ตอนที่ 201 ฝีปากอันเราะรายของหลินเจี้ยนเยี่ย
“คุณมีธุระอะไรกับหล่อน?” หลินเจี้ยนเยี่ยไม่ตอบคำถาม แต่ย้อนถามหล่อนแทน
จางซุ่ยฮวายิ้มแล้วพูดด้วยท่าทางอ่อนหวาน “ไม่มีหรอก ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมคุณถึงมาซักผ้าล่ะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยซึ่งอาศัยอยู่ในชนบทมาตั้งแต่เด็กย่อมเข้าใจความหมายของจางซุ่ยฮวา แต่เขาไม่มีเวลาคุยเรื่องไร้สาระกับหล่อน ทั้งยังไม่อยากจะคุยกับหล่อนด้วย
ฝ่ายจางซุ่ยฮวาคิดว่าที่หลินเจี้ยนเยี่ยไม่ตอบเป็นเพราะเขารู้สึกอับอาย หล่อนจึงพูดต่อ “ภรรยาของคุณยังไม่ตื่นอีกเหรอ? กี่โมงกี่ยามแล้วยังไม่ตื่นมาทำงานบ้านอีก ให้ผู้ชายแบบคุณมาทำงานบ้านมันน่าอายเกินไป แม้แต่ผู้หญิงขี้เกียจที่สุดในหมู่บ้านของเรายังรู้วิธีซักผ้าให้สามีเลยนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็หยุดขยี้ผ้าและขมวดคิ้วโดยอัตโนมัติ ก่อนที่เขาจะโต้แย้ง จางซุ่ยฮวาก็พูดต่อไปอีก “หัวหน้าหลิน คุณใจดีและว่านอนสอนง่ายเกินไป คุณเคยชักสีหน้าใส่ภรรยาสักกี่ครั้ง งั้นก็ลองดุด่าหล่อนสักสองสามครั้งสิคะ แล้วรอดูว่าหล่อนจะกล้าทำกับคุณแบบนี้อีกไหม จะมีภรรยาคนใดกล้านั่งบนหัวสามีและทำท่าหยิ่งผยองบ้างล่ะ”
ในที่สุด หลินเจี้ยนเยี่ยก็ไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดกับจางซุ่ยฮวาว่า “พี่สะใภ้ นี่มันปีอะไรแล้ว?”
จางซุ่ยฮวาผงะแล้วพูดว่า “ปี 1972 ไม่ใช่เหรอ? ทำไมล่ะ คุณลืมเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยแค่นเสียงหัวเราะเยาะ “ราชวงศ์ชิงล่มสลายนานกี่ปีแล้ว ไม่คิดเลยว่าคุณจะยังมีความคิดโบราณคร่ำครึขนาดนี้ ไม่แปลกใจที่คุณจะควบคุมแม่เฒ่าไม่ได้ แต่กลับถูกแม่เฒ่าควบคุมซะเอง”
จางซุ่ยฮวาไม่คิดว่าหลินเจี้ยนเยี่ยจะมีวาจาเราะร้ายขนาดนี้ หล่อนตัวแข็งทื่อทันทีและใช้เวลานานกว่าจะตอบสนองได้ “คุณ… ฉันเตือนคุณด้วยความหวังดีแท้ ๆ แต่ไม่คิดว่าความตั้งใจดีของฉันจะถูกมองในแง่ร้ายแบบนี้”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ผมไม่ต้องการให้ใครมาเตือนเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัว แทนที่คุณจะกังวลเรื่องคนอื่น ก็ควรเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า”
จางซุ่ยฮวา “คุณมันไม่รู้ผิดชอบชั่วดี”
หลินเจี้ยนเยี่ยไม่อยากคุยกับหล่อนอีกต่อไป และเขาไม่ชอบให้หล่อนมองมาด้วย จึงพูดเสียงเย็นชา “แทนที่คุณจะมาแอบดูบ้านคนอื่นตรงนี้ รีบกลับไปรับใช้แม่เฒ่าของคุณเร็ว ๆ จะดีกว่านะ อ้อ… กระจกบนกำแพงนี้คมมาก หากเผลอทำให้คุณบาดเจ็บ เราจะไม่รับผิดชอบนะ”
จางซุ่ยฮวามองไปที่ใบหน้าอันเย็นชาของหลินเจี้ยนเยี่ย เมื่อก่อนหล่อนเคยชอบสีหน้าแบบนี้มาก และตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ ยิ่งได้เห็นเขารู้จักปกป้องภรรยาของตน แล้วย้อนมองสามีตัวเองอีกครั้ง จะเห็นว่าสามีตนรู้จักแต่ทำร้ายภรรยาเท่านั้น
ทันใดนั้น แม่เฒ่าเฉินที่อยู่ในห้องก็ตะโกนขึ้นมาดังลั่น “จางซุ่ยฮวา เธอไปตายที่ไหนเนี่ย? รีบมาเปลี่ยนถังฉี่ของฉันเดี๋ยวนี้!”
จางซุ่ยฮวาที่กำลังลงมาก็บังเอิญได้ยินเสียงตวาดที่น่ากลัวเข้า หล่อนดูงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อกลับมามีสติจึงหันไปมองโดยไม่ทันระวังจนพลัดตกจากบันได และทำให้บันไดที่จับไว้ล้มตามมาด้วยจนเกิดเสียงดังโครม
หลินเจี้ยนเยี่ยซึ่งกำลังตากผ้าปูที่นอนอยู่ก็ชะงักมือ แต่เพียงครู่เดียวก็เริ่มตากเสื้อผ้าที่เหลือต่อไปราวกับว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น จากนั้นเขาก็กลับเข้าบ้านโดยไม่แม้แต่จะมองไปที่ประตูข้าง ๆ
เนื่องจากจางซุ่ยฮวาทำเสียงดังแปลก ๆ สวี่ม่ายซุ่ยจึงสะดุ้งตกใจ และเมื่อเธอเห็นหลินเจี้ยนเยี่ยเดินเข้ามาก็ถามแบบสบาย ๆ ว่า “ข้างนอกเกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “ไม่มีอะไร คุณนอนต่อเถอะ ผมจะนำอาหารกลับมาเอง คุณไม่ต้องทำนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วจึงตอบด้วยความเกียจคร้าน ตอนนี้หลินเจี้ยนจวินไม่อยู่บ้าน หลินเซียวไม่ต้องไปโรงเรียน และสวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่จำเป็นต้องตื่นเช้าทุกวัน
หลังจากกินอาหารเช้าที่หลินเจี้ยนเยี่ยนำกลับมาแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็ตั้งใจจะออกไปดูที่คอกวัว เพราะเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ถ้าไม่ใช่เวร เธอก็ไม่ได้ไปที่นั่นเลย
เมื่อเธอเดินออกมา เธอก็ได้พบกับจางซุ่ยฮวาที่เดินกะโผลกกะเผลก ขณะที่สวี่ม่ายซุ่ยกำลังจะทักทายจางซุ่ยฮวาเพราะอยากดูความตื่นเต้น เธอก็เห็นอีกฝ่ายจ้องมองมาด้วยสายตาดุร้ายและเดินเข้าลานบ้านโดยไม่หันกลับมามองเธอสักนิด
สวี่ม่ายซุ่ยเองก็อ้ำอึ้ง…
“หล่อนเป็นบ้าอะไรอีกล่ะ”
เมื่อเดินมาถึงคอกวัวแบบไม่เร่งรีบและพบว่าไม่มีใครอยู่ที่คอกวัวเลย สวี่ม่ายซุ่ยจึงขี้เกียจเกินกว่าจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตามหาคนอื่น ๆ เธอจึงเดินเล่นไปรอบ ๆ แล้วค่อยกลับบ้าน
ในชั่วพริบตาเดียว เวลาก็เดินมาถึงวันที่ 26 ธันวาคม และเด็กทั้งสองก็ได้วันหยุดจากข่งอวิ๋นป๋อด้วย ซึ่งในช่วงที่ข่งอวิ๋นป๋อสอนพวกเขานั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเด็กทั้งสองแบบชัดเจน อย่างน้อยก็หลินเซียวที่ให้ความสนใจกับการอ่านหนังสือมากขึ้น
“แม่ครับ ครอบครัวของเราเพิ่งจะมาทำเจียนปิ่งตอนนี้เหรอ?” หลินเซียวถามขณะดูแป้งที่สวี่ม่ายซุ่ยหอบหิ้วออกมา
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “แม่งานยุ่งตลอดเวลา จะเอาเวลาที่ไหนไปทำล่ะ อย่ามาขวางทางแบบนี้ รีบไปเปิดประตูให้แม่หน่อย”
เนื่องจากพวกเธอไม่มีเตาสำหรับทำเจียนปิ่ง จึงต้องไปที่บ้านของหลี่ต้านีเท่านั้น
หลินเซียววิ่งออกไปข้างนอกเพื่อเปิดประตูให้ จากนั้นเขาก็เดินย้อนกลับมาที่บ้านและเรียกหลินฟานออกไปด้วยกัน เมื่อล็อกประตูแล้วเดินมาหาสวี่ม่ายซุ่ย เขาก็พูดว่า “แม่ครับ พวกเราไปกันเถอะ”
“อืม ลูกช่วยแม่ถือถุงแก้วนะ”
เธอกับหลี่ต้านีอาจต้องใช้เวลาทำตลอดทั้งเช้า สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่คุ้นเคยกับการใช้แก้วของบ้านคนอื่น เธอจึงมักจะนำแก้วติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ทำงาน
หลินเซียวจึงหยิบถุงด้านข้างขึ้นมาแล้วเดินตามไป เพราะบ้านของหลี่ต้านีอยู่ตรงข้ามกับแหล่งข่าวกรองของชุมชน เธอจึงไม่ได้พบใครเลย
เมื่อมาถึงบ้านของหลี่ต้านี ก็พบว่าหลี่ต้านีจุดเตาและกำลังรอเธออยู่แล้ว เมื่อหล่อนเห็นเธอเดินเข้ามา จึงโบกมือทันทีพลางเอ่ย “รีบมานี่สิ ฉันจะสอนเธอทำนะ”
เตาไฟนี้ต้องไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป จึงต้องควบคุมอุณหภูมิให้ดี สวี่ม่ายซุ่ยไม่สามารถทำเจียนปิ่งแบบนี้ได้ ที่ผ่านมาก็จุดไฟแบบปกติเท่านั้น
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ยินจึงรีบเดินไปหา เธอจึงเห็นหลี่ต้านีกำลังดึงฟืนออกจากเตาพลางเอ่ยว่า “เธอเห็นไฟแบบนี้ไหม? แบบนี้หมายความว่าใช้ได้”
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปที่ความแรงของไฟและพยักหน้าเข้าใจ ดูเหมือนการทำนี้จะง่ายกว่าจริง ๆ ในตอนแรกเธอยังไม่สามารถควบคุมความร้อนในการจี่เจียนปิ่งสองชิ้นได้ ชิ้นหนึ่งจึงสุกเกินไป อีกชิ้นก็ไหม้จนทะลุเป็นรู แต่หลังจากพอจะจับทิศทางได้แล้ว ครั้งต่อ ๆ มาเธอก็เริ่มเชี่ยวชาญเทคนิคนี้
หลี่ต้านีทำไปด้วยกินไปด้วย ตอนนี้หล่อนกินชิ้นที่แหว่งเป็นรูพลางเรียกให้สวี่ม่ายซุ่ยกินด้วย แต่เพราะสวี่ม่ายซุ่ยคอยถือฟืนอยู่ในมือจึงปฏิเสธ
หลี่ต้านีรู้ว่าเธอขี้เกรงใจ หล่อนจึงไม่บังคับ แต่ยื่นให้เด็กแต่ละคนแทน เจียนปิ่งจากเตาสดใหม่ทั้งนุ่มและหอม อร่อยโดยไม่ต้องกินกับอะไรเลย
เด็ก ๆ กินแล้วก็หายตัวไป แต่จ้าวเหม่ยฟางยังช่วยอยู่ข้าง ๆ โดยที่หลี่ต้านีคอยขูดแป้งส่วนเกินให้หล่อนกิน ทำให้จ้าวเหม่ยฟางอิ่มก่อนเที่ยงด้วยซ้ำ ทันใดนั้นก็มีเพื่อนมาเรียกหล่อนไปเล่นด้วย เมื่อขออนุญาตหลี่ต้านีแล้วพวกหล่อนก็จากไป เหลือทิ้งไว้แค่แม่ ๆ ทั้งสองคนที่ทำงานอยู่ในครัว
ทันทีที่หลินเจี้ยนเยี่ยฝึกเสร็จและเดินออกจากกรม เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากด้านหลัง “เหล่าหลิน เหล่าหลิน”
หลินเจี้ยนเยี่ยหยุดฝีเท้าและเมื่อเห็นว่าเป็นจ้าวเป่ากั๋ว เขาก็ถามอย่างหงุดหงิดว่า “คุณจะหยุดอวดได้หรือยัง”
จ้าวเป่ากั๋วยิ้มและดึงแขนเสื้อลงเพื่อปกปิดนาฬิกาข้อมือแล้วตอบว่า “นายก็พูดเกินไป ฉันไม่ได้จะให้นายดูนาฬิกาหรอก แต่ฉันมีเรื่องอื่นต่างหาก”
นับตั้งแต่หลี่ต้านีซื้อนาฬิกาเรือนใหม่ให้จ้าวเป่ากั๋ว เขาจะอวดให้ทุกคนที่เจอ ประหนึ่งกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ แต่คนที่เขาตั้งใจโอ้อวดมากที่สุดคือหลินเจี้ยนเยี่ย จนกระทั่งหลินเจี้ยนเยี่ยอวดเสื้อกันหนาวขนแกะแคชเมียร์ เขาจึงได้หยุดโอ้อวด
“เรื่องอะไร?”
จ้าวเป่ากั๋วพูดว่า “ไปกินข้าวบ้านฉันไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองเขาอย่างสงสัยพลางเอ่ย “บ้านคุณเลี้ยงแขกตอนเที่ยงเหรอ?”
เมื่อไม่นานมานี้ จ้าวเป่ากั๋วบอกเขาว่าเพื่อขอบคุณสวี่ม่ายซุ่ยที่ช่วยหลี่ต้านีหาเงิน จ้าวเป่ากั๋วจึงอยากเลี้ยงอาหารค่ำแก่ครอบครัวของพวกเขานั่นเอง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พี่เยี่ย บทจะปากร้ายขึ้นมาก็ดุใช่ย่อยนะเนี่ย
ปิ้งเจียนปิ่งที่บ้านต้านีกันสนุกเลยทีนี้
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION