บทที่ 113 ผลงานชิ้นเอกของอาไต๋ และแร่หินปฐมกาล!
มีสมบัติมากมายถูกเก็บซ่อนไว้ในเขตแดนลับ
แต่ถ้าไม่มีร่องรอยของมันและเดินหาไปทั่วราวกับแมลงวันไม่มีหัว …จะไม่มีทางได้มันมาเลย!
คิดได้ดังนั้น ฉู่โม่วจึงตั้งใจจะเรียกอาไต๋ออกมา ในสถานที่เช่นนี้ พลังของเธอจะต้องเป็นประโยชน์อย่างมากแน่ ๆ
ปลายนิ้วของเขาเคาะไปที่ช่องสีม่วงทองของกระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่เอว
ทันใดนั้น อาไต๋ก็ทะยานออกมาจากด้านใน
‘ถุงเก็บสัตว์อสูร’ นี้เป็นของวิเศษที่ซื้อได้จากฐานจินหลิงที่ซึ่งสามารถให้สัตว์อสูรอาศัยอยู่ภายในได้
แต่เพราะพื้นที่ด้านในนั้นค่อนข้างเปราะบางมาก ๆ จึงใส่เฉพาะอสูรสัตว์เลี้ยงเท่านั้น ไม่งั้นแล้ว หากจับอสูรที่ไม่เต็มใจยัดเข้าไป ด้วยการระเบิดพลังของพวกมัน อาจจะทำให้พื้นที่พิเศษนี้ถูกทำลายลงได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ มันยังแพงมาก ๆ ด้วย
ราคาของถุงเก็บสัตว์อสูรนั้นหนึ่งใบราคาสูงพอ ๆ กับการซื้อถุงเก็บของขนาดเดียวกันได้เป็นโหลเลย!
และด้วยหินปฐมกาลที่ฉู่โม่วมีตอนนี้ มันทำให้เขาสามารถซื้อถุงเก็บสัตว์อสูรที่มีขนาดราว ๆ ห้าลูกบาสก์เมตรเท่านั้น
โชคยังดีที่อาไต๋กับเสี่ยวอู๋นั้นมีขนาดไม่ใหญ่โตนัก ณ ปัจจุบันนี้การเก็บจิตอสูรของทั้งสองไว้ในกระเป๋าจึงยังสามารถทำได้อยู่
ส่วนเสี่ยวจินนั้น …ลืม ๆ ไปได้เลย
ด้วยขนาดที่ใหญ่โตนั้น ต่อให้ตัวเล็กลงมาครึ่งหนึ่งก็ยังไม่พอ เพราะงั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉู่โม่วไม่พามันมาด้วย
“นายท่าน ในที่สุดก็ให้ข้าออกมาแล้ว!”
“พื้นที่ในถุงเก็บอสูรนั่นเล็กสิ้นดี ไหนจะให้ฉันต้องไปอยู่กับหมอนั่นอีก ไม่รู้หรือไงว่าฉันกลัวจะตายแล้วน่ะ!”
ในทันทีที่อาไต๋ถูกเรียกออกมา เจ้านกตัวน้อยก็บินไปเกาะไหล่ของฉู่โม่วพร้อมกับบ่นออดแอดเสียงแจ๋วราวกับไม่ได้พูดมานาน
ภายในถุงเก็บุอสูรนั้นมีความเล็กเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งด้วยธรรมชาติของอาไต๋เป็นนกที่คึกคัก ดังนั้นพอต้องถูกจำกัดในพื้นที่เล็ก ๆ นี้ เธอจึงทำได้เพียงคลานหมอบอยู่บนพื้นเท่านั้น
นอกจากนี้ การที่ต้องอยู่กับอีกาสามขาทองคำตัวต่อตัวนั้น ก็ทำให้มันที่เป็นสัตว์อสูรระดับต่ำกว่าถูกกดดันด้วยสายเลือดผู้ปกครองของอีกฝ่ายตลอดเวลาด้วย แม้จะเป็นอสูรรับใช้ด้วยกัน แต่นกล่าสมบัติก็ไม่อาจจะมองข้ามแรงกดดันนี้ไปได้
“ขอโทษที่ทำให้ต้องอึดอัดใจนะ เอ้านี่ รางวัล”
ฉู่โม่วลูบหัวอาไต๋แล้วหยิบเอาเมล็ดข้าววิญญาณออกมาจากในมิติพกพา
“ขอบคุณค่ะ นายท่าน!”
อาไต๋แววตาเป็นประกาย มันรีบกระโดดลงมาบนฝ่ามือของฉู่โม่วและเริ่มก้มหน้าจิกข้าวกินอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ปล่อยให้เธอกินเสร็จแล้ว ฉู่โม่วก็ถามขึ้นมา “อาไต๋ เธอพอจะสัมผัสถึงสมบัติบริเวณนี้ได้หรือเปล่า?”
ได้ยินเช่นนั้น
นกน้อยก็เริ่มตั้งสมาธิเพื่อตรวจสอบด้วยพลังของตน ไม่นานนักมันก็พูดขึ้น “อา นายท่าน ฉันรับรู้ได้ถึงอณูแห่งชีวิตที่หนาแน่นในบริเวณนี้ รู้สึกได้เลยล่ะค่ะว่าต้องมีสมบัติอยู่มากมายเต็มไปหมดแน่ ๆ!”
คำตอบของเธอทำเขาตื่นเต้น
“ถ้างั้นช่วยพาฉันไปหาสมบัติที่อยู่ใกล้ที่สุดที!”
ฉู่โม่วพูดด้วยรอยยิ้ม
“รับทราบค่ะ!”
อาไต๋พยักหน้า
จากนั้นมันก็กางปีกบินออกจากมือฉู่โม่วไปเพื่อทำหน้าที่ของตนเอง
…
ภายใต้การนำทางของอาไต๋ ฉู่โม่วเดินตามอย่างไม่ละสายตา และพักหนึ่งเขาก็มาถึงปลายทาง
ตรงหน้าเขาคือป่าที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสีเขียวขจี หลังจากที่เข้ามาด้านในแล้ว จะสามารถมองเห็นพุ่มไม้ขนาดเล็กอยู่ในส่วนลึกที่สุดของป่านี้
ความสูงของพุ่มนั้นเทียบเท่าได้กับครึ่งตัวคนเท่านั้น และที่นั่นมีผลไม้สีแดงขนาดเล็กปรากฏให้เห็นอยู่นิดหน่อย ผลไม้เหล่านั้นปลดปล่อยกลิ่นหอมที่รุนแรงออกมา เพียงแค่เหลียวมองก็รับรู้ได้แล้วว่ามันไม่ใช่ผลไม้ธรรมดาทั่วไปแน่ ๆ
“นี่มัน… ผลวิญญาณเพลิงสีม่วง!”
ฉู่โม่วจำผลวิญญาณนี้ได้ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ
ผลวิญญาณเพลิงสีม่วง เป็นหนึ่งในผลวิญญาณที่มีพลังของธาตุไฟแฝงอยู่ หลังจากที่กินเข้าไปแล้วจะมีโอกาสเล็กน้อยที่จะทำให้ผู้ปลุกพลังที่ฝึกวรยุทธ์คนนั้นมีพลังของธาตุไฟขึ้นมาได้… โดยธาตุไฟที่ตื่นขึ้นมาจากการกินมันลงไปนั้นจะเป็นเพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น
การที่จะทำให้ตนได้ธาตุใหม่มาถึงหนึ่งธาตุ แม้จะน้อยนิดแต่ก็คุ้มค่าแก่การแย่งชิงกันแล้ว ไม่แปลกใจเลยหากจะมีผู้ปลุกพลังเป็นบ้ากันไปหมดหากเจอสิ่งนี้อยู่ต่อหน้า!
ภายในฐานจินหลิง ผลวิญญาณเพลิงสีม่วงแต่ละลูก มีมูลค่าอย่างต่ำก็หนึ่งล้านหินปฐมกาล!
และพุ่มไม้เล็ก ๆ ตรงหน้าเขานี้ มีผลวิญญาณเพลิงขั้นต่ำก็สิบสองลูก ดังนั้นมันหมายถึง เงินมากกว่าสิบล้านหินปฐมกาลกำลังกองอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว!
“เปิดฤกษ์มาก็ได้ของดีซะแล้วสิ… เจ๋ง ทำได้ดีมาก!”
ฉู่โม่วมีความสุขมาก ๆ
อย่างที่เขาคิด
ในเขตแดนลับเช่นนี้ พลังของนกล่าสมบัตินั้นมีประโยชน์มาก และด้วยพลังนี้ เขาจะต้องเจอสมบัติอีกหลายชิ้นแน่
อย่างเช่น ผลวิญญาณเพลิงสีม่วงที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ มันซ่อนอยู่ในจุดที่ไม่น่าจะมีใครหาเจอ หากไม่ใช่เพราะอาไต๋นำทางเขามาที่นี่ แม้แต่เขาเองก็ไม่น่าจะหามันเจอด้วย
ผลวิญญาณเพลิงสีม่วงถูกเก็บมาอย่างระมัดระวังและใส่ไว้ในมิติพกพา
หลังจากที่เก็บพวกมันเสร็จแล้ว ฉู่โม่วก็พูดขึ้น “ไปกันต่อเถอะ”
…
ในวันต่อมา
ภายใต้การนำทางของอาไต๋ ฉู่โม่วสำรวจจนแทบจะหมดทั้งเขตแดนลับแล้ว เขาได้เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ มากมาย สถานที่ที่ซึ่งมีพืชวิญญาณและสมบัติบรรพกาลซ่อนอยู่ แต่ละสิ่งล้วนแต่มีมูลค่าสูงไม่ต่างอะไรกับผลวิญญาณเพลิงสีม่วงก่อนหน้าเลย
แน่นอน
สมบัติหรือพืชวิญญาณหลาย ๆ ชิ้นที่ซ่อนอยู่นั้นถูกสัตว์อสูรระดับ 5 คอยดูแลอยู่
แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าฉู่โม่วแล้ว เพียงแค่กระบี่เดียวก็รู้เรื่องแล้ว
อันที่จริง
การที่เหล่าผู้ปลุกพลังที่มาจากกองกำลังอื่นไม่ได้สนใจหาสมบัติหรือสิ่งของกันในเขตแดนลับทันทีมันก็มีเหตุผลอยู่
นั่นเพราะในสายตาของพวกเขา
สมบัติบรรพกาลเหล่านี้หายากเสียจนไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไปนั้นเลย
มีเพียงฉู่โม่วเท่านั้นที่ได้พลังของนกล่าสมบัติช่วย ทำให้เขาสามารถหาสมบัติภายในพื้นที่แห่งนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
…
คืนนั้น
ฉู่โม่วเปิดถ้ำใหม่เพื่อเข้าไปพักอาศัยและเริ่มที่จะตรวจสอบดูว่าในวันนี้เขาได้อะไรมาบ้าง
ผลวิญญาณเพลิงสีม่วงสิบเจ็ดลูก
ทับทิมเขี้ยวพยัคฆ์สี่ชิ้น
หญ้าสองขั้วเจ็ดต้น
ใบไม้ร่าเริงสีขาวเก้าใบ
ทรายผงเหล็กห้ากิโล
ไหมเมฆาแท้สามสิบสามเส้น
…
เพียงแค่หนึ่งวัน ฉู่โม่วก็ได้สิ่งของมากมายที่รวม ๆ แล้วน่าจะมีมูลค่าร่วมสองร้อยล้านหินปฐมกาลเลยทีเดียว
มันทำให้ฉู่โม่วมีความสุขสุด ๆ
ถึงแม้ว่าสิ่งของเหล่านี้จะไม่ได้ถูกฉู่โม่วใช้ทั้งหมด
แต่มันก็สามารถขายทอดตลาดได้ในมูลค่าที่สูง
“ได้เวลาพักผ่อนแล้วสำหรับวันนี้ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเริ่มกันใหม่!”
ฉู่โม่วพูด
ครั้งนี้ เขาตั้งใจเข้ามาในเขตแดนลับเพื่อหวังเป็นมหาเศรษฐีอย่างแท้จริง
เพราะงั้นแล้ว ในวันพรุ่งนี้ เขาจะต้องตามล่าสมบัติและพืชวิญญาณให้ได้มาก ๆ ก่อนที่จะออกจากเขตแดนลับนี้ไป เพื่อที่จะใช้มันเป็นทุนทรัพย์ในการฝึกฝนพาตนเองขึ้นเป็นนายพลเมืองหรือไม่ก็แปดผู้ทำลายล้างให้ได้เลย!
…
ไม่กี่วันถัดมา
ฉู่โม่วได้ทำการสำรวจทุกหนทุกแห่งแล้ว ภายใต้การนำทางของนกล่าสมบัติ เขาได้พืชวิญญาณและผลวิญญาณจำพวก ต้นหญ้าสองขั้ว หรือไม่ก็ผลวิญญาณเพลิงสีม่วงเป็นจำนวนมาก ปริมาณที่เขาได้มานั้น หากจะบอกว่าฉู่โม่วแอบไปทำฟาร์มผลวิญญาณเหล่านี้มาก็คงไม่เกินจริงนัก
ในวันนี้
ฉู่โม่วและอาไต๋มาที่ดินแดนรกร้างกัน
ทันใดนั้นเอง
จู่ ๆ อาไต๋ก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างและหยุดบินพ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
เขาถาม
นกล่าสมบัติลงไปเกาะอยู่บนหินก้อนใหญ่และมองลงไยังพื้นเบื้องล่าง สีหน้าแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน ครู่หนึ่งมันถึงจะพูดออกมา “นายท่านเจ้าคะ ข้ารู้สึกว่าพื้นด้านล่างนี้ไม่ปกตินิดหน่อย อย่างกับว่ามีคลื่นอณูแห่งชีวิตที่ไม่เสถียรอยู่ข้างล่าง ฉันพยายามจะสัมผัสถึงมันให้ได้แล้ว แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลย”
ได้ยินแบบนั้น ฉู่โม่วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาช้า ๆ
แต่ไม่นาน เขาก็กลับไปทำสีหน้าปกติแล้วยิ้มออกมา “งั้นเราก็ขุดลงไปดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยสิ!”
พูดเช่นนั้น
ฉู่โม่วก็ให้อาไต๋ขึ้นมาเกาะบนไหล่เขาไว้ ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่ออกมาขุดดินด้วย
พรสวรรค์และพลังมากมายถูกกระตุ้นใช้ทันที ทำให้ความแข็งแกร่งของฉู่โม่วเพิ่มขึ้นจากปกติไปอีกร้อยเท่า
พลันเมื่อฟาดฟันลงไปบนพื้น
ตู้ม!
เสียงระเบิดที่ดังกังวานก็ทำเอาทั่วทั้งบริเวณนั้นถึงกับสั่นสะเทือน
ท่ามกลางดินแดนรกร้างแห่งนี้ เกิดหลุมเหวลึกระยะทางยาวร่วมร้อยเมตรและลึกกว่าสิบเมตรขึ้นมาหลังการโจมตีก่อนหน้า
“อะไรน่ะ?”
เห็นระยะและความลึกของหลุมเหวที่เกิดขึ้น ฉู่โม่วก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้อีก
ด้วยพลังกายของเขาที่ก้าวข้ามผ่าน 200 ช้างสารมาแล้ว การเพิ่มพลังร้อยเท่ามันน่าจะทำให้พลังของเขาเทียบเท่านายพลเมืองระดับสูงได้เลย และมันควรจะสร้างคลื่นกระบี่ที่มีพลังทำลายล้างได้ถึงหลักพันเมตรและลึกลงไปได้มากกว่ายี่สิบเมตรแท้ ๆ
แต่ภาพที่เห็นนี้ มันเป็นเพียงหุบเหวเล็ก ๆ ที่ยาวเพียงร้อยเมตรและลึกเพียงสิบเมตรเท่านั้น
มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ๆ หรือไม่ก็ข้างล่างมีสัตว์อสูรอยู่
คิดได้ดังนั้น ฉู่โม่วก็กระโดดลงไปดู
ทว่า สิ่งที่เขาพบอยู่ใต้ผืนโลกนั้น กลับเป็นหินก้อนหนึ่ง ส่วนที่โผล่พ้นดินมามีรอยระเบิดสีเข้มปรากฏอยู่ในเห็น
“หินนี่… แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียว!?”
ขณะมองไปยังสิ่งนั้น สีหน้าของฉู่โม่วก็แสดงความประหลาดใจ
เขารับรู้ได้ทันทีเลยว่า เพราะหินก้อนนี้ มันเลยทำให้คลื่นกระบี่ถูกบั่นทอนพลังลงไปนับสิบเท่าเลยทีเดียว
“นายท่าน มีคลื่นผันแปรที่ไม่เสถียรรุนแรงขึ้นกว่าเดิมจากด้านล่าง!”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ฉู่โม่วก็มั่นใจขึ้นมาอีกขั้น ว่าหินก้อนนี้นั่นแหละที่เป็นปัญหาของเขาจริง ๆ
ด้วยแววตาที่คมกริบ เขาโบกกระบี่เพื่อโจมตีใส่หินเป้าหมายอีกครั้งหนึ่ง
คมกระบี่ฟาดฟันเข้าใส่อย่างแม่นยำ แต่มันก็ทำได้แค่ทิ้งรอยไว้เล็กน้อยเท่านั้น
แต่ฉู่โม่วก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาฟาดกระบี่ลงไปซ้ำแล้วซ้ำอีก
เพียงชั่วพริบตา เขาก็ฟาดกระบี่ไปกว่าร้อยครั้งและลึกลงไปใต้ดินมากถึงห้าร้อยเมตรแล้ว
เคร้ง!
เขาฟาดฟันลงไปอีกครั้ง
ฟันลงไปบนหินที่อยู่เบื้องล่างเขา
จากนั้น…
ฉู่โม่วก็พบว่าหินสีน้ำตาลดำนั้นหายไปหมดแล้ว แต่มัน… แทนที่ด้วยชิ้นส่วนสีขาวแทน
เช่นเดียวกันกับ…
อณูแห่งชีวิตที่พวยพุ่งออกมาอย่างมหาศาล
“หรือว่านี่… คือแร่หินปฐมกาลงั้นเหรอ!?”
เขาชะงักไปชั่วขณะพร้อมกีบสีหน้าตกใจบนใบหน้า
แร่หินปฐมกาลนี้ คือสถานที่ที่หินปฐมกาลถูกผลิตขึ้น
แม้จะเป็นก้อนแร่ก้อนเล็ก ก็สามารถสร้างออกมาเป็นหินปฐมกาลได้มากกว่าสิบล้านก้อนแล้ว!
และสำหรับก้อนแร่ขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา ฉู่โม่วใช้พลังจิตสัมผัสเพื่อตรวจสอบดู แล้วเขาก็พบว่า มันยังจมลึกไปในดินอยู่อีกหลายร้อยเมตร นั่นหมายถึง อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะมีหินปฐมกาลกว่าร้อยล้านก้อนที่สามารถหาได้จากแร่ก้อนนี้!
“ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหินนี่ถึงได้แข็งนัก! มันเป็นเพราะอณูแห่งชีวิตที่หลั่งไหลอยู่ในเขตแดนลับแห่งนี้ ช่วยเปลี่ยนเนื้อในหินไปนั่นเอง!”
ฉู่โม่วมองก้อนแร่ด้วยความตื่นเต้น
หากเขาไม่ขุดลงมาดู หลังจากนี้ร้อยปี บางทีผิวส่วนที่ยังเป็นสีน้ำตาลดำของหินเองก็อาจจะค่อย ๆ กลายเป็นหินปฐมกาลไปด้วย แล้วเป็นไปได้ว่าทั่วทั้งบริเวณนี้ก็อาจจะมีแร่หินปฐมกาลขยายใหญ่ออกไปนับพันเมตรเลยก็ได้!
แต่สำหรับตอนนี้ เพียงเท่าที่มันเป็นอยู่ก็เพียงพอต่อฉู่โม่วแล้ว
ทันทีทันใด เขาหยิบเอากระบี่สงครามของตนขึ้นมาอีกครั้ง และเริ่มฟันลงไปแร่ก้อนนี้อย่างรุนแรง
ด้วยความที่มันเป็นก้อนแร่ขนาดใหญ่ที่สามารถแบ่งเป็นหินปฐมกาลได้มากมายนับไม่ถ้วน ต่อให้ขุดมันมาใช้เป็นเวลานาน มันก็ไม่หมดง่าย ๆ
เพราะงั้นแล้ว หากจะมาขุดเอา ณ ตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการเอาเวลามาเสียโดยไม่จำเป็น เขาเพียงแค่ต้องเก็บชิ้นแร่ขนาดไม่ใหญ่เกินไปแล้วค่อยนำมันไปแปรรูปเป็นหินปฐมกาลเล็ก ๆ ในภายหลังก็ยังได้
ชิ้ง!
ด้วยการฟาดฟันลงไปของฉู่โม่ว มันทำให้แร่ก้อนใหญ่เบื้องล่างเริ่มแตกเป็นก้อนแร่ขนาดประมาณเมตรหนึ่งกระเด็นออกมามากมาย และด้วยขนาดที่กระทัดรัดลงไปขนาดนี้ ฉู่โม่วก็สามารถเก็บแร่ลงไปในมิติพกพาได้ง่ายขึ้นด้วย
แร่หินปฐมกาลเหล่านี้ สามารถนำไปตัดเป็นหินปฐมกาลเล็ก ๆ ได้จากในตลาด และเพียงแค่หนึ่งก้อนใหญ่ก็ได้อย่างน้อยหลักล้านก้อนเล็กแล้ว
ดังนั้น
ฉู่โม่วจึงตั้งใจฟาดฟันแร่ก้อนนี้อย่างบ้าคลั่ง!!
แร่หนึ่งก้อนกระเด็นออกมา!
ตามด้วยแร่อีกหลาย ๆ ก้อนที่กระเด็นออกมาตาม ๆ กัน!
บางก้อนก็ใหญ่ถึงสองลูกบาศก์เมตรด้วย!
…
ฉู่โม่วพยายามกับการขุดแร่ จนกระทั่งแร่กว่าร้อยลูกบาศก์เมตรถูกตัดออกไป ซึ่งนั่นหมายถึง เขามีหินปฐมกาลเกือบร้อยล้านก้อนแล้ว
ในตอนนี้
ก้อนแร่หินปฐมกาลยักษ์นั้นเหลือเพียงไม่ถึงกนึ่งในสามส่วนจากแต่เดิมเท่านั้น
เขามองเข้าไปในมิติพกพาที่สามารถขยายใหญ่ได้ตามพลังกายของเขาที่ซึ่งตอนนี้อยู่ในระดับปรมาจารย์ยุทธ์ เช่นนั้นแล้ว นี่หมายถึงมิติพกพาของเขามีพื้นที่เก็บของมากกว่าสี่ร้อยลูกบาศก์เมตรเสียอีก!
มันมากพอที่จะเก็บแร่หินก้อนนี้ไปทั้งก้อนยังได้เลย!
ดังนั้นแล้ว หลังจากที่พักมือนิดหน่อย ฉู่โม่วก็เริ่มขุดแร่ต่อในทันที
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
ในที่สุด ฉู่โม่วก็ลงไปจนถึงส่วนสุดท้ายของแร่หินปฐมกาลแล้ว
เขาพบว่าแร่หินปฐมกาลส่วนล่างนนี้มีอณูแห่งชีวิตที่อันแน่นอยู่รุนแรงมาก ๆ เทียบกับหินปฐมกาลที่เขาขุดไปก่อนหน้า อณูแห่งชีวิตจากแร่ก้อนนี้ อย่างน้อย ๆ ก็มีมากกว่าร้อยเท่า
และเพราะอณูแห่งชีวิตที่อัดแน่นกว่าที่อื่น มันเลยทำให้แร่หินปฐมกาลนี้มีเนื้อส่วนที่ใสประดุจคริสตัลไปด้วย
“นี่มัน… หินปฐมกาลระดับกลางงั้นเหรอ!?”
ความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่โม่ว
มูลค่าของหินปฐมกาลระดับกลางนั้น มีมากกว่าระดับล่างที่ใช้กันทั่วไปถึงร้อยเท่าเลย!
และดูจากปริมาณของก้อนแร่ส่วนที่เป็นหินปฐมกาลระดับกลางนี้แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะได้สักหนึ่งลูกบาศก์เมตรได้
ลำพังเพียงแค่ก้อนนี้… มันก็น่าจะแทนหินปฐมกาลได้มากว่าร้อยล้านก้อนแล้ว!
MANGA DISCUSSION