ตอนที่ 238 พูดจาเหลวไหล
“อ้อ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ฉันลืมบอกแก คือภรรยาของหัวหน้าหลินไม่รับเงิน โดยบอกว่าเป็นน้องชายของหล่อนที่มายืมรองเท้าให้แกใส่ ช่วงนี้หล่อนจะไม่เข้าเมือง แต่ว่าน้องชายของหล่อนมักจะมาบ่อยๆ เพราะงั้นเราจ่ายเงินให้เขาได้เลย”
เฉินซินอี๋มองเงินที่แม่ยื่นให้แล้วทำหน้าบูดบึ้งด้วยความไม่พอใจ “ฉันไม่รู้ชื่อของเขาด้วยซ้ำ แล้วจะให้เขายังไงล่ะคะ”
แม่เฉินพูดว่า “แต่ฉันรู้ เขาชื่อสวี่ม่ายเฉิง และเขาจะมายืมหนังสือที่ห้องสมุดทุกวันพุธ ถ้าแกอยากคืนเงินให้เขา ก็ไปหาเขาที่ห้องสมุดในวันพุธแล้วกัน”
เฉินซินอี๋พูดว่า “เหมือนว่าการคืนเงินให้เขาช่างยุ่งยากซะเหลือเกิน งั้นก็ยังไม่คืนให้เขาแล้วกัน”
แม่เฉินเห็นว่าเฉินซินอี๋กำลังแสดงนิสัยเด็กเอาแต่ใจออกมา หล่อนจึงพูดแบบช่วยไม่ได้ “เจ้าเด็กน้อยคนนี้ ถ้าแกไม่อยากไป งั้นฉันก็จะไปแทนแกเอง”
เมื่อเฉินซินอี๋นึกถึงฝีปากอาบยาพิษของสวี่ม่ายเฉิงแล้ว จึงพูดด้วยความรังเกียจ “ช่างเถอะค่ะ ฉันจะคืนเอง”
ในชั่วพริบตา วันพุธก็มาถึง เฉินซินอี๋หยิบกระเป๋าออกจากบ้านแต่เช้า เนื่องจากไม่รู้ว่าสวี่ม่ายเฉิงจะมาเมื่อใด จึงทำได้เพียงมารอเขาตั้งแต่เนิ่นๆ
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่มาถึงประตูห้องสมุดก็ได้พบกับสวี่ม่ายเฉิงพอดี ซึ่งสวี่ม่ายเฉิงก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเฉินซินอี๋ “บังเอิญจริงๆ นะ คุณมายืมหนังสือที่นี่ด้วยเหรอ?”
เฉินซินอี๋เห็นว่าเขายังไม่รู้ว่าหล่อนตั้งใจมารอเจอ จึงไม่ได้พูดตามตรงและพยักหน้าพูดว่า “บังเอิญจริงแหละ แล้วคุณมายืมหนังสือเล่มไหนเหรอ?”
สวี่ม่ายเฉินตอบว่า “มาดูก่อนน่ะ แล้วคุณล่ะ?”
เฉินซินอี๋ตอบว่า “ฉันก็มาดูก่อนเหมือนกัน”
สวี่ม่ายเฉิงได้ยินคำตอบแล้วก็เผลอขมวดคิ้ว จากนั้นจึงจอดจักรยานไว้ข้างทาง ใช้โซ่ล็อกมันไว้แล้วก้าวไปข้างเฉินซินอี๋พลางเอ่ยถาม “เข้าไปด้วยกันไหม?”
เฉินซินอี๋เหลือบมองเขาจากทางด้านข้าง และเห็นว่าเขากำลังมองตรงไปข้างหน้าโดยไม่ได้มองหล่อนเลย จึงพยักหน้าและพูดว่า “ไปสิ”
เมื่อเดินเข้าห้องสมุดแล้ว สวี่ม่ายเฉิงก็พูดกับหล่อนว่า “คุณไปเดินดูก่อนเถอะ ผมจะเอาหนังสือไปคืนก่อน”
ทันใดนั้นเฉินซินอี๋ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาถือหนังสือไว้ในมืออีกข้างหนึ่ง หล่อนมองตามเขาเดินไปที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็ถอนสายตาออกและหันไปมองตามชั้นหนังสือ
แต่บนชั้นหนังสือมีหนังสือไม่มากนัก หลังจากกวาดสายตามองโดยรวมแล้ว เฉินซินอี๋ก็ค่อยๆ มองทีละแถว แต่ก็ไม่พบหนังสือที่อยากอ่าน ซึ่งในขณะนี้สวี่ม่ายเฉิงคืนหนังสือเสร็จแล้วก็เดินมาสมทบ
“ไม่เจอที่น่าสนใจเลยเหรอ?”
เฉินซินอี๋พยักหน้าด้วยความซื่อตรง
สวี่ม่ายเฉิงยิ้มน้อยๆ พลางเอื้อมมือหยิบหนังสือออกจากชั้นเหนือศีรษะของเฉินซินอี๋แบบสบายๆ “งั้นไปกันเถอะ”
เฉินซินอี๋มองหนังสือ ‘คติพจน์ของประธานเหมาเจ๋อตง’ ในมือเขาแล้วถามด้วยความแปลกใจ “คุณอยากอ่านเล่มนี้เหรอ?”
สวี่ม่ายเฉิงย้อนถาม “ทำไมจะอ่านไม่ได้ล่ะ?”
เมื่อเฉินซินอี๋ได้ยินแบบนี้ หล่อนก็หยุดพูดและทำแค่เดินตามสวี่ม่ายเฉิงไปที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็มองเขายืมหนังสือด้วยท่าทางเคยชิน เมื่อเขายืมเสร็จแล้วหล่อนก็ตามออกมาด้วย จากนั้นสวี่ม่ายเฉิงจึงเก็บหนังสือไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังทันที
เมื่อเฉินซินอี๋อยากจะคืนเงินให้เขา ทันใดนั้นสวี่ม่ายเฉิงก็หันกลับมามองหล่อนและถามว่า “ปากของคุณปิดสนิทพอไหม?”
เฉินซินอี๋ตกตะลึงทันทีที่โดนถามแบบนี้ เขาหมายความว่าไง?
เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่เข้าใจ สวี่ม่ายเฉิงจึงอธิบายด้วยความใจเย็น “หมายความว่าคุณเก็บความลับได้ไหม? คุณจะเหมือนพวกผู้หญิงในหมู่บ้านที่พอมีใครบอกความลับให้ฟัง ย้ำให้เก็บไว้ห้ามบอกต่อ แต่พอลับหลังก็เที่ยวป่าวประกาศแบบนั้นไหม?”
ใบหน้าของเฉินซินอี๋แข็งทื่อทันที และพูดด้วยความไม่พอใจ “ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”
สวี่ม่ายเฉิงมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดเท้า จึงเห็นว่าคราวนี้หล่อนแต่งตัวเรียบร้อยสมวัยและสวมรองเท้าที่เขาซื้อให้ด้วย จึงอดรู้สึกพึงพอใจขึ้นมาไม่ได้ “มองแล้วคุณก็ไม่เหมือนผู้หญิงลิ้นยาว(ขี้นินทา) งั้นก็ขึ้นรถเถอะ ผมจะพาคุณไปที่แห่งหนึ่ง”
ตอนแรกเฉินซินอี๋โกรธมากจนอยากจะเถียงสักตั้ง แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเขา หล่อนก็กลืนความโกรธลงท้อง แล้วเดินไปซ้อนท้ายจักรยานด้วยความคล่องแคล่ว เมื่อสวี่ม่ายเฉิงสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่นั่งอยู่ตรงเบาะหลังแล้วเขาก็ปั่นจักรยานออกไป
เรียกได้ว่าเขาพาหล่อนไปเกือบทั่วเมือง ทั้งเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เข้าตรอกเล็กตรอกน้อย เมื่อมองตรอกที่มืดครึ้มเหล่านั้นแล้ว เฉินซินอี๋ก็คว้าเสื้อของสวี่ม่ายเฉิงโดยไม่รู้ตัวและถามด้วยความกังวลใจ “คุณจะพาฉันไปไหนเนี่ย?”
สวี่ม่ายเฉิงสังเกตเห็นความกังวลใจของเธอ จึงหันกลับไปมองหล่อนนิดๆ แล้วอธิบายว่า “เป็นสถานที่ดีๆ คุณไม่ต้องกลัวว่าผมจะพาไปขายหรอกนะ”
เฉินซินอี๋ “…”
เมื่อจักรยานไปถึงส่วนลึกที่สุดของตรอกนั้นแล้ว สวี่ม่ายเฉิงก็หยุดจักรยานและยันตัวเองขึ้นด้วยขาข้างเดียว จากนั้นก็หันมาพูดกับหล่อนว่า “เรามาถึงแล้ว ลงมาเถอะ”
เฉินซินอี๋ลงจากจักรยานและยืนข้างๆ เพื่อรอเขาด้วยความเชื่อฟัง หล่อนเห็นสวี่ม่ายเฉิงเข็นจักรยานไปด้วย จากนั้นก็ผลักเปิดประตูไม้และเดินเข้าไปแบบสบายๆ
เฉินซินอี๋เดินตามมาด้านหลังและเห็นสถานที่นี้ชัดเจน ที่แท้สถานที่แห่งนี้ก็เป็นจุดรีไซเคิลขยะ ซึ่งด้านในเต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ ที่ได้มาจากการบุกค้นบ้านนั่นเอง
“เหล่าซุน” สวี่ม่ายเฉิงเดินเข้าไปข้างในแล้วตะโกนเรียกจนสุดเสียง
ไม่นานหลังจากนั้นก็มีชายชราในชุดขาดรุ่งริ่งและปิดตาข้างหนึ่งไว้ด้วยผ้ากอซกำลังเดินออกจากในบ้าน
เห็นได้ชัดว่าชายชรามีความสุขมากๆ เมื่อได้เห็นสวี่ม่ายเฉิง “เธอมาแล้วเหรอ?”
สวี่ม่ายเฉิงพูดว่า “อืม ผมมาหาของในนี้น่ะ”
ชายชราพูดว่า “ของพวกนี้อยากได้อะไรก็หยิบไปเลย” เมื่อพูดจบแล้วเขาก็มองไปที่เฉินซินอี๋ซึ่งเงียบขรึมและสง่างามพลางเอ่ย “คนรักเธอเหรอ?”
สวี่ม่ายเฉิงเหลือบมองเฉินซินอี๋ที่หน้าแดงขึ้นมาทันที เขาจึงพูดติดตลกว่า “ยังไม่ใช่หรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายชราก็หัวเราะเข้าใจ “เธอต้องทำงานหนักกว่านี้นะเจ้าหนุ่ม”
สวี่ม่ายเฉิงตอบรับ “ได้”
เฉินซินอี๋พูดไม่ออก “…”
เขากำลังพูดเหลวไหลอะไรกันเนี่ย
สวี่ม่ายเฉิงมองไปรอบๆ ลานบ้าน จากนั้นเดินไปข้างชายชราพลางหยิบกล่องอาหารออกจากกระเป๋าแล้วพูดว่า “แม่ของผมทำเกี๊ยวมาให้ คุณรีบกินเถอะ”
ชายชรารับกล่องอาหารที่สวี่ม่ายเฉิงส่งให้ด้วยท่าทางดีใจ “แม่ของเธอทำเกี๊ยวอร่อยมาก แล้วเอาเหล้ามาด้วยไหม?”
สวี่ม่ายเฉิงมองเขาแบบช่วยไม่ได้ “เอามาสิ” เขาพูดพลางหยิบเหล้าออกมาขวดหนึ่ง
ชายชราหยิบขวดเหล้าแล้วพูดด้วยความสุข “กินเกี๊ยวกับเหล้าเข้ากันที่สุดแล้ว พวกเธอเลือกของไปเลยนะ ฉันจะไปกินข้าวที่บ้าน” พูดจบแล้วเขาก็เดินจากไป
เมื่อเหลือเพียงสองคนในลานบ้าน เฉินซินอี๋จึงมีโอกาสได้คิดบัญชีกับสวี่ม่ายเฉิง “เมื่อครู่นี้คุณหมายความว่าไง?”
สวี่ม่ายเฉิงพูดว่า “ผมแค่ล้อเล่นกับเขาไม่ได้เหรอ”
เฉินซินอี๋พูดว่า “แล้วคุณไม่กลัวผลกระทบจากการพูดแบบนี้เหรอ?”
คงไม่รู้หรอกว่าเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงคำครหาว่ากินทิ้งกินขว้างของหล่อน ทำให้หล่อนต้องบังคับตัวเองจนกินอาหารทั้งสองกล่อง เธออิ่มจนกินอะไรไม่ได้อีกเป็นวันๆ
สวี่ม่ายเฉิงพูดแบบสบายๆ ว่า “ผมไม่ใช่สาวน้อยจึงไม่กลัวผลกระทบหรอก”
“คุณยังไม่เจอหนังสือที่อยากอ่านไม่ใช่เหรอ งั้นก็มาหากับผมสิ” เมื่อสวี่ม่ายเฉิงพูดจบ เขาก็เดินนำไปที่ห้องเดี่ยว
เฉินซินอี๋ยืนอยู่ที่นั่นด้วยความลังเลอีกพักหนึ่งแล้วเดินตามเขาไป ตอนนี้สวี่ม่ายเฉิงยืนรออยู่ที่หน้าประตู เขารอให้หล่อนมาถึงแล้วค่อยเปิดประตูเข้าไป และหล่อนก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นชั้นวางเรียงรายอยู่ข้างใน ซึ่งทุกชั้นเต็มไปด้วยหนังสือแน่นขนัด
ก่อนที่เฉินซินอี๋จะทันได้ตอบสนอง สวี่ม่ายเฉิงก็ปิดประตูตามหลังแล้ว ส่งผลให้ทั้งห้องมืดลงทันที และเฉินซินอี๋ก็กำหมัดแน่นด้วยความตื่นตระหนก
จากนั้นเฉินซินอี๋ก็รู้สึกได้ว่าสวี่ม่ายเฉิงเดินผ่านหล่อนไปที่โต๊ะแล้วจุดตะเกียงน้ำมันที่วางบนนั้น ตอนนี้ในห้องจึงพอจะมีแสดงสลัวๆ ขึ้นบ้าง ทำให้ความตื่นตระหนกของเฉินซินอี๋ค่อยๆ สงบลง
“หนังสือทั้งหมดนี้เป็นของเหล่าซุนเหรอ?”
สวี่ม่ายเฉิงตอบว่า “ไม่ใช่ แต่ทั้งหมดนี้ถูกคัดลอกโดยคณะกรรมการปฏิวัติ”
เฉินซินอี๋พูดว่า “แล้วการที่พวกคุณเอามาเก็บไว้ที่นี่ ไม่กลัวจะถูกค้นพบเหรอ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นายนี่ก็โรแมนติกเหมือนกันนะม่ายเฉิง สาวไม่เจอหนังสือที่อยากอ่าน ก็พามาแหล่งหนังสือเลย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION