ตอนที่ 272 กินน้ำส้มสายชู
หลินเจี้ยนเยี่ยมองหลินเซียวที่กำลังจ้องมองด้วยท่าทางขุ่นเคือง และตอบด้วยความสงบว่า “น้องชายของลูก”
หลินเซียวได้ยินคำตอบแล้วก็ดึงหลินฟานออกมา พลางชี้น้องชายและถามด้วยความโกรธว่า “ถ้าพวกเขาเป็นน้องชายของผม แล้วเขาเป็นใคร?”
หลินฟานยืดอกขึ้นและพูดว่า “ใช่ แล้วผมเป็นใคร?”
เมื่อเห็นสองพี่น้องเป็นเช่นนี้ หลินเจี้ยนเยี่ยก็ขมวดคิ้วและกำลังจะตำหนิ แต่สวี่ม่ายซุ่ยเห็นแล้วก็รีบขยิบตาให้หลินเจี้ยนเยี่ย
หลินเจี้ยนเยี่ยจึงกลืนคำตำหนิลงท้อง ส่วนสวี่ม่ายซุ่ยแสร้งทำเป็นไม่สังเกตเห็นความอิจฉาในสายตาของพวกเขา และอธิบายด้วยความใจเย็นว่า “ทำไมเหรอ นี่คือลูกของลุงรองนะ ไม่ใช่น้องชายแท้ๆ ของลูกหรอก”
หลินเซียวที่กำลังโกรธเหมือนปลาปักเป้าพองลมได้ยินแบบนี้เข้า ก็ยิ่งขาดสติ “ผมมีลุงใหญ่แค่คนเดียวไม่ใช่เหรอครับ แล้วไปมีลุงรองตั้งแต่ตอนไหน?”
สวี่ม่ายซุ่ยอธิบายว่า “ก็สหายร่วมรบของพ่อลูกไงล่ะ เป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันมา ใกล้ชิดกว่าลุงใหญ่มากนะ”
หลินเซียวได้ยินแล้วจึงชี้ไปที่สวี่อวิ้นจื้อกับสวี่ซินเยว่แล้วถามว่า “สองคนนี้ก็ด้วยเหรอครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตีมือของหลินเซียวดัง ‘เพียะ’ และตำหนิเขาด้วยความไม่พอใจ “ทั้งหมดนั่นแหละ อย่าชี้หน้าคนอื่นนะ”
“นี่คือพี่สาว นั่นคือพี่ชายของลูก ต่อไปนี้ต้องให้ความเคารพด้วย”
ทันใดนั้นหลินเซียวก็มองเธอด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “แม่ครับ แน่ใจเหรอว่าเขาคือพี่ชายของผม?”
เพราะสวี่อวิ้นจื้อดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่า สวี่ม่ายซุ่ยจึงคิดว่าเขาเป็นพี่ชาย และพยักหน้าพูดว่า “แน่ใจสิ”
หลินเซียววิ่งไปยืนข้างสวี่อวิ้นจื้อด้วยความไม่พอใจ จากนั้นใช้มือชี้ไปที่หัวของเขาแล้วพูดว่า “แม่ดูสิครับ เขาจะมาเป็นพี่ชายของผมได้ไง ในเมื่อเขาเตี้ยขนาดนี้”
หลินฟานเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งไปสมทบพร้อมแสดงท่าทาง “แม่ครับ เขาสูงกว่าผมแค่นิดหน่อยเอง”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นแล้วโมโหมากๆ จนเข้าไปดึงหลินเซียวกับหลินฟานออกมา แล้วตำหนิว่า “อย่าทำกิริยาแบบนี้นะ”
จากนั้นเธอก็หันไปพูดกับหลินเซียวว่า “จื้อลี่ก็ตัวใหญ่กว่าลูก แถมยังสูงกว่าลูกไม่ใช่เหรอ”
หลินเซียวพูดว่า “นั่นมันไม่เหมือนกันนี่ครับ”
ขณะที่สองแม่ลูกกำลังเถียงกันอยู่นั้น สวี่อวิ้นจื้อก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า “ฉันอายุแปดขวบ แล้วนายอายุกี่ขวบ”
หลินเซียวตอบว่า “ฉันก็อายุแปดขวบ แล้วนายเกิดเดือนไหน”
สวี่อวิ้นจื้อตอบว่า “เดือนสิงหาคม”
หลินเซียวได้ยินแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา “นายเกิดเดือนสิงหาคม ส่วนฉันเกิดเดือนพฤษภาคม งั้นฉันเป็นพี่ชายของนาย”
“แม่ครับ ผมเป็นพี่ชายของเขา”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ตกลงๆ คงไม่ทำให้ลูกโกรธโดยเปล่าประโยชน์แล้วสินะ”
หลินเซียวพูดว่า “ใช่ครับ” พูดจบแล้วเขาก็เหลือบมองสวี่ซินเยว่ด้วยความผิดหวัง “น่าเสียดายจริงๆ”
สวี่ม่ายซุ่ยมองท่าทางของเขาแล้วพูดติดตลกว่า “จะไปแข่งเทียบด้วยไหมล่ะ?”
หลินเซียวตอบว่า “เทียบไม่ติดหรอกครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ถือว่าลูกยังรู้ตัวดีนะ”
หลังจากถูกสวี่ม่ายซุ่ยล้อเลียน หลินเซียวก็กลับมาเป็นเด็กที่พูดจาโผงผางเช่นเดิม “แม่ครับ แล้วพวกเขาจะจากไปเมื่อ…”ไหร่?
ก่อนที่คำถามจะจบลง สวี่ม่ายซุ่ยก็ยกมือปิดปากเขาทันท่วงที เธอแอบขยิบตาให้เขาและตอบเสียงดังลั่น “ไม่ไปไหนทั้งนั้น” จากนั้นเธอก็ก้มลงแล้วกระซิบข้างหูเขาว่า “แล้วแม่จะอธิบายให้ฟังทีหลังนะ”
หลินเซียวพูดว่า “งั้นก็ได้ครับ พวกเราจะกลับกันตอนไหนดี?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “กลับตอนนี้เลย พวกลูกสองคนไปเก็บของเถอะ”
หลินเซียวตอบรับ “ได้ครับ” จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในบ้านทันที
ตอนแรกแม่สวี่เอาของไปเก็บในบ้าน และเมื่อเดินออกมาก็ได้ยินว่าพวกเธอจะเดินทางกลับทันที จึงรีบพูดว่า “จะรีบไปไหนล่ะ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยกลับสิ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดด้วยท่าทางออดอ้อน “แม่คะ ฉันเหนื่อยแทบตายแล้ว ฉันแค่อยากกลับไปนอนตอนนี้เลย”
แม่สวี่พูดว่า “แล้วแกนอนที่นี่ไม่ได้เหรอ? ฉันห่อเกี๊ยวเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่ใส่ลงหม้อนึ่ง”
สวี่ม่ายซุ่ยลังเลครู่หนึ่งแล้วพูดแบบหมดหนทาง “งั้นก็ได้ค่ะ แม่รีบไปทำเถอะ”
แม่สวี่พูดว่า “ได้ๆ ฉันรู้แล้วน่า” พูดจบแล้วหล่อนก็เดินไปที่ห้องครัวทันที
หลินเจี้ยนเยี่ยมองสวี่อวิ้นเฮ่าในอ้อมแขนและส่งเขาให้สวี่ม่ายซุ่ย “คุณคอยดูเด็กๆ เถอะ ผมจะไปช่วยเอง”
สวี่ซินเยว่มองหลินเจี้ยนเยี่ยที่ตั้งท่าจะเดินไป หล่อนจึงรีบพูดเสียงเบาว่า “คุณอา ฉันไปด้วยค่ะ”
เมื่อหลินเจี้ยนเยี่ยเห็นว่าลูกทั้งสองมีท่าทีสงบมากขึ้นแล้ว จึงพยักหน้าพูดว่า “ได้”
สวี่อวิ้นจื้อเห็นดังนั้นก็ติดตามทั้งสองไปเงียบๆ จึงเหลือเพียงหลินเซียว หลินฟาน สวี่อวิ้นเฮ่าและสวี่ม่ายซุ่ยเท่านั้นที่เดินเข้าห้องหลัก
สวี่ม่ายซุ่ยยังอุ้มสวี่อวิ้นเฮ่าและนั่งลงที่เก้าอี้ จากนั้นเอนหลังพิงเก้าอี้เพื่อพักผ่อน
หลินฟานมองไปยังเด็กชายที่ตัวเล็กกว่าเขา จึงเข้ามาแกล้งอีกฝ่ายทันที โดยบีบหน้าสวี่อวิ้นเฮ่าแล้วถามว่า “แม่ครับ เขาอายุเท่าไหร่?”
สวี่ม่ายซุ่ยตีมือของเขาเบาๆ พลางเอ่ย “สองขวบ แต่อย่าบีบแก้มเขาแบบนั้น เดี๋ยวน้ำลายไหลเปื้อนมือหมด”
หลินฟานพูดว่า “เขาอายุน้อยกว่าผมมาก หมายความว่าผมเป็นพี่ชายเหรอครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบสั้นๆ “ใช่”
หลินฟานพูดต่อ “เขายังเดินไม่ได้เหรอ ทำไมเขาต้องให้แม่อุ้มตลอดล่ะครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “เดินได้สิ แต่เขากลัวคนแปลกหน้านิดหน่อย”
บางทีพวกเขาอาจจะกลัวคนกลุ่มนั้นจนติดเป็นนิสัย หรือไม่สวี่ซินเยว่กับสวี่อวิ้นเฮ่าต่างก็ขี้อายและดูอ่อนแอกันอยู่แล้ว
หลินฟานลองเสนอ “ให้เขาลงเดินหน่อยสิครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นหลินฟานกระตือรือร้นที่จะลอง เธอจึงอุ้มสวี่อวิ้นเฮ่าลงจากตักและวางเขาลงพื้น จากนั้นก็พูดกับหลินฟานว่า “ลูกจับเขาให้เดินเล่นในบ้านสักพักก็ได้นะ แต่ห้ามพาออกไปข้างนอกเด็ดขาด”
หลินฟานนึกอิจฉาคนที่มีน้องชายและน้องสาวตั้งนานแล้ว เขาจึงตอบรับด้วยความเชื่อฟัง “ครับ”
หลังจากที่พวกเขาเดินไปแล้ว หลินเซียวก็เข้ามาพูดว่า “แม่เล่าให้ผมฟังได้แล้วนะครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยเหลือบมองหลินเซียวและรู้ว่าเด็กชายคนนี้เป็นอัจฉริยะ เธอไม่อาจโกหกเขาได้แน่นอน จึงเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น
หลินเซียวพูดว่า “แบบนี้น่าสงสารเกินไปแล้วนะครับ แล้วพวกเขาไม่มีญาติเลยเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่มีเลย”
“เพราะฉะนั้นพวกลูกต้องทำดีกับพวกเขานะรู้ไหม ห้ามปล่อยให้คนอื่นรังแกพวกเขาเด็ดขาด”
หลินเซียวขมวดคิ้วและต่อรองเงื่อนไข “ผมปกป้องพวกเขาได้นะครับ แต่แม่ห้ามลำเอียงเด็ดขาด จะต้องให้พวกผมสองคนเป็นลูกคนสำคัญที่สุดของแม่ตลอดไป”
สวี่ม่ายซุ่ยหลุดหัวเราะออกมาทันที เธอคว้าหลินเซียวแล้วดึงเขาเข้ามาในอ้อมแขนพลางเอ่ย “แน่นอนอยู่แล้ว ก็ลูกเป็นลูกชายแท้ๆ ของแม่นะ”
หลินเซียวอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของสวี่ม่ายซุ่ยแล้วพูดด้วยความภาคภูมิ “ค่อยยังชั่วหน่อยครับ”
หลังจากเอาใจหลินเซียวแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็หมดแรงจริงๆ เธอจึงพูดกับหลินเซียวว่า “ลูกทั้งสองช่วยแม่ดูแลน้องชายหน่อยนะ อย่าปล่อยให้เขาหกล้มล่ะ”
หลินเซียวเชื่อฟังมาก “ไม่มีปัญหาครับ”
“อ้อแม่ครับ แล้วเขาชื่ออะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “สวี่อวิ้นเฮ่า”
“พวกลูกจะเรียกเขาว่าเฮ่าเฮ่าก็ได้”
หลินเซียวพูดว่า “สวี่อวิ้นเฮ่า แม่ครับ เขามีแซ่เดียวกับแม่เหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยพยักหน้า “ใช่ ลูกดูแลเขาในฐานะลูกพี่ลูกน้องได้นะ”
หลินเซียวได้ยินเช่นนี้ก็หันไปหาสวี่อวิ้นเฮ่าทันที และเรียกเขาว่า “เฮ่าเฮ่ามาหาพี่ชายหน่อย”
หลินฟานก็ไม่ได้แตกต่างจากหลินเซียวมากนัก ดังนั้นเด็กทั้งสองจึงไม่ชอบเอาใจหรือพูดหวานๆ กับน้องชาย
เนื่องจากพวกเขายังเด็กและไม่เคยเลี้ยงเด็กเหมือนกัน สวี่ม่ายซุ่ยจึงกังวลและไม่กล้ากลับไปนอนที่ห้อง ทำแค่นั่งหลับตาบนเก้าอี้แข็งๆ
ไม่นานหลังจากนั้น แม่สวี่ก็เดินเข้ามาพร้อมจานเกี๊ยวและใบหน้าแต้มด้วยรอยยิ้ม
“ม่ายซุ่ยอย่าเพิ่งหลับนะ ลุกขึ้นมากินเกี๊ยวก่อน”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็ลืมตาขึ้นทันที ลุกขึ้นด้วยความยากลำบากและไปช่วยจัดโต๊ะ
รอจนเธอจัดโต๊ะเสร็จ เกี๊ยวทั้งหมดก็มาวางบนโต๊ะแล้วเช่นกัน
แม่สวี่เรียกทุกคนขณะถอดผ้ากันเปื้อนออก “อย่ามัวแต่เกรงใจกันอยู่เลย รีบมานั่งแล้วกินเถอะ”
เมื่อเห็นว่ามีแค่แม่สวี่อยู่ที่บ้านคนเดียว สวี่ม่ายซุ่ยก็ถามด้วยความสงสัย “พ่อ พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ของฉันอยู่ไหนคะ?”
แม่สวี่ตอบว่า “พ่อและพวกพี่ใหญ่ไปช่วยงานที่บ้านอาของแกน่ะ ไม่ได้กลับมากินข้าวที่บ้าน”
สวี่ม่ายซุ่ยถามต่อ “แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ล่ะคะ?”
แม่สวี่ตอบว่า “พาลูกกลับไปบ้านพ่อแม่ของหล่อนน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วจึงมองแม่ด้วยความประหลาดใจ “ทุกคนไม่ได้อยู่บ้านแบบนี้ แล้วแม่ยังจะทำเกี๊ยวอีกเหรอคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ยังไงเซียวเซียวกับฟานฟานก็เป็นลูกที่รักของแม่อยู่แล้วน้า อย่าอิจฉาน้องๆ เลย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION