ตอนที่ 269 เก็บกวาดไม่เลี้ยง (TW: การสูญเสียอวัยวะ ฉากนองเลือด การประหารชีวิต)
พ่อแม่ของหลิวเหลยดีใจมากที่เห็นพวกเขามา และรีบพูดว่า “ทำไมพวกคุณมาที่นี่ทั้งที่ยุ่งมากล่ะ ทางนั้นงานเสร็จแล้วเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยอุ้มสวี่อวิ้นเฮ่าเอาไว้พลางเอ่ย “งานเสร็จหมดแล้วครับ เราวางแผนที่จะออกเดินทางเร็วๆ นี้ เลยมาเยี่ยมพวกคุณก่อน”
แม่หลิวเหลยถึงกับอุทาน “หา จะไปแล้วเหรอ ทำไมถึงรีบขนาดนี้ล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “เราลางานเพื่อมาที่นี่ และยังต้องกลับไปทำงานอีกน่ะค่ะ นอกจากนี้ปีใหม่ก็ใกล้เข้ามาแล้ว พวกลูกๆ ยังรออยู่ที่บ้านด้วย”
แม่หลิวเหลยพยักหน้าเข้าใจทันที “จริงสินะ พอมีลูกก็ต้องอยากกลับไปดูแลพวกเขาเป็นธรรมดา เข้าบ้านกันเถอะ ที่นี่หนาวเกินไป รีบเข้ามาคุยกันในบ้านดีกว่า”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็อุ้มเด็กชายเดินตามเข้าไปในบ้าน
คลื่นความร้อนปะทะกับใบหน้าในทันทีที่เข้ามาในห้องหลัก ทำให้สวี่ม่ายซุ่ยได้รับความอบอุ่นที่หายไปนานคืนมา
“ถ้าพวกคุณกลับไป จะทำยังไงกับเด็กสามคนนี้ล่ะ? ไม่งั้นก็ปล่อยไว้ที่นี่เถอะ แล้วฉันจะช่วยดูแลให้พวกคุณเอง” แม่หลิวเหลยมองไปที่เด็กสามคนซึ่งเดินตามสวี่ม่ายซุ่ยต้อยๆ แล้วถามด้วยความกังวล
ต้องพูดตามตรงว่าสวี่ม่ายซุ่ยยังไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย แต่ทั้งสามคนอยู่ที่นี่ไม่ได้เด็ดขาดหากไม่มีญาติ ประเด็นสำคัญคือพวกเขายังเด็กเกินไป
“ไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวพวกเราจะพาไปด้วย”
แม่หลิวเหลยพูดว่า “ที่บ้านพวกคุณมีลูกด้วย แล้วจะไม่ดูแลมากเกินไปเหรอ?”
ในความเป็นจริงแล้วสวี่ม่ายซุ่ยอยากจะส่งพวกเด็กๆ ไปให้ญาติ ถึงอย่างไรแล้วหลินเจี้ยนเยี่ยก็นับถือเป็นสหายพี่น้องกับพ่อพวกเขา เธอจึงพูดต่อหน้าเด็กๆ ไม่ได้ และทำได้เพียงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ ก็เหมือนการต้อนแกะตัวเดียวโดยมีแกะทั้งฝูงวิ่งตามไปด้วย มันไม่ได้แตกต่างกันเลย”
เมื่อเด็กๆ ได้ยินคำพูดของสวี่ม่ายซุ่ย ก็ทำให้สายตากังวลในตอนแรกพลันเป็นประกายสดใส ทั้งยังอดขยับเข้าใกล้สวี่ม่ายซุ่ยขึ้นอีกไม่ได้
ขณะที่สวี่ม่ายซุ่ยกำลังคุยกับแม่หลิวเหลยแบบไม่คิดมากอยู่นั้น หลินเจี้ยนเยี่ยที่เดินตามมากลับสังเกตเห็นทุกรายละเอียด
เมื่อเห็นว่าเธอได้ตัดสินใจแล้ว แม่หลิวเหลยจึงไม่พยายามโน้มน้าวอีก “เอาล่ะ ถ้าเด็กเหล่านี้ได้ติดตามพวกคุณก็นับว่ามีวาสนา”
“พวกคุณยังไม่ได้กินข้าวเลย เดี๋ยวฉันจะทำอาหาร พวกคุณกินข้าวแล้วค่อยกลับนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วรีบหยุดไว้ “คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณเพิ่งส่งอาหารให้พวกเราเมื่อบ่ายนี้เอง?”
แม่หลิวเหลยพูดว่า “นั่นไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันจะเชือดไก่มาตุ๋นให้พวกคุณกิน”
สวี่ม่ายซุ่ยรีบพูดว่า “ไม่ต้องค่ะๆ พวกเราต้องไปแล้วจริงๆ เพราะมันสายเกินไปแล้ว”
แม่หลิวเหลยพูดต่อ “คุณหนอคุณ จะต้องรีบขนาดนั้นเชียวเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยอธิบาย “เรายังมีสิ่งที่ต้องทำในเมืองอีก จึงเสียเวลาที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว” ขณะที่พูดเธอก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกจากกระเป๋าด้วย
“อาสะใภ้ คุณโปรดรับไว้เถอะค่ะ เพราะช่วงนี้ฉันรบกวนพวกคุณมากๆ และนี่เพียงน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉัน”
เมื่อแม่หลิวเหลยเห็นเงินที่สวี่ม่ายซุ่ยยื่นให้ หล่อนก็ปฏิเสธทันควัน “คุณทำอะไรอยู่เนี่ย คุณช่วยพวกเรามากขนาดนั้น แล้วพวกเราจะรับเงินของคุณได้อีกเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดต่อ “ขอบคุณก็คือขอบคุณ ยังไงคุณต้องเก็บเงินไว้นะ”
เมื่อพูดจบแล้วเธอก็อุ้มเด็กแล้ววิ่งออกไปข้างนอกทันที
แม่หลิวเหลยเห็นว่าคืนเงินให้เธอไม่ได้ จึงอยากจะคืนให้หลินเจี้ยนเยี่ย แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของหลินเจี้ยนเยี่ยแล้ว จึงหันหลังและไล่ตามสวี่ม่ายซุ่ยออกไป
“เฮ้ คุณเอาเงินนี้คืนไปเถอะ ฉันรับไว้ไม่ได้จริงๆ”
ทันใดนั้นสองพ่อลูกหลิวเหลยก็เดินกลับมาจากข้างนอก เมื่อพวกเขาเห็นพวกสวี่ม่ายซุ่ยมาที่บ้าน ก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
แม่หลิวเหลยพูดว่า “ทั้งสองคนรีบหยุดหล่อนเอาไว้เลย พวกเราแค่ช่วยเหลือตามสมควร แล้วจะรับเงินมากขนาดนี้จากหล่อนได้ไง”
หลิวเหลยได้ยินเช่นนี้ก็รีบกางแขนออกไปเพื่อหยุดสวี่ม่ายซุ่ยเอาไว้ “คุณให้เงินแม่ผมเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “แค่นิดหน่อยเอง”
หลิวเหลยไม่พอใจขึ้นมา “คุณกำลังดูถูกพวกเราเหรอ แม่รีบคืนเงินไปเลย พวกเราไม่ต้องการหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินเช่นนี้ก็ทำได้เพียงมองไปทางหลินเจี้ยนเยี่ยแบบหมดหนทาง
หลินเจี้ยนเยี่ยจึงก้าวเข้ามา “นอกเหนือจากขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของพวกคุณแล้ว ที่เราให้เงินนี่ยังมีจุดประสงค์อย่างอื่นอีก เพราะความจริงผมอยากขอให้พวกคุณช่วยดูแลสองคนนั้นบนภูเขาหน่อยน่ะครับ ช่วยไปเยี่ยมที่นั่นในช่วงเทศกาลด้วยเถอะ”
หลิวเหลยได้ยินแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมอบเงินให้แม่ตามเดิม “ถ้าเป็นเช่นนั้น แม่ก็เก็บมันไว้เถอะ”
หลังจากให้เงินแล้ว หลิวเหลยก็มองหลินเจี้ยนเยี่ยพลางเอ่ย “คุณมาคุยทางนี้หน่อย”
หลินเจี้ยนเยี่ยจึงเดินตามเขาไปจนไปหยุดยืนข้างๆ กัน
หลิวเหลยถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “พวกเขาจะถูกจัดการยังไง แล้วพวกเขาจะกลับมาอีกไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ผมจะเข้าเมืองเพื่อจัดการภายในวันนี้ อย่ากังวลเลยว่าพวกนั้นจะกลับมาอีก”
หลิวเหลยรู้สึกโล่งใจได้ก็คราวนี้ “งั้นผมจะไปส่งพวกคุณนะ”
หลังจากกล่าวคำอำลาต่อกันแล้ว คนกลุ่มหนึ่งก็ตรงไปที่เมือง และเนื่องจากเวลาค่ำเกินกว่าจะกลับแล้ว หลิวเหลยจึงได้พักในโรงแรมด้วย
สวี่ม่ายซุ่ยรออยู่ที่โรงแรมกับเด็กๆ ทั้งสาม ส่วนหลินเจี้ยนเยี่ยไปที่เรือนจำเพียงลำพังพร้อมกับสมุดบันทึก
เมื่อเขามาถึง พวกหลี่ต้าหย่งได้ถูกสอบสวนหลายรอบแล้ว จึงอยู่ในสภาพอ่อนกำลังเต็มที
ทันทีที่พวกเขาเห็นหลินเจี้ยนเยี่ยเดินเข้ามา หลี่ต้าหย่งก็หัวเราะน่ากลัวขึ้นมา “ที่แท้แกก็เป็นสหายรักของสวี่เวยนี่เอง”
“แล้วแกรู้ไหมว่ามันตายยังไง? มันถูกฉันแทงตายไงล่ะ”
“เฮอะๆๆ ไอ้นี่มันเป็นไอ้หน้าโง่จริงๆ นะ เพียงเพื่อจะปกป้องเมียตัวเอง มันถึงกล้าแทงฉันได้”
“แกไม่รู้หรอกว่านังนั่นสวยแค่ไหน พวกเราเฝ้ามองมานานแล้ว ในที่สุดก็สบโอกาสตอนที่มันไม่อยู่บ้าน แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ มันก็กลับมา และยังกล้าทำร้ายฉัน พวกฉันจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องทำต่อหน้ามัน ก็ใครใช้ให้เราอดทนนานขนาดนั้นล่ะ แกไม่รู้หรอกนังนั่นมันเด็ดดวงขนาดไหน ฉันเป็นคนแรกที่สนุกกับหล่อน จากนั้นก็เป็นพวกพ้องของฉันเอง”
“แล้วแกรู้ไหมว่าตอนที่พวกฉันกำลังสนุกกับหล่อน สวี่เวยทำอะไรอยู่? มันก็ทำได้แค่มองไงล่ะ”
“ดวงตาของมันเบิกโตอย่างกับไข่ห่าน เส้นเลือดบนคอของมันก็ปูดชัดเจน แต่น่าเสียดายที่มันทำได้แค่มองพวกฉันเท่านั้น”
“ตอนหลังมันก็แทงฉัน แล้วฉันจะปล่อยให้มันแทงฝ่ายเดียวได้ไง ฉันจึงต้องตอบแทนมัน และเอาคืนมันเป็นหลายเท่าตัว”
“ฉันผ่าท้องมันแล้วดึงไส้ออกมาให้มันดูเล่น ส่วนมันก็ทำได้แค่นอนมองเฉยๆ จนขาดใจตายไปเอง”
“ฮ่าๆ แค่นึกถึงก็สะใจแล้วโว้ย”
ในตอนที่เขาพูด หลินเจี้ยนเยี่ยก็ยืนฟังอยู่ข้างๆ อย่างเงียบงัน
หลังจากที่ฟังเขาพูดจบแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกนายที่อยู่ในห้องก็ยืนขึ้นแล้วเดินออกไปอย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อคนสุดท้ายกำลังจะออกไป หลินเจี้ยนเยี่ยก็ตบไหล่เขาแล้วถามว่า “มีบุหรี่ไหม?”
ชายคนนั้นจึงหยิบบุหรี่หนึ่งซองออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ทันที
หลินเจี้ยนเยี่ยดึงบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนแล้วจุดไฟ จากนั้นเขาก็ยืนพิงกำแพงและสูบบุหรี่จนหมดมวนด้วยท่าทางสบายๆ
แต่สีหน้าท่าทางของเขาทำให้หลี่ต้าหย่งหวาดกลัวมากจนแอบกลืนน้ำลายลงคอ มองเขาสูบบุหรี่จนหมดมวนแล้วขยี้ก้นของมันกับโต๊ะ
จากนั้นหลินเจี้ยนเยี่ยก็หยิบมีดพับออกจากกระเป๋าแล้วย่างสามขุมมาหาเขาทีละก้าว
หลี่ต้าหย่งหวาดผวาจนหน้าซีดเผือด ไม่มีเศษเสี้ยวของความลำพองตนเมื่อครู่นี้เหลือเลย
“แก แกจะทำอะไร”
“แกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ ฉันขอบอกแกไว้เลย ถ้าแกกล้าทำร้ายฉัน พ่อของฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่”
หลินเจี้ยนเยี่ยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเดินมาหยุดตรงเบื้องหน้าหลี่ต้าหย่งแล้วก็จัดการหักข้อมือทั้งสองข้างของเขาทิ้ง
ขาของหลี่ต้าหย่งพิการจากคืนก่อนแล้ว ในเวลานี้จึงทำได้เพียงปล่อยให้หลินเจี้ยนเยี่ยจัดการโดยง่ายดาย
เมื่อเห็นท่าทางหวาดผวาของอีกฝ่าย หลินเจี้ยนเยี่ยก็ตัดลิ้นน่ารังเกียจนั้นออกโดยไม่ลังเล ขณะที่มองท่าทางเจ็บปวดทุรนทุรายนั้นก็กระชากเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกด้วย
เขากระหน่ำแทงมีดลงไปบนท้องของหลี่ต้าหย่งและคว้านดึงลำไส้ทั้งขดออกมาให้เห็น เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำได้แค่อ้าปากพะงาบโดยที่พูดอะไรไม่ได้ เขาจึงยัดมันกลับใส่ช่องท้องด้วยใบหน้าเย็นชา
จากนั้นเขาก็แต่งตัวกลับให้อีกฝ่ายเป็นการปกปิดร่องรอยทารุณกรรมทั้งหมดและปล่อยให้นอนอยู่ตรงนั้น ก่อนเดินออกไปและไม่หันกลับมามองอีก ในไม่ช้าหลี่ต้าหย่งก็ขาดใจตาย
ทุกอวัยวะที่เขาใช้แตะต้องพี่สะใภ้ล้วนถูกทำลายทิ้ง เขาทำร้ายสหายพี่ชายอย่างไร หลินเจี้ยนเยี่ยก็สนองคืนตามนั้น
ที่เหลือคือการจัดการกับเหล่าสมุนพวกนั้น และเนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน ในคืนนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าหมู่ ซึ่งแน่นอนว่าเพชฌฆาตคือ ‘หลินเจี้ยนเยี่ย’
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เพิ่งเห็นพี่เยี่ยภาคโหดอำมหิตก็ตอนนี้แหละค่ะ นี่สิของแทร่
ใครอ่านตอนนี้จบไปล้างหน้าล้างตาได้นะคะ ฉากนี้มันโหดมากจริงๆ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION