ตอนที่ 151 ขโมยซุปไก่
“นายจะต่อยเฉินจินกัง?” ฟังแผนหลินเซียวจบ หู่จือก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนพูด
“นายเสียงเบาหน่อยอย่าให้คนอื่นได้ยิน” จื้อเฉียงพูดเตือนอย่างไม่ชอบใจอยู่บ้าง
หู่จือ “กลัวอะไร ถิ่นนี้ไม่มีคนฝั่งพวกเขาด้วยซ้ำ แต่ถ้าให้ฉันพูดนะ ในเมื่อเฉินจินเป่าหาเรื่องแล้วทำไมนายไม่ชกเขา กลับจะชกเฉินจินกังแทน”
“เฉินจินกังตัวโตกว่าเราตั้งเยอะ เราจะต่อยเขาได้เหรอ?”
หลินเซียว “โตแล้วยังไง พวกเราคนเยอะขนาดนี้ยังกลัวเขาคนเดียวอีกเหรอ”
จื้อเฉียง “ฉันก็แค่คิดว่าคนที่ยั่วยุนายคือเฉินจินเป่า แต่นายเลือกชกเฉินจินกังเลยดูไม่มีคุณธรรมนิดหน่อย”
หลินเซียว “มีอะไรไม่ถูกต้อง เฉินจินกังในฐานะพี่ชายของเฉินจินเป่าต้องโดนต่อยแทนเขา ไม่ใช่กฎฟ้าดินสักหน่อย”
จื้อเฉียงมองหลินเซียว ถามเป็นเชิงย้ำว่า “ถ้าหลินฟานก่อเรื่อง นายจะโดนต่อยแทนเขา?”
หลินเซียว “นั่นก็ต้องดูว่าพวกเขามีปัญญามาต่อยฉันหรือเปล่า”
หู่จือเด็กคนนี้ปกติก็อวดดีมากอยู่แล้ว เห็นหลินเซียวอวดดีกว่าเขาก็ยกนิ้วโป้งให้ พูดอย่างเลื่อมใส “นายเจ๋งมาก”
เด็กสามคนหลบอยู่นอกห้องเรียน กระซิบกระซาบกันสักพักถึงกลับห้องเรียน
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนในตอนเที่ยง หลินเซียวที่ปกติมีท่าทางเฉื่อยชาก็รีบวิ่งกลับบ้านในทันทีที่เสียงกริ่งดัง
จื้อเฉียงกับจื้อลี่สบตากันอย่างรวดเร็ว หยิบหนังสือขึ้นมาแล้ววิ่งตามไป
ต้าเฉียงที่รั้งท้ายมองทั้งสามคนที่พุ่งออกมาจากห้องเรียน นัยน์ตาก็ฉายแววโดดเดี่ยวขึ้นมาวูบหนึ่ง ตั้งแต่ที่แม่เขาตัดขาดกับแม่หลินเซียว แม่เขาก็ไม่ให้ไปมาหาสู่กับหลินเซียวอีก
ตอนเริ่มสองสามวันแรกหลินเซียวยังพาเขาไปเล่นอยู่เลย แต่ทุกครั้งที่เรียกเขา เขาก็จะหาข้ออ้างไม่ไป จนนานวันเข้าพวกเขาก็ไม่เรียกเขาอีกแล้ว
หลังจื้อเฉียงกับหู่จือออกมาจากห้องเรียน หลินเซียวก็วิ่งห่างออกไประยะหนึ่งแล้ว ทั้งสองต้องวิ่งอย่างสุดกำลังถึงไล่ตามเขาได้ ดึงเข้าไว้พลางถาม “นายไม่มีธุระจะวิ่งเร็วขนาดนี้ทำไม?”
หลินเซียวมองทั้งสองคนที่ไล่ตามมาก็ประหลาดใจอยู่บ้าง “พวกนายไล่ตามมาได้ยังไง?”
จื้อเฉียงหอบหายใจพลางตอบกลับ “นายนี่ถามอย่างไม่เกรงใจเลยนะ นายไม่ส่งเสียงสักแอะก็วิ่งไปแล้ว ฉันสองคนไม่ทันได้ถาม”
“แม่ฉันตุ๋นซุปไก่ไว้เมื่อเช้า ฉันต้องกลับบ้านไปกินน้ำแกง”
“พอแล้ว นายสองคนไม่ต้องตามฉันแล้ว ค่อย ๆ เดินเถอะ” พูดจบก็เตรียมจะวิ่ง
หู่จือกับจื้อเฉียงได้ยินว่ามีซุปไก่ นัยน์ตาพลันเปล่งประกายขึ้นมา หยุดหลินเซียวไว้ไม่ให้เขาไป
“แม่นายตุ๋นซุปไก่แล้ว?”
หลินเซียว “อืม”
“พาเราไปด้วยสิ”
หลินเซียวเหลือบมองทั้งสองคน ตอบอย่างไร้ความปรานี “ฝันไปเถอะ ซุปไก่ที่แม่ฉันตุ๋น ฉันยังไม่เคยกินเลยนะ”
จื้อเฉียงได้ฟังคำพูดนี้ก็พูดทันที “ไม่เห็นเราเป็นพี่น้องแล้วสินะ งั้นก็ได้ เราไม่ยุ่งเรื่องเฉินจินเป่าแล้วนะ”
หู่จือรีบสมทบ “ใช่ เราฝ่าอันตรายขนาดนี้ แม้แต่ซุปไก่นายก็ตัดใจให้เรากินไม่ลง ยังเป็นพี่น้องอยู่ไหมน่ะ”
หลินเซียวมองสองพี่น้องที่โกรธอยู่ ลังเลสักพักถึงตอบรับอย่างจนใจ “ได้ เดี๋ยวให้พวกนายชิม แต่พวกนายเข้าไปบ้านฉันไม่ได้ รอฉันอยู่ด้านนอก”
หู่จือฟังจบก็พูดทันที “พวกเราไม่ได้โง่สักหน่อย ถ้าแม่ฉันรู้ว่าฉันไปขอข้าวบ้านนายกิน คงไม่ให้นายลงมือกับฉัน ฉันก็คงโดนด่าไปหนึ่งชุด”
เพราะสมัยนี้ทุกครัวเรือนต่างก็ขาดแคลนเสบียงอาหาร ผู้ใหญ่ปกติที่มีเหตุผลคงไม่ส่งลูกบ้านตัวเองไป ตอนชาวบ้านกินข้าวกันก็กลับมา ไม่ให้ไปขอกินข้าวกับคนอื่นเขา
ทั้งสามคนปรึกษากันเสร็จก็วิ่งไปที่บ้าน เพราะหลินเซียวนึกถึงซุปไก่อยู่ ตอนที่กลับไป หลินเจี้ยนเยี่ยกับหลินเจี้ยนจวินยังไม่กลับมากัน ในบ้านจึงมีแค่แม่กับน้องชายเขาที่อยู่
เวลานี้หลินฟานกำลังกอดชามเคี้ยวเนื้อไก่อยู่ด้านข้าง
“แม่ ทำไมเขามากินก่อนเวลาล่ะ” หลินเซียวมองสวี่ม่ายซุ่ย ถามด้วยความไม่พอใจ
ครอบครัวของเด็กทั้งสองคนต่างก็เป็นแบบนี้ สองพี่น้องต้องได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน แค่ได้ไม่เท่ากันก็ทะเลาะกันแล้ว
สวี่ม่ายซุ่ยบุ้ยปากไปทางหลินฟาน “ของลูกอยู่นั่น”
หลินเซียวมองซุปไก่ที่ล้นปรี่อยู่ด้านข้างหลินฟานก็อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
เขารีบทิ้งกระเป๋าหนังสือ วิ่งไปล้างมือที่บ่อน้ำตามใจแล้วนั่งลงข้างหลินฟาน ก้มหน้าชิมไปหนึ่งคำก็อดไม่ได้ที่จะอุทานขึ้นมา “อร่อย!”
“แม่ ทำไมแม่ไม่กิน?”
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกลูกกินก่อนเลย แม่รอพวกพ่อลูกกลับมาแล้วค่อยกิน”
หลินเซียวฟังจบก็ไม่ได้คิดมาก ยกชามมากินซุปต่อ กินซุปไปครึ่งหนึ่งถึงเริ่มกินเนื้อ กินไปมองแม่เขาไป “แม่ เย็บเสื้อทำเสร็จแล้วเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยอ่านหนังสือพลางตอบโดยไม่เงยหน้า “เสร็จแล้ว”
หลินเซียว “ผ้าห่มก็ทำเสร็จแล้ว?”
สวี่ม่ายซุ่ย “เสร็จแล้ว”
หลินเซียว “ข้าวก็ทำเสร็จแล้ว?”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ฟังก็รู้ว่าเขามีธุระเลยปิดหนังสือเงยมองเขาอย่างจนใจ “พูดมา ทำไมอีกล่ะ”
หลินเซียวมองแม่เขายิ้มอย่างเกรงใจ “ไม่ทำไม แค่ถามดูเฉย ๆ”
เขาไม่เต็มใจพูด สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่คิดจะถามมาก หยิบหนังสือขึ้นมาเดินกลับห้อง
หลินเซียวทำทีเป็นก้มหน้าลง แต่ดวงตาจับจ้องสวี่ม่ายซุ่ยอยู่ตลอด พอเห็นแม่เข้าห้องไปแล้วก็รีบยืนขึ้นและถือชามซุปไก่วิ่งออกไปนอกบ้าน
หลินฟานมองการกระทำของพี่ชาย เอ่ยปากถามว่า “พี่จะไปทำอะไร”
หลินเซียว “ไม่เกี่ยวกับนาย อย่าถาม”
หลินฟานตะโกนไปที่ห้องทันที “แม่~”
เพิ่งจะตะโกนก็ถูกหลินเซียวอุดปากไว้ “ถ้านายกล้าร้องเรียกแม่ อย่าโทษว่าฉันจะกลับมาตีนายละกัน เป็นเด็กดีแล้วกินข้าวของนายไปซะ”
พูดจบก็ยกชามเดินลิ่วไป
พอสวี่ม่ายซุ่ยเก็บหนังสือกลับมา ก็เห็นหลินฟานคนเดียว ถามอย่างประหลาดใจ “พี่ชายลูกล่ะ?”
หลินฟาน “ไม่รู้”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกจะไม่รู้ได้ยังไง เมื่อกี้พี่ลูกกินข้าวอยู่ข้างลูกไม่ใช่เหรอ?”
หลินฟาน “เขาไม่ให้ผมพูด บอกว่าถ้าผมบอกแม่แล้วจะตีผม”
สวี่ม่ายซุ่ยพลันมีสีหน้าบึ้งตึง “ไอ้เด็กคนนี้ กลับมาฉันจะตีก้นมัน”
ฝั่งหลินเซียวเพิ่งจะกำลังประคองชามวิ่งออกไป ก็มีหัวสองหัวยื่นออกมาจากซอยด้านข้าง ตะโกนเสียงต่ำว่า “หลินเซียว ทางนี้”
หลินเซียวเห็นพวกเขาก็ประคองชามวิ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด
หู่จือ “เอามาให้ฉันดูหน่อย”
มือที่ประคองชามของหลินเซียวค่อย ๆ ขยับไปด้านข้าง เผยให้เห็นน้ำแกงไก่กับเนื้อไก่ในชาม หู่จือกับจื้อเฉียงเห็นแล้วก็กลืนน้ำลาย
“เอามาให้ฉันชิมหน่อย” หู่จือพูดพลางจ้องชามในมือหลินเซียวตาลุกวาว
หลินเซียวฟังจบก็ส่งชามไปตรง ๆ “พวกนายรีบกินหน่อย ฉันจะไปดูคน”
ว่าแล้วก็ส่งชามให้จื้อเฉียง ก่อนจะวิ่งไปยังปากซอย
หู่จือกับจื้อเฉียงสบตากัน ไม่มีใครเกรงใจ ยื่นมือไปหยิบเนื้อในชามมาเริ่มเคี้ยวทันที เคี้ยวไปแบ่งน้ำแกงในชามไป
ด้านหลินเซียวก็มองทางอย่างระมัดระวังตลอด มองอยู่สองสามนาทีก็เห็นพ่อกับอาเขาปรากฏตัวขึ้นมาบนถนนแล้ว จึงหันไปพูดเร่งรัด “พวกนายเร็วหน่อย พ่อฉันมาแล้ว”
หู่จือได้ฟังก็รีบซดน้ำแกงอึกสุดท้ายทันที กลืนเนื้อในปากอย่างมูมมาม กลืนลงไปหมดแล้วก็ใช้แขนเสื้อเช็ดปาก พูดว่า “พวกเรากินเสร็จแล้ว ไปละ”
พูดจบก็ยัดชามใส่อ้อมแขนหลินเซียวแล้วก็เดินออกไปกับจื้อเฉียง
หลินเซียวเห็นพวกเขาสองคนเดินตรงไปหาพ่อของตน จึงตะโกนทักอย่างตื่นเต้น “พวกพ่อกลับมาแล้วเหรอครับ?”
น่าเสียดายที่เด็กทั้งสามไม่ได้บอกสัญญาณลับให้แก่กัน หลินเซียวจึงทำได้แค่จ้องพวกเขาทักทายกับพ่อตน ยิ่งเดินยิ่งไกลออกไป
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แม่รู้เมื่อไหร่ก้นลายแน่หลินเซียว ขโมยแกงไก่ที่แม่ตุ๋นแต่เช้าไปให้เพื่อน
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION