ตอนที่ 249 ไม่สำนึกเสียใจ
เนื่องจากช่วงอยู่เดือนดำเนินไปได้ด้วยดี ผิวพรรณของสวี่ม่ายลี่จึงดูเปล่งปลั่ง และรูปร่างโดยรวมก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้นมากเช่นกัน
หลังจากที่หลิวเจาตี้ช่วยทำอาหารเช้าเสร็จแล้ว หล่อนก็มองไปที่สวี่ม่ายลี่และพูดประชดว่า “คนอื่นอยู่เดือนแล้วผอม มีแค่เธอนี่แหละที่อยู่เดือนแล้วอ้วนขึ้น”
ตอนนี้สวี่ม่ายลี่กำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่พอดี หล่อนอุ้มลูกแล้วตอบด้วยความใจเย็น “เพราะว่าฉันสบายใจขึ้น ก็ต้องอ้วนขึ้นสิ”
หลิวเจาตี้เดินเข้ามาใกล้และพูดกับสวี่ม่ายลี่ว่า “ส่งหลานมาให้ฉัน แล้วเธอไปกินข้าวก่อนเถอะ”
ในช่วงเวลาของการอยู่เดือน หลิวเจาตี้จะเข้ามาในตอนเช้าเพื่อทำอาหารเช้าและช่วยดูแลลูก ทำให้ความไม่พอใจของสวี่ม่ายลี่ที่มีต่อหล่อนได้หายไปนานแล้ว
“ไม่ต้องหรอก ฉันออกเดือนแล้ว ไม่ต้องห่วงมากขนาดนั้น พี่ไปกินก่อนเถอะ”
หลิวเจาตี้เบะปากแล้วอุ้มเด็กไว้ด้วยท่าทางยืนหยัดมั่นใจ “ใครเป็นห่วงเธอมิทราบ ฉันแค่กลัวว่าเธอจะกินอาหารเย็นๆ แล้วพลอยทำให้หลานของเราท้องเสียต่างหาก”
สวี่ม่ายลี่ได้ยินแล้วก็ไม่ปฏิเสธอีก ไปนั่งลงที่โต๊ะและเริ่มกินข้าวเช้าอย่างเชื่อฟัง
หลิวเจาตี้อุ้มหลานและหยอกเล่นอีกสักพัก จากนั้นค่อยวางเขาลงบนเตียงด้วยความระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าเขาหลับไปแล้วจึงพูดว่า “เธอป้อนเขาด้วยนะ ฉันจะไปแล้ว”
สวี่ม่ายลี่ได้ยินแล้วก็รีบพูดว่า “พี่จะไม่กินก่อนเหรอ?”
หลิวเจาตี้โบกมือพลางเอ่ย “งานที่ทุ่งนายุ่งมากจนฉันไม่มีเวลากินข้าวด้วยซ้ำ”
สวี่ม่ายลี่จึงค่อยๆ กินข้าวและผ่อนคลายกับช่วงเวลาของตัวเอง เมื่อเห็นว่าลูกไม่มีทีท่าว่าจะตื่น หล่อนจึงไปที่ห้องครัวเพื่อตักน้ำมาสระผม
พวกหล่อนมีธรรมเนียมอยู่ว่าในช่วงอยู่เดือนห้ามสระผม ห้ามอาบน้ำ อย่าโดนน้ำเย็นและอย่าโดนลม
หลังจากอดทนมาได้หนึ่งเดือนเต็มๆ ในที่สุดสวี่ม่ายลี่ก็หมดความอดทน เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วก็วิ่งไปสระผมแทบไม่ทัน
ตอนนี้หล่อนไม่ต้องทำงานหรือดูแลงานบ้านแล้ว เพราะมีคนช่วยทำอาหารสามมื้อต่อวัน ส่วนลูกก็ยังเล็ก ไม่จำเป็นต้องอุ้มตลอดเวลา ไม่ต้องพูดถึงว่าจะสบายแค่ไหนเลย
หล่อนอยู่ที่นี่แล้วรู้สึกสบายใจมาก ต่างจากแม่เฒ่าหลิวที่เกือบตายจากความเหนื่อยล้า เป็นเพราะสวี่ม่ายลี่ไม่อยู่ งานของครอบครัวจึงตกอยู่ในความรับผิดชอบของแม่เฒ่าหลิวกับหลิวเผิงไปโดยปริยาย
โชคดีที่แม้ว่าหลิวเผิงจะขาเป๋ แต่เขาก็ยังไปช่วยงานในนาทุกปี ทำให้ทางกลุ่มได้เตรียมงานเบาๆ ง่ายๆ ไว้ให้ เขาจึงปรับตัวได้เร็วมาก
แต่คนที่ทนทุกข์ทรมานมากที่สุดคือแม่เฒ่าหลิว เนื่องจากเมื่อก่อนสวี่ม่ายลี่ต้องการแต้มทำงานมากขึ้น จึงได้รับงานที่เหนื่อยและสกปรกที่สุด แต่แต้มทำงานจะอยู่ในระดับสูง
และหัวหน้าใหญ่ไม่ได้ทราบเรื่องในครอบครัวของหล่อน เขาจึงจัดสรรงานให้ตามปกติ ซึ่งงานดังกล่าวจัดให้สวี่ม่ายลี่ ทว่าตอนนี้สวี่ม่ายลี่ไม่อยู่ งานทั้งหมดย่อมตกไปเป็นของแม่เฒ่าหลิว
แน่นอนว่าแม่เฒ่าหลิวไม่สามารถทำงานให้เสร็จได้ หากหลิวเผิงมาช่วยสักสองสามวันก็คงจะดี แต่ตอนนี้หลิวเผิงร่างกายไม่สมบูรณ์ จึงมาช่วยนางไม่ได้ ทำให้แม่เฒ่าหลิวทนไม่ไหวแล้ว และรู้สึกวิงเวียนศีรษะมาก
ในที่สุดนางก็ได้แต่นั่งลงบนพื้น และเมื่อหัวหน้ากลุ่มที่ดูแลพื้นที่หันมาเห็นนางนั่งลง ก็ตะโกนทันที “แม่หลิวเผิง คุณนั่งลงทำไม รีบลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ นี่เป็นฤดูกาลทำนา งานยุ่งขนาดนี้ ห้ามขี้เกียจเด็ดขาด”
เมื่อแม่หลิวเผิงเห็นทุกคนจับจ้องมาทางตน ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็แดงก่ำด้วยความอับอาย ทำได้เพียงรวบรวมกำลังแล้วยืนขึ้น แต่ลุกขึ้นยืนได้ไม่นานก็เป็นลมล้มพับลงไปทันที
ทันใดนั้นผู้คนรอบตัวก็ตื่นตระหนกและตะโกนเรียก “แม่หลิวเผิง แม่หลิวเผิง”
เมื่อแม่เฒ่าหลิวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นตัวเองนอนอยู่บนเตียงโดยมีลูกชายนั่งถอนหายใจอยู่ข้างๆ
“ฉันกลับมาได้ไง?”
หลิวเผิงตอบว่า “พอแม่เป็นลมไปแล้ว หัวหน้าใหญ่ก็บอกให้คนอุ้มแม่มาส่งน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น แม่เฒ่าหลิวก็น้ำตาไหลออกมา “อาเผิง วันนี้ภรรยาของแกออกเดือนแล้วใช่ไหม?”
หลิวเผิงพึมพำตอบว่า ใช่ เบาๆ
แม่หลิวเผิงพูดว่า “ในเมื่อการอยู่เดือนเสร็จสิ้นแล้ว แกก็ไปรับหล่อนกลับมาเถอะ ครอบครัวใหญ่ของเราถ้าไม่มีหล่อนก็อยู่ไม่ไหวหรอก”
หลิวเผิงได้ยินเช่นนี้ก็ยกมือทึ้งผมด้วยความหงุดหงิด “ตอนที่หล่อนอยู่เดือน แม่ก็ห้ามไม่ให้ไปรับหล่อนมาเอง ตอนนี้หล่อนเพิ่งอยู่เดือนเสร็จก็จะให้ไปรับกลับมา แม่ยายผมไม่ยอมปล่อยหล่อนมาหรอก”
แม่เฒ่าหลิวได้ยินแล้วก็โมโหขึ้นมา “แกโง่เหรอ ภรรยาของแกต่างหากที่จะตัดสินใจว่ามาหรือไม่มา พวกนั้นไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจ
ตอนนั้นหล่อนไม่ยอมให้แกแต่งกับลูกสาว แต่สุดท้ายแกก็ได้แต่งงานเพราะม่ายลี่ยืนกรานไม่ใช่เหรอ
แกไปที่นั่นและเกลี้ยกล่อมเมียแกดีๆ ซะ ถ้าหล่อนเห็นความจริงใจของแก ยังไงหล่อนก็จะกลับมาแน่นอน”
หลิวเผิงลังเลอยู่นานแล้วพูดว่า “ก็ได้ ผมจะลองดู”
พูดจบแล้วหลิวเผิงก็ออกไปทันที ตอนนี้ภรรยาของตนพักอยู่ที่บ้านแม่ยายเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว แต่เขาไม่ได้คิดว่าต้องเอาอะไรติดไม้ติดมือไปด้วยและทำแค่เดินไปมือเปล่าเท่านั้น
สวี่ม่ายลี่สระผมเสร็จแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งซักเสื้อผ้าอยู่ในลานบ้าน แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังจากข้างนอก
สวี่ม่ายลี่คิดว่าเป็นสวี่ม่ายซุ่ยมาเยือน จึงรีบลุกขึ้นแล้วไปเปิดประตู แต่เมื่อเปิดประตูออกก็เห็นว่าเป็นหลิวเผิง หล่อนก็รีบปิดประตูทันที
เมื่อหลิวเผิงเห็นดังนั้น เขาก็รีบเอื้อมมือออกไปและกั้นประตูเอาไว้ “ม่ายลี่ คุณเป็นอะไรไหม?”
สวี่ม่ายลี่ไม่ใช่ผู้หญิงที่พอใจกับนิสัยเขาแบบไม่ลืมหูลืมตาอีกต่อไป เมื่อได้ยินแล้วหล่อนก็แค่นเสียงเย้ยหยันและถามด้วยความเย็นชา “คุณมาทำไม?”
หลิวเผิงตอบว่า “ผมมารับคุณกลับไง”
คราวนี้สวี่ม่ายลี่ไม่ได้ปิดประตู แต่เปิดมันออกแล้วมองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน “กลับไปเหรอ? จะให้กลับไปไหน?”
หลิวเผิง “แน่นอนว่าต้องกลับบ้านเราไง คุณอยู่นี่นานๆ มันไม่ดีหรอกนะ”
สวี่ม่ายลี่พูดว่า “ตอนที่ฉันอยู่เดือนทำไมคุณไม่บอกว่ามันไม่ดี ตอนนี้ฉันอยู่เดือนเสร็จแล้วมาพูดแบบนี้ทำไม?”
หลิวเผิงทำดวงตาใสซื่อ “ตอนนั้นงานยุ่งมากไม่ใช่เหรอ แม่กลัวว่าคุณกลับไปแล้วจะเหนื่อย เลยไม่ให้ผมมารับคุณกลับน่ะ”
สวี่ม่ายลี่หัวเราะเยาะ “หลิวเผิง คุณคิดว่าฉันเป็นคนโง่เหรอ คุณคิดว่าฉันแยกความแตกต่างระหว่างยุ่งการอยู่เดือนกับยุ่งเรื่องงานในหมู่บ้านไม่ได้เหรอไง
คุณไม่ได้อยากให้ฉันกลับไปทำงานของครอบครัวแทนคุณเหรอ? งั้นฉันจะบอกคุณเลยนะว่าฝันไปเถอะ”
หลิวเผิงได้ยินแบบนี้แล้วเริ่มกังวลขึ้นมา “คุณคิดแบบนี้ได้ไง พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน และคุณก็รู้ว่าแม่มีสุขภาพไม่ดี”
สวี่ม่ายลี่พูดว่า “แล้วเคยสนใจกันบ้างไหมล่ะว่าฉันจะเป็นยังไง?”
หลิวเผิงเห็นว่าสวี่ม่ายลี่ไม่ชอบให้ใช้ไม้อ่อน เขาจึงขมวดคิ้วพูดว่า “สวี่ม่ายลี่ คุณหมายความว่าไง คุณจะไม่กลับไปเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเขาเริ่มแสดงท่าทางต่อเธอเหมือนเมื่อก่อน สวี่ม่ายลี่จึงพยักหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ใช่ ฉันแค่ไม่อยากกลับไปแล้ว ฉันอยากจะหย่ากับคุณ”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้แล้ว หลิวเผิงก็กำหมัดทันที เขาจ้องหน้าหล่อนและพูดด้วยความดุดัน “คุณฝันอยู่เหรอ นับตั้งแต่คุณแต่งงานกับผม คุณก็กลายเป็นคนในบ้านเรา ต่อให้ตายไปก็เป็นวิญญาณของตระกูลเรา และชั่วชีวิตนี้ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไป
อย่าคิดว่าหลังจากตัวเองมีวันดีๆ แค่ไม่กี่วันแล้วจะลืมว่าตัวเองเป็นใครนะ ในเมื่อคุณแต่งงานกับผม ก็หมายความว่าคุณได้กลายเป็นสมาชิกในครอบครัวของผมแล้ว รีบกลับบ้านพร้อมผมเถอะ”
สวี่ม่ายลี่พูดว่า “คุณฝันไปเถอะ”
หลิวเผิงมองสวี่ม่ายลี่แล้วผลักหล่อนออกให้พ้นทาง จากนั้นก็เดินเข้าไปในบ้าน “ยังไงวันนี้คุณก็ต้องกลับ แม้ไม่อยากกลับก็ต้องกลับ
คุณดูสิว่ามีผู้หญิงคนไหนเป็นเหมือนคุณบ้าง บอกว่าจะกลับไปบ้านพ่อแม่เมื่อไรก็กลับ หายมาอยู่บ้านพ่อแม่หลายวันแล้ว คุณเคยคิดถึงลูกๆ บ้างไหม?”
สวี่ม่ายลี่เถียงว่า “คุณไม่จำเป็นต้องพล่ามเรื่องนี้กับฉันหรอก พวกเขาล้วนสันดานเสียเพราะแม่คุณสอน ฉันไม่มีสิทธิ์จะสั่งสอนพวกเขาเลย
คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ คุณแค่อยากให้ฉันกลับไปปรนนิบัติรับใช้แม่คุณเหมือนเดิมต่างหาก คุณฝันไปเถอะ ต่อให้ฉันตายก็จะไม่มีวันกลับไปเด็ดขาด”
หลิวเผิงรีบเข้าไปในบ้านแล้วอุ้มเด็กบนเตียงขึ้นมา จากนั้นพูดเสียงแข็ง “วันนี้คุณต้องกลับไป ต่อให้คุณตายก็ต้องกลับ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทีตอนนี้มาอ้อนวอนแกมขู่กรรโชกให้กลับไป ม่ายลี่ไปเรียกพี่น้องผู้ชายมารุมกระทืบสามีขยะนี่ทีซิ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION