ตอนที่ 168 รับแรงงานนักโทษ
“แม่ อะไรคือกลับชาติมาเกิดเป็นตัวกินไก่?”
“ก็คือชาติที่แล้วเป็นตัวกินไก่”
“ชาติที่แล้วพี่เป็นตัวกินไก่?”
“อืม ไม่งั้นทำไมชอบกินไก่”
“ผมชอบกินปลา ชาติที่แล้วผมเป็นแมวหรือเปล่า?”
สวี่ม่ายซุ่ยดีดหัวเขาเบาๆ หัวเราะพลางตอบ “ใช่ แมวขี้เกียจตัวใหญ่”
“ไม่ใช่สักหน่อย ผมเป็นแมวน้อยที่ขยันขันแข็ง”
สวี่ม่ายซุ่ย “งั้นแมวน้อยที่ขยันขันแข็งช่วยแม่ยกแผ่นแป้งมันฝรั่งเข้าไปในห้องได้ไหม?”
หลินฟาน “ได้”
ด้านสวี่ม่ายซุ่ยที่ยกหัวหมูก็พลอยเดินตามหลังเขาเข้าไปด้านในด้วย
เพิ่งจะจัดวางผักเสร็จ ก็เห็นหลินเจี้ยนเยี่ยเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าจริงจัง
ยังไม่ทันรอเธอพูด ก็ได้ยินเขาพูด “คุณมากับผม ผมมีเรื่องจะถามคุณ”
สวี่ม่ายซุ่ยผงะไป แต่เห็นท่าทางเคร่งขรึมของเขาก็ไม่กล้าถามมาก รีบตามเขาเข้าห้องไป
พอเข้าห้องก็ได้ยินเขาถามอย่างร้อนรน “ในหมู่บ้านมีแรงงานนักโทษมากลุ่มหนึ่งใช่หรือเปล่า”
“คุณรู้ได้ยังไง”
หลินเจี้ยนเยี่ย “คุณไม่ต้องยุ่งหรอกว่าผมรู้ได้ยังไง ตอนนี้คนกลุ่มนี้ถูกจัดไว้ที่ไหน ใครจัดการ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “คนยังไม่ลงมา หัวหน้าใหญ่ก็ถามมาอยู่ ไม่มีคนรับช่วงต่อ ในนั้นมีคนที่คุณรู้จักเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยผงกหัวด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “ในนั้นมีนายพลจาง”
สวี่ม่ายซุ่ยตกตะลึง “นายพลจาง ทำไมเขาถึง?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “คนอื่นไม่ต้องถาม คุณรับช่วงดูแลเขาต่อได้ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันก็คิดอยู่ แต่ฉันกลัวมันกระทบคุณน่ะค่ะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยนิ่งเงียบสักครู่ “ก็จริงของคุณ เรื่องนี้ให้ฉันคิดสักหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกเราคนเยอะขนาดนี้ นายพลจางมานี่ไม่กลัวคนเห็นหรอ”
หลินเจี้ยนเยี่ยส่ายหัว “ไม่กลัว สถานที่แรงงานพวกคุณอยู่มันค่อนข้างห่างไกล พวกเราฝึกอยู่ที่ทะเลตลอดปี รวมตัวกันน้อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “อ้อ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ถ้าเขามาแล้ว คุณดูแลพวกเขาอย่างลับๆได้หรือเปล่า”
“เขารับทัณท์ทรมานของนักโทษอยู่ที่หนึ่ง ร่างกายอ่อนแอมาก”
สวี่ม่ายซุ่ย “อันนี้ไม่มีปัญหา”
“ดีที่สุดคือพวกเราไม่ต้องมีใครมารับช่วงต่อ หมุนเวียนกันมาดูแลสะดวกที่สุด”
หลินเจี้ยนเยี่ยขมวดคิ้วย่นยู่ “ผมจะคิดหาวิธีเอง”
พอผ่านเรื่องวันนี้ไป สวี่ม่ายซุ่ยถึงได้เข้าใจว่าสถานะของหลินเจี้ยนเยี่ยพิเศษมาก พูดขัดเขาว่า “คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว ฉันจะคิดหาวิธีเอง”
“ถึงยังไงฉันก็คือเจ้าหน้าที่หมู่บ้านคนหนึ่ง จัดการส่วนตัวคงไม่มีปัญหา”
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นว่าเธอยื่นมือเข้ามาสอดสะดวกกว่าตนเอง นิ่งเงียบสักครู่แล้วพยักหน้าตอบรับ “ได้”
สวี่ม่ายซุ่ยเพิ่งเคยเห็นเขาจริงจังขนาดนี้เป็นครั้งแรก อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบให้คิ้วเขาคลาย “อย่าใจร้อนไปเลยค่ะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง ฉันหิวไปหมดแล้ว ไปกินข้าวเถอะ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ไปเถอะ”
ตอนออกไป หลินเซียวก็กลับมาแล้ว พอเห็นพวกเธอก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “พวกแม่สองคนไปทำอะไรมา ผมหิวจะตายอยู่แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “ทำอะไรยังต้องบอกลูกเหรอ ถามเรื่องลูกไก่แล้วเป็นไงบ้าง?”
หลินเซียวฟังจบก็ตอบอย่างภูมิใจ “ผมออกโรงเองจะผิดพลาดได้ยังไง สองตัวสุดท้ายผมก็เอามาได้แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยเลิกคิ้ว “ลูกทำได้แล้วเอาไปไว้ไหนล่ะ?”
หลินเซียวผายมือชี้ไปที่กล่องด้านข้าง “อยู่นั่น”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบรีบไปดู ก็เห็นลูกไก่ขนฟูสีเหลืองอร่ามสองตัวร้องระงมอยู่ในกล่อง
เวลานี้หนาวแล้ว เห็นได้ชัดว่าลูกไก่สองตัวกำลังหนาวจนแทบไม่ไหว “พวกลูกกินไป ถือโอกาสตอนที่ห้องครัวยังมีไฟ แม่จะเอาไปปิ้ง”
หลินเซียวฟังจบก็ไม่กินแล้ว รีบตะโกนไล่ถาม “แม่ ไก่นี่เพิ่งจะอายุเท่าไรเองนะ แม่จะปิ้งมันแล้วเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ย……
“คิดอะไรน่ะ แม่จะเอามันไปผิงไฟ ไม่ผิงเดี๋ยวก็แข็งตายหรอก”
ตอนสวี่ม่ายซุ่ยอยู่บ้านตัวเองก็เคยเลี้ยงลูกไก่มาก่อน รู้ว่าต้องเลี้ยงอย่างไร เลยหาฟืนเนื้อเปลือกไม้มาปูรองด้านล่างกล่อง แล้วหาเสื้อนวมซอมซ่อของหลินเจี้ยนเยี่นจากในห้องมาคลุมมัน
พอหลินเจี้ยนเยี่ยเห็นเสื้อนวมขาดๆของเขาก็ไม่พอใจทันที “ทำไมเอาเสื้อผมไปคลุมให้มันล่ะ ผมยังใส่อยู่เลย?”
สวี่ม่ายซุ่ย “เน่าจนกลายเป็นอะไรไปแล้ว ยังจะใส่อยู่อีก”
หลินเจี้ยนเยี่ย……
ตอนแรงงานนักโทษมา สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินหัวหน้าใหญ่ใช้โทรโข่งแจ้งให้ทราบ
เพราะสถานะของหลายคนไม่ดี สวี่ม่ายซุ่ยเลยไม่กล้าพาหลินฟานมา ให้เขาไปเล่นบ้านหลี่ต้านี ตัวเองไปหน่วยใหญ่เพียงลำพัง
พอถึงเวลาคนในหมู่บ้านก็มาถึงแล้ว คนแก่ในชุดซอมซ่อหลายคนที่นั่งยองด้านข้าง ต่างก็ก้มหัว มองไม่เห็นรูปลักษณ์แน่ชัด
สวี่ม่ายซุ่ยเดินไปด้านข้างผู้จัดการหลานกระซิบถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
ผู้จัดการหลานบุ้ยปากไปด้านข้าง “หลายคนนั้นเป็นคนที่คณะกรรมการปฏิวัติส่งมา ให้เราประจานก่อน เพื่อดูความเด็ดขาดที่พวกเราใช้จัดการแรงงานนักโทษ”
สวี่ม่ายซุ่ยมองคนแก่สองสามคน นัยน์ตาฉายแววทนไม่ไหว “โดนทุบตีจนเป็นอะไรไปหมดแล้ว ยังจะประจานอีกเหรอ?”
ผู้จัดการหลาน “ใช่ แต่ละคนล้วนเป็นพวกไร้มนุษยธรรม”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็รีบดึงหล่อน “เบาเสียงหน่อย คนยังอยู่นี่ ถ้าไม่ใช่ว่ามีคนแก่กับเด็กอยู่ในบ้าน ฉันคงตะคอกใส่พวกเขาไปนานแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยพยักหน้า ใครว่าไม่ใช่ล่ะ
หัวหน้าใหญ่มองไปรอบๆ เห็นว่าคนมากันพอสมควรแล้วก็พูดกับกรรมการปฏิวัติว่า “คนมากันครบแล้ว”
กรรมการปฏิวัติ “งั้นก็เริ่มเถอะ”
ว่าแล้วก็ผลักสองสามคนไปด้านหลัง
เห็นคนแก่หลายคนยืนอยู่บนเวทีอย่างไร้ชีวิตชีวา คนด้านล่างก็ไม่ได้ขยับ
กรรมการปฏิวัติเห็นก็พูดประชดทันที “นี่มันเรื่องอะไรกัน ดูการตัดสินใจของพวกเธอสิไม่เฉียบขาดเอาซะเลย หรือว่ามีความเห็นใจให้พวกเขา”
พึ่งจะพูดออกมาก็เห็นผู้จัดการหลานม้วนแขนเสื้อขึ้นไปบนเวที ด่าคนสองสามคน ด้วยใบหน้าแตกต่างจากสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเมื่อครู่ราวฟ้ากับดิน
สวี่ม่ายซุ่ยมองผู้จัดการหลานที่บ้าน้ำลายไปครึ่งค่อนวันก็ยังไม่ได้สติกลับมา จากนั้นก็เดินไปกับภรรยาหัวหน้าใหญ่ ภรรยาหลี่โหย่วไฉ แม่หลี่โหย่วเหลียง หมาจื่อในหมู่บ้าน หลานจื่อ โกว่ต้าน ทั้งหมดต่างก็พุ่งเข้าไปด่า
มีแค่สวี่ม่ายซุ่ยที่ยืนมองอยู่ด้านล่างด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
ผู้จัดการหลานด่าเสร็จ หันกลับมาสะกิดสวี่ม่ายซุ่ยเงียบๆ “เธอไม่เข้าไปด่าด้วยเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยส่ายหัวเบาๆ เธอไม่เข้าใจลักษณะนิสัยของคนพวกนี้ ไม่รู้ว่านิสัยพวกเขาเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือไม่ ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยง
คนของกรรมการปฏิวัติเห็นพวกเขาแทบจะถลกหนังกินเลือดกินเนื้อพวกเขาถึงพอใจ บอกลาหัวหน้าใหญ่สองสามประโยคแล้วจากไป
แต่พวกเขาก็ไม่กล้าผ่อนคลาย รอจนส่งพวกเขาขึ้นเรือถึงวางใจ
หัวหน้าใหญ่มองสีหน้าไร้อารมณ์ของคนทั้งหลายที่ถูกด่า โบกมือให้สมาชิกที่อยู่ด้านล่างเวทีพลางพูด “กลับกันไปให้หมดเถอะ”
ทุกคนถึงแยกย้าย ที่เหลืออยู่ก็มีแต่เจ้าหน้าที่พรรคของหมู่บ้าน
หัวหน้าใหญ่มองคนแก่ที่อายุพอๆกับตัวเอง ในใจพลันขมขื่น “พวกนายสองสามคนไปแบกคนลงมา”
สวี่ม่ายซุ่ยยืนอยู่ที่เดิมมองทุกคนที่ไม่ขยับเลยเดินไปด้านหน้าเลือกพยุงลงมาท่านหนึ่ง จัดให้นั่งบนเก้าอี้
เพราะไม่รู้จักนายพลจาง สวี่ม่ายซุ่ยเลยลองสอบสอบถามว่า “สวัสดี ขอทราบชื่อคุณหน่อยได้ไหมคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
นักโทษเหล่านี้จะไว้ใจได้หนอ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION