ตอนที่ 9
มือยักษ์สาวสวมรองเท้าให้ลาโมแลค หญิงสาวนั่งริมเตียงเฝ้ามองเอฟราโก้
” ไปกันเถอะค่ะ ” น้ำเสียงนุ่มละมุน ยื่นมือเชิญชวน
ลาโมแลคตอบรับกุมเธอไว้ สัมผัสไออุ่นผ่านปลายนิ้วส่งถึงกัน ร่างกายที่ใกล้หายดีเหยียดขาตรง ลาโมแลคยืนด้วยตัวเอง ภายใต้สายตาเฝ้าระวังของเอฟราโก้
” ฮันนีมูนสินะ ” ลาโมแลคยกเท้าก้าวแรกในรอบเดือน เอฟราโก้ยิ้มรับคำหยอกล้อ
” ไม่ใช่ค่ะ สู่หอส่งตัวต่างหาก ” ลาโมแลคเชิดหน้าขึ้นสบตายักษ์สาว แววตาหรี่ลง
” รบกวนเบามือด้วยนะ ”
คำขอนุ่มนวล ส่งสายตาออดอ้อน
” ขอปฏิเสธค่ะ ” วาจารับแข็งกระด้าง
” ดิฉันจะทำให้คุณร้องไห้จนน้ำตาแห้งเลย ” มุมปากฉีกกว้าง แววตาเริงร่า บีบมือที่กุมไว้
กลั่นแกล้งเจ้าตัวน้อย
” คงชักช้าไม่ได้แล้ว ” ตอบรับกระฉับกระเฉง
ลาโมแลคก้าวเดินบนพรมวิจิตร ผ่านเปลวเทียนมอดดับ ใต้สายตาเฝ้าระวังเอฟราโก้
สองชีวิตจึงร่วมเคียงบนเส้นทางอับแสง
หยุดลงหน้าบันได แม้เป็นบ้านยักษ์สาว แต่ความสูงแต่ละขั้นกลับพอดีกับเท้ามนุษย์ ราวถูกเตรียมไว้
มือถูกปล่อยเป็นอิสระ ชั่วคราว
ลาโมแลคไม่ทันเคลื่อนไหว ทิวทัศน์พลันพลิกผัน เธอถูกยกลอยกลางอากาศ เสียงสะดุ้งหลุดออกมา ฝ่ามือยักษ์สาวช้อนร่างกายขึ้น ไม่ทันตั้งตัว
เอฟราโก้อุ้มลาโมแลคท่าเจ้าหญิงง่ายดาย
เมื่อได้ใกล้แนบชิด กลิ่นหอมเย้ายวนแทรกซึมทุกอณู ชวนเคลิบเคลิ้ม ไม่คิดขัดขืน
” เจ้าบ่าวไม่ปล่อยเจ้าสาวเดินหรอกนะคะ ”
เมื่อเงยขึ้นสบตา ผสานสายใยนัยน์ตาอำไพ ก้มมองเหยื่อในอ้อมแขน รอยยิ้มหวานชวนหลงใหล กลับซ่อนเจตนาแสนสะพรึง
แต่ลาโมแลคกลับชมชอบ เอนใบหน้าซบราวจะจมลงไปในหน้าอกยักษ์สาว ยอมจำนนต่อความนุ่มนิ่ม
ทุกย่างก้าวยักษ์สาวส่งแรงกระเพื่อม จนทรวงอกสะบัดไล้แก้ม สัมผัสอ่อนโยนคลอเคลีย ช่วงเวลาดั่งฝัน ห่างไกลตะวัน
” แล้วเธอ จะทำให้ฉันเดินไม่ไหวไหม ” ถ้อยคำหยอกล้อ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์
” แน่นอนค่ะ แน่นอน ” เอฟราโก้แย้มยิ้ม นัยน์ตาอำไพจ้องใบหน้าลาโมแลค พินิจเรือนร่าง คอ เนินอก สะดือ ขาอ่อน จรดปลายเท้า
อุณหภูมิร่างกายชัดเจนบนฝ่ามือ กลิ่นเนื้อหอมกรุ่น แม้กำชีวิตลาโมแลคไว้ แต่ยังไม่สามารถสยบเธอได้แท้จริง แววตาไร้หวั่นเกรงยิ้มระรื่นเสมอ ทว่า มันกลับทำให้เธอยอดเยี่ยมที่สุด
แทบอดกลั้นไม่ไหว อยากจะฉีกกระชาก ขยำกัดแทะกระดูกมันเสียตอนนี้ เพื่อดื่มด่ำลิ้มรสเลือดเนื้อเธอ
ทว่าหากกินดิบไม่ปรุงแต่ง ที่สุดแล้ว คงได้จมลงความเสียดาย เฝ้าด่าทอโกรธเกลียดตัวเองชั่วชีวิต
ณ ปลายทาง สิ่งใดรอเราอยู่ รสชาติแสนเลิศเล่อเป็นเช่นไร
ประตูไม้ใหญ่กว่าร่างกายเอฟราโก้ สิ่งที่กั้นทั้งสองกับโลกภายนอกไว้ ยักษ์สาวช่วยพยุงลาโมแลคลงยืน
แต่ครั้งนี้กลับไม่จับมือ
ทว่าหางที่มักหลบซ่อนกลับปรากฏขึ้น
” จับไว้สิคะ ” เอฟราโก้เสนอเป็นฝ่ายให้สัมผัสจุดอ่อนอันบอบบาง ทำให้ลาโมแลคแปลกใจแต่ก็ยอมรับไว้
ผิวลื่นเนียน ความรู้สึกบางอย่างกระตุ้นให้ชวนลูบไล้ ทว่าวินาทีที่เอื้อมมือเคลื่อนไปมาก็โดนสายตาเขม็งจ้องลงมา จนต้องหยุดมือ
” กลัวว่าจะผล็อยหลับรึไง ”
ลาโมแลคแซวหน้าไม่อาย
” ดิฉันไม่ชอบค่ะ อย่าทำเกินที่อนุญาตสิคะ ”
น้ำเสียงราบนิ่ง ขีดเส้นชัดเจน
” ชักอยากล้ำเส้นขึ้นมาแล้วสิ ” ลาโมแลคแกล้งบีบหางเอฟราโก้ ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นความเงียบ
” ตามใจคุณค่ะ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าดิฉันไม่ชอบ ”
เอฟราโก้คิดว่าไม่ว่าจะห้ามอย่างไร แต่ถ้าแสดงอาการออกไปก็มีแต่ทำให้ลาโมแลคชอบใจ
สู้ทำเมินเฉยไปดีกว่า
ในตอนที่คิดว่ามีชัยเหนือกว่า ลาโมแลคกลับแลบลิ้นออกมากำลังจะเลีย ทำให้เธอเผลอชักหางหนี
” คิดจะทำอะไรกันคะ ” แววตาตื่นตระหนกไม่อยากจะเชื่อ ยัยคนนี้ไร้ยางอายสิ้นดี
เสียงหัวเราะลาโมแลคแทนคำตอบ มีเพียงรอยยิ้มไร้ถ้อยคำ เอฟราโก้จับจ้องเธอเกิดเป็นความระแวง
” เธอคงไม่อยากอยู่หน้าประตูตลอดไปใช่ไหม ”
ลาโมแลคกะพริบตาแปรเปลี่ยนสีหน้า ส่งสายตาชี้
เอฟราโก้ได้สติ การละเล่นคงต้องพอเท่านี้
” คุณจะต้องประหลาดใจแน่ ” เอฟราโก้เอ่ย เธอเฝ้าคอยวันนี้มาตลอด ช่วงเวลาที่ความสัมพันธ์ก้าวไปพร้อมกับเธอที่ออกเดิน ในโลกแห่งนี้
และทิ้งร่องรอยแห่งความทรงจำไว้ โปรยปรายความหวานชื่นบนเส้นทางเดินหินเรียบ
ลาโมแลคเหลือบมองแววตาอำไพ เธอไม่ได้ตอบรับเพียงแค่มุ่งตรงไปข้างหน้า
ราวจะสื่อว่า มาพิสูจน์กันเถอะ
ฝ่ามือเอฟราโก้เอื้อมเปิดบานประตูไม้ขนาดยักษ์ เผยสถานที่พำนักกลางพงพนา เบื้องบนไม่ใช่ฝั่งฟ้าไกล
แต่เป็นพื้นน้ำไพศาลพลิกผันโลกกลับด้าน ฉายแสงสีฟ้าครามสาดลงแทนที่ดวงตะวัน
กลิ่นป่าไพรคละฟุ้ง สามัญชนจะประจักษ์ต่อความงามตระการ ทว่าผู้รู้จะบ้าคลั่ง ราวกับร่วงลงมายังมหาคลังสมบัติ ประดุจขุมทองใต้ดินผุดโผล่สู่แสง
รอคอยการเก็บเกี่ยว ล้วนรวมไว้ทั้งพืชพิษแฝงฤทธิ์ร้าย วัตถุดิบพิธีกรรม รากหายากสำหรับโอสถโบราณ
สถานที่นี้ คือเหตุผลที่เหล่าทหารรับจ้างยอมเสี่ยงตายในป่ามรณะ บัดนี้ เลือดและหยาดเหงื่อผลิผลแล้ว
เอฟราโก้คาดหวังท่าที่ตื่นเต้นลาโมแลค แต่เห็นเพียงรอยยิ้มธรรมดา เรียบเฉย ใต้บาดาลเรืองรอง
ความเงียบสงัดหยุดโลกไว้
” กำลังคิดว่าฉันคงจะตาลุกว้าว แล้วพูดว้า โอ้โห้ สุดยอด สินะ ” ลาโมแลคชำเลืองขึ้นสบตาเอฟราโก้
รอยยิ้มเยาะเย้ยทำให้ยักษ์สาวหงุดหงิด
แต่เธอยังคงเก็บซ่อนความไม่พอใจไว้
” การได้พบเธอ ”
” คือปาฏิหาริย์อันเป็นที่สุด และไม่มีสิ่งใดเทียบ ”
ยักษ์สาวชะงักค้างกับคำพูดชวนหวานชื่น
ทิวทัศน์พร่าเบลอ มีเพียงประกายฟ้าครามสะท้อนนัยน์อำไพทองคำ
ลาโมแลคปล่อยหางที่เคยประคองกาย ฝืนสภาพร่างกายก้าวเดิน เธอหันหลังเป็นฝ่ายยื่นมือหาเอฟราโก้ ใบหน้าระรื่นยิ้มสดใส ใต้ท้องทะเลจรัสแสง
หางส่ายไปมาไม่อาจควบคุม เปลือกตาปิดลง สยบระลอกคลื่นเขย่าหัวใจ เผยเพียงมุมปากยกขึ้น
ฝ่ามือเอื้อมลงตอบรับคำเชิญ นิ้วมือสอดผสานราวจะกลืนเป็นหนึ่ง และทั้งสองร่วมขับเคลื่อนโลกทั้งใบ
ข้ามผ่านพันธุ์ไม้นานาสีสัน เอฟราโก้จับจ้องเจ้าหิ่งห้อยตัวน้อยร่อนเร่ กะพริบแสงบนฝ่ามือ
แย้มยิ้มเคลิบเคลิ้ม
ห้วงใจลอยละลิ่วไปกับสายลมอ่อน กลิ่นบุปผาคลอเคลียท่วงทำนองรื่นรมย์
กลีบใบชูช่อสะพรั่งงามเป็นรองรอยยิ้มลาโมแลค
แม้ความเย็นยะเยือกลูบไล้ผิว กลับไม่อาจเทียบไออุ่นในฝ่ามือ แบ่งปันแก่กัน
หวังร่วมเคียงตราบนานผ่านห้วงกาล
ท่ามกลางพรมผกาแดงฉาน ลาโมแลคหยุดพัก ปล่อยมือจากเอฟราโก้ ร่างกายเคลื่อนไหว หมุนวนกางแขนสยายโอบรับโลก
ความเหนื่อยล้าล้มลงนอนบนมวลบุษบา เพียงชำเลืองราวขานเรียก เส้นผมสีเงินสัมผัสลงพื้นดิน
เอฟราโก้ร่วมเคียงบนพื้นมาลาหอมอบอวลอ่อนโยน ทุกภาพความทรงจำล้วนจดจำจารึกเพียงเธอ เก็บเอาทุกอย่างกอดไว้ภายใน ปรารถนาฝั่งไว้ชั่วนิรันดร
ลาโมแลคเหลือบมอง จงใจสบตาเอฟราโก้ด้วยความเงียบ แล้วพลันคลี่ยิ้มกว้างไร้เหตุผล สะเทือนฤทัยอีกครา ใบหน้าแดงระรื่นใคร่สงสัย น้ำเสียงแผ่วกระซิบ
” มีอะไรรึเปล่าคะ ” นัยน์ตาสะท้อนความสง่างามอันเป็นที่สุด ดูดดึงรั้งไว้ ไม่กล้าละสายตาเพียงเสี้ยว
ยากกระทั่งจะกะพริบตาลง
” เธอมีพรสวรรค์ด้านความน่ารักนะ รู้ตัวไหม ”
ไออุ่นจากถ้อยคำใกล้ชิดเติมแต่งแก้มแดง
” คุณ ก็มีพรสวรรค์ด้านน่าหลงใหลนะคะ ”
สองรอยยิ้มผสานกลมเกลียว
ใต้น้ำค้างฟ้า เมื่อแสงส่องทอเลือนหาย สนธยาเข้าครอง เส้นแสงในท้องทะเลเปล่งประกาย เสมือนหมู่ดารา ระยิบระยับเกินเอื้อมคว้า
ลาโมแลคขยับตัวเอื่อยเฉื่อย
ขึ้นคลานบนร่างกายเอฟราโก้ ไร้ขัดขืน หรือเอ่ยห้ามปราม เจ้าหิ่งห้อยกระพือปีกฉายแสงเหนือยักษ์สาว
และ ล้มลงนอนสัมผัสความอบอุ่นผ่านผิว ลมหายใจรดบนเนินอกหนุนหัว ลาโมแลคปิดเปลือกลงปล่อยทุกอย่างฝากไว้ในอ้อมแขนเอฟราโก้
แววตานักล่าจ้องมองลงเหยื่อรุกล้ำ
กลับคลี่ยิ้มตอบรับเงียบงัน
ดิฉันจะจดช่วงเวลานี้ไว้ค่ะ เฝ้าคอยระลึกถึงมัน
ทุกนาทีนี้ ในทุกวินาทีที่เติมเต็มรสชาติของคุณ
ล า โ ม แ ล ค
ลาโมแลคหลับพริ้ม ในอ้อมอกเอฟราโก้ เจ้าหญิงหลับใหลในเงื้อมมืออสูรอบอุ่น
ถูกอุ้มข้ามพงไพรมืดสลัว กลีบผกาแนบสองฝั่งโรยกลิ่นละมุนเรืองรองในแสงยามค่ำ ใบขจีปะทะแรงลมสั่นไหว หลุดร่วงปลิดปลิวไกล หายลับใต้ผืนเงา
ฝ่าเท้ายักษ์สาวเหยียบย่ำลงใบไม้เหี่ยวเฉาแห้งหยาบกระด้าง เสียงแกรกกรอบสะท้อน ล่องสายลม
แววตานักล่าเงียบงัน เพ่งพินิจ ลมหายใจแผ่ว ริมฝีปากผู้นิทราราวกลีบดอกไม้หลับใหล
สะท้อนนัยน์ตาอำไพ หวงแหนแลเชิดชู
รอยยิ้มเอ่อล้นบนริมฝีปาก คลี่เป็นกลีบละมุน
MANGA DISCUSSION