ตอนที่ 205 หลินเซียวยอดนักสืบ
เมื่อเผชิญกับปฏิกิริยาที่รุนแรงของหลินเซียวแล้ว เฉินจินหมิงก็ทำตัวสงบลงมาก “แค่สีเข้มไปบ้าง หล่อนไม่กล้าพอจะวางยาพิษหรอกนะ”
“จะมียาพิษหรือไม่ก็ช่าง พวกเราไม่สนใจจะกินอยู่แล้ว” หลินเซียวมองเขาแล้วพูดด้วยความขุ่นเคือง
พูดแบบนั้นแล้วเขาก็ตั้งท่าจะไล่คนออกไป
แต่สวี่ม่ายซุ่ยมีโอกาสได้พบเฉินจินหมิงหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่เห็น เขามักจะเดินหอบกองฟืนกลับบ้าน ทำให้รู้ว่าเขาต้องลำบากอยู่ในครอบครัวเหล่าเฉิน ดังนั้นสวี่ม่ายซุ่ยจึงไม่ต้องการรังแกเขา
“นอกจากมาส่งของที่นี่แล้ว แม่ยังสั่งให้เธอทำอะไรอีก?”
เฉินจินหมิงเหลือบมองมันหวานทอดด้วยความหลงใหล “หล่อนอยากให้ผมเอาของแลกเปลี่ยนกลับไปด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ยเข้าใจถึงแผนการของเพื่อนบ้านได้ทันที เธอหัวเราะเยาะเบาๆ และพูดว่า “ครั้งนี้ถือว่าแม่ของเธอฉลาดมาก”
เฉินจินหมิงอธิบายว่า “ไม่ใช่ความคิดของแม่ แต่เป็นความคิดของเฉินจินเฟิ่ง”
ภาพของสาวน้อยเจ้าเล่ห์แวบเข้ามาในความทรงจำของสวี่ม่ายซุ่ยทันที “อ้อ งั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลย เธอรอครู่หนึ่งนะ”
พูดจบแล้วเธอก็ยืนขึ้น หยิบชามและเดินไปที่ตู้เพื่อหยิบชามของบ้านตัวเองออกมาและเทอาหารลงไป จากนั้นก็เดินไปที่ถาดบรรจุมันทอดกรอบ แล้วหยิบมันหวานกับมันฝรั่งทอดใส่ลงในชามเดิมจำนวนหนึ่ง
“เธอมาที่นี่เร็วไปหน่อย บ้านฉันยังไม่ได้ทอดของที่ดีกว่านี้”
เฉินจินหมิงรับชามที่สวี่ม่ายซุ่ยส่งมาและตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “ขอบคุณครับ นี่ก็ดีมากแล้ว”
หลังพูดจบแล้วเขาก็เดินออกไปทันที
หลินเซียวยังไม่ไว้ใจอีกฝ่าย เขาจึงให้หลินฟานถือเชื้อปะทุไฟไว้แทน พลางเอ่ย “ผมจะไปดูเขาหน่อยครับ”
เมื่อเขาออกไปดูจนเห็นว่าอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ หลินเซียวก็อดที่จะดุหลินฟานไม่ได้ “นายโง่เหรอ ถึงปล่อยให้คนเข้ามาได้น่ะ ดูครอบครัวของเขาสิ คิดว่าเขาจะเป็นคนดีได้เหรอ นายไม่กลัวว่าถ้าวันหนึ่งเราไม่อยู่บ้าน แล้วจะมีคนจับนายไปขายหรือไง”
หลินฟานรู้สึกหวาดกลัวกับคำพูดของหลินเซียวมาก เขาจึงก้มหน้าลงและไปแอบอยู่ด้านหลังของสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยกางแขนออกมาปกป้องหลินฟานและพูดกับหลินเซียวว่า “ลูกหยุดทำให้น้องกลัวได้แล้ว”
หลินเซียว “ถ้าไม่ทำให้เขากลัว ก็จะไม่จำสักทีไงครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่คิดว่าหลินฟานจะเป็นคนที่เปิดประตูให้โดยไม่ตั้งใจ เธอจึงก้มหน้าลงและถามเสียงอ่อนโยน “ทำไมอยู่ๆ ลูกถึงปล่อยให้เขาเข้ามาล่ะ?”
หลินฟานลังเลครู่หนึ่งและตอบว่า “เขาช่วยเรากวาดหิมะออกจากหน้าประตู ยังมีเมื่อไม่กี่วันก่อนผมถูกเสี่ยวพั่งรังแก และเขาก็ช่วยผมไว้ด้วยครับ”
เมื่อหลินเซียวได้ยินว่าเสี่ยวพั่งรังแกน้องชาย เขาก็ระเบิดโทสะทันที “นายว่าไงนะ เจ้าเสี่ยวพั่งรังแกนายเหรอ ทำไมนายไม่บอกฉัน?”
หลินฟานพูดว่า “เฉินจินหมิงช่วยผมแก้แค้นไปแล้ว ผมก็เลยไม่ได้บอกพี่ไงล่ะ”
หลินเซียว “เขาช่วยนายแก้แค้นยังไง”
หลินฟานแสดงท่าทางให้เห็นแบบง่ายๆ “ทำแบบนี้เลย เขาคว้าชายเสื้อของเสี่ยวพั่งคนนั้นไว้แล้วดึงออกไปข้างๆ”
“เขาเก่งขนาดนั้นเชียว?”
หลินฟานตอบ “อื้ม”
หลินเซียวเห็นน้องชายพยักหน้ารับง่ายๆ ก็รู้สึกโกรธมากขึ้น “แล้วนายทำอะไรเป็นบ้างเนี่ย ถนนกว้างขนาดนั้นยังถูกเสี่ยวพั่งขวางได้ คืนนี้มาฝึกฝนร่างกายกับฉันเลยนะ”
หลินฟานได้ยินแล้วก็พูดคัดค้านทันที “ผมไม่ทำหรอก”
พูดจบแล้วเขาก็เอามือคล้องคอของสวี่ม่ายซุ่ยพลางเอ่ยอย่างดื้อรั้น “แม่ครับ ผมไม่ทำนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ไม่ทำก็ไม่ทำ เซียวเซียว ตอนที่ลูกออกไปข้างนอกได้มองที่ประตูไหม?”
หลินเซียวตอบว่า “ผมเห็นครับ มันถูกทำความสะอาดแล้วจริงๆ”
“เขาเป็นคนเดียวในครอบครัวนั้นที่ใช้ได้” หลินเซียวพูดเสียงหนักแน่น
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยนึกถึงประตูบ้านหลังถัดไปแล้ว เธอก็อดเห็นใจเด็กคนนั้นไม่ได้ “ลูกก็ลองคิดหาทางให้เขามาทีหลังอีกได้นะ”
“แม่อยากให้เขาทำอะไรครับ”
“ตอนนี้เขาไม่น่าจะได้กินของทอดพวกนั้นหรอก ลูกก็ให้เขากินข้าวบ้านเราเสร็จแล้วค่อยกลับไป”
หลินเซียวทำหน้ามุ่ย “แม่กับหลินฟานใจดีเกินไปแล้ว”
เฉินจินหมิงเดินกลับบ้านพร้อมชาม และทันทีที่เขาเดินเข้ามา จางซุ่ยฮวากับเฉินจินเฟิ่งก็ได้กลิ่นหนึ่งลอยมาด้วย
“พี่รอง ได้ของแลกเปลี่ยนจริงๆ เหรอ” เฉินจินเฟิ่งถามด้วยความแปลกใจขณะมองไปที่ชามในมือของเฉินจินหมิง
“อืม” เฉินจินหมิงทำแค่ตอบรับเบาๆ แล้ววางชามทิ้งไว้บนเตา
จางซุ่ยฮวามองอาหารในชามแล้วพึมพำด้วยความรังเกียจทันที “แกไปตั้งนานสองนาน ได้กลับมาแค่นี้ ขี้เหนียวเกินไปแล้วนะ พวกนั้นสวมใส่เสื้อผ้าไม่เหมือนคนตระหนี่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะขี้เหนียวของกันขนาดนี้ ยังไม่ดีเท่าเพื่อนบ้านในหมู่บ้านของเราด้วยซ้ำ อย่างน้อยถ้าเราเอาของไปให้ ก็จะกลับมาพร้อมอาหารที่มีเนื้อไม่ใช่เหรอ”
ขณะจางซุ่ยฮวาทำหน้าบูดบึ้งและบ่นไม่หยุด เฉินจินเฟิ่งก็เอื้อมมือไปหยิบมันหวานชิ้นหนึ่งแล้วยัดใส่ปาก เนื่องจากสวี่ม่ายซุ่ยเลือกมันหวานชั้นดีและโรยเกลือเล็กน้อยหลังทอดเสร็จ มันจึงมีรสชาติอร่อยมากเป็นพิเศษ
เฉินจินเฟิ่งกินไปชิ้นหนึ่งและหยิบอีกชิ้นเข้าปาก จากนั้นยังคงพูดพล่ามต่อไป “แต่ว่า ยิ่งมีเงินมากเท่าไรก็ยิ่งตระหนี่มากขึ้นเท่านั้น เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกเหมือนได้ไม่คุ้มเสียเอาซะเลย พี่รอง เกรงว่าพี่จะไม่ได้รับความนิยมมากนักนะ”
เฉินจินหมิงมองสองแม่ลูกที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งที่กำลังกินอาหารของคนอื่นแต่กลับพูดจาแย่ๆ ถึงอีกฝ่าย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมไปที่นั่นเร็ว จึงยังไม่ได้เวลาทำอาหารพวกเนื้อ เลยได้แต่ผักทอดนี้มา”
พูดจบแล้วเขาก็เดินออกประตูไปทันที
จางซุ่ยฮวาและเฉินจินเฟิ่งรู้สึกขัดเคืองใจราวกับว่าพวกตนขาดทุนเนื้อไปหลายชิ้น “ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ ฉันจะให้เขาไปทีหลัง”
เฉินจินเฟิ่งพูดว่า “ใครจะรู้ว่าพวกนั้นจะทอดผักก่อนล่ะคะ”
จางซุ่ยฮวากลอกตาด้วยความโกรธ “ถ้าแกไม่ตะกละจนบอกให้พี่รองของแกไปเร็วๆ บางทีเราอาจจะยังได้เนื้อมาบ้าง”
เฉินจินเฟิ่งพูดว่า “จะตำหนิหนูได้ไง ถ้าแม่อยากกินเนื้อก็แค่บอกให้พี่รองไปขออีกสิ”
“แกคิดว่ามันง่ายมากนักเหรอ” หล่อนพูดพลางคว้าชามจากมือของเฉินจินเฟิ่ง “แกไม่ต้องกินแล้ว เหลือไว้ให้น้องชายกับพี่ใหญ่ของแกบ้าง ทำไมแกถึงคิดจะกินคนเดียว จะเห็นแก่ตัวขนาดนี้ได้ไง”
เฉินจินเฟิ่งมองชามในมือของจางซุ่ยฮวาแล้วเถียงด้วยความไม่เต็มใจ “แต่ยังเหลืออีกเยอะเลยนะคะ”
จางซุ่ยฮวายื่นชามออกไปทางเฉินจินเฟิ่งด้วยความไม่พอใจ แต่ก่อนที่เฉินจินเฟิ่งจะทันได้หยิบ หล่อนก็ดึงกลับแล้วพูดว่า “นี่เรียกว่ามากแล้วเหรอ”
เฉินจินเฟิ่งพูดว่า “แม่น่ะรักลูกชายมากกว่าลูกสาว”
“แกกับพี่ชายน้องชายจะเหมือนกันได้ไง ในอีกไม่ช้าก็เร็วแกจะแต่งงาน และถ้าอยากกินก็ไปกินที่บ้านสามีเอาสิ”
“แต่ตอนนี้ฉันยังไม่ได้แต่งงานนี่คะ”
“แต่ไม่ช้าก็เร็วแกต้องแต่งงาน จะเถียงทำไม” ในขณะที่กำลังพูดกันนั้น เฉินจินกังและเฉินจินเป่าก็เดินเข้ามา จากนั้นพี่ชายน้องชายทั้งสองก็แบ่งของกินในชามกันคนละครึ่ง
“แม่ยังมีอีกไหมครับ?” เฉินจินกังมองไปที่จางซุ่ยฮวาแล้วถาม
เฉินจินกังถูกจับกุมอยู่สองสามวันก่อนจะได้รับการปล่อยตัว ซึ่งหลังจากถูกเฉินเยวี่ยลงโทษแล้ว ช่วงนี้เขาจึงเริ่มทำตัวดีมากขึ้น
จางซุ่ยฮวาตอบว่า “มีแค่นั้นแหละ”
เมื่อเฉินจินเป่าได้ยินว่าหมดแล้วก็เริ่มร้องไห้ทันที แต่เขาก็ถูกจางซุ่ยฮวาดุด้วยการตบหน้าไปหนึ่งที
เมื่อใกล้เที่ยง สวี่ม่ายซุ่ยก็ทอดพวกผักเสร็จและเริ่มทอดกุ้ง ปลา หมูและเนื้อ ซึ่งหลินเซียวได้รับคำสั่งให้ไปเรียกเฉินจินหมิงมากินด้วยกัน
หลินเซียวแอบหยิบกุ้งสามตัวจากถาดและวางไว้ในมือของตน จากนั้นเขาก็แอบวิ่งออกไป และในไม่ช้าก็มีเสียงร้องหลายเสียงดังมาจากประตูถัดไป
เฉินจินเป่าซึ่งเดิมทียังอารมณ์ค้าง พอได้ยินแล้วก็วิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นโดยไม่เหลียวมองใครเลย และทันทีที่ออกมาแล้ว เขาก็เห็นหลินเซียวยืนพิงประตูบ้านพลางเคี้ยวกุ้งทอดด้วยท่าทางเกียจคร้าน “พี่เซียว มาที่นี่ทำไมเหรอ?”
หลินเซียวพูดกับเขาพลางเคี้ยวตุ้ยๆ “ฉันมีเรื่องจะพูดกับนายหน่อยน่ะ”
เฉินจินเป่ามองกุ้งทอดในมือของเขาและแอบกลืนน้ำลายลงคอ สายตาของเขาไม่เคยละไปจากกุ้งทอดเลย “อยากถามอะไรก็ถามได้เลย และผมจะบอกทุกสิ่งที่รู้ด้วย”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำไมเหรอ เขาทำอาหารกินกันเองแล้วต้องหวังให้เขาแบ่งมาบ้านตัวเองด้วยเหรอ ทำตัวเป็นสัมภเวสีช่วงวันสารทจีนไปได้บ้านตระกูลเฉินนี่
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION