ตอนที่ 211 หลินเจี้ยนจวินกลับจากทำงานนอกสถานที่
ตอนดึงมือออกจากถุงมือครั้งแรกยังรู้สึกอุ่นอยู่ แต่พอแตะกับกลอนประตูเย็นเฉียบก็ดูเหมือนจะควบคุมไม่ได้ ในที่สุดก็เปิดล็อกออก ขณะที่กำลังจะเปิดประตูนั่นเอง หลินเซียวที่อยู่ด้านข้างก็ทนความเย็นไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขาจึงเปิดประตูแล้วรีบเข้าไปก่อนที่สวี่ม่ายซุ่ยจะทันได้เอื้อมมือไปถึงประตูด้วยซ้ำ
หลินฟานเห็นว่าพี่ชายวิ่งหนีไปก่อนแล้ว เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปข้างในติดๆ แต่เพราะเขายังเด็กอยู่และพื้นก็ลื่นด้วย ทำให้ทันทีที่เขาผ่านเข้าประตูมา เขาก็ลื่นล้มเหมือนกำลังทำความเคารพห้องหลักมากๆ สวี่ม่ายซุ่ยที่ยืนอยู่ข้างหลังตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเขาแค่คุกเข่าเอามือยันพื้น เธอก็โล่งใจแล้วปิดประตู จากนั้นพูดติดตลกว่า “เกิดอะไรขึ้น ลูกกำลังกล่าวคำทักทายปีใหม่ล่วงหน้าเหรอ?”
หลินฟานคุกเข่าลงพร้อมสีหน้าเจ็บปวด รอให้แม่เข้ามาช่วยปลอบประโลม แต่ใครจะรู้ว่าแม่ไม่สนใจเขาเลยด้วยซ้ำ แถมยังพูดเหมือนหัวเราะเยาะเขาอีก ทำให้ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นเศร้าโศก เขาลุกขึ้นตบหิมะที่เปื้อนบนเข่าทิ้ง แล้ววิ่งเข้าไปในห้องต่อทันที
สวี่ม่ายซุ่ยหันกลับไปข้างหลังและมองไปทั่วลานบ้าน เมื่อเห็นว่าหิมะในลานบ้านสะอาดและไม่มีรอยเท้าต้องสงสัยปรากฏอยู่ เธอจึงเดินเข้าห้อง เมื่อมาถึงก็เห็นว่าหลินเซียวถอดถุงมือออกและนั่งผิงเตาไฟอยู่
สวี่ม่ายซุ่ยมองมือที่แดงก่ำจากความหนาวเหน็บแล้วก็รีบเดินเข้าไปหาเขา และดึงเขาออกห่างเตาไฟ “ลูกยังต้องการมือนี้อยู่ไหมเนี่ย?”
หลินเซียวถูกมือตัวเองพลางตอบ “ต้องการสิครับ แต่มือของผมเย็นเกินไป ผมอยากให้มันอุ่นขึ้น”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ลูกก็ควรจะรอให้คลายเย็นลงก่อน แล้วค่อยไปนั่งผิงไฟแบบนั้น ลูกเล่นเอามือที่เย็นเหมือนก้อนน้ำแข็งไปผิงไฟแบบนั้นทันที ไม่กลัวเป็นแผลเน่าเปื่อยเหรอ”
หลินเซียวเห็นสีหน้าบูดบึ้งและดูเหมือนจะไม่ได้ล้อเล่นของแม่ เขาจึงผละออกไปเงียบๆ เพื่อรอให้มืออุ่นขึ้นโดยธรรมชาติก่อน
เดิมทีหลินฟานอยากจะผิงไฟด้วย แต่เมื่อเห็นว่าพี่ชายถูกดุ เขาก็ไม่กล้าออกมาข้างหน้าอีก ตอนนี้สองพี่น้องจึงซุกตัวอยู่ที่โต๊ะกินข้าวราวกับนกกระทาเพื่อรอให้มืออุ่น
หลังจากเข้ามาในบ้านแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็แง้มหน้าต่างและเปิดฝาเตา เธอถอดผ้าพันคอและหมวกออกทั้งหมด แล้วกลับเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าบางๆ จากนั้นก็เริ่มเตรียมอาหารเย็น
เนื่องจากสวี่ม่ายซุ่ยจำเป็นต้องใช้เตาในการปรุงอาหาร สองพี่น้องจึงไม่กล้ามาผิงไฟอีก เมื่อมืออุ่นขึ้นบ้างแล้ว พวกเขาก็ก็เริ่มเล่นอยู่ข้างๆ แทน
มื้อเช้ากินซุป มื้อกลางวันกินอาหารทอดกรอบ สวี่ม่ายซุ่ยจึงทำตุ๋นรวมมิตรหม้อใหญ่บนเตาเป็นมื้อเย็น โดยใส่พริกเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติและความอบอุ่นให้ร่างกาย
ตุ๋นรวมมิตรหม้อใหญ่ล้วนอุดมไปด้วยหมูสามชั้น ผักกาดขาว วุ้นเส้น หมูทอดกรอบชิ้นเล็กและมะเขือยาวชุบแป้งทอดกินเคียงกับเจียนปิ่ง ซึ่งเพียงพอต่อคนสามคน ไม่นานสวี่ม่ายซุ่ยก็ทำอาหารเสร็จ และสองพี่น้องที่ได้กลิ่นก็ไม่สามารถหยุดน้ำลายไหลได้เลย
สวี่ม่ายซุ่ยบอกให้แต่ละคนนำเก้าอี้ตัวเล็กมานั่งล้อมวง จากนั้นตักใส่ชามแบ่งให้ทุกคน เธอมีหน้าที่เฝ้าเด็กๆ และกินข้าวไปด้วย ตอนนี้หม้อบนเตายังคงมีควันลอยอยู่ และในไม่ช้าสามแม่ลูกก็เหงื่อไหลซิกเพราะความเผ็ดร้อน
“แม่ครับ ผมขอถอดเสื้อกันหนาวได้ไหม?” หลินเซียวมองสวี่ม่ายซุ่ยพลางเอ่ย
เสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายที่เขาใส่เมื่อออกไปข้างนอกทั้งหนาและเทอะทะ แถมเขายังสวมเสื้อถักไหมพรมไว้ข้างในอีกชั้น ตอนนี้หน้าผากของเขาก็เหงื่อออกมากแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยกลัวว่าเขาจะหนาวถ้าถอดออกหมด เธอจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “ได้ ถอดเสื้อกันหนาวออกแล้วสวมเสื้อกั๊กก็พอ”
หลินเซียวได้ยินแล้วก็วิ่งไปที่ห้องนอนทันที แต่หลินฟานไม่ได้ขยับมากนัก เขายังคงสวมแจ๊กเก็ตบุนวมพลางกินอาหารคำเล็กๆ ด้วยความเชื่อฟัง
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นแล้วจึงถามด้วยความสงสัย “ลูกไม่เปลี่ยนด้วยเหรอ?”
หลินฟานส่ายหัว และหลังจากนั้นไม่นานหลินเซียวก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ววิ่งกลับมา เขานั่งลงที่เก้าอี้แล้วเริ่มกินข้าวต่อ เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยเห็นว่าเขาเจริญอาหารมากขนาดนี้ ก็อดกังวลไม่ได้ว่าเธอจะต้องทำอาหารมากแค่ไหนเมื่อพวกเขาโตขึ้น
ขณะที่ทั้งสามแม่ลูกกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร เสียงเคาะประตูด้านนอกก็ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว สวี่ม่ายซุ่ยสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงนั้น เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไป “แม่จะไปดู พวกลูกรออยู่ในบ้านนะ”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยเดินออกจากประตูก็ตะโกนถามว่า “ใครเหรอ?”
“ผมเองครับพี่สะใภ้” หลินเจี้ยนจวินตอบด้วยเสียงทุ้ม
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ยินว่าเป็นเสียงของหลินเจี้ยนจวิน เธอก็รีบเปิดประตูออก และเห็นว่าร่างกายของหลินเจี้ยนจวินถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ “ทำไมกลับช้านักล่ะ?” สวี่ม่ายซุ่ยมองเขาและถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
หลินเจี้ยนจวินได้เห็นเธอแล้ว หัวใจที่กำลังว้าวุ่นของเขาก็สงบลงทันที ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ระหว่างทางมีเหตุขัดข้องทำให้เราล่าช้าไปหน่อยน่ะครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็รีบปล่อยให้เขาเข้ามา “งั้นรีบเข้ามาอบอุ่นร่างกายข้างในก่อน”
“ครับ” หลินเจี้ยนจวินตอบรับขณะก้มลงหยิบกระสอบบนพื้น ซึ่งสวี่ม่ายซุ่ยเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากปล่อยให้เขาเข้าบ้านแล้ว เธอก็ชะเง้อคอมองออกไปข้างนอกเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีของตกค้าง แล้วจึงปิดประตูเดินเข้าบ้าน
ทันทีที่เดินเข้าบ้านแล้ว หลินเจี้ยนจวินก็ถอดหมวก ผ้าพันคอและถุงมือออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แดงก่ำจากความหนาวเย็น ขณะที่พวกเด็กทั้งสองรีบกระโจนเข้าหาหลินเจี้ยนจวินทันทีที่เขาถอดเสื้อกันหนาวเสร็จ
หลินเจี้ยนจวินจับเด็กแล้วหมุนเป็นวงกลมเล่นทีละคน เมื่อหยุดแล้วหลินเซียวก็มองหลินเจี้ยนจวินและถามด้วยความคาดหวัง “อาเล็กมีของขวัญมาให้ผมไหมครับ?”
หลินเจี้ยนจวินตอบว่า “มีสิ” ขณะที่เขาพูดก็เริ่มหยิบของในกระสอบออกมา
ในกระสอบนั้นมีทั้งเนื้อวัวแห้ง ชีสก้อน ถั่ว ขนมหวาน ผ้าพับ ขาแกะและของต่างๆ อีกมากมายที่เริ่มถูกหยิบออกมา จังหวะที่สวี่ม่ายซุ่ยเดินเข้ามาแล้วเห็นข้าวของที่อยู่บนพื้น เธอก็ตกตะลึง “นายซื้อมาเหรอ?”
หลินเจี้ยนจวินตอบว่า “เราผ่านสถานที่หลายแห่งตลอดทาง ผมเลยเลือกซื้อแต่ของที่เหมาะสมมาบ้าง และมันก็ถูกมากๆ แม้ว่าจะไม่ใช้คูปองครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยมองรอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเจี้ยนจวิน และคิดว่าเงินทั้งหมดของเด็กโง่คนนี้คงถูกใช้ไปหมดแล้วแน่ๆ
“อืม นายไม่ต้องทำแล้ว เดี๋ยวฉันทำเอง รีบไปล้างมือแล้วมากินข้าวเถอะ ตลอดการเดินทางนี้ไม่ค่อยได้กินอิ่มใช่ไหม?” สวี่ม่ายซุ่ยดึงหลินเจี้ยนจวินออกไปแล้วพูดไม่หยุด
หลินเจี้ยนจวินยิ้มจริงใจ “ไม่ค่อยจะคุ้นกับอาหารที่นั่นจริงๆ แหละครับ”
อันที่จริงเขาหิวทันทีที่เข้ามาในบ้านและได้กลิ่นหอมของอาหาร แต่เมื่อเห็นสายตาคาดหวังของหลินเซียวหลินฟานแล้ว เขาก็ต้องรีบหยิบของออกมาให้พวกเขาดูก่อน
สวี่ม่ายซุ่ยไม่รีบร้อนที่จะจัดเก็บข้าวของ เมื่อเห็นว่าหลินเจี้ยนจวินเดินไปล้างมือ เธอก็ใส่ของทอดกรอบเพิ่มลงในหม้อ เมื่อได้ที่แล้วเธอก็ตักใส่ชามแยกไว้ให้เขา แล้วค่อยหันไปจัดเก็บข้าวของ
ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกัน ขณะจัดข้าวของจึงชิมรสชาติไปด้วย
“แม่ครับ ลองชิมลูกอมนี้ดูสิ อร่อยดีนะครับ” หลินฟานยกลูกอมขึ้นมาและพูดกับสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยก้มหน้าลงและกัดลูกอมเข้าปาก เมื่อได้ลิ้มรสแล้วก็พูดว่า “อร่อยจริงๆ ด้วย พวกลูกลองชิมเนื้อวัวแห้งหรือยัง?”
หลินเซียวได้ยินดังนั้นก็รีบเข้ามาทันที “นี่คือเนื้อวัวแห้งเหรอครับ?”
บ้านของพวกเขาตั้งอยู่บนเกาะขนาดเล็ก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะไม่เคยเห็นเนื้อวัวแห้ง สวี่ม่ายซุ่ยตอบรับเบาๆ แล้วหยิบเนื้อวัวแห้งชิ้นเล็กออกจากห่อกระดาษไข จากนั้นยัดใส่ปากของหลินเซียว เมื่อหลินเซียวได้เคี้ยวเนื้อวัวแห้งไปไม่กี่คำ เขาก็รู้สึกว่าไม่ชอบ “มันแข็งเกินไป ผมรู้สึกเหมือนฟันกำลังจะหลุดออกมาเลย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฟันลูกกำลังจะหลุดเหรอ?”
หลินเซียวส่ายหัวรัวๆ “ยังหรอกครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยเตือนว่า “ถ้างั้นเวลากินก็ระวังด้วย” ขณะที่พูด เธอก็ยัดอีกชิ้นไว้ในมือของหลินฟาน
หลินฟานยังเด็กและฟันยังไม่เคยหลุด เขาจึงเคี้ยวได้เอร็ดอร่อยยิ่งขึ้น สวี่ม่ายซุ่ยเองก็รู้สึกว่าเนื้อวัวแห้งนี้อร่อยกว่าที่เธอเคยกินมาก่อน
“คราวนี้พวกนายก็ซื้อเนื้อวัวแห้งมาขายด้วยเหรอ?”
หลินเจี้ยนจวินกินเจียนปิ่งชิ้นสุดท้ายหมดแล้ว เมื่อมีอาหารเต็มกระเพาะ เขาก็ไม่หิวมากเท่าเมื่อครู่อีก เขาหันมาตอบว่า “ไม่ใช่ครับ แค่บังเอิญว่าผ่านร้านนั้นก็เลยซื้อมานิดๆ หน่อยๆ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้ของแปลกกลับมาเยอะเลย เหมาะกับวันอากาศหนาวๆ จริงๆ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION