ตอนที่ 207 ส่งของกินให้ข่งอวิ๋นป๋อ
เฉินจินหมิงได้ยินแล้วผงะ เขามองเธอด้วยความสับสน “หมายความว่าไงครับ?”
“ในเมื่อช่วยทำงานเสร็จแล้ว ฉันเลยอยากจะเอาของกินให้เธอบ้าง แล้วเธอมีที่ซ่อนของพวกนี้ไหม?”
ในที่สุดเฉินจินหมิงก็เข้าใจความหมายก่อนจะส่ายหัวโดยอัตโนมัติ สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเขาส่ายหัวแล้วก็ตกตะลึง
ต้องทราบก่อนว่าถึงแม้หลินเซียวหลินฟานจะกินอิ่มที่บ้านทุกวัน แต่พวกเขาก็ยังมีที่ซ่อนขนมของกินส่วนตัว ส่วนเฉินจินหมิงใช้ชีวิตแบบนี้ และยังไม่มีที่ซ่อนของส่วนตัวอีกด้วย
“แล้วปกติเธอกินข้าวยังไง?”
เพราะถ้าจางซุ่ยฮวาและแม่เฒ่าเฉินให้เขากินอิ่มก็คงจะแปลกไม่น้อย
“ถ้าหิวก็ไปกินข้าวบนภูเขา กินอิ่มแล้วก็กลับมาครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดด้วยความเหลือเชื่อ “เอาล่ะ คราวหน้าถ้าหิวก็มากินข้าวที่บ้านฉันนะ ฉันจะเก็บไว้ให้เสมอ”
ขณะที่เฉินจินหมิงกำลังจะกล่าวขอบคุณ เขาก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างนอก สวี่ม่ายซุ่ยตกใจมากและวิ่งออกไปดูทันที เธอจึงได้เห็นหลินเซียวและพรรคพวกกำลังต่อสู้กับเสี่ยวพั่งและเฉินจินเฟิ่งโดยการปาหิมะ
เนื่องจากเด็กทั้งสองกลุ่มตกลงกันไม่ได้ พวกเขาจึงใช้กำลังเข้าสู้กันด้วยความดุเดือดและเกลียดชัง พวกเฉินจินเฟิ่งไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ พวกหล่อนจึงเริ่มขุดคำด่าสารพัดออกมา ซึ่งพวกหลินเซียวก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน*จึงลุกขึ้นด่าตอบ
(*ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน หมายถึง คนที่จัดการได้ยาก)
การปะทะฝีปากนี้เองที่ดึงดูดสวี่ม่ายซุ่ยออกมา เมื่อเห็นว่าลูกของตนไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ สวี่ม่ายซุ่ยจึงหันหลังแล้วตั้งท่าจะเดินกลับไป แต่บังเอิญว่าหันมาเจอเฉินจินหมิงเข้าพอดี “อาสะใภ้ ถ้าหมดธุระแล้วผมขอตัวกลับก่อน”
สวี่ม่ายซุ่ยหันกลับไปมองข้างนอกแล้วตอบว่า “พวกน้องชายน้องสาวของเธออยู่ข้างนอก จะเป็นไรไหม?”
ไม่ใช่ว่าสวี่ม่ายซุ่ยคิดในแง่ลบมากเกินไป แต่พวกพี่น้องของเฉินจินหมิงมีนิสัยแย่กว่าเขามาก เธอจึงกลัวว่าพวกเขาเห็นแล้วจะตามรังควาญเฉินจินหมิง แต่เฉินจินหมิงกลับมีท่าทางสงบมาก “ไม่เป็นไรครับ”
เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่ขวางอีกต่อไป เธอขยับไปด้านข้างเพื่อเปิดทางให้เฉินจินหมิงเดินออกไป
หลังจากที่เฉินจินหมิงออกไปแล้ว เขาก็ตรงไปทางประตูบ้านทันที ซึ่งบังเอิญว่าเฉินจินเฟิ่งเห็นเขาพอดี เมื่อเฉินจินหมิงเดินมาแล้ว หล่อนก็รีบวิ่งมาถามว่า “ทำไมพี่ถึงอยู่ที่บ้านของหล่อน? หล่อนให้รางวัลมาบ้างไหม?”
“รอให้ฉันไปบอกย่าก่อนเถอะ” พูดจบแล้วหล่อนก็วิ่งกลับบ้านทันที
เฉินจินหมิงมองตามแผ่นหลังที่วิ่งกลับบ้านไป ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็มืดลง และมุมปากก็กระตุกยิ้มดูแคลน
ในเวลานี้เฉินจินเป่าก็เข้ามาหาเรื่องเฉินจินหมิงด้วย “ฉันเองก็กำลังจะถามนายเหมือนกัน อย่าคิดจะโกหกล่ะ มิฉะนั้นก็อย่าหวังจะได้กลับไปนอนที่บ้านเลย”
เฉินจินหมิงหัวเราะเยาะพลางเอ่ย “ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะมันจะไม่เกิดขึ้น”
หลังจากที่สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเฉินจินหมิงออกไปแล้ว เธอก็ไปที่ห้องครัวแล้วหยิบกล่องอาหารอลูมิเนียมสองกล่องออกจากตู้ และเข้าไปในห้องหลัก เติมอาหารทอดกรอบใส่กล่องทั้งสอง เมื่อวางกล่องอาหารใส่ถุงแล้วจึงเดินเข้าห้องนอนอีกครั้ง
รอจนเตรียมตัวพร้อมแล้ว เธอจึงเดินออกไปข้างนอก และเนื่องจากทุกครั้งที่ไม่ได้อยู่บ้าน สวี่ม่ายซุ่ยจะล็อกประตูห้องหลักเสมอ รอจนกระทั่งออกจากประตูบ้านและกำลังจะปิดประตู หลินเซียวก็วิ่งมาชนเข้ากับเธอ
เมื่อมองแม่ที่ใส่ชุดกันหนาวปกปิดตัวเองราวกับหมี หลินเซียวก็ถามด้วยความประหลาดใจ “แม่จะไปไหนเหรอครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “จะออกไปสักพักน่ะ”
ในจังหวะนี้เองที่มีก้อนหิมะเขวี้ยงโดนศีรษะของหลินเซียวด้วยความแม่นยำ ทำให้เขาโกรธมากแล้วหันกลับไปเพื่อจะแก้แค้น เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยเห็นดังนั้น เธอก็รีบคว้าคอเสื้อของเขาไว้พลางเอ่ย “ลูกสองคนดูไม่น่าจะกลับบ้านอีกสักพัก แม่ควรล็อกประตูไหม?”
เวลานี้หลินเซียวกำลังคิดแต่เรื่องแก้แค้น เขาจึงตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “แม่ล็อกได้เลยครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็ไม่ลังเลเช่นกัน เธอปล่อยเขาแล้วหันหลังกลับไปล็อกประตูทันที จากนั้นก็เดินไปที่หมู่บ้านพร้อมกล่องของทอดกรอบๆ สองกล่อง โดยกล่องหนึ่งสำหรับข่งอวิ๋นป๋อ และอีกกล่องสำหรับอาวุโสจาง
เหตุผลที่มอบให้ข่งอวิ๋นป๋อเพราะอยากสานสัมพันธ์อันดี เธอต้องการรอจนถึงปิดเทอมฤดูร้อนปีหน้าเพื่อให้ข่งอวิ๋นป๋อสอนหนังสือหลินเซียวหลินฟานอีก ซึ่งหลังจากได้รับการสั่งสอนจากข่งอวิ๋นป๋อแล้ว ทั้งหลินเซียวหลินฟานก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และระดับความรู้ของพวกเขาก็ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด
สำหรับอาวุโสจางนั้นเป็นเพราะเธอเห็นแก่หน้าของหลินเจี้ยนเยี่ยล้วนๆ ใครใช้ให้เขาสนับสนุนหลินเจี้ยนเยี่ยกันล่ะ และอีกประเด็นสำคัญก็คืออาวุโสจางมากประสบการณ์กว่าหลินเจี้ยนเยี่ย เขาสามารถเล่าประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับของเก่าที่สวี่ม่ายซุ่ยซื้อมาได้ แล้วค่อนข้างน่าเชื่อถือด้วย
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นนินทา สวี่ม่ายซุ่ยจึงไปที่ศูนย์ยุวปัญญาชนก่อน เมื่อมาถึงแล้วก็เห็นพวกยุวปัญญาชนกำลังรวมตัวกันและสนทนาอย่างดุเดือด สวี่ม่ายซุ่ยยืนอยู่ที่ประตูและมองไปทางเสิ่นชิงซึ่งโมโหจนหน้าดำหน้าแดง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงตัดสินใจโบกมือให้คนข้างๆ เพื่อจะได้เรียกข่งอวิ๋นป๋อ
เธอเป็นนักบัญชีประจำหมู่บ้านและถือได้ว่าเป็นชาวบ้านคนหนึ่ง หากมัวแต่ยืนอยู่ที่นี่เงียบๆ และฟังการถกเถียงของพวกเขา ก็อาจจะทำให้ทุกคนขายหน้าหากว่าบทสนทนาเป็นหัวข้อต้องห้าม
ทันใดนั้นผู้คนที่อยู่ข้างๆ ก็ตื่นตัวทันทีเมื่อเห็นเธอโบกมือ และพวกเขาก็รีบส่งสัญญาณไปยังคนรอบข้างเรื่อยๆ สะกิดกันคนต่อคน และหลังจากนั้นไม่นาน ศูนย์ยุวปัญญาชนก็เงียบลง
เมื่อเห็นสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาทางตน สวี่ม่ายซุ่ยก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาบ้าง เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันมาหาข่งอวิ๋นป๋อน่ะ”
เมื่อข่งอวิ๋นป๋อได้ยินว่าตัวเองคือคนที่เธอมาตามหา เขาจึงลุกขึ้นจากที่นั่งทันที “ทุกคนคุยกันต่อเถอะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักครู่” เขาพูดจบแล้วก็เดินมาหาสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเช่นนั้นจึงพาเขาออกไปข้างนอก ส่วนจางเหวินที่อยู่ในกลุ่มคนได้เห็นแล้วก็มีสายตาครึ้มลง หล่อนลุกขึ้นยืน แต่โดนคนข้างๆ ที่เห็นว่าหล่อนกำลังจะเดินออกไปถามขึ้นทันทีว่า “เธอจะไปไหน?”
จางเหวินตอบ “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ”
คนที่อยู่ข้างๆ หล่อนก็ประหลาดใจ “เธอเพิ่งไปไม่ใช่เหรอ?”
จางเหวินขมวดคิ้วและตอบด้วยท่าทางหงุดหงิด “ฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะ แต่ช่วงนี้ฉันอยากเข้าห้องน้ำตลอดเลยล่ะ”
“หรือว่าเธอจะท้องเสีย?”
ในเวลานี้ หัวใจของจางเหวินมุ่งความสนใจไปที่สวี่ม่ายซุ่ยและข่งอวิ๋นป๋อ หล่อนจึงไม่อยากเสียเวลากับอีกฝ่าย เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็ตอบด้วยความไม่สบอารมณ์ “ก็อาจจะเป็นแบบนั้น ฉันไม่เสียเวลาคุยกับเธอแล้ว ฉันต้องรีบไปแล้ว”
เมื่อหล่อนเดินออกไปก็เห็นสวี่ม่ายซุ่ยหยิบกล่องอาหารออกมาจากกระเป๋าแล้วมอบให้ข่งอวิ๋นป๋อ ซึ่งทันทีที่ข่งอวิ๋นป๋อเห็นกล่องอาหารนั้นแล้ว เขาก็ปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “พี่สาว ผมรับอาหารกล่องนี้ไม่ได้หรอก คุณเพิ่งให้เจียนปิ่งมาเอง ผมยังไม่มีโอกาสได้ขอบคุณเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้คุณเอาของมาให้อีกแล้ว ผมไม่สมควรได้รับมันเลย”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ไม่สมควรตรงไหนกันล่ะ นายเป็นอาจารย์ของหลินเซียว ถ้าฉันไม่ให้ของตอบแทนบ้างก็จะไม่เหมาะสม”
ข่งอวิ๋นป๋อยังดูสับสน “แต่คุณก็จ่ายเงินให้ผมแล้ว ตอนที่ผมสอนหลินเซียว ผมก็ได้รับประโยชน์ไปด้วย ผมจะเอาเปรียบคุณไม่ได้อีกแล้ว”
เมื่อเห็นว่าข่งอวิ๋นป๋อยืนกรานปฏิเสธจริงๆ สวี่ม่ายซุ่ยจึงพูดด้วยความไม่มั่นใจ “ฉันขอพูดกับนายตามตรงเลยนะ ทุกวันนี้ฉันได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีของหลินเซียวจริงๆ
ในเมื่อนายสอนได้ดีมาก ฉันจึงอยากจะขอรบกวนนายอีก รอจนถึงปิดเทอมฤดูร้อนแล้วอยากให้นายสอนหลินเซียวหลินฟานน่ะ”
ข่งอวิ๋นป๋อได้ยินเช่นนี้ก็ผ่อนคลายลงเช่นกัน “พี่สาว ผมก็นึกว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ซะอีก ความจริงหลินเซียวกับผมเข้ากันได้ดีมาก ถ้าว่างก็ปล่อยให้เขามาหาผมได้ทุกเมื่อ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ตกลงตามนั้น แล้วของนี่ล่ะ?”
ข่งอวิ๋นป๋อยิ้มด้วยความจำนน “ผมจะยอมรับเอาไว้แล้วกัน”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้สึกโล่งใจแล้ว เมื่อมองรอยยิ้มสดใสของข่งอวิ๋นป๋อ เธอก็พูดไปตามธรรมชาติว่า “ในอนาคตนายไม่จำเป็นต้องเกรงใจฉันขนาดนี้หรอก นายอายุพอๆ กับน้องชายของฉัน แค่ปฏิบัติต่อฉันเหมือนพี่สาวแท้ๆ ก็พอนะ”
ข่งอวิ๋นป๋อรู้สึกผ่อนคลายกับความเป็นกันเองของสวี่ม่ายซุ่ยไปด้วย เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้ครับ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ” หลังจากส่งของกินสำเร็จแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็ขอตัวลาทันที
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
สงสารจินหมิงแท้ อยากกินอะไรแบบไม่ต้องโดนพี่น้องแย่งก็ต้องหลบขึ้นไปกินบนภูเขา
จางเหวินใจเย็น เขาแค่เป็นพี่สาวน้องชายกัน
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION