ตอนที่ 254 รักหลานมากกว่าลูก
ทันทีที่หลินเซียวเห็นสวี่ม่ายซุ่ยเดินเข้ามา เขายิ่งมีความกระตือรือร้น รีบลุกขึ้นยืนบนเตียงแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า “แม่ครับ คืนนี้พวกเราทุกคนอยากนอนที่นี่ด้วยกัน”
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปที่กลุ่มเด็กๆ ซึ่งนั่งอัดแน่นกันอยู่บนเตียงแล้วต้องยิ้มแห้งออกมา แต่สุดท้ายก็ยังถามด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าพวกลูกนอนที่นี่ แล้วแม่จะนอนที่ไหนล่ะ?”
หลินเซียวนิ่งคิดสักพักแล้วตอบด้วยท่าทางจริงจัง “งั้นแม่ก็ไปนอนกับน้าเล็กสิครับ ยังไงเขาก็นอนคนเดียวอยู่แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยเดินขึ้นไปหาแล้วยกเขาขึ้นจากเตียงพลางเอ่ย “ลูกไม่รู้เหรอว่าผู้ชายกับผู้หญิงห้ามใกล้ชิดกัน? ทำไมลูกไม่ไปนอนกับน้าเล็กแทนล่ะ?”
ดวงตาของหลินเซียวเป็นประกายขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว พวกเราไปนอนกับน้าเล็กได้นี่นา”
“หลินฟาน สวี่จวิ้น หลิวไซว่ พวกเราไปกันเถอะ”
ทันทีที่เขาพูดจบ พวกเด็กๆ ทั้งหลายก็รีบลุกออกจากเตียงแล้ววิ่งออกไปข้างนอกโดยมีสวี่ม่ายซุ่ยเดินตามหลังไปด้วย เมื่อเห็นว่าพวกเขาเข้าไปในห้องของสวี่ม่ายเฉิงทีละคนจนครบหมดแล้ว เธอก็ปิดประตูห้องด้วยความวางใจและเข้านอน
เช้าวันรุ่งขึ้น สวี่ม่ายซุ่ยก็ถูกสวี่ม่ายเฉิงผู้มีใต้ตาคล้ำจ้องมองพร้อมสีหน้าไม่พอใจ สวี่ม่ายซุ่ยมองเขาด้วยความรังเกียจและพูดว่า “มองอะไรมิทราบ?”
สวี่ม่ายเฉิงพูดว่า “พี่ ก็พี่นั่นแหละทำผมเป็นแบบนี้ พี่รู้ไหมว่าพวกเขาสร้างความวุ่นวายแค่ไหน?”
สวี่ม่ายซุ่ยแปรงฟันพลางตอบอย่างไม่เกรงใจ “ฉันต้องรู้อยู่แล้วสิ เพราะฉันรู้ถึงได้ไล่พวกเขาให้ไปนอนที่ห้องนายไงล่ะ”
สวี่ม่ายเฉิงได้ยินแล้วถึงขั้นยกนิ้วหัวแม่มือให้สวี่ม่ายซุ่ย “ช่างสมกับเป็นพี่สาวของผมจริงๆ เวลาแกล้งผมน่ะไม่มีความปรานีเลยสักนิด”
สวี่ม่ายซุ่ยบ้วนน้ำออกจากปากแล้วตอบเยือกเย็น “ทำไมฉันจะต้องปรานีนายด้วยล่ะ”
เดิมทีสวี่ม่ายเฉิงอยากจะเดินเข้าบ้าน แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว เขาจึงหยุดฝีเท้าและหันมาจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจ “พี่ดูรอยคล้ำใต้ตาของผมสิ ดูสภาพรูขุมขนของผมแล้วดูผิวหน้าของผมนี่สิ”
สวี่ม่ายซุ่ยแปรงฟันเสร็จแล้วจึงเทน้ำในอ่างทิ้ง ใช้ศอกกระแทกสวี่ม่ายเฉิงออกไปให้พ้นทาง “หลีกไป หลีกไป ออกไปให้พ้นทาง”
จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปในครัวโดยไม่หันกลับมามองอีก
“แม่ครับ เช้านี้กินอะไรดี”
สวี่ม่ายเถียนซึ่งกำลังซ่อมเครื่องมือสำหรับทำนาอยู่ด้านข้าง ก็อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นสภาพทรุดโทรมของสวี่ม่ายเฉิง และเมื่อสวี่ม่ายเฉิงได้ยินเสียงหัวเราะก็หันมาบ่นทันที “พี่ใหญ่ ทำไมแม่ไม่คลอดผมออกมาให้เร็วกว่านี้นะ ผมเป็นลูกคนสุดท้องแล้วถูกรังแกทุกวันเลย”
สวี่ม่ายเถียนพูดว่า “เรื่องนี้นายต้องถามแม่ เพราะฉันก็ไม่รู้หรอก”
สวี่ม่ายซุ่ยเดินเข้าห้องครัวและเห็นว่าแม่สวี่เตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอจึงเก็บอุปกรณ์แปรงฟันเข้าที่แล้วเดินตรงไปที่ห้องของสวี่ม่ายเฉิง เธอเห็นพวกเด็กๆ นอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางยุ่งเหยิง ขาของคนหนึ่งพาดอยู่กับขาของอีกคน ขาของคนนั้นไปพาดอยู่บนพุงของอีกคน ยกเว้นหลิวไซว่กับหลินฟานแล้วก็ไม่มีใครนอนด้วยท่าทางปกติเลย
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นแล้วไม่ได้แสดงความเมตตา เธอเข้าไปตบบั้นท้ายของแต่ละคนพลางปลุกว่า “ตื่นได้แล้วตื่นๆ ได้เวลากินข้าวแล้วนะ”
จากนั้นพวกเด็กๆ ก็ลืมตาขึ้นและมองสวี่ม่ายซุ่ยด้วยความง่วงงุน “ถึงเวลากินข้าวแล้วเหรอครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ใช่น่ะสิ”
เมื่อทุกคนนั่งลงและพร้อมที่จะกินข้าว ก็มีเพียงหลินเซียวที่ยังอยู่ในห้องน้ำ แม่สวี่เห็นแบบนี้แล้วก็ถามด้วยความกังวล “ม่ายซุ่ย ทำไมแกไม่ไปตะโกนเรียกล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบด้วยความไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องหรอกค่ะ”
รออีกสักพักหลินเซียวก็รีบออกจากห้องน้ำ แต่พอวิ่งมาถึงประตูแล้วก็เพิ่งนึกขึ้นได้ เขาจึงรีบกลับไปล้างมือแล้วค่อยมานั่งกินข้าว
แม่สวี่เห็นเขาแล้วจึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “หลานกลัวแม่มากเหรอไง?”
หลินเซียวตอบว่า “ไม่ใช่ว่ากลัว ผมยอมให้เองต่างหากล่ะครับ”
เนื่องจากเป็นช่วงทำงานเกษตรกรรมที่ยุ่งวุ่นวาย สวี่ม่ายซุ่ยจึงต้องพาหลินเซียวหลินฟานกลับไปหลังจากกินข้าวเสร็จ แต่ไม่คาดคิดว่าเด็กสองคนนี้จะยืนกรานอย่างดื้อรั้นว่าต้องการอยู่เล่นที่นี่ต่อ เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่ยอมกลับบ้าน
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ลูกสองคนจะไม่กลับเหรอ?”
หลินเซียวยังคงมั่นใจ “ไม่กลับครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยหรี่ตาลงและกำลังจะยื่นมือไปบิดหูของเขา แต่เขารีบไปซ่อนอยู่ข้างหลังแม่สวี่ได้ก่อน แม่สวี่เห็นดังนั้นก็รีบปกป้องเขาไว้พลางเอ่ย “ถ้าเขาอยากอยู่ต่อ ก็ปล่อยให้เขาอยู่อีกสองสามวันเถอะ แกกลับไปคนเดียวได้เลย”
สวี่ม่ายซุ่ยหมดคำจะพูด “…”
“แม่จะตามใจเขาเกินไปแล้วนะคะ”
แม่สวี่พูดว่า “เมื่อก่อนฉันก็เคยตามใจแกแบบนี้แหละ”
สวี่ม่ายซุ่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเตือนเรื่องพฤติกรรมกับพวกเขาก่อนจะกลับบ้านไป เมื่อมาถึงบ้านแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็ถามเธอด้วยความสงสัย ซึ่งสวี่ม่ายซุ่ยก็บ่นให้หลินเจี้ยนเยี่ยฟังตามตรง
หลินเจี้ยนเยี่ยมีทัศนคติที่ดีต่อเรื่องนี้มาก “คุณก็เห็นว่าพวกเขาอยู่บ้านทุกวันแล้วมีแต่ความวุ่นวายไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เป็นเวลาที่คุณจะได้พักบ้าง”
สวี่ม่ายซุ่ย “…”
บังเอิญว่าช่วงนี้หลินเจี้ยนจวินเดินทางไปทำงานต่างถิ่น ที่บ้านจึงเหลือแค่พวกเธอสองคน นับว่าเป็นเรื่องยากที่ทั้งสองจะได้มีเวลาอยู่ในโลกของกันและกันแบบนี้
แต่ในอีกไม่กี่วันพวกหลินเซียวก็จะเปิดเทอมแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็ทำได้แค่กลับไปรับพวกเขาเท่านั้น ซึ่งคราวนี้เด็กทั้งสองคนไม่ขัดขืนและเดินตามเธอกลับบ้านด้วยความเชื่อฟัง
ระหว่างทางกลับบ้าน อยู่ๆ หลินเซียวก็หันไปถามสวี่ม่ายซุ่ยว่า “แม่ครับ ช่วงนี้ที่พวกผมไม่ได้กลับบ้าน พ่อกับแม่เป็นยังไงบ้าง?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “ดีมากๆ เลยล่ะ ได้กินอิ่ม นอนหลับสบาย แล้วพวกเราก็ได้กินไก่ตัวใหญ่โดยไม่มีพวกลูกมาแย่งด้วยนะ”
หลินเซียวทำหน้ามุ่ย สวี่ม่ายซุ่ยจึงแสร้งถามด้วยความไม่รู้ “ทำไมลูกทำหน้าแบบนั้นล่ะ?”
หลินฟานที่อยู่ข้างๆ ก็ตอบว่า “พวกเรารู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอกไงครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยย้อนถาม “ถูกหลอกยังไง?”
หลินฟานตอบว่า “ก็ตกหลุมพรางของพ่อไงครับ พ่อนั่นแหละที่บอกไม่ให้พวกเรากลับพร้อมแม่”
สวี่ม่ายซุ่ยตกใจมาก “พ่อบอกไม่ให้พวกลูกกลับบ้านเหรอ?”
หลินฟานพูดว่า “ใช่ครับ พ่อบอกว่าได้เจอพวกเราทุกวันแล้วทำให้แม่เหนื่อยมาก จึงอยากให้แม่ได้พักผ่อนอยู่บ้านสักสองสามวัน แต่แม่ดูไม่เหนื่อยเลย”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ใครว่าล่ะ แม่เหนื่อยมากจริงๆ”
เมื่อกลับถึงบ้านแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยแทบรอไม่ไหวที่จะถามหลินเจี้ยนเยี่ยเมื่อเขาเลิกงานกลับมาว่า “คุณเป็นคนวางแผนไม่ให้หลินเซียวหลินฟานกลับมาเองเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดด้วยท่าทางมีความผิดติดตัว “ทั้งสองคนพูดแบบนั้นเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “สารภาพหมดแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยยกมือจับเอวของสวี่ม่ายซุ่ยเบาๆ แล้วพูดว่า “ผมทำลงไปเพราะอยากให้คุณพักผ่อนบ้าง”
สวี่ม่ายซุ่ยถลึงตามองเขาด้วยความโกรธ “แล้วฉันได้พักผ่อนไหมล่ะ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยทำให้เธอแทบจะเป็นบ้าในทุกวันที่ผ่านมานี้ เขาบังคับให้เธอนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน และเธอรู้สึกเหนื่อยมากกว่าตอนที่ลูกๆ อยู่บ้านเสียอีก
หลังจากการทำงานในทุ่งนาที่แสนวุ่นวายผ่านไป วันเวลาหลังจากนั้นก็ผ่อนคลายมากขึ้น พวกหลี่ต้านีจึงใช้ประโยชน์จากเวลาว่างนี้ เชิญครอบครัวของพวกเธอมากินข้าว เพราะเดิมทีอยากทำช่วงปีใหม่ แต่ก็ล่าช้าเพราะหิมะตกหนักซึ่งกินเวลาไปนานมาก
นอกจากเชิญพวกเธอแล้ว หลี่ต้านียังเชิญสหายที่ใกล้ชิดกันอีกหลายคนมาด้วย หนึ่งในนั้นคือภรรยาของหัวหน้าซุน และทันทีที่พี่สะใภ้ซุนเดินเข้ามาและเห็นสวี่ม่ายซุ่ยกำลังช่วยทำอาหารอยู่ หล่อนก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมเธอมาทำอาหารด้วยล่ะ?”
หลี่ต้านีก็ตอบตามตรงโดยไม่รู้สึกเขินอาย “เธอทำอาหารอร่อยไง”
พี่สะใภ้ซุนพูดว่า “วันนี้เป็นลาภปากของฉันแล้วล่ะ เพราะฉันได้กลิ่นหอมจากบ้านเธอทุกวัน ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้กินแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มและพูดว่า “อีกเดี๋ยวคุณก็จะได้ชิมแล้วล่ะ”
พี่สะใภ้ซุนพูด “ดีเลย” เมื่อพูดจบแล้วหล่อนก็มองเข้าไปในบ้าน ซึ่งหลังจากมองไปรอบๆ หล่อนก็ดึงหลี่ต้านีมาถามว่า “ทำไมไม่เห็นครอบครัวของหัวหน้าเฉินเลยล่ะ?”
คนที่มาในวันนี้ต่างก็อยู่ในระดับเดียวกับพวกหล่อนทั้งนั้น และหลี่ต้านีก็พูดโดยไม่ปิดบังว่า “ฉันไม่ได้เชิญพวกเขาน่ะ”
“ถ้าเชิญครอบครัวของพวกเขามาจริงๆ แล้วพวกเราจะได้กินไหมล่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สรุปว่าที่ไม่ให้เด็กๆ กลับบ้านนี่เป็นแผนของพี่เยี่ยเหรอเนี่ย ร้ายกาจ
ดีแล้วค่ะที่ไม่เชิญครอบครัวนั้น
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION