ตอนที่ 259 เปลี่ยนตู้นอน
เดิมทีหญิงมีครรภ์ต้องการโน้มน้าวจนสวี่ม่ายซุ่ยยอมขายให้ จากนั้นหล่อนก็จะพูดเรื่องที่ห้ามซื้อขายในที่สาธารณะและขอเงินคืน แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่หลงกล
แต่กุ้งฝอยที่อีกฝ่ายห่อมานั้นมีกลิ่นหอมมากจนความตะกละในกระเพาะของหล่อนดิ้นพล่าน หลังจากลังเลอยู่นาน หล่อนก็กัดฟันแล้วพูดว่า “งั้นคุณคิดว่าทำแบบนี้ดีไหม ถ้าพวกเราไม่ซื้อขาย ก็มาแลกเปลี่ยนกันแทน”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็บังเกิดความสนใจขึ้นมาหน่อยๆ “โอ้~แล้วคุณจะแลกกับอะไรล่ะ?”
หญิงมีครรภ์พูดว่า “ซาลาเปา หมั่นโถว ซอสเต้าเจี้ยว คุณเลือกได้เลย ซาลาเปาของฉันไส้อัดแน่นไปด้วยเนื้อ ถ้าแลกกับเจียนปิ่งของคุณ ฉันจะขาดทุนแน่ๆ”
สวี่ม่ายซุ่ยเลิกคิ้วถาม “คุณแน่ใจเหรอว่าจะแลกเจียนปิ่ง?”
แม่เฒ่าที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วก็อดทนไม่ไหว “เธอหวังอะไรล่ะ ซาลาเปาของเราเป็นซาลาเปาไส้เนื้อ จะเอามาแลกกับเจียนปิ่งของเธอได้เหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ไม่ได้อยู่แล้ว ฉันก็ไม่อยากแลกด้วย ถ้าพวกคุณหิวก็ออกไปซื้อข้างนอกเถอะ ขึ้นรถไฟแล้วดันไม่พกของกินมาเอง มัวแต่จ้องมองอาหารของฉันอยู่ได้”
แม่เฒ่าพูดว่า “ซื้อก็ซื้อสิ แค่เศษกุ้งฝอย ไม่เห็นจะมีดีอะไร”
สวี่ม่ายซุ่ยก็ตอบแบบหมดความอดทน “ถ้างั้นก็รีบไปสิ”
ขณะที่แม่เฒ่ากำลังจะเดินออกไป นางก็ถูกหญิงมีครรภ์คว้าตัวไว้ “แม่หยุดพูดเถอะ ฉันไม่อยากกินของบนรถไฟ ฉันอยากจะกินแค่กุ้งฝอย”
“หลานชายคนโตของแม่อยากกินนะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่เฒ่าก็อดไม่ได้ที่จะบ่น “เธอก็รู้แต่วิธีหยิบยกหลานชายมาหลอกฉัน”
หญิงมีครรภ์แสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและมองสวี่ม่ายซุ่ยด้วยสีหน้าโหยหา “สหาย คุณลองพิจารณาดูก่อนเถอะ ฉันจะแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่คุณต้องการ”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่อยากจะแลกเปลี่ยน แต่เธอก็รู้ดีว่าหญิงมีครรภ์บางคนถ้าไม่ได้กินของที่อยากจะกินก็จะหงุดหงิดจนตายได้ เธอจึงลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “อืม ฉันไม่ต้องการของกินจากคุณ แล้วคุณมีคูปองอาหารทั่วประเทศไหม? ใช้สิ่งนั้นแทนได้”
แม่เฒ่าได้ยินข้อเสนอแล้วก็ชี้หน้าก่นด่าสวี่ม่ายซุ่ย “เธอไม่คิดว่ามากไปเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยยักไหล่ “ถ้าพวกคุณรู้สึกว่ามันไม่คุ้มก็จงลืมไปซะ”
หญิงมีครรภ์กัดฟันแล้วพูดว่า “ตกลง ฉันจะแลกกับคุณ” ขณะที่พูดเช่นนี้หล่อนก็หยิบคูปองอาหารมูลค่าสามชั่งออกจากกระเป๋า “พอไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ไม่พอ”
แม่เฒ่าเบิกตากว้างทันทีที่ได้ยิน และในจังหวะที่นางกำลังจะพูด ลูกสะใภ้ของตนก็หยิบคูปองอาหารมูลค่าห้าชั่งออกมาพลางเอ่ย “พอหรือยัง”
สวี่ม่ายซุ่ยพยักหน้า “ก็พอนะ กล่องอาหารของคุณอยู่ไหน ฉันจะแบ่งให้”
หญิงมีครรภ์ก็รีบหยิบกล่องอาหารแล้วยื่นให้สวี่ม่ายซุ่ยตักกุ้งฝอยใส่
เมื่อแม่เฒ่าเห็นว่าสวี่ม่ายซุ่ยให้กุ้งฝอยที่เหลือทั้งหมดในกล่องอาหาร สีหน้าของนางก็ดีขึ้นมาก แต่ปากก็ยังพึมพำเหน็บแนมว่าสวี่ม่ายซุ่ยเป็นคนใจดำ
สวี่ม่ายซุ่ยคิดว่า ถ้าเธอไม่ใจร้ายก่อน ฉันจะทำแบบนี้เหรอ?
จากนั้นสวี่ม่ายซุ่ยก็หยิบเจียนปิ่งสองแผ่นและต้นหอมสองต้นออกจากกระเป๋าแล้วมอบให้ด้วย
หญิงมีครรภ์รับไว้ด้วยความยินดี แต่เมื่อเห็นขนมไข่ที่โผล่ออกมาจากถุงของสวี่ม่ายซุ่ยครึ่งหนึ่ง หล่อนก็ถามด้วยความสงสัยว่า “สหาย นั่นอะไรเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หล่อนแล้วรีบดึงปิดกระเป๋าเป้สะพายหลัง “ไม่เห็นมีอะไรนี่”
หญิงมีครรภ์รู้สึกผิดหวัง แต่เมื่อถูกความตะกละในท้องกำลังร้องประท้วง หล่อนก็ไม่สนใจจะถามอีก และเริ่มกินทันที
แม่เฒ่าที่นั่งอยู่ข้างๆ เห็นว่าหล่อนกินด้วยความเอร็ดอร่อยก็อดกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้
“ดูน่าอร่อยมาก แบ่งให้ฉันชิมครึ่งหนึ่งสิ”
หญิงมีครรภ์ได้ยินแล้วก็ปฏิเสธทันที “แม่ ของก็มีอยู่แค่นี้เอง แม่จะแย่งหลานชายคนโตกินไม่ได้หรอกนะ เอาล่ะ แม่ก็กินซาลาเปาพวกนั้นไปเถอะ”
ใบหน้าของแม่เฒ่ามืดมน นางหยิบซาลาเปาที่วางข้างตัวขึ้นมาด้วยความโกรธ และก่นด่าว่าอีกฝ่ายไร้จิตสำนึก
ในตอนนี้หลินเจี้ยนเยี่ยที่อยู่บนเบาะชั้นบนก็ปีนลงมาข้างล่างแล้วพูดกับสวี่ม่ายซุ่ยว่า “ผมออกไปข้างนอกแปบนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยคิดว่าเขาจะไปเข้าห้องน้ำ จึงไม่ได้ถามมากความ
เมื่อหลินเจี้ยนเยี่ยกลับมาอีกครั้ง เธอก็เห็นเขาหยิบกระเป๋าสัมภาระทั้งของตัวเองและของเธอ “อีกเดี๋ยวเราก็จะลงจากรถไฟแล้ว รีบเก็บสัมภาระเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ยมองเขาด้วยความฉงน พวกเขาเพิ่งจะขึ้นรถไฟไม่ใช่เหรอ? จะรีบลงไปทำไมล่ะ หรือว่าจะต้องเปลี่ยนขบวน? แต่ถ้าจะนั่งไม่นานแบบนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วนอนเลย
สวี่ม่ายซุ่ยแอบบ่นในใจขณะเก็บข้าวของ จริงๆ แล้วไม่ต้องเก็บอะไรมากเพราะมีกระเป๋าแค่สองใบเท่านั้น เธอจึงสวมรองเท้าแล้วหิ้วทุกอย่างลงมา
สิ่งเดียวที่ลำบากคือต้องพับผ้าห่มซึ่งกระจัดกระจาย แต่เมื่อมีหลินเจี้ยนเยี่ยอยู่ด้วย เธอก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง
ทั้งสองพับผ้าห่มเสร็จแล้วจึงหิ้วสัมภาระออกไป สวี่ม่ายซุ่ยมองไปยังทิวทัศน์ก็เห็นว่ารถไฟยังวิ่งอยู่ เธอจึงพูดด้วยความเสียดาย “ฉันไม่คิดว่ารถไฟขบวนนี้จะถึงสถานีเร็วมาก ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ ฉันคงจะนั่งให้นานอีกหน่อย”
“เสียดายเงินค่าตั๋วนอนน่ะสิ”
เมื่อเห็นสีหน้าเศร้าหมองของสวี่ม่ายซุ่ยแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยจึงรีบอธิบายว่า “เรายังไม่ลงจากรถไฟหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ยถามว่า “ถ้ายังไม่ลงรถแล้วจะพาฉันออกมาทำไม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “แม่สามีกับลูกสะใภ้คู่นั้นวุ่นวายเกินไป พวกเราเปลี่ยนตู้นอนกันเถอะ”
ทันใดนั้นดวงตาของสวี่ม่ายซุ่ยก็เป็นประกาย “คุณนี่ยอดเยี่ยมเสมอจริงๆ แล้วคุณเปลี่ยนได้เหรอ?”
ต้องทราบก่อนว่านี่เป็นช่วงเดินทางของเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ตู้นอนบนรถไฟถูกจับจองทั้งหมด ซึ่งหลินเจี้ยนเยี่ยได้ตั๋วสองใบนี้โดยใช้เส้นสาย แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเปลี่ยนตู้นอนได้อย่างไร
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ใช้เงินน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดไม่ออก “…”
หลังจากที่ทั้งสองคนออกจากตู้นอนเดิมแล้ว ก็เดินย้อนกลับไปประมาณเจ็ดหรือแปดตู้นอน จึงมาถึงตู้นอนใหม่
ก่อนจะเดินเข้าไป สวี่ม่ายซุ่ยก็ดึงหลินเจี้ยนเยี่ยมาถามว่า “คุณเคยมาดูที่นี่ก่อนแล้วเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยส่ายหน้าพลางเอ่ย “ยังไม่เคย”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดต่อ “หวังว่าจะไม่เจอคนแปลกๆ อีกนะ”
พูดจบแล้วเธอก็เปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน
เสียงผลักเปิดประตูของคนทั้งสองอาจจะดังไปหน่อย จึงทำให้คนนอนหลับอยู่บนเบาะตกใจตื่น
สวี่ม่ายซุ่ยก็ตกใจเช่นกัน เพราะในตู้นอนใหม่นี้ก็มีหญิงตั้งครรภ์ด้วยอีกแล้ว
สวี่ม่ายซุ่ยนึกสงสัยทันทีว่าพวกตนไปก่อปัญหาไว้กับหญิงมีครรภ์หรือเปล่า ทำไมจึงเจอหญิงมีครรภ์มากขนาดนี้
แต่คราวนี้แตกต่างจากหญิงมีครรภ์ในตู้นอนเดิม เพราะหญิงมีครรภ์ในตู้นอนครั้งนี้มีรูปร่างผอมซูบจนน่าตกใจ และยังมีเด็กหญิงสองคนที่ผอมแห้งท่าทางมอมแมมนั่งอยู่ข้างๆ หล่อนด้วย
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของผู้หญิงคนนี้ สวี่ม่ายซุ่ยจึงเอ่ยขอโทษโดยอัตโนมัติ “ขอโทษด้วยจริงๆ ไม่ได้ทำให้พวกคุณกลัวใช่ไหม?”
หญิงคนนั้นส่ายหัวเบาๆ พลางเอ่ย “ไม่เลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น สวี่ม่ายซุ่ยก็เดินไปที่เบาะนอน ตามมาด้วยหลินเจี้ยนเยี่ยที่ตัวสูงและดูน่าเกรงขาม
หญิงคนนั้นได้เห็นเขาครั้งแรกแล้วก็เผลอหดคอลงโดยไม่รู้ตัว
สวี่ม่ายซุ่ย “…”
“โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่ก็เกิดเรื่องพิสดารขึ้นได้ หญิงท้องคนก่อนหน้านี้เย่อหยิ่งมาก แต่หญิงท้องคนนี้ขี้อายสุดๆ”
แต่เพื่อไม่ให้หญิงมีครรภ์คนนี้หวาดกลัว เมื่อหลินเจี้ยนเยี่ยเข้ามาในตู้นอนแล้วก็ปีนขึ้นเบาะนอนชั้นบนทันที
เขาปล่อยให้สวี่ม่ายซุ่ยเผชิญหน้ากับพวกหล่อนทางด้านล่าง และตั้งแต่หลินเจี้ยนเยี่ยขึ้นไปชั้นบนแล้ว สภาพของหญิงมีครรภ์ก็ดีขึ้นมากชนิดเห็นได้ชัด
สวี่ม่ายซุ่ยเก็บสัมภาระแล้วนั่งลงที่เบาะนอนพลางมองลูกๆ ของหล่อนที่กำลังจ้องมองมาด้วยตากลมโตและอยากรู้อยากเห็น เธอจึงถามด้วยความกระตือรือร้นว่า “พวกคุณจะไปไหนเหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นตอบเสียงแผ่ว “ไปตงเป่ย”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที “ช่างบังเอิญจริงๆ พวกฉันก็จะไปตงเป่ยเหมือนกัน”
“แล้วพวกคุณกำลังจะกลับบ้านเกิดหรือไปเยี่ยมญาติล่ะ?”
ผู้หญิงคนนั้นเห็นสวี่ม่ายซุ่ยยิ้มตลอดเวลาที่พูดคุย สีหน้าของหล่อนจึงผ่อนคลายลงมาก และตอบเบาๆ ว่า “ไปเยี่ยมญาติน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยถามต่อ “คุณพาพวกเขาไปคนเดียวเหรอ?”
หญิงคนนั้นพยักหน้า “ใช่”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จบ หมดปัญหาด้วยการเปลี่ยนที่นอน พี่เยี่ยนี่สุดยอดจริงๆ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION