านั่นไม่ใช่พลังงานบริสุทธิ์ มันเหม็นเน่าน่ารังเกียจ ไม่นานคลื่นกระบี่ของสวี่เถียนก็ก่อตัวหนาขณะพุ่งเข้าใส่ฉู่โม่ว!
ถึงแม้มันจะไม่ได้โดนเหล่าผู้ปลุกพลังของตระกูลสวี่โดยตรง
แต่พวกเขารู้สึกได้ว่าคลื่นกระบี่เหล่านั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง และมันกัดกินผิวกายของพวกเขาไปด้วยขณะที่พุ่งผ่าน
นี่คือ…
สิ่งที่เลื่องลือกันมาเกี่ยวกับคนคนนี้!
ด้วยคลื่นกระบี่ที่สวี่เถียนเฝ้าฝึกฝนมาตลอดชีวิตจนเป็นเพลงกระบี่ในแบบของตนเอง ทุกคนเชื่อว่าฉู่โม่วไม่สามารถหลบเลี่ยงได้แน่ ๆ!
ใช่แล้ว…
ฉู่โม่วโดนคลื่นกระบี่นั้นเข้าไปเต็ม ๆ!
แต่…
นั่นก็เพราะเขาไม่คิดจะหลบมันต่างหากเล่า!
เมื่อมองการโจมตีจากกระบี่สวี่เถียนที่มาพร้อมกับกระบวนท่าที่รุนแรงของผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ก็ไม่มีครั้งไหนเลยที่จะไม่โดนฉู่โม่ว
และในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ฉู่โม่วทำเพียงจับด้ามกระบี่ของเขาเบา ๆ
แกร๊ก…
เสียงบางสิ่งบางอย่างถูกขยับดังขึ้นมา และดูเหมือนจะเป็นตัวคมกระบี่ในฝักที่กำลังถูกชักออกมาช้า ๆ
มันไม่ใช่การคิดไปเอง แต่การดึงกระบี่ออกจากฝักของฉู่โม่วนั้นดูช้าจริง ๆ เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น!
ทว่าเพียงแค่คมกระบี่เผยออกมาได้หนึ่งนิ้ว กลิ่นอายกระบี่ที่น่าสะพรึงกลัวก็แผ่ซ่านออกมา ราวกับจะฉีกร่างของทุกคนให้ลงไปกองเป็นก้อนเนื้ออยู่บนผืนดินได้ไม่ยาก
ขณะเดียวกัน
เสียงของคมกระบี่ที่ปะทะกันไปมาในตัวเขายิ่งถี่มากขึ้นตลอดเวลาที่กำลังชักกระบี่!
ในยามที่ความเร็วของเสียงคมกระบี่เหล่านี้เพิ่มขึ้นจนถึงขีดสุด มันก็กลายเป็นเสียงระเบิดที่ดังกังวาน
ชั่วพริบตา
ราวกับว่าสายฟ้าฟาดก้องคำรามไปทั่วพิภพ ปฐพีพลิกกลับกลายเป็นผืนนรก กลิ่นอายกระบี่มากมายนับไม่ถ้วนพวยพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นดินทะยานสู่ฟากฟ้า!
ทั่วทั้งหุบเขา ทุกสรรพสิ่งตระหนักได้ถึงเสียงของคมกระบี่ที่แสบแก้วหู จิตใจของพวกเขาเสมือนถูกเสียงนี้ทำให้ตกอยู่ในภวังค์ และยินเป็นเสียงเดียวกันเสียจนเสมือนว่าพวกตนหูหนวกไปแล้ว!
พวกเขาตระหนักได้อย่างพร้อมเพรียงกัน
…ว่าเสียงนี้ออกมาจากร่างของฉู่โม่ว!
เสียงของคมกระบี่ที่กำลังสั่นรุนแรง!
แกร๊ก! ๆๆๆ
เจตจำนงแห่งกระบี่ 30% ผนวกเข้ากับจุดทวาราแห่งกระบี่ทั้ง 365 จุดทั่วทั้งร่างกาย ในเวลานี้ภายใต้ลมปราณที่คลุ้มคลั่ง พลังงานและเลือดภายในร่างก็กำลังเดือดพล่านเสมือนไฟที่ลุกท่วมกาย
ไอพลังที่เกิดจากการเผาไหม้ของเลือดไหลตามเส้นลมปราณ พร้อมนำพลังที่มาจากทวาราแห่งกระบี่จากทุกส่วนของร่างกายให้ไปรวมอยู่ที่มือขวา!
ชิ้ง!
ในที่สุด
กระบี่สาทรสังหารในมือก็ถูกดึงออกมาจนหมด!
มันถูกยกขึ้นชี้ไปด้านหน้า
“มาวัดกันสักตั้ง!”
ชั่วพริบตา กระบี่สาทรสังหารก็ถูกฉาบด้วยสีแดงชาดและตวัดปลายแหลมขึ้นชี้ฟ้า
พลันเมื่อมันถูกฟันลงมา
ฟากฟ้าที่ปกคลุมด้วยเมฆดำก็ถูกแหวกออกเป็นเส้นทางทอดยาว ราตรีกาลถูกคมกระบี่สีแดงเลือด จนเผยให้เห็นจันทราสีเหลืองนวลที่ถูกบดบังมาเนิ่นนาน!
ในส่วนของผู้ฝึกยุทธ์ตระกูลสวี่ที่พุ่งเข้ามา เขาเหลือระยะห่างระหว่างตนเองและเป้าหมายไม่ถึงสิบเมตรแล้ว เพียงไม่กี่วินาทีข้างหน้า การโจมตีทั้งหมดก็จะเข้าปะทะฉู่โม่วดังที่วาดฝันไว้
แต่ในตอนนั้นเอง
พวกเขาทั้งหมดจำต้องหยุดอยู่ที่กลางอากาศและไม่สามารถขยับไปไหนได้อีก
ขณะเดียวกัน
สีหน้าของสวี่เถียนเองก็นิ่งแข็งไปพร้อม ๆ กันด้วย
นายพลเมืองหลายคนต่างก็ตาเบิกโพลงกับภาพที่เห็น
เวลาเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
ทุกสิ่งอย่างนิ่งสงัด
ไม่รู้ว่าใช้เวลานานขนาดไหน
สวี่เถียนค่อย ๆ ขยับคอหันมามองฉู่โม่วอย่างยากลำบาก เขาพยายามพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา “ยะ… อย่างงี้นี่เอง… เป็นกระบวนท่า… ที่วิเศษจริง ๆ!”
พูดจบ
ร่างของเขาก็ถูกคลื่นกระบี่ที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายระเบิดทิ้งกลายเป็นผงละอองสีแดงลอยฟุ้ง
ในส่วนของผู้ปลุกพลังคนอื่น ๆ ของตระกูลสวี่…
เกือบจะพร้อมเพรียงกัน ร่างของพวกเขาก็ถูกคลื่นกระบี่ระเบิดออกมาจากร่างกาย และกลายเป็นละอองสีแดงตาม ๆ กันไป
ผู้ปลุกพลังกว่าร้อยชีวิตแหลกสลายไปภายใต้เพลงกระบี่เพลงเดียวของฉู่โม่ว!
MANGA DISCUSSION