ตอนที่ 278 ชมภาพยนตร์
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงฉันก็ใส่ไม่ได้แล้ว” จ้าวเหม่ยฟางมองหล่อนและตอบด้วยท่าทางภาคภูมิใจ
สวี่ซินเยว่เม้มปากแล้วทำแค่ยิ้มตอบ จากนั้นก็เห็นจ้าวเหม่ยฟางก้มลงมองเฮ่าเฮ่าพลางเอ่ย “นี่คือน้องชายของเธอเหรอ?”
สวี่ซินเยว่ตอบสั้นๆ “ใช่แล้วล่ะ”
จ้าวเหม่ยฟางพูดต่อ “เขาน่ารักมากเลย ฉันขออยู่เล่นกับพวกเธอที่นี่ได้ไหม?”
ดวงตาของสวี่ซินเยว่ฉายแววแปลกใจออกมา และรีบตอบว่า “ได้…ได้สิ”
จ้าวเหม่ยฟางจึงเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้หล่อนอีกครั้ง “อันที่จริงแล้วเธอไม่ต้องกังวลไปนะ ตอนฉันมาที่นี่ครั้งแรกก็กังวลเหมือนกัน แต่เดี๋ยวมันจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง”
“อาสะใภ้ของเธอเป็นคนที่มีเหตุผลมาก หล่อนจะไม่ทำให้เธอต้องอับอายแน่นอน”
สวี่ซินเยว่พูดว่า “ใช่ ฉันก็รู้ดี”
จ้าวเหม่ยฟางพูดว่า “ให้ฉันพาพวกเธอย้ายไปเล่นที่นั่นดีกว่า เพราะพวกเขาจะจุดประทัดที่นี่ และมันจะเสียงดังมาก”
สวี่ซินเยว่ได้ยินเช่นนั้น ก็หันไปมองหลินเซียวด้วยความลังเล
จ้าวเหม่ยฟางเห็นท่าทางของหล่อนแล้วจึงถามด้วยความฉงน “แม้แต่เวลาออกมาเล่นเธอก็ต้องเชื่อฟังหลินเซียวเหรอ?”
สวี่ซินเยว่ยิ้มและส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่แบบนั้นหรอก คือว่าพวกเราออกมาด้วยกันน่ะ”
จ้าวเหม่ยฟางพูดว่า “ฉันจะบอกเขาให้เอง” พูดจบแล้วสาวน้อยก็วิ่งไปหาหลินเซียว
หลินเซียวกำลังเล่นด้วยความสนุกสนาน แต่ทันใดนั้นจ้าวเหม่ยฟางก็วิ่งมาหาเขาพลางเอ่ย “หลินเซียว ฉันอยากพาพวกหล่อนไปเล่นด้วยกันจะได้ไหม?”
หลินเซียวตอบว่า “จะเล่นก็เล่นสิ มาบอกผมทำไมล่ะ”
จ้าวเหม่ยฟางพูดว่า “ฉันไม่ได้อยากบอกนายหรอก แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องของนายที่อยากจะบอก เพราะถ้านายไม่อนุญาต หล่อนก็ไม่กล้าไปไหน”
หลินเซียวอุทาน “หา?”
“งั้นรอเดี๋ยวนะ” จากนั้นเขาก็วิ่งไปหาสวี่ซินเยว่ทันที
“พี่อยากเล่นกับหล่อนไหมล่ะ?”
“ถ้าพี่ไม่อยากและไม่กล้าบอกหล่อน เดี๋ยวผมจะบอกให้เอง”
สวี่ซินเยว่รีบอธิบายว่า “ไม่ใช่แบบนั้น ฉันแค่คิดว่าออกมาข้างนอกกับนายทั้งที ก็ไม่ควรทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่บอกน่ะ”
หลินเซียวได้ยินแล้วก็โบกมือด้วยท่าทางเหมือนผู้ใหญ่ “ถ้าพี่อยากไปเล่นก็ไปเถอะ แต่อย่าลืมกลับบ้านก่อนสายล่ะ ไม่ต้องคอยถามผมหรอก”
สวี่ซินเยว่ตอบรับ “อืม”
หลินเซียวพูดต่อ “แต่ถ้ามีปัญหาต้องเรียกผมนะ”
พูดจบแล้วเขาก็วิ่งหนีไปอีกครั้ง
ตอนนี้สวี่อวิ้นจื้ออยู่กับหลินฟาน เมื่อเขาเห็นหลินเซียวย้อนกลับมา เขาก็รีบถามด้วยความกังวล “พี่สาวของผมพูดอะไรกับพี่เหรอ?”
หลินเซียวอธิบายว่า “พี่เหม่ยฟางอยากชวนพี่สาวของนายไปเล่นด้วยกัน แต่หล่อนไม่กล้าไป จึงอยากถามฉันก่อนน่ะ”
สวี่อวิ้นจื้อเป็นห่วงสวี่ซินเยว่มากจริงๆ และอยากจะไปหาหล่อนเดี๋ยวนี้ แต่หลินเซียวเห็นแล้วจึงรีบหยุดเขาไว้ทันที “นายจะทำอะไร พี่สาวของนายเป็นผู้หญิง หล่อนเล่นกับเราไม่ได้ทุกวันหรอกนะ ถ้ามีพี่เหม่ยฟางคอยดูแล ก็ไม่ต้องกังวล”
สวี่อวิ้นจื้อได้ยินเช่นนี้ก็ยังอยากจะพูดต่อ ทว่าก็เงียบคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตัดสินใจตามพวกหลินเซียวไปเล่นต่อ
การเล่นสนุกนี้กินเวลาจนถึงเที่ยง สวี่ซินเยว่ก็ตระหนักในหน้าที่ตัวเองได้ เมื่อเห็นว่าใกล้จะสายแล้ว หล่อนจึงรีบพาเฮ่าเฮ่ากลับมาหาพวกเขาทันที
หลินเซียวเห็นดังนั้นก็ไม่พูดมาก หลังจากบอกลาเพื่อนๆ ไม่กี่คนแล้ว เขาก็พาพวกหล่อนกลับบ้าน
ทันทีที่เดินเข้าประตู เขาก็ตะโกนสุดเสียงว่า “แม่ครับ ผมหิวแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ไปเอาชามมาตักเองนะ”
เนื่องจากทำอาหารทอดกรอบไว้ ตอนเที่ยงจึงไม่ต้องทำอาหารเพิ่ม แค่กินเท่าที่มีได้เลย
หลินเจี้ยนเยี่ยก็ไม่ได้กลับมาจนกระทั่งหลังสี่โมงเย็น และทันทีที่เขาถึงบ้าน สวี่ม่ายซุ่ยก็ทำอาหารเย็นเสร็จแล้ว
“คุณไปจุดประทัดก่อนเถอะ” ในฐานะหัวหน้าครอบครัว หลินเจี้ยนเยี่ยต้องทำหน้าที่จุดประทัด
ทันทีที่ประทัดของบ้านพวกเขาดับลง ก็ได้ยินเสียงประทัดข้างนอกดังขึ้นจากบ้านทีละหลัง
ในขณะที่กินข้าวกันอยู่นั้น หลินเจี้ยนเยี่ยก็พูดว่า “คืนนี้ที่กรมมีจัดฉายหนัง ถ้ากินข้าวเสร็จแล้วก็พาพวกเขาไปที่นั่นเถอะ”
เมื่อหลินเซียวได้ยินว่ามีฉายภาพยนตร์ เขาก็ไม่สนใจที่จะกินข้าวแล้ว วางตะเกียบลงและผลุนผลันกำลังจะลุกออกไป แต่ถูกหลินเจี้ยนเยี่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “จะไปไหน?”
หลินเซียวตอบว่า “ไปจองที่นั่งครับ”
เมื่อหลินฟานได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบวางตะเกียบในมือลงและตามออกไปบ้าง ฝ่ายสวี่อวิ้นจื้อมองสองพี่น้องวิ่งไปแล้ว เขาจึงลังเลว่าจะตามไปดีไหม
จากนั้นหลินเจี้ยนเยี่ยก็ถามด้วยความใจเย็นว่า “เธอไม่ไปด้วยเหรอ?”
ทันใดนั้นสวี่อวิ้นจื้อก็ตอบสนองโดยการรีบวางตะเกียบลงแล้วไล่ตามพวกเขาออกไปทันที
เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสามคนวิ่งหนีไปแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็กลอกตาใส่เขาด้วยความโมโห “คุณค่อยพูดเรื่องนี้หลังกินข้าวเสร็จไม่ได้เหรอ จำเป็นต้องพูดตอนนี้หรือไง”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “หลังกินข้าวเสร็จยังมีที่ว่างแน่นอน เพียงแต่ผมไม่อยากให้เขาคอยพูดมากอยู่ข้างๆ น่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยถามว่า “แสดงว่าจัดหลายที่เหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “สองที่ มีจัดที่กรมกับในลานบ้านพักนี่แหละ”
สวี่ม่ายซุ่ยถามต่อ “แต่ถ้าไปหลังกินข้าวจะยังทันเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “เริ่มฉายตอนหกโมงตรงน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกโล่งใจ ส่วนพวกหลินเซียวจากไปรวดเร็วและกลับมาด้วยความว่องไวไม่แพ้กัน ซึ่งยังไม่เลยเวลาอาหาร
สวี่ม่ายซุ่ยถามว่า “พวกลูกกลับมาทำไมล่ะ ไม่ต้องจองที่นั่งแล้วเหรอ?”
หลินเซียวอ้าปากค้างสักครู่ แล้วตอบว่า “มีจื้อลี่กับจื้อเฉียงจองให้แล้วครับ พวกเรากินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปหาพวกเขา”
สวี่ม่ายซุ่ยถามว่า “แล้วพวกเขาไม่กินข้าวเหรอ?”
หลินเซียวตอบว่า “ยังครับ พวกเขาบอกว่าจะกลับไปกินเกี๊ยวตอนกลางคืน”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “คุณป้าของลูกกลับสู่การใช้ชีวิตดีๆ แล้วสินะ”
หลินเซียวพูดว่า “คุณป้าน่าจะใช้ชีวิตดีๆ แบบนี้แค่ครั้งเดียวแหละครับ”
“แม่ครับ แล้วพวกเราจะกินเกี๊ยวกันตอนไหน?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ถ้าดูหนังกลับมาแล้วพวกเราค่อยกิน”
หลินเซียวถามต่อ “ได้ห่อแล้วเหรอครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ยังไม่ได้ห่อ ถามแบบนี้ลูกจะช่วยห่อเหรอ?”
หลินเซียวพูดว่า “แม่ก็คิดไกลเกินไปแล้วครับ ถ้าผมช่วยห่อเกี๊ยวล่ะก็ แป้งไม่หุ้ม ไส้ก็ไหล ใครจะกินล่ะครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “เอาให้พ่อกินไง”
หลินเซียวย้อนถาม “พ่อจะกินได้เหรอครับ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยขึ้นเสียงอีกระดับ “บอกลูกได้เลยว่าฝันไปเถอะ”
หลินเซียวพูดว่า “แม่ได้ยินไหมครับ? พ่อไม่อยากกิน” จากนั้นเขาก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา และถามหลินเจี้ยนจวินซึ่งกำลังหัวเราะชอบใจอยู่ข้างๆ “อาเล็กอยากกินไหมครับ?”
หลินเจี้ยนจวินผงะ “…”
หลินเซียวทำหน้ามุ่ย “ถ้าไม่มีใครอยากจะกิน งั้นก็ลืมมันซะเถอะครับ”
หลังอาหารเย็น หลินเซียวก็พาหลินฟานออกไป และเมื่อเขาจะจากไปก็ยังไม่ลืมมอบหมายหน้าที่ให้สวี่อวิ้นจื้อ “นายอย่าลืมพาทุกคนตามไปเร็วๆ นะ”
อวิ้นจื้อตอบรับ “อืม”
ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ครอบครัวของพวกเธอจะทำอาหาร 10 จาน ซึ่งมีปริมาณต่อจานเยอะมาก ทำให้อาหารยังเหลือเยอะเกือบทุกจาน จึงไม่ต้องล้างจานในตอนนี้ แค่รอจนห่อเกี๊ยวเสร็จแล้วค่อยกินต่อเป็นมื้อดึก
แม้จะเป็นเช่นนี้แต่สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่ได้เกียจคร้าน เธอยังคงยุ่งอยู่กับการเข้าครัวเพื่อนวดแป้งและทำไส้เกี๊ยว ตั้งใจว่าเมื่อออกไปชมภาพยนตร์จบก็ค่อยกลับมาห่อ
สวี่ซินเยว่ส่งสวี่อวิ้นเฮ่าให้สวี่อวิ้นจื้ออุ้มไว้ แล้วหล่อนก็เดินตามเข้ามาในครัว
เด็กหญิงวัยนี้สามารถช่วยงานบ้านได้มากมายจริงๆ หล่อนจึงรับหน้าที่นวดแป้งโดยไม่ต้องขอให้สวี่ม่ายซุ่ยสอนเลย
สวี่ม่ายซุ่ยมองทักษะการทำอาหารของเด็กหญิง จึงรู้ว่าในอดีตหล่อนช่วยงานบ้านมากมายจริงๆ
แต่เธอไม่สามารถถามถึงเรื่องเก่าๆ ได้ จึงทำได้แค่ถามแบบสบายๆ ว่า “วันนี้ออกไปเล่นเป็นไงบ้าง?”
สวี่ซินเยว่ตอบว่า “ดีมากเลยค่ะ ได้พบกับพี่สาวใหญ่ด้วย ดูเหมือนจะชื่อจ้าวเหม่ยฟางค่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “เป็นเด็กจากครอบครัวของป้าจ้าวน่ะ ถ้าเธอว่างก็ไปเล่นกับหล่อนได้นะ หล่อนก็เพิ่งมาที่นี่ช่วงปีใหม่ที่แล้วนั่นแหละ”
สวี่ซินเยว่ตอบรับ “ค่ะ”
หลังอาหารเย็น ทั้งครอบครัวก็ได้รับการกระตุ้นเตือนจากสวี่อวิ้นจื้อเพื่อเดินไปยังพื้นที่เปิดโล่งสำหรับฉายภาพยนตร์
ทันทีที่เดินเข้าไปก็เห็นว่าที่นั่งเต็มไปด้วยผู้คนแล้ว ทั้งยังไม่เห็นหลินเซียวนั่งอยู่บริเวณนั้นด้วย
สวี่ม่ายซุ่ยก้มหน้าลงไปถามสวี่อวิ้นจื้อ “พวกนายจองที่ตรงไหนเหรอ?”
สวี่อวิ้นจื้อก็ยืนเขย่งปลายเท้าและมองไปทั่วบริเวณนั้น แต่เขามองหาจุดที่จองเอาไว้ไม่ถนัดจริงๆ และทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงความเบาโหวงของร่างกาย เพราะถูกอุ้มขึ้นมานั่นเอง
สวี่อวิ้นจื้อมองลงไปและพบว่าคนที่อุ้มเขาไว้คือหลินเจี้ยนจวิน ทำให้สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงมาก
“แบบนี้จะมองเห็นชัดกว่าไหม?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หลินเซียวเอ๊ย น่าสงสารแท้ที่ไม่มีใครยอมกินเกี๊ยวที่หนูห่อ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION