ตอนที่ 208 หมาโสดหมื่นปีแบบนายไม่เข้าใจหรอก
ข่งอวิ๋นป๋อทำท่าจะเดินไปส่งสวี่ม่ายซุ่ย แต่สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินเสียงดังมาจากในศูนย์ยุวปัญญาชน เธอจึงหยุดข่งอวิ๋นป๋อเอาไว้ “นายไม่ต้องสุภาพขนาดนั้น ฉันกลับเองได้ นายก็รีบกลับเข้าไปเร็วๆ เถอะ”
ข่งอวิ๋นปั่วเห็นว่าเธอไม่สนใจจริงๆ เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบตกลง
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น สายตาของจางเหวินก็จับจ้องไปที่กล่องอาหารในมือของข่งอวิ๋นป๋อโดยไม่กะพริบตา
เรื่องที่ข่งอวิ๋นป๋อสอนหลินเซียวกับหลินฟานนั้นไม่ใช่ความลับ ทุกคนในศูนย์ยุวปัญญาชนจึงทราบเรื่องนี้ ซึ่งในตอนแรก ทุกคนคิดว่าข่งอวิ๋นป๋อแค่การสอนนักเรียนชั้นประถมศึกษายามว่างเท่านั้น
แต่เมื่อหลินเซียวเริ่มนำอาหารมาให้ข่งอวิ๋นป๋อเป็นครั้งคราว ทุกคนก็ตระหนักได้ว่างานที่ข่งอวิ๋นป๋อได้รับมานั้นไม่ใช่เล่นๆ พวกเขาทั้งหมดอิจฉาตาร้อนมากๆ กระนั้นพวกเขาก็ทำได้แค่อิจฉา เพราะต้องยอมรับว่าตัวเองไม่มีความรู้เท่าข่งอวิ๋นป๋อ
จางเหวินมีแผนเข้าใกล้หลินเซียวกับหลินฟานด้วยเช่นกัน แต่หลินเซียวไม่ใช่เด็กทั่วไป อีกทั้งระยะห่างระหว่างชายหญิงก็ชัดเจนตั้งแต่วัยเยาว์ เขาได้เห็นจางเหวินใกล้ชิดกับโหวเจิ้นหลายครั้งแล้ว ทำให้เขาจัดจางเหวินอยู่ในกลุ่มเดียวกับโหวเจิ้นมานานแล้วด้วย ดังนั้นทุกครั้งที่เขาเห็นจางเหวิน เขาก็จะวิ่งหนีไปโดยไม่ให้โอกาสหล่อนได้เข้าใกล้เลยสักนิด
จางเหวินจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากคอยดูว่าเด็กสองคนนี้มีปัญหาบ้างไหม อีกทั้งหล่อนได้ตัดสินใจมุ่งเป้าไปที่ข่งอวิ๋นป๋อ เพราะข่งอวิ๋นป๋อมีนิสัยเป็นกันเอง ทุกครั้งที่หลินเซียวให้ของกินแก่เขา จางเหวินก็จะหาข้ออ้างในการขอแบ่ง จากนั้นก็จะค่อยๆ หยิบฉวยเข้าปากตัวเองเรื่อยๆ
โดยเฉพาะทุกวันนี้ หล่อนเฝ้ารอด้วยความกระวนกระวายใจที่จะได้กินอาหารฝีมือสวี่ม่ายซุ่ยอีก เนื่องจากหล่อนได้แอบกินเจียนปิ่งที่หลินเซียวส่งมาคราวก่อน
เมื่อเห็นว่าครั้งนี้สวี่ม่ายซุ่ยมาด้วยตัวเอง หล่อนจึงเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องมาส่งของให้ข่งอวิ๋นป๋อแน่ๆ จึงรีบตามออกมาดูทันที และเมื่อรอจนสวี่ม่ายซุ่ยจากไปแล้ว จางเหวินก็แสร้งงอตัวลงแล้วส่งเสียงร้องเจ็บปวดออกมา
ข่งอวิ๋นป๋อได้ยินเสียงแล้วสะดุ้งตกใจ เขารีบเดินไปหาหล่อน แต่หยุดยืนโดยการเว้นระยะห่างแล้วถามด้วยความเป็นมิตรว่า “เธอเป็นอะไร?”
จางเหวินเงยหน้าขึ้นและมองไปที่กล่องอาหารในมือข่งอวิ๋นป๋อ ทันใดนั้นดวงตาของหล่อนก็เป็นประกาย และตอบด้วยท่าทางเป็นทุกข์สุดแสน “ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นโรคกระเพาะ ตอนเช้าก็ไม่ได้กินเยอะ เลยปวดท้องจนทนไม่ไหวแล้ว”
“แต่นายไม่ต้องกังวลเรื่องฉันนะ รีบกลับเข้าไปเถอะ ฉันได้ยินเสิ่นชิงกับเผิงซวี่กำลังโต้เถียงกันอีกครั้งแล้ว”
เมื่อได้ยินจางเหวินพูดเช่นนี้ ข่งอวิ๋นป๋อก็ลังเลและเริ่มเดินเข้าไป เมื่อจางเหวินเห็นเขาจะไปจริงๆ หล่อนก็โอดครวญอีกครั้งพลางพึมพำว่า “กลิ่นอะไรน่ะ หอมมากเลย”
ข่งอวิ๋นป๋อสะดุ้งและมองไปที่จางเหวินซึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่บนพื้น เขาลังเลครู่หนึ่งแล้วยื่นกล่องอาหารในมือให้หล่อนพลางเอ่ย “พี่ม่ายซุ่ยเพิ่งเอาของทอดมาให้น่ะ เธอกินก่อนสิ”
จางเหวินดีใจมาก แต่ใบหน้าของหล่อนยังคงเสแสร้งแกล้งทำ “น่าอายเกินไปแล้ว นักบัญชีสวี่มอบให้นายเป็นของขวัญด้วยซ้ำนะ”
“เธอปวดท้องเพราะหิวไม่ใช่เหรอ กินก่อนเถอะ”
จางเหวินเห็นว่าอาหารใกล้จะเย็นชืดหมดแล้ว หล่อนจึงเอื้อมมือออกไปรับด้วยความเกรงใจ “ขอบคุณนะ ฉันรู้ว่านักบัญชีสวี่มักจะทำอาหารดีๆ ฉันจะกินไม่มากหรอก”
ข่งอวิ๋นป๋อได้ยินแล้วจึงตอบเสียงเรียบ “อืม”
จางเหวินรับกล่องอาหารของข่งอวิ๋นป๋อมาแล้ว ก็แทบรอไม่ไหวที่จะเปิดออกดู แม้ว่าหล่อนจะหลงรักโหวเจิ้น แต่โหวเจิ้นเป็นคนแล้งน้ำใจที่ไม่เคยเอาอาหารมาให้หล่อนเลย ถ้าหล่อนไม่ยึดติดกับภูมิหลังของโหวเจิ้น ป่านนี้เขาคงถูกเขี่ยทิ้งนานแล้ว
ใครจะรู้ว่าพอเปิดกล่องอาหารแล้วจะได้เห็นของทอดเหลืองกรอบอยู่ข้างใน ทว่าหล่อนยังไม่มีเวลาได้ดีใจ ความรู้สึกผะอืดผะอมพุ่งเข้าหาหล่อนทันที หล่อนตกใจมากจึงรีบวางกล่องอาหารลง ยกมือปิดปากแล้วหันไปอาเจียนอยู่ข้างๆ
ดวงตาของข่งอวิ๋นป๋อมืดลงขณะที่มองกล่องอาหารถูกวางอยู่บนพื้น เขาเดินกลับมาและหยิบกล่องอาหารขึ้นด้วยความระมัดระวังแล้วปิดฝา จากนั้นเขาก็เดินไปหาจางเหวิน ในเวลานี้ใบหน้าของจางเหวินซีดเซียวและหล่อนรู้สึกเหมือนจะอาเจียนน้ำดีออกมาด้วยซ้ำ หล่อนรู้สึกเหมือนท้องไส้ไม่ดีจริงๆ
“เธอเป็นอะไร?”
หลังจากอาเจียนอยู่นานสองนาน จางเหวินก็รู้สึกดีขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าทันทีที่ข่งอวิ๋นป๋อเข้ามาใกล้ จางเหวินก็ได้กลิ่นนั้นอีกครั้ง หล่อนยกมือปิดปากและหันไปเริ่มอาเจียนอีกรอบ
ข่งอวิ๋นป๋อขมวดคิ้วจนแทบคลายออกไม่ได้ “เธอรอก่อนนะ ฉันจะไปตามคนมาช่วยดูอาการ”
ชายหญิงมีความแตกต่างกัน แม้ว่าเขาจะกังวลเกี่ยวกับอาการของหล่อน แต่เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปช่วยหล่อนได้ โดยเฉพาะเมื่อหล่อนมีสถานะคนรักเก่าของสหายรัก เขาจึงต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครสงสัยได้
เมื่อกลับมาข้างในแล้ว ข่งอวิ๋นป๋อก็พบผู้หญิงสองสามคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับจางเหวิน เขาจึงพูดว่า “จางเหวินปวดท้องและอาเจียนอยู่ข้างนอก พวกเธอช่วยไปดูหน่อยนะ”
หลังจากได้ยินแล้ว ผู้หญิงหลายคนก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไปข้างนอกทันที “จางเหวินจะเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบเฉียบพลันไหมนะ ฉันเคยเป็นครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่บ้าน ฉันมีอาการอาเจียนและท้องร่วงเหมือนกับอาการของจางเหวินเลย”
“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ฉันเห็นหล่อนวิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ และมีเสียงอาเจียนเป็นบางครั้ง”
ผู้หญิงหลายคนพูดคุยกันขณะวิ่งออกไปข้างนอก เสิ่นชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วก็กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “หล่อนเป็นหนักไหม?”
ข่งอวิ๋นป๋อมองท่าทางของเขาและพูดแบบไม่ใส่ใจ “ถ้านายกังวลมาก ก็ออกไปดูเองสิ”
เมื่อเสิ่นชิงได้ยินแล้วก็หันขวับมามอง “ใครเป็นห่วงหล่อนมิทราบ”
ข่งอวิ๋นป๋อพูดว่า “ในเมื่อนายไม่ห่วง ก็อย่าถามมากมายนักสิ”
ในใจของข่งอวิ๋นป๋อคือไม่สำคัญว่าทั้งสองจะเลิกกันไปแล้ว อีกทั้งจางเหวินยังเป็นฝ่ายนอกใจด้วย จึงไม่คุ้มที่จะกังวลเรื่องของหล่อน ส่วนที่เขายอมทำตามคำขอของจางเหวิน เพราะเขาไม่อยากเสียเวลาคุยกับหล่อนนานๆ ต่างหาก
เสิ่นชิงได้ยินแล้วก็พูดด้วยความหงุดหงิด “หมาโสดหมื่นปีแบบนายไม่เข้าใจหรอก”
ข่งอวิ๋นป๋อพูดไม่ออก “…”
“ฉันไม่เข้าใจก็จริง ฉันรู้แค่ว่าพี่สาวของฉันนำอาหารอร่อยๆ มาให้ฉันอีกแล้ว”
เมื่อเสิ่นชิงได้ยินดังนั้น เขาก็เข้ามาใกล้ทันที “พี่สาวเอาอาหารอร่อยมาให้นายอีกแล้วเหรอ? ทำไมนายถึงเรียกว่าพี่สาวของนายล่ะ?”
ข่งอวิ๋นป๋อตอบด้วยความภาคภูมิ “พี่สาวบอกว่านับจากนี้ให้ฉันปฏิบัติต่อหล่อนในฐานะพี่สาวแท้ๆ”
เสิ่นชิงได้ยินแล้วก็เดาะลิ้นสองที “นายได้สมดังใจหวังแล้วสินะ”
ข่งอวิ๋นป๋อเป็นลูกคนเดียว และอยากมีพี่สาวมาโดยตลอด นี่คือสาเหตุที่เขาเปลี่ยนทัศนคติทันทีเมื่อสวี่ม่ายซุ่ยบอกว่าต้องการให้เขาปฏิบัติต่อหล่อนในฐานะพี่สาวแท้ๆ
“ถืออะไรอยู่น่ะ เอาให้พวกเราดูหน่อยสิ” เมื่อทุกคนได้ยินแล้วสายตาก็จับจ้องไปที่กล่องอาหารในมือของเขา
เนื่องจากสวี่ม่ายซุ่ยไม่ได้แอบมอบให้เป็นการส่วนตัว ข่งอวิ๋นป๋อจึงไม่ได้ปิดบัง เขาหยิบมันออกมาแบบไม่เห็นแก่ตัวและแบ่งปันให้ทุกคน เมื่อทุกคนเห็นกุ้งทอดในกล่องอาหารแล้วดวงตาก็แทบจะลุกเป็นไฟ
“แค่มองแวบแรกก็รู้แล้วว่าอร่อย ฉันจะชิมมะเขือยาวชุบแป้งทอดนี้ก่อน” เมื่อพูดแบบนั้นก็ยื่นมือไปหยิบ
แต่ทันใดนั้นข่งอวิ๋นป๋อก็หดมือกลับแล้วพูดว่า “ใช้ตะเกียบดีกว่า”
ทันทีที่ทุกคนได้ยินก็กระจายตัวออกไปมองหาตะเกียบทันที ในขณะนี้เพื่อนร่วมห้องของจางเหวินก็วิ่งเข้ามาและตะโกนว่า “ใครพอมีเวลาแล้วช่วยพาเราไปศูนย์อนามัยหน่อยได้ไหม จางเหวินเป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ ยังอาเจียนไม่หยุดเลย”
ทุกคนได้ยินแล้วตกตะลึง จากนั้นก็มองไปที่กล่องอาหารในมือของข่งอวิ๋นป๋อแล้วมองไปที่ยุวปัญญาชนหญิงอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าพวกเขาลังเล เสิ่นชิงก็ลุกขึ้นยืนและตะโกนว่า “ฉันจะไปเอง”
“อวิ๋นป๋อ ขอยืมจักรยานของนายหน่อยสิ”
ข่งอวิ๋นป๋อได้ยินแล้วก็เหลือบมองหิมะข้างนอก จากนั้นตอบว่า “ฉันเกรงว่าวันนี้การขี่จักรยานจะยากน่ะสิ”
เสิ่นชิงก็เพิ่งตระหนักได้ เขารีบพูดว่า “ฉันจะแบกหล่อนไป” พูดจบแล้วเขาก็รีบวิ่งออกไป
ทุกคนมองไปที่สหายหญิงและเสิ่นชิงที่เดินออกไปพร้อมกันแล้วทอดถอนใจพลางเอ่ย “ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันท์ใด ใยยอมมอบแก่กันด้วยชีวิต*”
(*ถามโลกหล้ารักนั้นเป็นฉันท์ใด ใยยอมมอบแก่กันด้วยชีวิต จากบทประพันธ์ของหยวนฮ่าวเวิ่น แต่โด่งดังจากผลงานของกิมย้ง)
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อาการของยัยจางเหวินไม่น่าจะใช่โรคกระเพาะนะ เหมือนคนแพ้ท้องมากกว่า
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION