ตอนที่16 จัดการคนโรคจิต
สวี่ม่ายซุ่ย “ถ้าเขาไม่ใช่เพื่อนเธอ แล้วเขามองเธอทำไม?”
ซูเจวียนฟังจบก็กลอกตาอย่างทนไม่ไหว “เธอจะไปยุ่งกับเขาทำไม! เขาเป็นคนบ้า”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็กลอกตาบ้าง เธอเหลือบมองหนุ่มฟันเหลืองซี่ใหญ่โดยไม่ตั้งใจ ก็เห็นเขายังมองซูเจวียนอย่างหื่นกระหาย
เธอรีบดึงเด็กสองคนมาอยู่ด้านหน้า หันเหความสนใจไปด้านนอก ซึ่งล้วนมีแต่พืชพรรณเกษตรสีเขียวขจี น่ามองมาก
ยี่สิบนาทีให้หลัง พอรถจอดอย่างช้า ๆ ก็ได้ยินก็คนขายตั๋วตะโกนเสียงดัง “ถึงหมู่บ้านสวี่แล้ว ใครจะลงก็รีบ ๆ หน่อย!”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็รีบจูงเด็กสองคนลงจากหน้าประตู
ซูเจวียนก็ลงตามหลังพวกเธอลงรถด้วย เพราะหมู่บ้านของสวี่ม่ายซุ่ยติดถนนใหญ่ ซึ่งหมู่บ้านอื่น ๆ ก็อยู่ติดกันตรงทางแยก
สวี่ม่ายซุ่ยจูงเด็กสองคนเดินไปด้านหน้า ซูเจวียนก็ตามหลังพวกเธออยู่ห่าง ๆ เวลานี้เองที่จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลังหล่อน
ซูเจวียนหันไปมองด้านหลัง ก็เห็นว่าเป็นคนโรคจิตบนรถคนนั้น ไม่รู้ว่าเขาลงรถตามหล่อนมาตั้งแต่เมื่อใด
หล่อนตกใจจนหน้าขาวซีด รีบเดินไปทางสวี่ม่ายซุ่ย
“ม่ายซุ่ย ม่ายซุ่ย”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินเสียงหล่อนตะโกน ก็หยุดฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้เองที่ซูเจวียนวิ่งตามทัน เดินมาเรียงตามหลังพวกเธอ
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นสีหน้าไม่ปกติของหล่อนก็ถามด้วยความสงสัย “เธอเป็นอะไร?” พูดจบก็หันไปมอง
ซูเจวียนเห็นก็รีบดึงแขนเธอออกไป ตอบกลับด้วยสีหน้ากังวล “ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร ไปเถอะ!”
“แม่ ผู้ชายคนนั้นอยู่ข้างหลังเรา” เธอจนปัญญาที่จะหันไป แต่หลินเซียวกลับหันไปมองแล้วหันกลับมาพูดกับสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็พลันหน้าบึ้งตึง “ซูเจวียน นี่มันหมายความว่ายังไง?”
ซูเจวียนเห็นสวี่ม่ายซุ่ยถามเสียงกร้าวก็โมโหขึ้นมา ตอบกลับอย่างทนไม่ไหว “ฉันจะหมายความว่ายังไงเล่า ก็เขาจะตามมาให้ได้ ไม่ใช่ฉันให้ตามมาสักหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “เธออยู่ให้ห่างฉันหน่อย”
ซูเจวียน “บ้านเธอไม่ได้เป็นเจ้าของถนนสักหน่อย เธอไม่มีสิทธิ์ห้ามคนอื่นไม่ให้เดิน”
พูดจบหล่อนก็เดินออกไปอย่างหยิ่งยโส
สวี่ม่ายซุ่ยตัวคนเดียวแต่พาเด็กสองคนมาย่อมเดินเร็วไม่เท่าซูเจวียน ไม่ทันไรเธอก็ถูกทิ้งห่างไปด้านหลังแล้ว ครั้นมองเห็นหนุ่มฟันเหลืองซี่ใหญ่ไล่ตามมา สวี่ม่ายซุ่ยก็ยืนอยู่ที่เดิม
เธอมองออกแล้ว ตอนแรกผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตามเธอมา แต่ตามซูเจวียนมาต่างหาก
ไม่กี่ก้าวนายฟันเหลืองซี่ใหญ่ก็ไล่ตามทันจริง ๆ เขาเหลือบมองสวี่ม่ายซุ่ยอย่างไม่ตั้งใจนักแล้วไล่ตามซูเจวียนไป
ซูเจวียนได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันไปมองเขา หล่อนตกใจจนหน้าขาวซีด วิ่งสุดฝีเท้าไปข้างหน้าพลางตะโกน “นายไม่มีศักดิ์ศรีแล้วรึไง ปล่อยฉันไปได้ไหม? ข้างหลังนายก็ยังมีคนอยู่นี่”
นายฟันเหลืองซี่ใหญ่วิ่งไม่ถึงสองก้าวก็ตามซูเจวียนทัน เขาลากเธอเข้ามาในอ้อมแขน พูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ป้าแก่ ๆ อย่างหล่อนจะมาสู้เธอได้ยังไง”
ซูเจวียนดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอยู่สักพัก ดวงตาพลันกลิ้งกลอกไปมา ดึงคอเสื้อของชายคนนั้นแล้วพูดอย่างออดอ้อนว่า “พี่ชาย พี่ว่าอย่างนี้ดีหรือไม่ ขอแค่พี่จัดการคนที่ที่อยู่ข้างหลังนั่นได้ พี่อยากได้อะไร ฉันให้หมดเลย”
เดิมทีถนนเส้นนี้เป็นถนนใหญ่ นายฟันเหลืองซี่โตแค่อยากขู่ให้ซูเจวียนกลัว พอได้ยินคำพูดหล่อนก็พลันมีแผนการขึ้นมาทันที
“งั้นป้าคนนั้นกับเธอมีความแค้นอะไรกัน ทำไมเธอเกลียดยัยนั่นขนาดนี้”
ซูเจวียนยิ้มอย่างอ่อนหวาน “ก็มีความแค้นจริง ๆ แหละ”
นายฟันเหลืองมองท่าทางของซูเจวียนแล้วยิ้มร่า
“ก็ได้ ในเมื่อคนสวยออกปากเองแล้ว ฉันก็คงไม่ปฏิเสธไม่ได้สินะ… งั้นเอามาร้อยหยวน”
ซูเจวียนขมวดคิ้ว “ร้อยหยวน ฉันจะไปมีเยอะขนาดนั้นได้ยังไง”
นายฟันเหลือง “เธอมีเท่าไหร่”
ซูเจวียนล้วงกระเป๋า “แค่ยี่สิบ”
นายฟันเหลืองเอื้อมไปดึงมา เขาเอามือซุกกระเป๋า ตอบกลับอย่างทนไม่ไหว “ได้ ยี่สิบก็ยี่สิบ”
พูดจบก็ปล่อยซูเจวียนแล้วเดินไปทางสวี่ม่ายซุ่ย
ซูเจวียนเห็นแล้วก็เร่งฝีเท้าวิ่ง สวี่ม่ายซุ่ยโกรธจนกัดฟันกรอด ตบเบา ๆ ที่หลังของหลินเซียว “ไปหยิบไม้อันนั้นในท้องร่องให้แม่หน่อย”
หลินเซียวก็รู้ว่านายฟันเหลืองมาไม่ดี จึงรีบวิ่งไปหยิบไม้อย่างเร็วที่สุด
ตอนนี้นายฟันเหลืองเดินมาแล้วมองสวี่ม่ายซุ่ย ถามเธออย่างเจ้าเล่ห์ “น้องสาว นี่มันอะไรกัน?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่มีอะไร เก็บกลับบ้านไปทำฟืน”
“พี่ชาย พี่จะไปหรือไม่ไป?”
นายฟันเหลืองทำสายตาโลมเลีย มองไปรอบ ๆ แล้วตอบกลับ “ไปอะไรกัน ฉันยังอยากคุยกับน้องสาวอยู่เลย”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินก็ยกไม้ขึ้นมา หลินเซียวกับหลินฟานต่างก็มองเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “พี่ชาย ฉันกับพี่ไม่รู้จักกัน มีอะไรให้คุยเหรอ?”
นายฟันเหลือง “คุยดูเดี๋ยวก็รู้”
พูดจบก็เข้ามาใกล้สวี่ม่ายซุ่ย ขณะที่มือข้างหนึ่งพยายามแย่งไม้จากสวี่ม่ายซุ่ย เธอเห็นดังนั้นก็เอาไม้ฟาดมือเขาอย่างไม่เกรงใจ
“พี่ชาย ผู้หญิงคนเมื่อกี้ให้พี่มาพูดใช่ไหม ฉันคือคนหมู่บ้านนี้ล่ะ คุ้นเคยที่นี่มากกว่าพี่เยอะ พี่เชื่อไหมว่าถ้าฉันแหกปากตะโกนเดี๋ยวก็มีคนมาช่วย”
นายฟันเหลืองมือเจ็บแปลบ สีหน้าพลันชั่วร้ายขึ้นมา “ฉันไม่เห็นใครสักคนบนถนนเส้นนี้ เธออยากตะโกนก็ลองดู!”
สวี่ม่ายซุ่ยหน้าเปลี่ยนสี พูดจาอย่างร้ายกาจ “ในเมื่อพี่ไม่เอาศักดิ์ศรีแล้ว อย่ามาหาว่าฉันไม่เกรงใจนะ” พูดจบก็ยกไม้ขึ้นมาทักทายนายฟันเหลือง
หลินเซียวกับหลินฟานเห็นก็รีบไปช่วย หลินเซียวพอมีประสบการณ์เรื่องต่อสู้อยู่ก็ดึงหลินฟานไม่ให้อยู่หน้า สองพี่น้องยืนข้างกันหยิบก้อนหินโยนใส่ร่างชายคนนั้น
สวี่ม่ายซุ่ยสู้แบบไม่คิดชีวิต หยิบไม้ตีเขาสุดฤทธิ์ ตีไปตะโกนไป “ใครก็ได้ รีบมาที! มีคนลวนลามฉัน”
นายฟันเหลืองไม่คิดว่าว่าสวี่ม่ายซุ่ยที่ท่าทางอ่อนแอจะร้ายกาจขนาดนี้จึงหลบไปด่าไป “เธอนี่มันผู้หญิงปากร้าย เป็นแบบนี้ใครที่ไหนจะเอา!”
สวี่ม่ายซุ่ย “ขนาดฉันร้ายแกยังไม่ยอมรามือเลย แกนี่มันสมควรโดนทุบให้ตาย ๆ ไปซะ”
นายฟันเหลืองฟังจบก็ตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ถ้าไม่ใช่ว่าสาวน้อยคนนั้นหนีไปแล้ว แกคิดว่าฉันจะมองแกรึไง?”
พอคำพูดนี้ลอยมา ไม้ในมือสวี่ม่ายซุ่ยก็หักลง สีหน้าเธอพลันชะงักงัน
นายฟันเหลืองหัวเราะเจ้าเล่ห์ สวี่ม่ายซุ่ยเห็นก็ตะโกนลั่นทันที “หลินเซียว หลินฟาน วิ่ง!”
พูดจบสามแม่ลูกก็รีบวิ่งไปข้างหน้าสุดชีวิต
อนิจจา หลินฟานนั้นขาสั้นเกินไป ยังไม่ทันสองก้าวก็โดนนายฟันเหลืองจับได้เสียแล้ว
ตอนที่สวี่ม่ายซุ่ยสู้กับเขา หลังเธอก็ชนเข้ากับวัยรุ่นที่ขี่จักรยานคนหนึ่ง เด็กหนุ่มคนนั้นจึงทิ้งรถแล้วหันมาต่อยชายฟันเหลือง
“หน้าไม่อายจริง ๆ ไอ้โรคจิต กล้ามารังแกพี่สาว ดูซิว่าข้าจะฆ่าแกไหม”
วัยรุ่นคนนั้นทั้งด่าทั้งต่อยชายฟันเหลือง จนเขาต้องกอดหัวตัวเองไว้ ยังเป็นหลินเซียวกับหลินฟานที่ตอบโต้กลับมา วิ่งมาหาคนทั้งคู่ ตะโกนด้วยความดีใจ “น้า น้า น้าเก่งจริง ๆ”
คราวนี้สวี่ม่ายซุ่ยจึงตอบโต้กลับบ้าง เธอรีบวิ่งไปดึงตัวสวี่ม่ายเฉิง “ไม่ต้องตีแล้ว”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โยนขี้ใส่ม่ายซุ่ยซะงั้นยัยบัวเน่า ขอให้ต่อไปชีวิตเธอจบไม่สวย
โชคดีที่น้องชายมาช่วยทันนะเนี่ย ไม่งั้นคงรับมือลำบาก
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION