ตอนที่ 217 ความเย่อหยิ่งของหลิวเจาตี้
หิมะบนถนนถูกกวาดไปกองทั้งสองฝั่งของถนนแล้ว กองหิมะล้วนดูกระดำกระด่างไม่น่ามอง
ยิ่งไปกว่านั้นคือทันทีที่พระอาทิตย์ส่องแสง หิมะก็ละลายและทำให้มีแอ่งน้ำอยู่กลางถนนเต็มไปหมด แม้ว่าหัวใจของหลินเจี้ยนเยี่ยจะบินกลับบ้านไปแล้ว แต่ความเป็นจริงก็ยังต้องขับรถกลับบ้านด้วยความใจเย็น
ขณะเดียวกันนี้ ระหว่างทางกลับยังมีผู้คนมากมายถือตะกร้าและจูงมือเด็ก บางคนเข็นจักรยานเดินเคียงข้างไปกับลูกๆ โดยมีเครื่องดื่มและขนมแขวนอยู่ที่แฮนด์จักรยาน นอกจากนี้ยังมีคนที่ยกมือกอดอกและหดคอลงในผ้าพันคอด้วย ช่างเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาเหลือเกิน
หลินเจี้ยนเยี่ยขับรถไปสักพัก ก่อนที่เขาจะจำได้ว่าวันนี้เป็นวันที่สี่ของเทศกาลปีใหม่แล้ว ทุกคนจึงกำลังวุ่นวายกับการไปเยี่ยมญาติ
เมื่อนึกถึงสถานการณ์บนเกาะขึ้นมาอีกรอบ ก็เกรงว่าสวี่ม่ายซุ่ยคงไม่สามารถพาลูกๆ กลับไปบ้านพ่อแม่ของเธอได้แน่ และเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อาวุโสกังวล หลินเจี้ยนเยี่ยจึงตัดสินใจขับรถไปดูที่บ้านพ่อแม่ภรรยา
ระหว่างทางกลับจึงได้เห็นว่าบ้านเรือนของผู้คนจำนวนมากถูกหิมะทับถม เขาเองก็อดเป็นห่วงประชาชนไม่ได้
เขาขับรถตรงไปที่สหกรณ์และรีบลงจากรถเพื่อซื้อของมากมาย มีทั้งเหล้า บุหรี่ ขนมหวานและพวกของว่างที่สามารถซื้อได้ เมื่อห่อของทั้งหมดแล้วจ่ายเงินเสร็จ เขาก็วิ่งออกไปและเก็บมันไว้ท้ายรถ จากนั้นก็หมุนพวงมาลัยมุ่งหน้าไปที่บ้านแม่ภรรยา
ในเวลานี้หลิวเจาตี้ยืนอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้านโดยยืดคอขึ้นพลางพูดคุยกับผู้คน
“อาสะใภ้ ลูกสาวของคุณกลับมาเมื่อวานใช่ไหม?”
เนื่องจากหิมะที่นี่เบาบาง เมื่อวานซืนถนนสามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ ทำให้เมื่อวานนี้เริ่มมีคนกลับมาเยี่ยมญาติแล้ว
ผู้หญิงที่ดูมีสง่าราศีคนนั้นตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้วล่ะ”
“แล้วเธอไม่กลับเหรอ?”
หลิวเจาตี้ยิ้มด้วยความเย่อหยิ่งและพูดว่า “ฉันกลับไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้วล่ะ”
อีกฝ่ายมองท่าทางทะนงตนของหล่อนและนึกดูแคลนในใจว่า ‘หอบของจากที่นี่ไปให้บ้านพ่อแม่โดยไม่ต้องลงทุนซื้อ เธอยังกล้าพูดโดยไม่อายอีกนะ’
“แล้วเอาอะไรไปให้แม่เธอบ้างล่ะ”
หลิวเจาตี้ไม่ตอบ แต่ย้อนถามอีกฝ่ายแทน “ลูกสาวของคุณเอาอะไรมาให้คุณบ้าง?”
อีกฝ่ายก็พูดด้วยความภูมิใจว่า “ก็เหมือนกับที่เจ้าสามเอาให้นั่นแหละ พวกบุหรี่ เหล้าและของว่างต่างๆ”
หลิวเจาตี้ได้ยินแล้วก็ตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง “ก็เหมือนกัน ของฉันก็เหมือนกัน”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็มืดลงทันที เพราะใครจะรู้ว่าหล่อนอยากอวดแต่อวดไม่สำเร็จ ในจังหวะที่หล่อนกำลังรู้สึกโกรธ ก็เห็นหลิวเจาตี้ชะเง้อคอมองไปตรงทางเข้าหมู่บ้าน ทำให้หล่อนพลอยสนใจไปด้วย “ภรรยาม่ายเถียน เธอกำลังรอใครอยู่เหรอ?”
หลิวเจาตี้ละสายตาและตอบด้วยความสงบ “ไม่ได้รอ”
ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะทันที “ปากบอกว่าไม่ได้รอ แต่เธอก็ชะเง้อคอมองตั้งแต่เช้าไม่ใช่เหรอ เธอบอกความจริงมาเถอะว่ากำลังรอน้องสามีอยู่ใช่ไหม?”
หลิวเจาตี้คิดเช่นนั้นจริง แต่ปากกลับตอบไปว่า “ไม่ใช่ น้องสามีของฉันอยู่บนเกาะ เกิดพายุหิมะตกหนักขนาดนี้ ไม่รู้ว่าหล่อนจะนั่งเรือออกมาได้ไหม”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “จะไม่มีเรือได้ไง หิมะในทะเลก็ละลายไปนานแล้ว ลูกสาวของฉันบอกว่ามีคนลงเรือมาเยี่ยมญาติเยอะมาก”
“น้องสามีของเธอน่ะไร้จิตสำนึกเกินไป แม้ว่าหิมะละลายแล้วหล่อนก็ยังไม่มาหาแม่น่ะสิ”
หลิวเจาตี้ได้ยินคนพูดไม่ดีถึงสวี่ม่ายซุ่ยจึงโมโหขึ้นมา “ฟังคุณพูดเข้าสิ น้องสามีของฉันจะเป็นแบบคนประเภทนั้นได้ไง หล่อนเป็นภรรยาผู้บังคับการและเป็นนักบัญชีหมู่บ้าน หล่อนจึงมีงานยุ่งมาก”
เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งผยองของหล่อนแล้ว อีกฝ่ายก็อดนินทาในใจไม่ได้ ‘เป็นแค่ภรรยาของผู้บังคับการก็ไม่กลับมาแล้วเหรอ แม้แต่ภรรยาของผู้บัญชาการก็ยังกลับไปบ้านพ่อแม่ด้วยซ้ำ’
แม้หลิวเจาตี้พูดแบบนี้ก็จริง แต่หล่อนก็กังวลใจมากเช่นกัน มิฉะนั้นหล่อนคงจะไม่มารอตรงทางเข้าหมู่บ้านตั้งแต่เช้า โดยหวังว่าบางทีสวี่ม่ายซุ่ยจะกลับมา
เมื่อคนอื่นเห็นหล่อนเอ่ยถึงสวี่ม่ายซุ่ยแบบนี้ จึงเปลี่ยนเรื่องพูดว่า “ม่ายซุ่ยกลับมาไม่ได้ แต่ม่ายลี่อยู่ใกล้ๆ ก็ควรจะกลับมานะ”
หลิวเจาตี้ได้ยินแล้วก็กลอกตาใส่และตอบด้วยความหยาบคายว่า “กลับมาทำไม ไม่มีใครอยากเห็นหน้าหรอก”
“ก็ม่ายลี่ของเธออยู่ใกล้มาก แต่ยังไม่กลับมาอีก นี่จะไม่น่าผิดหวังไปหน่อยเหรอ”
คราวนี้หลิวเจาตี้รีบพูดเห็นด้วยทันที “ใช่ไหมล่ะ แม้ว่าทุกคนจะกลับมา หล่อนก็ไม่ยอมหลับ เพราะหล่อนกลัวการใช้จ่ายไงล่ะ”
“ไม่มีทางหรอก ม่ายลี่ของเธอดูไม่เหมือนคนแบบนั้นนี่นา?”
หลิวเจาตี้พูดว่า “ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ ตั้งแต่กลับมาเมื่อวันที่สิบห้าสิงหาคมปีที่แล้ว หล่อนก็ไม่กลับมาช่วงวันหยุดอีกเลย พวกคุณลองคิดดูสิ ลูกสาวที่ไม่กลับบ้านพ่อแม่ในช่วงเทศกาลแบบนี้ ไม่ใช่เพราะกลัวการใช้เงินเหรอ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “เธอจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกนะ น้องสามีคนที่สามของเธอมีลูกหลายคน เป็นเรื่องยากสำหรับหล่อนนะ”
ทันทีที่หลิวเจาตี้ได้ยินเหตุผลนี้ หล่อนก็โมโหและพ่นเปลือกเมล็ดแตงลงบนพื้น จากนั้นแค่นเสียงเย้ยหยัน “หล่อนสมควรได้รับมันแล้ว หล่อนไม่สนใจสถานการณ์ของครอบครัว แต่ยังคลอดลูกเรื่อยๆ หล่อนสักแต่รู้จักคลอด แต่กลับดูแลพวกเขาไม่ได้ คุณคิดว่าหล่อนมีสมองไหมล่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “แต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกัน เธอคิดว่ามีสองคนก็เพียงพอสำหรับครอบครัวแล้ว แต่คนอื่นๆ อาจคิดว่ามีเจ็ดแปดคนยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ”
หลิวเจาตี้พูดว่า “นั่นขึ้นอยู่กับความพร้อมของครอบครัวไม่ใช่เหรอ” ขณะที่กำลังพูดกันอยู่นั้น หล่อนก็เหลือบมองไปที่ถนนทางเข้าหมู่บ้านและเห็นรถทหารขับเข้ามา
“เฮ้ ทุกคนรีบดูนั่นสิ ทำไมถึงมีรถทหารมาได้ล่ะ”
หลังจากที่ทุกคนได้ยินแล้วก็หันไปมองโดยพร้อมเพรียงแล้วเริ่มบทสนทนาใหม่อีกครั้ง “มาบ้านเหล่าหวังใช่ไหมนะ ได้ยินว่าลูกชายของเขาจะกลับมาช่วงปีใหม่นี้”
ทันทีที่เสียงนั้นจบลง หลิวเจาตี้ก็โต้แย้งเสียงหนักแน่น “เป็นไปไม่ได้หรอก ลูกชายของบ้านเหล่าหวังเป็นแค่ทหารยศต่ำ เขาจะขับรถทหารได้ไง”
“ก็จริง แต่ถ้าไม่ใช่เขาแล้วเธอคิดว่าเป็นใครล่ะ?”
ในยามที่ทุกคนกำลังสับสน หลินเจี้ยนเยี่ยก็เหยียบเบรกมาหยุดตรงเบื้องหน้าของหลิวเจาตี้ เขาลดกระจกลงแล้วทักทายว่า “พี่สะใภ้ใหญ่”
หลิวเจาตี้อยู่ในภาวะตกตะลึงโดยสมบูรณ์ เพราะในใจหล่อนไม่เคยคิดเลยว่าผู้ที่มาจะเป็นหลินเจี้ยนเยี่ย
“เจี้ยนเยี่ยมาได้ไงเนี่ย?”
“ผมกลับจากการประชุมแล้วแวะมาเยี่ยมแม่น่ะ” หลินเจี้ยนเยี่ยตอบด้วยความสุภาพ
ตอนนี้หลิวเจาตี้จึงกลับมามีสติอีกครั้ง หล่อนมองไปยังท้ายรถพลางถามว่า “ม่ายซุ่ยไม่กลับมาด้วยเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “ไม่ได้มา เพราะผมขับรถมาจากเมืองอื่น”
หลิวเจาตี้พึมพำ “อ้อ อ้อ”
ในขณะนี้ก็มีคนถามหลิวเจาตี้ขึ้นมาว่า “นี่ใครเหรอเจาตี้ เธอจะไม่แนะนำให้รู้จักหน่อยเหรอ?”
หลิวเจาตี้หันกลับไปทันทีและยิ้มบอกทุกคนว่า “เธอจำเขาไม่ได้จริงๆ เหรอ เขาคือสามีของม่ายซุ่ยไงล่ะ เขามาเยี่ยมแม่พวกฉันน่ะ”
หลังจากนั้นหลินเจี้ยนเยี่ยจึงดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้เข้ามาดู ทำให้ใบหน้าเย็นชาของหลินเจี้ยนเยี่ยต้องปั้นยิ้ม และเมื่อเขาเห็นหลิวเจาตี้พูดไม่หยุด เขาจึงรีบถามว่า “พี่สะใภ้จะกลับหรือยัง?”
หลิวเจาตี้ได้ยินแล้วจึงตอบกลับทันที “กลับสิ กลับ”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ขึ้นรถเถอะ”
หลิวเจาตี้หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เพราะทั้งชีวิตนี้หล่อนไม่เคยนั่งรถยนต์ หล่อนมองไปทั่วประตูรถแล้วถามว่า “เปิดยังไงเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยอธิบาย “จับที่จับสีดำแล้วดึงเข้าหาตัว”
หลิวเจาตี้ทำตามคำแนะนำของหลินเจี้ยนเยี่ยและเปิดประตูรถได้สำเร็จ แม้ว่าหล่อนจะรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ทว่าก่อนจะขึ้นรถก็ยังไม่ลืมโอ้อวดเพื่อนบ้านว่า “พวกคุณคุยกันต่อเถอะนะ ฉันขอตัวกลับบ้านก่อน”
พูดจบแล้วหล่อนก็ปิดประตูรถ
หลินเจี้ยนเยี่ยรอให้หล่อนทำตามใจ หลังจากหล่อนปิดประตูรถแล้ว เขาก็เหยียบคันเร่งแล้วขับตรงไปข้างหน้า ซึ่งเหวี่ยงหลิวเจาตี้ที่ยังไม่ได้นั่งดีๆ ให้นั่งลงบนเบาะ
หลิวเจาตี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหลินเจี้ยนเยี่ยตั้งใจทำ แต่หล่อนคิดว่าตัวเองนั่งไม่ถูกต้อง จึงพึมพำไม่หยุด “เจ้านี่ค่อนข้างจะแรงไปหน่อยนะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เท่ากับว่าได้หน้าไปเต็มๆ เลยนะเนี่ย เจี้ยนเยี่ยขับรถมาขนาดนี้
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION