บทที่ 112 หัวเชื้อปฐมวิญญาณ และกลั่นปฐมวิญญาณ!
รางวัลของชั้นที่ 60 ไม่ใช่สิ่งที่ให้เลือกเหมือนกับชั้นก่อน ๆ มันมีรางวัลเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
ไม่ผิดแน่ สิ่งที่มีรูปร่างคล้ายก้อนวิญญาณนี้
มีขนาดเพียงสามนิ้ว
ขณะที่เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ การปรากฏขึ้นของมันก็ทำเอาเขาต้องหลุดออกจากท่วงท่าดังกล่าว
พลันเมื่อฉู่โม่วเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ผสานเข้ากับข้อมูลที่อยู่ในหัวของตนเอง
แทบจะวินาทีเดียวกัน
นัยน์ตาของเขาก็สั่นคลอน
บนใบหน้าของชายหนุ่มแสดงให้เห็นสีหน้าของความตกตะลึงทีละนิด ๆ
พักใหญ่ ๆ กว่าฉู่โม่วจะได้สติกลับคืนมา แต่ถึงอย่างนั้นสีหน้าของเขาก็ยังเปี่ยมด้วยความไม่เชื่ออยู่ดี
อันที่จริง มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากฉู่โม่วจะตกตะลึงเช่นนี้
นั่นเพราะเจ้าสิ่งนี้ มันยิ่งใหญ่เสียจนไม่คิดว่าจะได้เจอของจริงตลอดชีวิต แม้จะเป็นฉู่โม่วก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอสิ่งนี้
มันคือ หัวเชื้อปฐมวิญญาณ!
จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวของมัน ก็คือการช่วยให้ผู้ปลุกพลังแยกปฐมวิญญาณออกจากร่างกายได้
อย่างที่พวกเรารู้กันอยู่แล้ว ว่าทุกคนมีจิตวิญญาณของตนเอง ความแตกต่างของคนธรรมดากับผู้ปลุกพลังที่ฝึกวรยุทธ์ก็อยู่ที่ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณภายในร่างกายด้วย
เมื่อกายหยาบถูกทำลาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ปลุกพลังหรือคนธรรมดา จิตวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกทำลายไปด้วย
แต่ด้วยหัวเชื้อปฐมวิญญาณนี้ มันจะทำให้ผลลัพธ์ต่างออกไป
ปฐมวิญญาณนั้นคือสิ่งที่ได้จากการกลั่นจิตวิญญาณของตนเอง หากผู้ปลุกพลังที่ฝึกวรยุทธ์สามารถกลั่นเอาปฐมวิญญาณออกมาได้ เขาสามารถทิ้งกายหยาบและไปท่องเที่ยวทั่วโลกหรือแม้แต่ต่างโลกได้!
หากกายหยาบถูกทำลายลง ปฐมวิญญาณก็จะยังคงอยู่รอดต่อไป!
ทว่าก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะหากไม่สามารถหาร่างสำหรับรองรับปฐมวิญญาณใหม่ได้ในเวลาที่กำหนด คนคนนั้นก็ไม่สามารถหนีความตายพ้นอยู่ดี
มันเป็นเพียงการซื้อโอกาสในการรอดชีวิตเท่านั้น แต่ใครเล่าไม่อยากมีชีวิตที่สอง!
นอกจากนี้ หลังจากที่ปฐมวิญญาณถูกกลั่นแล้ว
เขาก็ไม่ต้องกลัวเรื่องผลกระทบที่อาจจะตามมากับจิตวิญญาณด้วย
เพราะสิ่งนี้มีแต่จะทำให้พลังวิญญาณในร่างสูงขึ้น หรือบางครั้งก็มอบกระบวนท่าโจมตีด้วยจิตวิญญาณที่ไม่มีใครเคยครอบครองมาก่อนให้อีก
ทั้งหมดทั้งมวลจะเกิดขึ้นได้จากการกลั่นปฐมวิญญาณได้ และมีผลประโยชน์มากมายกำลังรออยู่
ดังนั้นแล้ว การกลั่นปฐมวิญญาณจึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก ๆ
ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีดวงวิญญาณที่มีพรสวรรค์มากขนาดไหน แต่ก็ยังจำเป็นต้องมีตัวช่วยในการกลั่นวิญญาณอยู่ดี ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้จะแข็งแกร่งในขั้นจ้าวยุทธ์ก็ยังไม่สามารถกลั่นจิตวิญญาณได้อยู่ดี
ตั้งแต่ที่ฉู่โม่วฝึกฝนตนเองมาเนิ่นนาน
ทั้งในฐานลู่หยางและในฐานจินหลิง เขายังไม่เคยได้ยินเลยว่ามีคนที่สามารถกลั่นปฐมวิญญาณได้สำเร็จ
นี่แสดงให้เห็นถึงความยากของมันและสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขานี้…
สิ่งนี้จะสามารถมอบโอกาสในการกลั่นปฐมวิญญาณให้กับเขา!
‘นี่มันโอกาสที่วิเศษมากเลยนี่น่า!’
สีหน้าประหลาดใจยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของฉู่โม่ว
เขายื่นมือไปหยิบเอาปฐมวิญญาณอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเก็บมันลงไปในมิติพกพา
ในตอนนั้นเอง เสียงเตือนจากหอคอยวรยุทธ์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[ผู้เข้ารับการทดสอบ ฉู่โม่ว คุณอยากจะไปบททดสอบขั้นต่อไปหรือไม่?]
ฉู่โม่วไม่ได้ตอบกลับไปในทันที
ทุก ๆ สิบชั้นของหอคอยวรยุทธ์ สัตว์อสูรจะแข็งแกร่งขึ้นมา และในตอนนี้ เขาเพิ่งจะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรที่มีระดับพลังสูงพอ ๆ กับนายพลเมืองระดับสูงไป
หากฉู่โม่วเดาไม่ผิด ในชั้นที่ 61 นี้ เขาจะต้องเจอกับสัตว์อสูรระดับ 6 แน่นอน นั่นหมายถึงพวกมันจะเก่งกาจได้เท่ากับขั้นจ้าวยุทธ์แล้ว!
ด้วยความแข็งแกร่ง ณ ปัจจุบันของฉู่โม่ว การจะต้องมาเจอกับสัตว์อสูรระดับ 6 คงจะเป็นอะไรที่ต่อกรได้ยากมากเลยทีเดียว
แต่… ฉู่โม่วอยากจะลองเผชิญหน้ากับมันดู
เพราะงั้นแล้ว ภายหลังจากกลืนยาฟื้นฟูร่างกายและปล่อยให้ร่างกายกับพลังฟื้นจนสมบูรณ์กลับมาเป็นระดับสูงที่สุดดังเดิม เขาจึงพูดขึ้น “ไปต่อ!”
สิ้นเสียง
ร่างของฉู่โม่วก็เข้ามายังพื้นที่ใหม่
ชั้นที่ 61!
กรร!
เสียงที่ชวนให้ปิดหูดังกังวานขึ้นมาทันที
ฉู่โม่วหันมองตามเสียง แล้วก็พบสัตว์อสูรที่เปี่ยมไปด้วยพลังอันแรงกล้ากำลังพุ่งเข้ามา
ความเร็วของมันค่อนข้างสูง ร่างขนาดใหญ่นั้นเข้ามาถึงตัวฉู่โม่วได้ก่อนที่เขาจะเห็นมันได้ชัดเจนเสียอีก
เขาไม่มีเวลาตั้งตัวจริง ๆ มีเพียงจิตใต้สำนึกที่สั่งให้กระตุ้นพลังธาตุดินขึ้นมาเพื่อเพิ่มพลังป้องกันไว้
วินาทีต่อมา
ความรู้สึกเจ็บปวดผุดขึ้นที่หน้าอก เป็นไปได้ว่าอวัยวะภายในหลายชิ้นน่าจะเสียหายจากการปะทะเมื่อครู่แน่ ๆ ร่างกายของเขาจึงเจ็บแปลบไปทั่วทั้งร่างขณะที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ
ต้องขอบคุณพลังธาตุไม้ที่ช่วยรักษาบาดแผลได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เขาไม่ตายในทันที
แต่ด้วยความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย มันทำให้หัวใจของฉู่โม่วเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“ร… เร็วจริง ๆ! นี่น่ะเหรอ ความน่ากลัวของสัตว์อสูรระดับ 6 น่ะ!?”
ก่อนหน้านี้เขาเคยเห็นสัตว์อสูรระดับ 6 สองตนสู้กันภายในรอยแยกมิติที่ฐานลู่หยาง แต่ตอนนั้นพวกมันก็สู้กันอยู่ไกลนับร้อยกิโลเมตร เขาจึงไม่รู้สึกถึงพลังของพวกมันมากนัก
หลังจากนั้น เขาก็สามารถกำจัดนกไฟได้ด้วยตัวเอง แต่นั่นก็เพราะอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสมาจากการต่อสู้ก่อนหน้าแล้ว และมีพลังเหลืออีกไม่มากนัก
ด้วยเหตุนี้ วันนี้จึงนับเป็นครั้งแรกเลยที่เขาต้องมาเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับ 6 แบบหนึ่งต่อหนึ่งเช่นนี้
และในพริบตาแรกที่เข้ามายังเขตแดนของมัน เขาก็บาดเจ็บสาหัสเสียแล้ว!
ถึงแม้ว่าพลังของธาตุไม้จะช่วยฟื้นฟูความเสียหายที่ได้รับได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นอมตะแต่อย่างใด
หากการโจมตีดังกล่าวรุนแรงเกินไปหรือทำให้หัวเขาระเบิด นั่นหมายถึงความตายอย่างแน่นอน!
เวลานี้ สัตว์อสูรตัวร้ายเตรียมจะเปิดฉากการโจมตีอีกครั้งแล้ว
ฉู่โม่วไม่รอช้าที่จะใช้พลังแห่งห้วงมิติ แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาที แต่เขาก็สามารถหลบการโจมตีนั้นได้อย่างหวุดหวิด พร้อมทั้งสามารถตั้งตัวเพื่อเตรียมโจมตีโต้ตอบได้ด้วย
ทว่าขณะที่ฟาดฟันกระบี่ลงไปแล้ว
บาดแผลที่เกิดจากคมกระบี่ไม่ต่างอะไรกับแผลแมวข่วนเลย มีเพียงเลือดปริมาณน้อยเท่านั้นที่หลั่งออกมาจากร่างของสัตว์อสูรระดับ 6 ตัวนี้
และเพียงไม่ถึงวินาที แผลนั้นก็หายสนิทคาตาฉู่โม่วเอาเสียดื้อ ๆ!
กรร!
สัตว์อสูรระดับ 6 ที่ไม่คาดฝันว่าฉู่โม่วจะสามารถทำให้ตนบาดเจ็บได้ก็ดูจะโกรธหนักขึ้นมาทันที
ความเร็วและพลังของมันสูงขึ้นอีกนิดหน่อยขณะที่หันมาสวนกลับ
ฉู่โม่วพยายามหลบหลีกอีกครั้ง
แต่ดูเหมือนเจ้าสัตว์อสูรตนนี้จะเลือดขึ้นหน้า มันวิ่งไล่ฉู่โม่วอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เขาทำได้เพียงใช้พลังแห่งห้วงมิติอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น
เลือดลมของฉู่โม่วก็เริ่มติดขัดขึ้นมา
ในที่สุด สัตว์อสูรตัวร้ายก็ได้โอกาสตามเขาทันและต่อยเขาด้วยหมัดทันที
ร่างของฉู่โม่วกระเด็นและแตกสลายไปจากมิติแห่งนี้
หลังจากที่ฉู่โม่วหายไปแล้ว ร่างของสัตว์อสูรก็สลายไปเช่นกัน
…
[ผู้เข้าทดสอบ ฉู่โม่ว พิชิตชั้นที่ 61 ของหอคอยวรยุทธ์ไม่สำเร็จ สถิติรวมทั้งหมด 60 ชั้น!]
ฉู่โม่วที่เพิ่งกลับมายังกายหยาบของตนอีกครั้ง อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าหนักใจขึ้นมาหลังได้ยินเสียงกล่าวของหอคอยวรยุทธ์
“ความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับ 6 นี่มันคนละชั้นกับระดับ 5 เลยแฮะ…”
“ขนาดพลังระดับฉันตอนนี้ ยังสู้ไม่ได้เลยงั้นเหรอ!” เขาส่ายหัว
ภายหลังจากการทดสอบเสร็จสิ้นลง เขาก็ตั้งใจจะออกจากที่นี่
แต่ตอนนั้นเอง
พอคิดจะออกจากหอคอยวรยุทธ์ เขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ และมันทำให้เขารีบกระตุ้นพลังธาตุความมืดและหาที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นก่อน
…
“เขาขึ้นไปถึงชั้น 61 แล้ว!”
“พระเจ้า! มีคนสามารถไปถึงชั้น 61 ได้!”
“มีใครบอกฉันได้บ้างไหมว่านี่ฉันกำลังตาฝาดหรือหอคอยวรยุทธ์นี้ผิดปกติ?”
“ทำไมถึงมีคนสามารถฝ่าไปได้จนถึงชั้น 61 เลยล่ะ!? เขาเป็นคนที่มีความสามารถขนาดไหนกัน!”
ที่ด้านนอกหอคอย
คนอื่น ๆ ต่างกำลังมองจุดสีขาวที่แสดงให้เห็นว่าชั้น 61 ถูกเปิดแล้ว พวกเขาทุกคนต่างตกตะลึงปนหวาดกลัวราวกับเห็นผีภายในเขตแดนลับนี้
ตั้งแต่ที่เขตแดนลับเมฆาครามเปิดออกและหอคอยวรยุทธ์ถูกค้นพบจนถึงวันนี้ ภายในฐานจินหลิง ยังไม่เคยมีใครที่ไปได้ไกลเกินชั้นที่ 50 มาก่อน!
แต่ในตอนนี้
ใครบางคนกลับฝ่าเข้าไปจนถึงชั้นที่ 60 ในไม่กี่อึดใจ!
และคนคนนั้นก็เอาชนะชั้นที่ 60 ไปได้ด้วย!
แบบนี้แล้วแสดงว่าเขาต้องมีความแข็งแกร่งเหนือกว่านายพลเมืองระดับสูงอีกงั้นเหรอ!?
เขากำลังจะก้าวขึ้นเป็นจ้าวยุทธ์หรือเปล่า?
คิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา สายตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความสับสนและความไม่อยากจะเชื่อ
ถ้างั้นเขาคนนี้ก็จะมีพลังขั้นจ้าวยุทธ์!
พลังที่เป็นกำลังสำคัญในการปกป้องมวลมนุษยชาติ!
พลังที่แข็งแกร่งกว่าทุกคนในฐานจินหลิง!
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้ปลุกพลังขั้นต่าง ๆ หลายพันคนชื่นชมและนับถือเป็นอย่างมาก!
นี่ใช่การแจ้งเกิดหรือเปล่า?
ทว่าตอนนั้นเอง ที่จู่ ๆ จุดสีขาวนั้นก็หายไปจากสายตาทุกคน
บนจอแสดงตำแหน่งนั้น จุดสีขาวได้เข้าไปหยุดอยู่ที่ชั้น 61 ก่อนจะหายไปราวกับไม่เคยมีอยู่จริง
ภาพนี้…
ทำเอาทุกคนต้องตกตะลึงอีกครั้ง
จากนั้นก็เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้นมา
“เขาพ่ายแพ้แล้ว!”
“สถิติถูกหยุดไว้ที่ชั้น 61!”
“พระเจ้า ในที่สุดเขาก็ไม่ผ่านสักที! ไม่งั้นฉันต้องสติแตกแน่ ๆ ”
“แต่ถึงเขาจะพ่ายแพ้ให้กับชั้นที่ 61 แต่ความจริงที่ว่าไม่เคยมีใครไปถึงชั้น 60 ได้มาก่อน เรื่องนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ฉันมั่นใจว่า คนคนนี้จะต้องมีพลังเทียบเท่านายพลเมืองระดับสูงสุด! หมอนี่เป็นใครกันแน่!”
“อีกเดี๋ยวเขาน่าจะออกมาแล้วล่ะ พวกเรามารอดูกันเถอะ!”
“เมื่อไรที่เขาออกมา ชื่อของเขาได้กระฉ่อนไปทั่วฐานจินหลิงแน่!”
ผู้คนที่ด้านนอกประตูหอคอยวรยุทธ์ต่างคาดหวังกับผู้ที่จะเดินออกมาจากประตูนี้
พวกเขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้คือใครกันแน่
แม้แต่เสิ่นชางยังกำหมัดแน่นขณะจ้องมองไปยังประตูทางออกหนึ่งเดียวของหอคอย
ทว่า…
หลังจากที่รออยู่เนิ่นนาน พวกเขาก็ไม่พบว่ามีใครออกมาเลย
“คนที่ว่านั่นอยู่ไหนน่ะ?”
“ทำไมเขายังไม่ออกมาอีก?”
“มีใครเห็นคนออกมาจากข้างในบ้างไหม?”
ทุกคนต่างงุนงงและประหลาดใจ
ทั้ง ๆ ที่มีคนเฝ้าหน้าประตูขนาดนี้ แต่กลับไม่มีใครเลยที่เห็นผู้มีพรสวรรค์คนนั้นออกมา
หรือจริง ๆ แล้วนี่เป็นเพียงความผิดพลาดของหอคอยวรยุทธ์กันนะ?
…
ฝูงชนร่วมหลักพันคนที่รอให้บุรุษปริศนาปรากฏตัว ไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่พวกเขารอนั้นออกมาตั้งนานแล้ว
ฉู่โม่วออกจากที่แห่งนี้เงียบ ๆ ด้วยพลังของธาตุมืดที่เขามีอยู่
ภายใต้หน้าผาอันเงียบสงบ
ถ้ำที่ถูกกระบี่สร้างขึ้นมาเป็นสถานที่ที่ฉู่โม่วใช้สำหรับเก็บตัว
“ยังไม่สายเกินไป หลอมรวมหัวเชื้อปฐมวิญญาณก่อนดีกว่า!”
เขานั่งขัดสมาธิและหยิบเอาของรางวัลสุดล้ำค่าออกมาจากมิติพกพา
กระบวนการหลอมรวมและกลั่นดวงวิญญาณให้กลายเป็นจิตวิญญาณแรกเริ่มนั้นอันตรายมาก ๆ หากสำเร็จก็ดีไป แต่ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้น นั่นจะทำให้ดวงวิญญาณในร่างกายเสียหายไปด้วย
ยิ่งความเจ็บปวดนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย
ความแข็งแกร่งจะลดลงอย่างมาก บางทีอาจจะลดระดับที่กลายเป็นเพียงไอ้งั่งคนหนึ่งเลยก็ได้
แต่ตอนนี้ฉู่โม่วมีหัวเชื้อปฐมวิญญาณอยู่ในมือแล้ว ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีก
สิ่งที่ต้องทำมีเพียงซึมซับแก่นแท้แห่งจิตวิญญาณเข้าไปในดวงวิญญาณของตนเองได้ เขาก็จะสามารถกลั่นเอาปฐมวิญญาณออกมาได้!
ไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งนั้น!
และการกลั่นปฐมวิญญาณด้วยหัวเชื้อปฐมวิญญาณนี้ถือว่าช่วยลดภาระของผู้ปลุกพลังที่ฝึกวรยุทธ์คนนั้น ๆ ได้เยอะมาก เมื่อเทียบกับผู้ปลุกพลังที่ฝึกวรยุทธ์คนอื่นที่ต้องยืนด้วยลำแข้งของตนเองในการกลั่นปฐมวิญญาณแล้ว แม้ว่าจะได้มาซึ่งปฐมวิญญาณ แต่มันก็ยังเป็นแค่ระดับต้นเท่านั้น เขายังต้องใช้เวลาในการพัฒนาอย่างน้อย ๆ เกือบจะชั่วชีวิต
แต่ฉู่โม่วสามารถข้ามจุดนี้ไปได้เลย
มันช่วยให้เขาประหยัดเวลาขึ้นเยอะมาก
คิดได้ดังนั้นเขาก็เริ่มหลับตาลงและกลั่นดวงวิญญาณของตน
ด้วยเวลาที่ค่อย ๆ ผ่านไป หัวเชื้อปฐมวิญญาณก็ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าไปในร่างของฉู่โม่วทีละนิด ๆ
ดวงวิญญาณภายในร่างเริ่มถูกกลั่นช้า ๆ ด้วยความช่วยเหลือของหัวเชื้อปฐมวิญญาณ
หนึ่งวันผ่านไป
หัวเชื้อจิตวิญญาณแห่งปฐมกาลนั้นถูกซึมซับเข้าไปในร่างของฉู่โม่วกว่าครึ่งดวงแล้ว
หนึ่งวันผ่านไป
ดวงวิญญาณของฉู่โม่วและหัวเชื้อปฐมวิญญาณได้หลอมรวมกันและกลายเป็นวิญญาณดวงใหม่โดยสมบูรณ์
ภายในร่างวิญญาณของฉู่โม่วตอนนี้ มันอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิเหมือนฉู่โม่ว และบนร่างของมันก็ปรากฏจุดแสงสว่างเจ็ดจุด ที่กำลังเปล่งแสงสีทองจาง ๆ ออกมา สิ่งนี้ดูทรงพลังและยิ่งใหญ่มาก ๆ
“ในที่สุดก็สำเร็จ!”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่โม่ว
เมื่อปฐมวิญญาณถูกสร้างอย่างสมบูรณ์แล้ว หลังจากการฝึกฝนสักระยะหนึ่ง มันสามารถออกมาจากร่างกายได้ ในขณะเดียวกันก็มีพลังในการเคลื่อนที่ไปทั่วทุกหนแห่ง สามารถซ่อนตัวตามหมู่ดอกไม้ ภายในต้นพืชหรือซึมลึกไปในหิน แถมยังมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่ออีก!
ไม่เพียงเท่านั้น!
หากปฐมวิญญาณได้รับการฝึกฝนจนกล้าแกร่งในอนาคต มันจะสามารถสัมผัสสิ่งของในโลกนี้ได้อีกด้วย เรียกได้ว่ามีประโยชน์เลยทีเดียว
หลังจากที่ตรวจสอบดูอย่างแน่นอนแล้ว ฉู่โม่วก็ได้สติกลับมาอีกครั้ง
เขาจัดการเนื้อตัวให้สะอาด ขณะเดียวกันก็พึมพำไปด้วย “การฝึกฝนคัมภีร์มังกรคชสารอมตะนั้นดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลย… มันอาจจะต้องใช้เวลานานแน่ ๆ ”
“โดยเฉพาะตอนนี้ที่ยังอยู่ในเขตแดนลับ โอกาสเช่นนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ จะเอามาใช้ฝึกฝนก็คงจะไม่ดีนัก”
“ถ้ายังไง ออกไปสำรวจเขตแดนก่อนดีกว่า ไว้ออกจากที่นี่แล้วค่อยหาเวลาไปฝึกฝน!”
MANGA DISCUSSION