ตอนที่ 10
เปลือกตาเอฟราโก้เคลื่อนไหว บนผ้าปูเตียงโน้มรับสองสาวรอยยับเรื่อ เผยนัยน์ตาเฝ้ามองลาโมแลค ปล่อยตัวและใจไร้กังวล คล้ายจมในห้วงฝัน
ร่างกายขยับเอื่อยลุกขึ้น ฝ่าเท้าย่ำลงพื้น
เงากายไกลห่าง ไออุ่นเบื้องหลัง
ชำเลืองอำลา ทว่าพริบตาก่อนจากไป ชายผ้าถูกดึงนุ่มละมุน รั้งไว้ด้วยสายตาออดอ้อน
จำต้องยอม เอฟราโก้ม้วนหางคืนสู่เตียง โอบกอดเจ้าหญิงน้อยไว้แนบชิด ให้เวลาร่วมเคียงสองเรายาวนาน
ภวังค์อ่อนโยนล่องลอย ลาโมแลคกลับทลายมันลง ฝ่ามือแอบล้วงใต้เนื้อผ้า สัมผัสผิวกาย
” ไม่นึกว่า คุณจะเป็นหญิงที่ใคร่ตัณหาหนักขนาดนี้เลยนะคะ ” แววตาเอือมจ้องลง ใจระอากลับนิ่งเฉย
” เพราะ อยู่กับสาวทรงเสน่ห์ที่สุดต่างหาก ” ใบหน้ายิ้มระรื่นคลอเคลียกับหน้าอกนุ่มละมุน ชมชอบ
มุมปากยักษ์สาวผลิบาน ฝ่ามือลูบเส้นผมเขียวอมฟ้าราวกับเอ็นดูทารกไม่หย่านม ฟันหนูน้อยขบบนเนินเนื้อเนียน เสียงครวญแผ่วเอฟราโก้ตอบรับ
” อย่ากัดสิคะ ” รอยแดงปรากฏเด่น สายตาชม้อยชม้ายสีฟ้าครามเผชิญประกายอำไพ
” ขอปฏิเสธ ” ก้มหน้าลงและฝั่งเขี้ยวลงอีกฝั่ง
ไร้ซึ่งยำเกรง
เปลือกตายักษ์สาวปิดลงชั่วครู่ แขนขยับกอดรัดลาโมแลค กดตัวเธอลง แนบแน่นเรืองร่าง ไออุ่นร้อนผ่าวผสานกัน กลิ่นเนื้อหอมกรุ่นเย้ายวน
รับเอาและดื่มด่ำหอมหวาน
เอฟราโก้พลิกกาย ขึ้นคร่อมเจ้าหญิงผู้ชวนหลงใหล ลาโมแลคใต้เอฟราโก้คลี่ยิ้มระรื่น ใบหน้าราวกับกระซิบ เพรียกหา ในวินาทีที่โลกเงียบลง
สายตาสอดประสาน สะท้อนความปรารถนา
ริมฝีปากปริอ้า เผยเขี้ยวแหลม เอฟราโก้กัดลงลำคอปราศจากการขัดขืน ด้วยแรงแฝงเย้าเบา
เสียงลมหายใจแผ่วลาโมแลค นำอุ่นไอผ่านใบหูใกล้ชิด ปิดท้ายด้วยปลายลิ้นแตะแต้มลง
” ถ้าฉันกัดจริง คุณจะตายนะคะ ” เอฟราโก้กระซิบ
” ได้มอบชีวิตให้คนงาม ฉันไม่เสียใจหรอกนะ ”
ลาโมแลคตอบโต้ไร้ลังเล
เอฟราโก้แย้มยิ้มรับ แววตาพริ้มพราย ล่วงรู้ใจเจ้าหญิง ฝ่ามือยักษ์สาวจับคอเสื้อลาโมแลค ปลายนิ้วแหวกผืนผ้าลงอ่อนโยน
เผยหน้าอกราบเรียบไม่มีส่วนโค้งเว้า เผชิญสายลม
” เธอมีมุมแบบนี้เหมือนกันสินะ ” คิ้วกระตุกเล็กน้อย แต่ไร้คำค้าน สองมือสยายกางออก ปล่อยทั้งตัวถวายให้ชื่นชมรุกล้ำ
” เพราะคุณ ” เอฟราโก้เอ่ย ก่อนจะโน้มใบหน้าลง
ริมฝีปากงับลงยอดเนินอก ลาโมแลคร้องครวญจากสัมผัสพิศวงเร้าอารมณ์ หัวใจถูกเขย่าจังหวะผิดเพี้ยนระรัว
ทว่าปลายแหลมฟันกลับขบกัดลง สะบั้นท่วงทำนองอ่อนโยน เสียงครางผสานเสียงสะอื้นแว่วกังวาน ขับหยดน้ำใสหลั่งริน แต้มแต่งใบหน้าแดงระเรื่อเปี่ยมเสน่ห์
แววตาอำไพทอดมองเรือนร่างสั่นไหวระริก ไร้ถ้อยคำมีเพียงเสียงร้องครวญจากลาโมแลค แววตาหวานละไม ไม่จดไม่จำความเจ็บที่สลักลงร่างกาย ราวกับมัวเมาในทุกรสสัมผัส
“ในเมื่อตื่นแล้ว ได้เวลาอาบน้ำค่ะ ” เอฟราโก้เอ่ยแทรกแผ่วเบา พักหลังเธอเริ่มคุ้นกับช่วงเวลาแบบนี้ จนหักห้ามตัวเองได้ดีขึ้น
ลาโมแลคออกอาการเสียดาย พลิกตัวซุกผ้าห่ม เงียบงันเหมือนจะกลืนคืนห้วงนิทรา
” อย่าดื้อสิคะ ” แม้ร้องขอ กลับได้เพียงความว่างเปล่า เอฟราโก้ชะงักกับท่าทีงอแงลาโมแลค ถอนหายใจ ครุ่นคิด
เอฟราโก้ตัดสินใจ โน้มตัวลง วงแขนแนบอ้อมร่างลาโมแลค ที่ยังห่อผ้าห่มไว้ อุ้มขึ้นจากเตียงทะนุถนอม แต่เด็ดขาด
” ไม่อ่อนโยนเลยนะ ” กึ่งตัดพ้อกึ่งหยอกล้อ ลาโมแลคดึงผ้าลงพอเห็นใบหน้า เงยขึ้นสบตาเอฟราโก้
” ไม่ค่ะ ” เอฟราโก้ยกมุมปาก
” สำหรับคุณคงต้องไม้แข็งเท่านั้น ” ถ้อยคำราบเรียบขณะก้าวลงบันได
” น่ายินดีนะ ที่เธอเข้าใจฉันมากขึ้น ” ลาโมแลคหัวเราะแผ่ว แววตาวิบวับ
” แน่นอนค่ะ ” เสียงเอฟราโก้นุ่ม แฝงความพอใจ
ดิฉันจะเข้าใจคุณให้ลึกซึ้งเลย
กลิ่นอับชื้นมลายแปรผันเป็นกลิ่นสดพืชพรรณ ใต้ฝ่าเท้าไม่ใช่หินราบเรียบ แต่คือดินแน่นเย็นเฉียบ
เอฟราโก้พาลาโมแลคมาหยุด ณ ห้องอาบน้ำ หรือเรียกว่า สวนแห่งการชำระล้าง อันภาคภูมิของเอฟราโก้
เงาใบไม้ แสงฟุ้งพืชเรือง ส่องประกายแต้มแต่งสรรพสิ่ง ย้อมโลกดั่งภาพฝัน
โขดหินเรียงล้อมรอบสระน้ำกว้าง แร่ธาตุเติมสีให้น้ำโปร่งใส เห็นตะไคร่น้ำบางเฉียบแนบพื้น คล้ายผืนแพรเขียวแกมเงิน ผกาจรัสผลิบาน แทรกตามผนังหินสะท้อนบนผิววารี
ลำธารไหลรินตามร่องหิน นำพาเศษฝุ่นหายลับไป เสียงทั้งปวงหลอมรวมผสาน เสมือนลมหายใจ จากไพรผา บรรเลงทำนองประโลมใจ
บนโขดหินใหญ่มีขวดแก้วบรรจุของเหลวหลากสีสัน กลิ่นรากไม้จางดุจหมอก หอมสมุนไพรป่าชวนเคลิบเคลิ้ม แปรงสีฟันจากวัสดุธรรมชาติเสียบบนตะขอติดผนังอย่างดี
ในความเงียบงัน เฝ้าสดับหยดน้ำร่วงหล่นลง สายตาลาโมแลคชื่นชมทิวทัศน์
เงยขึ้นมองเถาวัลย์ยึดครองเบื้องบน กลีบบุปผาสะพรั่งบานบนเพดาน ดุจมาลัยธรรมชาติร้อยเรียง
เอฟราโก้ปลดผ้าห่มที่ปกคลุมร่างเธอออก ราบรื่นไร้ต่อต้าน นำผืนผ้าเก็บลงตะกร้า
กระจกวางนอนทอดยาวฝังผนัง กำเนิดจากแผ่นหินอ่อนขัดเงา ฉากซ้ำร่างกายสองสาว
เอฟราโก้และลาโมแลคเปลือยเปล่า เมื่อยืนเทียบความต่างเกือบเมตร ทำให้เส้นผมสีเขียวอมฟ้าอยู่เพียงใต้หน้าอกสูงตระหง่าน ดั่งภูผากว้างไกล
เอฟราโก้ยื่นมือ เชิญชวนลาโมแลค ก้าวสู่ดินแดนชำระล้าง
ทว่าลาโมแลคยืนนิ่ง สายตาเชิดเผชิญยักษ์สาว เรียกร้องบางสิ่ง
” ทำไมมีแค่ฉันที่เปลือย ” เสียงเรียบถาม หางเสียงประกาศคำท้า
” ดิฉันจะอาบน้ำให้คุณ คนเดียว “เอฟราโก้ตอบรับประนิ่งงัน
” ถ้าเธอไม่ถอด ฉันไม่อาบ ” ลาโมแลคกอดอก ถอยหลังเล็กน้อย เจ้าแมวน้อยเข้าใจยากตั้งเงื่อนไข
เอฟราโก้เบือนหน้าหลบ เธอรู้สึกอายหากต้องให้ใครเห็นผิวพรรณ ปลายหางกระดิกเบา ไม่มั่นคง
เผยความลังเล ในบางมุมยักษ์สาวก็ยังเป็นเพียงหญิงน้อยประสบการณ์ ลาโมแลคยิ้มกรุ้มกริ่ม เมื่อเห็นแก้มแดงเอฟราโก้
ที่สุดแล้ว
ฝ่ามือเอื้อมปลด เคลื่อนอาภรณ์เลื่อนหลุด ร่วงลงกองปลายเท้า แผ่นหลังโน้มลง มือบรรจงหยิบผ้า
ความวาบหวิวจากขาอ่อน แล่นขึ้นทรวงอก กระเพื่อมหัวใจ ร้อนผ่าว เอฟราโก้บิดขาเข้าหากัน ปิดบังเงียบงันราวเด็กสาวขี้อาย
สายตาเคอะเขินชำเลืองลงต่ำ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ลาโมแลคพึงพอใจ พ่วงแววตาเย้ายวนหลงใหล จับจ้องไม่ละสายตา เพ่งพินิจทุกส่วนอันเปลือยเปล่า
ในผืนกระจกสะท้อนโลก เอฟราโก้และลาโมแลคยืนเคียงบนแผ่นพื้นเดียวกัน ล้อมรอบด้วยสุญตา
ประกายฟ้าครามผสานอำไพทองคำ
ต่างจ้องมองเรือนร่างจริงแท้ไร้อาภรณ์ ทว่าใต้ใบหน้ายังซ่อนเร้นเจตนา ลึกลับเยือกเย็น
ไออุ่นเรือนร่างเคยกลืนกิน ราวมายา
ลาโมแลคขยับตัว เอื้อมฝ่ามือสัมผัส ประหนึ่งสะพานจากเธอถึงฉัน วินาทีที่สอดผสานใกล้ชิด
เธอรับเอากลิ่นกายยักษ์สาวฟุ้งจากผิวพรรณ คลอเคลียนุ่มฟู่ทั้งห้วงหัวใจ
” ตัวเธอหอมนะ ”
เสียงลาโมแลคชื่นชม เคลื่อนเข้าพิง
” … ”
เอฟราโก้พลันนิ่งคล้ายตกค้างจากท่วงทำเคว้งคว้าง
” คุณก็เช่นกันค่ะ ” รอยยิ้มแย้มรับ ในยามฟ้าใสก่อนมรสุม ก่อนฟ้าดินทลายลง ขอดื่มด่ำกับทุกอณูบทประพันธ์เธอและฉัน
แด่ความงามบนเส้นทางเราสอง
หลังชำระล้างตัวผ่านน้ำสาดเท เส้นผมสีเงินและฟ้าอมเขียวเปียกปอน หยดน้ำค้างบนเรือนร่าง ในสระน้ำแช่ละลายความอ่อนล้า ลืมเลือนความจริงชั่วครู่
ลาโมแลคชำเลืองขึ้นมองเอฟราโก้ สงบนิ่ง แม้จะนั่งลงเหมือนกันแต่ส่วนสูงทำให้ระดับสายตาแตกต่าง
เจ้าหิ่งห้อยส่องแสงลุกขึ้นเอื้อมฝ่ามือเอื่อยเฉื่อยแตะต้องใบหน้ายักษ์สาว ปลุกเปลือกตาปิดสนิทเปิดขึ้นมอง
เธอจงใจออกแรงลบเครื่องสำอาง อำพรางตัวตนเอฟราโก้ออก แววตานักล่าจ้องเขม็งคล้ายไม่พอใจแต่กลับไม่ตอบโต้ ความเงียบงันเฝ้ามอง ต่างรอคอยถ้อยคำ
” ฉันชอบใบหน้าเธอ ไม่ว่าตอนไหน หรือเมื่อไหร่ ” ปลายนิ้วลาโมแลคจงใจเกลี่ยสีแต้มแต่งออก
ดิฉันภาวนาให้มาจากใจนะคะ หัวใจสั่นไหว
รอยยิ้มเยือกเย็นทอดมอง
” แม้แต่ตัวเธอ ในยามน่าสะพรึงกลัวที่สุด ” ร่างกายขยับแหวกผืนน้ำ หยุดเพียงระยะลมหายใจ
เอฟราโก้ลุกขึ้น อีกครั้งที่ความต่างร่างกายเป็นประจักษ์ หางที่หลบเร้นปรากฏต่อสายตา
ฟาดน้ำจนคลื่นใสกระเซ็น เสียงกระแทกสะเทือนหินผา แรงพอจะฟาดร่างมนุษย์ขาดสองท่อน
อสูรยักษ์ฉายแววตาอาฆาตมุ่งร้าย สองร่างเปลือยหยุดนิ่งกลางสายฝนโปรย คลื่นน้ำไหวหวั่น
ฝ่ามือเอฟราโก้กุมแก้มลาโมแลค ความเฉยชาต่อการข่มขู่ทำให้เอฟราโก้ถอนหายใจ แลปลื้มปีติ
” ดิฉันจะเชื่อค่ะ ”
น้ำเสียงนุ่มละมุนเอ่ย รอยยิ้มคลี่งดงาม
เธอทิ้งตัวลง กอดรัดลาโมแลค สูดดมกลิ่นเนื้อหอมเย้ายวน ไออุ่นกระจ่างกลางลมหนาว ร่างเปลือยแนบสนิท ไร้ใดขวางกั้น
ฟันแหลมอ้ากัดลงสีข้าง ความเจ็บทำให้ดวงตาเบิกกว้าง ลาโมแลคอาศัยจังหวะเผลอ ฝังเขี้ยวเล็กน่าเอ็นดูลงลำคอเอฟราโก้ ฝากรอยบนยักษ์สาว
แม้รอยกัดตื้น แต่เด่นแดงราวบุปผาในแดนเหมันต์ ทั้งสองสลักรอยซึ่งกันและกัน เสียงครวญครางสองจังหวะ ต่างทิ่มแทงกันในโลกเงียบงัน
บนผืนน้ำใส ร่างกายวาบหวิวเปลือยเปล่า ถูกเติมเต็มด้วยความเจ็บแปล๊บ
หวังตราตรึงความทรงจำเปี่ยมทรมานอันหวานชื่น ยากลบเลือนแม้โลกอ้างว้าง
MANGA DISCUSSION