ตอนที่ 94 สวี่ม่ายซุ่ยปฏิเสธข้อเสนอของแม่ต้าเฉียง ทำให้แม่ต้าเฉียงโกรธมาก
แม่ต้าเฉียงมองตามแผ่นหลังของหลิวซุ่ย หล่อนจึงด่าไล่หลังไปด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง “แกคิดว่าฉันไม่มียางอายงั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ฉันจะต้องมาลดตัวแบบนี้หรือไง”
พ่อต้าเฉียงพูดด้วยความไม่แน่ใจ “ผมคิดว่าการที่คุณไปหาคนมาแต่งกับลูกตอนนี้ยังไม่ใช่ความคิดที่ดีนะ”
แม่ต้าเฉียงเถียงกลับ “ถ้าไม่หาตอนนี้แล้วจะให้หาตอนไหน หรือคุณจะรอจนกว่าหล่อนท้องแล้วค่อยไปหา ถ้าคุณทนความอับอายต่อหน้าอีกฝ่ายได้ ถ้าคุณไม่สนใจได้ ฉันก็จะไม่สนใจแล้วเหมือนกัน”
พ่อต้าเฉียงตกใจกับคำถามของแม่ต้าเฉียง ทว่าความเป็นชายที่ฝังลึกในกระดูกของเขาทำให้เขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าตนเองก็เห็นแก่ตัว จึงทำได้เพียงลุกขึ้นด้วยใบหน้ามืดมนและยกเท้าเตะเก้าอี้จนกระเด็นไกลแล้วเอ่ยตวาด “คุณเป็นแม่ของหล่อนนี่ จะทำยังไงก็ตามใจเถอะ ขอแค่เรื่องนี้จบลงก็พอ”
พูดจบแล้วเขาก็เอามือไพล่หลังและเดินจากไปโดยไม่หันมามองอีก
ต้าเฉียงนั่งอยู่บนม้านั่งเล็ก ตอนนี้ใบหน้าของเขาซีดเผือดเพราะความหวาดกลัว แม้แต่ไข่ที่อยู่ในปากก็กลืนไม่ลง แต่จะคายก็คายไม่ได้ จนในที่สุดเขาก็ร้องไห้สะอื้นออกมา “แม่ เกิดอะไรขึ้นกับพวกแม่กันแน่?”
แม่ต้าเฉียงเก็บข้าวของบนโต๊ะด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ “ไม่มีอะไร แกมีหน้าที่กินก็กินไปเถอะ”
ต้าเฉียงได้รับคำยืนยันจากแม่แล้วเขาจึงกล้ากลืนไข่ในปากลงคอ แต่ยังไม่เลิกถามด้วยความกังวลว่า “ถ้าไม่มีอะไร แล้วทำไมพี่สาวผมถึงหน้าตาบวม และถ้าแม่ไม่ชอบอาเล็กของหลินเซียว ทำไมแม่ถึงอยากให้เขาแต่งงานกับพี่สาวล่ะครับ?”
สีหน้าของแม่ต้าเฉียงเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ตามคำถามของต้าเฉียง ทันใดนั้นหล่อนก็กระแทกชามลงแล้วพูดว่า “เป็นแค่เด็กเหลือขอทำไมถึงถามคำถามมากมายขนาดนี้ กินอิ่มแล้วเหรอ? ถ้ากินอิ่มแล้วก็รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า จะได้ตามฉันไปที่บ้านของหลินเซียว!”
ต้าเฉียงมองใบหน้าถมึงทึงของแม่ แต่ก็ยังรวบรวมความกล้าขัดขืนหล่อน “ถ้าแม่ไม่บอกความจริง ผมก็จะไม่ไป”
แม่ต้าเฉียงพูดว่า “ไม่ไปก็ไม่ต้องไปสิ!”
พูดจบแล้วหล่อนก็หยุดเก็บโต๊ะ และหยิบของที่เตรียมไว้ จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม
ต้าเฉียงมองตามแผ่นหลังของแม่แล้วเกิดอาการลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ลุกเดินตามหล่อนออกไปที่ประตู และเขาก็ได้เห็นแม่ถือของแล้วยิ้มตลอดทางไปบ้านหลินเซียว
“ม่ายซุ่ย เธออยู่บ้านไหม?” แม่ต้าเฉียงเดินมาถึงประตูแล้วตะโกนถามด้วยรอยยิ้มไปจนถึงลานบ้าน
สวี่ม่ายซุ่ยกำลังซักผ้าอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในลานบ้านต้องชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงแม่ต้าเฉียงตะโกนเรียกเธอ เพราะนับตั้งแต่เหตุการณ์ระหว่างหลิวซุ่ยกับหลินเจี้ยนจวิน ก็ทำให้แม่ต้าเฉียงหมางเมินใส่ครอบครัวของพวกเธอมากขึ้น แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมาเยือนถึงที่แล้ว เธอก็ไม่สามารถโกหกหน้าตายได้ จึงตอบรับตามตรงขณะขยี้เสื้อผ้าไปด้วย “อยู่สิ เข้ามาได้เลย”
เมื่อเห็นแม่ต้าเฉียงถือตะกร้าใส่ของเดินเข้ามา สวี่ม่ายซุ่ยก็ผงะทันที “พี่สะใภ้ พี่จะทำอะไรเหรอ?”
แม่ต้าเฉียงวางไข่และขนมอบไว้บนแท่นหินในลานบ้านแล้วตอบเข้าประเด็นทันที “ที่ฉันมาวันนี้ก็เพื่อหารือกับเธอเรื่องระหว่างเจี้ยนจวินกับซุ่ยซุ่ยน่ะ”
“ทั้งสองคนนั้นมีเรื่องอะไรเหรอ?” สวี่ม่ายซุ่ยถามด้วยความฉงน
เมื่อแม่ต้าเฉียงเห็นว่าสวี่ม่ายซุ่ยไม่เดินตามน้ำ หล่อนจึงตบต้นขาตัวเองแล้วพูดด้วยความกังวลว่า “สองคนนั้นจะยังมีเรื่องใดได้อีกล่ะ แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องแต่งงานน่ะสิ”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ่งทวีความสับสน “แต่พี่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขานี่นา ทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหันแบบนี้ล่ะ?”
แม่ต้าเฉียงถอนหายใจเบา ๆ แล้วพูดว่า “เธอก็รู้จักครอบครัวของเราเหมือนกัน งั้นฉันจะไม่ปิดบังเธอนะ คือช่วงนี้ซุ่ยซุ่ยหาเรื่องทะเลาะและสร้างปัญหาใส่ฉันทุกวันเพราะเจี้ยนจวิน หล่อนตั้งใจว่าจะไม่แต่งงานกับใครนอกจากเจี้ยนจวิน แล้วเธอคิดว่าหัวอกคนเป็นแม่แบบฉันจะทำร้ายหล่อนได้เหรอ ก็ได้แต่ปล่อยให้หล่อนไปตามทางเท่านั้นแหละ”
“และบังเอิญว่าตอนนี้เจี้ยนจวินของบ้านเธอก็ยังไม่มีคู่ครอง ตอนแรกเขาก็มีความประทับใจดี ๆ ต่อซุ่ยซุยไม่ใช่เหรอ ถ้างั้นก็ให้พวกเขาได้ลองคบกันดู และถ้าเป็นไปได้ ก็ควรจัดการแต่เนิ่น ๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ทุกวันไงละ”
“แต่เราต้องมาตกลงกันก่อนว่า หากพวกเขาแต่งงานกันแล้ว ฝ่ายเราจะไม่ตั้งราคาสินสอดจากพวกเธอ แต่ทำเหมือนที่คนอื่นเขาทำกันนั่นแหละ ซึ่งเราไม่สามารถกลับหมู่บ้านไปจัดงานแต่งได้ พวกเราแค่จัดงานแต่งบนเกาะก็พอแล้ว” เมื่อพูดจบแล้ว หล่อนก็รู้สึกว่าตนพลาดบางประเด็นไป จึงรีบพูดเสริม “แต่เจี้ยนจวินต้องรีบซื้อบ้านนะ เพราะถ้าแต่งงานแล้วจะไม่มีเรือนหอน่ะสิ”
“ม่ายซุ่ย เธอคิดว่าไงบ้าง?”
เมื่อได้ยินคำพูดทั้งหมดของอีกฝ่ายแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็แค่ยิ้มแต่ไม่ตอบ เธอยังก้มหน้าลงและขยี้ผ้าแรง ๆ ต่อไป ซึ่งแม่ต้าเฉียงเห็นว่าสวี่ม่ายซุ่ยไม่ตอบคำถามของหล่อน จึงยกมือสะกิดเธอแล้วถามว่า “เธอคิดเห็นยังไงกันแน่?”
สวี่ม่ายซุ่ยลังเลอยู่นาน ก่อนที่จะตัดสินใจตอบแม่ต้าเฉียงตามความจริง ซึ่งอันที่จริงแล้วเธอเองก็เป็นผู้ขัดขวางชะตากรรมระหว่างหลินเจี้ยนจวินและซุ่ยซุ่ยเช่นกัน
สวี่ม่ายซุ่ยหยุดขยี้เสื้อผ้าแล้วยืดหลังขึ้นพลางมองแม่ต้าเฉียงแล้วตอบว่า “พี่สะใภ้ ฉันคิดว่าซุ่ยซุ่ยกับเจี้ยนจวินไม่เหมาะสมกัน ดังนั้นก็ให้ลืมเรื่องของพวกเขาซะเถอะ”
แม่ต้าเฉียงได้ยินแบบนี้แล้วก็เริ่มวิตกกังวล “เธอหมายความว่าไง? เธอไม่ชอบซุ่ยซุ่ยของฉันเหรอ? เธอไม่รู้เหรอว่าเจี้ยนจวินของบ้านพวกเธอเป็นยังไง พวกฉันไม่รังเกียจก็ดีแค่ไหนแล้ว แต่เธอดันไม่ชอบพวกฉันด้วยซะงั้น”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็ถึงขั้นพูดไม่ออก “พี่สะใภ้ คือฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
แม่ต้าเฉียงพูดว่า “ถ้าเธอไม่ได้หมายความแบบนั้น แล้วจะหมายความว่าไง ถ้าซุ่ยซุ่ยของบ้านเราชอบเจี้ยนจวินของบ้านพวกเธอ ก็เท่ากับเป็นวาสนาของพวกเธอด้วยซ้ำ ไม่ควรที่จะมาเรื่องมากหรอกนะ”
เดิมทีสวี่ม่ายซุ่ยอยากจะปฏิเสธด้วยความสุภาพ แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหยาบคายมากขนาดนี้ เธอก็โกรธขึ้นมาบ้าง “ซุ่ยซุ่ยของพวกคุณเป็นเทพธิดา ส่วนเจี้ยนจวินของเราเป็นคางคก แล้วทำไมพวกคุณไม่ไปหาเทพบุตรล่ะ จะมาหาคางคกทำไมมิทราบ”
แม่ต้าเฉียงไม่ชอบหลินเจี้ยนจวินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตอนนี้หล่อนคิดว่าได้ลดตัวลงมาเพื่อเกี่ยวดองกับครอบครัวของเขา และด้วยสภาพครอบครัวแบบนี้ พวกเขาต้องรู้สึกขอบคุณหล่อนด้วยซ้ำ แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นด้วย จึงทำให้ทิฐิในใจของหล่อนระเบิดออกมาทันที
“เฮอะ ฉันทำให้บ้านพวกเธอได้หน้าขนาดนี้แล้วนะ และด้วยเงื่อนไขของครอบครัวพวกเธอน่ะ อย่าบอกว่าหมายปองสาวน้อยจากคณะสันทนาการจริง ๆ? พวกหล่อนมีอะไรดีถึงจะทำให้หล่อนมาชอบน่ะ อย่าฝันไปหน่อยเลย”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นว่าแม่ต้าเฉียงพูดเกินจริงมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอจึงหยุดซักผ้าแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อพูดกับแม่ต้าเฉียงว่า “ตอนมาที่นี่คุณเผลอไปกินยาผิดสำแดงมาหรือเปล่า ที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับให้คุณมาระบายอารมณ์ใส่นะ เชิญกลับไปเถอะ”
คำพูดเหล่านี้สำหรับแม่ต้าเฉียงคือคำด่า หล่อนจึงด่ากราดกลับไปทันที “ตลอดชีวิตนี้ฉันไม่นึกว่าจะได้เห็นธาตุแท้ของครอบครัวเธอ งั้นถ้าคิดว่าตนเองสูงส่งมากล่ะก็ ฉันก็จะรอดูว่าสุดท้ายแล้วพวกเธอจะได้พบคนแบบไหน”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ไม่ต้องกังวลว่าเราจะได้ผู้หญิงแบบไหนมาเป็นน้องสะใภ้หรอก คุณควรสนใจซุ่ยซุ่ยของตัวเองให้ดีก่อนเถอะ ไม่เดินไปส่งนะ”
แม่ต้าเฉียงโกรธมาก เดินออกไปพลางก่นด่าสาปแช่ง “ถุย ไม่จำเป็นต้องไล่ฉันก็ไปแล้ว ตราบใดที่แม่เฒ่าของเธอไม่ตาย ฉันคิดว่ามีแต่คนตาบอดเท่านั้นแหละที่กล้าแต่งงานกับครอบครัวของพวกเธอ”
สวี่ม่ายซุ่ย “แต่งกับใครก็ได้ทั้งนั้นแหละ แต่ต้องไม่ใช่ซุ่ยซุ่ยของคุณ” แม้พูดจบแล้ว เธอก็วิ่งไปที่แท่นหินแล้วหยิบของที่หล่อนนำมาฝากมายัดใส่อ้อมแขนของแม่ต้าเฉียง
“เอาไป เอาของคุณคืนไปด้วย เดี๋ยวจะมาหาว่าเรารับของคุณมาอีก”
ขณะที่พูด เธอก็ออกแรงผลักแม่ต้าเฉียงออกไปข้างนอกลานบ้านด้วย จากนั้นก็ปิดประตูใส่หน้าอีกฝ่ายทันที
“ประสาทจริง ๆ มาสร้างความวุ่นวายอะไรแต่เช้าเนี่ย”
แม่ต้าเฉียงมองไปที่ประตูซึ่งถูกสวี่ม่ายซุ่ยปิดใส่ หล่อนก็โกรธมากจนยืนอยู่ที่หน้าประตูและก่นด่าคำซ้ำ ๆ เดิม ๆ อีกนานสองนาน โดยบอกว่าเจี้ยนจวินของบ้านนี้เป็นคางคกจะกินเนื้อหงส์ ส่วนครอบครัวของพวกหล่อนมีจิตใจอ่อนโยนเกินกว่าจะแบกรับปัญหาของลูกสาวได้ จึงลดตัวลงมาหา แต่อีกฝ่ายก็ไม่เห็นค่า ช่างไม่มองตัวเองเสียเลย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดจะเอาลูกใส่ตะกร้าล้างน้ำแบบไม่ถามคนอื่นมันก็หน้าแตกแบบนี้แหละป้า ลูกแค่ต้องการคำปลอบโยน ต้องการจับตัวคนกระทำผิดมาลงโทษ ไม่ใช่คลุมถุงชนล้างอายแบบนี้
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION